ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ruse เล่ห์รัก กลปรารถนา [E-Book]

    ลำดับตอนที่ #6 : 05 ใต้ปีกของทูตสวรรค์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 843
      15
      12 ม.ค. 62

    05

    ใต้ปีกของทูตสวรรค์



    แสงสปอร์ตไลท์สาดส่องเข้าจังหวะกับเสียงเพลง ภายในผับกาเบรียลที่คึกคักเช่นทุกคืนที่ผ่านมา อู่หนิงยืนมองพนักงานและลูกค้าเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเหมือนที่ทำเป็นประจำ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นคนสำคัญของเจ้านายเข้าพอดี

    ผู้กองหวังหยูเฟิง!

    อู่หนิงมองตามคนที่แต่งกายนอกเครื่องแบบแทบไม่ละสายตา หวังหยูเฟิงมากับเพื่อนอีกคน ซึ่งเป็นตำรวจเหมือนกัน หลังจากที่ได้สืบประวัติของอีกฝ่าย เขาก็รู้เรื่องรอบตัวของผู้ชายคนนี้โดยละเอียด 

    อันที่จริงแล้วการที่มีลูกค้าหน้าใหม่มาใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่คงไม่ใช่กับลูกค้าที่เป็นตำรวจที่มีนิสัยซื่อตรงต่อหน้าที่และไม่ชอบเที่ยวกลางคืนอย่างผู้กองคนนี้ ถึงตอนนี้ผับกาเบรียลจะไม่มีสิ่งล่อตาผู้พิทักษ์กฏหมายให้เอาผิดได้ ทว่าในฐานะผู้จัดการ เขาก็ยังไม่ควรวางใจ

    จะบอกนายดีหรือเปล่า?

    อู่หนิงลอบมองลูกค้าคนสำคัญอย่างพิจารณา ตอนนี้เจิ้งหยุนอารมณ์ไม่ดี แต่ถ้าบอกว่า ผู้กองหวังมาหา เจ้านายของเขาก็อาจจะอารมณ์ดีขึ้น แต่นั่นก็จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเหมือนกัน

    เอาเป็นว่า..คอยสังเกตไปก่อนก็แล้วกัน



    ▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣



    หวังหยูเฟิงยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นลิ้มรสชาติเพียงเล็กน้อย เขากวาดสายตามองผู้คนโดยรอบอย่างสังเกต

    "คนเยอะดีจริงๆ" ฟ่านมู่เหยียนเอ่ยขึ้น ก่อนจะมองไปรอบตัว "โดยทั่วไปก็ปกติดี แบบนี้คงต้องเจอกับกาเบรียลตัวจริง"

     "แล้วใครเป็นเจ้าของที่นี่"

                   "เจิ้งหยุน ทายาทคนเล็กของอีเดน"

    หวังหยูเฟิงนั่งนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงคู่กรณีที่เพิ่งอัดรถยนต์ของเขายับ แล้วสุดท้ายก็ระเบิดคาอู่ รวมไปถึงนามบัตรที่ได้รับมา ซึ่งข้อความบนกระดาษการ์ดแผ่นนั้นระบุเพียงตำแหน่งกรรมการบริษัทอีเดนคอร์เปอเรชั่นเท่านั้น 

    ท่าทางที่เหมือนครุ่นคิดบางอย่างของเพื่อนสนิท ก็ไม่รอดพ้นสายตาของฟ่านมู่เหยียนได้

    "ทำไมหรือ"

    "พอดีว่าเป็นคนที่เพิ่งขับรถชนฉันเมื่อหลายวันก่อน"

    ฟ่านมู่เหยียนเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มมองเพื่อนสนิทที่ยังมีสีหน้าปกติ ทั้งที่คำบอกเล่าเมื่อครู่นี้ได้จุดข้อสงสัยให้สว่างวาบในความคิดของเขาก็ตาม

    "แบบนี้ก็พอจะมีข้ออ้างเข้าหาแล้วสินะ ฉันก็กำลังคิดอยู่ว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เหยื่อไหวตัวก่อน"

    "แค่จับตามองตามปกติก็พอแล้ว"

    "ตามใจ ก็มันงานของนายนี่หว่า"

    "โยนงานกันเห็นๆ"

    "อะไรกันเล่า! นี่ก็เป็นงานภาคต่อของถานอี้เทาที่นายต้องรับผิดชอบอยู่แล้วไม่ใช่หรือ"

     หวังหยูเฟิงได้แต่มองเพื่อนสนิทอย่างคาดโทษ แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรอีก ถึงอีกฝ่ายจะไม่บอก เขาก็จะอาสารับงานนี้โดยตรงอยู่แล้ว

                   เมื่อชายหนุ่มนึกถึงบุคคลที่สาม ภาพของเจิ้งหยุนในความทรงจำก็ทำให้เขาคิดอย่างสงสัย ก่อนความคิดจะวิ่งไปถึงกลุ่มปริศนาที่ตอนนี้ยังตามหาตัวไม่ได้

                   แต่จะว่าไปแล้วผู้ต้องสงสัยของเขาก็ใกล้เคียงผู้ชายในคืนนั้นอยู่ไม่น้อย ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่อยากเดาสุ่มจนเกิดเป็นอคติ ในเมื่อยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด ผู้ชายคนนั้นก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์

    "ถึงตอนนี้ตระกูลเจิ้งจะล้างมือจนสะอาดแล้ว แต่เมื่อก่อนก็เคยพัวพันกับธุรกิจมืดอยู่ไม่น้อย อีเดน คอร์เปอเรชั่นคงมีรากฐานมาจากผลประโยชน์ที่ผิดกฏหมายแน่นอน" ฟ่านมู่เหยียนเอ่ยขึ้นต่อ ก่อนจะอมยิ้มออกมา "ไม่แน่ว่าในสวนสวรรค์นั่น ก็คงมีแอ๊ปเปิ้ลเน่าให้เราตามอะไรได้บ้าง"

    "อืม" หวังหยูเฟิงตอบรับ ก่อนจะมองบรรยากาศโดยรอบอีกครั้ง

    ถ้าหากกาเบรียลไม่ใช่ทูตสวรรค์ดังที่แสดงออกมา เขาจะเด็ดปีกอันงดงามให้จำนนต่อกฏหมายให้ได้



    ▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣




     อีกด้านหนึ่งของคฤหาสน์ริมทะเลที่สวยงาม เจิ้งหยุนที่กำลังผ่อนคลายอารมณ์ขุ่นมัวด้วยเครื่องดื่มรสร้อนแรงนอนเอกเขนกบนโซฟานุ่ม ก่อนที่ชายหนุ่มจะถูกขัดจังหวะ เมื่อสาวรับใช้คนหนึ่งเข้ามาหา

    "นายค่ะ มีแขกมาขอพบค่ะ"

     "ฉันไม่รับแขก"

    "เอ่อ...แต่เขาอ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทของนาย"

         "ใคร"

    "คุณหลีซิงค่ะ"

    เจิ้งหยุนเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเรียบเรียงเรื่องราวในความคิดบางส่วนได้

    "ให้เข้ามา"

    เมื่อได้คำตอบรับของเจ้านาย หญิงสาวผู้เป็นบ่าวก็รีบเดินออกไปจากห้อง เพียงไม่นานแขกผู้มาเยือนในยามวิกาลก็เดินเข้ามา

     ใบหน้าขาวกระจ่างพร้อมกับนัยน์ตาเรียวตามแบบฉบับรับกับจมูกโด่งรั้นและริมฝีปากสีอ่อน โครงหน้านุ่มนวลถูกล้อมรอบด้วยเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างลงตัว รูปร่างผอมบางทว่าสง่างามอย่างถือดีเปล่งประกายชวนมอง

    "นั่งก่อนสิ" เจิ้งหยุนเอ่ยขึ้นอย่างเป็นมิตร ทว่าไม่อาจคลายสีหน้ากังวลของอีกฝ่ายที่กำลังนั่งลงได้

                   "ผม..."

    "ฉันรู้ว่านายต้องการจะพูดอะไร"

    เจิ้งหยุนยกยิ้มขึ้น แล้วจิบเครื่องดื่มที่บรรจุในแก้วสวยหรูอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่ผ่อนคลาย ซึ่งต่างจากความรู้สึกของคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง 

    "พี่หยุน ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรเลย"

    หลีซิงเป็นลูกชายอย่างลับๆ ของถานอี้เทาที่เติบโตอยู่ที่อเมริกา หลังจากคดีครั้งล่าสุดได้ดับชีวิต อิทธิพล รวมไปถึงอำนาจของบิดาลง ชีวิตของเขาที่ปูทางด้วยบารมีของผู้ให้กำเนิดก็จบสิ้น สุดท้ายเด็กหนุ่มก็พบว่า ตัวเองไม่เหลืออะไร นอกจากเงินก้อนสุดท้ายที่มีอยู่ตอนนี้

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้พลิกผันโชคชะตาราวกับฝันร้ายที่คาดไม่ถึง ทำให้หลีซิงผู้เป็นดั่งมังกรแก้วทะยานตกลงสู่หุบเหวลึก ไม่ว่าจะหันไปทางใด ก็เหลือแต่ตัวเองในความมืด เด็กหนุ่มวัยยี่สิบปีอย่างเขาจะไปทำอะไรได้ ดังนั้นจึงต้องกลับมายังประเทศบ้านเกิดเพื่ออาศัยร่มเงาจากคนที่ไว้ใจ

    บุคคลที่มีอำนาจพอจะให้เขาได้หยิบยืมกำลังเพื่อสะสางความแค้นใจจากการจากไปของบิดา บุรุษที่เขาแอบมีใจให้อย่าง...เจิ้งหยุน

    "เรื่องพ่อของนาย ฉันเสียใจ"

     "ถึงเขาจะไม่ใช่คนดีของสังคม แต่เขาก็เป็นพ่อที่ดีของผมเสมอ"

    ถึงแม้ถานอี้เทาจะทำธุรกิจผิดกฏหมาย แต่หลีซิงก็ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีในฐานะลูกชายในเงามืดเพียงคนเดียวมาตลอด บิดาที่หวังจะให้เขาเติบโตและรอดพ้นจากภัยร้ายและอันตรายจากอำนาจที่ตัวเองพัวพันอยู่

    หลีซิงไม่เคยบอกความจริงเรื่องนี้กับใคร ยกเว้นเจิ้งหยุน ผู้ชายเพียงคนเดียวที่เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ที่อเมริกา

    "หลีซิง นายอยากให้ฉันช่วยอะไร"

    "ผมอยากรู้ว่า ใครเป็นคนฆ่าพ่อของผม!"

    "นายจะแก้แค้น?"

    หลีซิงกำมือแน่น ก่อนจะมองรอยยิ้มบางของเจิ้งหยุนอย่างจริงจัง เพราะเขามีกำลังไม่พอ สิ่งที่ตั้งใจไว้ก็เป็นเพียงวิมานในอากาศที่เอื้อมไม่ถึง เว้นเสียแต่จะได้รับความช่วยเหลือจากคนตรงหน้า

    เขารู้จักผู้ชายคนนี้ดี ถึงแม้ภายนอกเจิ้งหยุนจะสวมหน้ากากเป็นคนสุภาพนุ่มนวล แต่หากได้ใกล้ชิดก็จะรู้ถึงความน่ากลัวที่หลบซ่อนอยู่ ดังนั้นบุรุษตรงหน้าจึงจัดเป็นบุคคลที่ควรถอยห่างอย่างไม่ต้องสงสัย

    ทว่าสำหรับหลีซิงแล้ว...ความอันตรายนั้นกลับมีเสน่ห์น่าหลงใหลจนยากจะถอนตัว ถึงรู้ว่าไฟจะแผดเผาเพียงใด เขาก็ยอม เพื่อได้สัมผัสความร้อนแรงนั้น

    "ผมรู้ว่าพี่ช่วยได้ ที่จริง...ผมก็พอจะรู้อะไรมาบ้างแล้ว" เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง คนฟังก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "สมบัติส่วนหนึ่งของพ่อถูกขายต่อ มีบางส่วนที่ถูกโอนเป็นชื่อของกงเจ๋อตวน"

    หลีซิงพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ยามที่นึกถึงศัตรู นัยน์ตาเรียวสวยเป็นประกายเกรี้ยวกราด เจิ้งหยุนก็ได้แต่มองและรับฟังความอัดอั้นของเด็กหนุ่มอย่างขอไปที

    "ผมรู้ว่ามันเป็นคู่แข่งของพ่อ แล้วจะต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่"

    "ถ้าเป็นแบบนั้น ตำรวจคงจัดการไปนานแล้ว"

    "เพราะกฏหมายยังจัดการมันไม่ได้ ผมเลยต้องลงมือเอง!"

    "หืม? นายจะเป็นศาลเตี้ยตัดสินคนอย่างกงเจ๋อตวน? นี่มันเสี้ยนงัดไม้ซุงชัดๆ"

    "เสี้ยนอย่างผมคงทำอะไรไม่ได้ แต่จะให้อยู่เฉย ผมก็ทำไม่ได้เหมือนกัน พี่ช่วยผมด้วยเถอะ"

    "นายจะฆ่าไอ้แก่นั่น มันคุ้มหรือ"

    "ถึงผมจะต้องตาย ก็ต้องเอามันไปด้วย!"

    เจิ้งหยุนมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา ถึงเขาจะไม่ได้สนใจหลีซิงเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่อยากให้เด็กหนุ่มเอาชีวิตไปทิ้งเปล่า ทว่าสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นก็บ่งชัดว่า อีกฝ่ายคิดใคร่ครวญและเตรียมใจมาพร้อมแล้ว

    "แน่ใจแล้วหรือ"

    "วางใจเถอะ ผมไม่คิดเอาชีวิตไปทิ้งเล่นหรอก"

    หลีซิงคลี่ยิ้มออกมา ถึงแม้น้ำเสียงของเจิ้งหยุนจะเรียบเฉยอย่างเคย แต่เนื้อความที่แสดงความห่วงใยแม้เพียงน้อยนิด ก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจของเขาพองโตแล้ว

    "อืม คืนนี้ก็พักอยู่ที่นี่ก่อน พรุ่งนี้ฉันจะหาที่พักให้"

    "ขอบคุณครับ"

    เจิ้งหยุนระบายยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะส่งแก้วเหล้าให้อีกฝ่ายอย่างเอื้อเฟื้อ ซึ่งหลีซิงก็รับไมตรีนั้นด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้น

    หากสุดท้ายเขาจะไม่สามารถไขว่คว้าสิ่งใดกลับคืนมาได้ ก็ขอให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายคนนี้ก็พอ



    ▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣



    แสงแดดและลมทะเลโชยเอี่อย นัยน์ตาคมทอดมองท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขตด้วยความผ่อนคลาย เมื่อเทียบกับความวุ่นวายของเมืองที่เป็นไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ความเรียบง่ายที่แสนลงตัวของธรรมชาติก็เป็นศิลปะชั้นยอดที่หาได้ยากในปัจจุบัน

    เจิ้งหยุนยืนมองทิวทัศน์เบื้องหน้าครู่หนึ่ง ก่อนเสียงเคาะประตูจะดังขึ้น หลังจากนั้นอู่หนิงก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีระมัดระวัง

    "ผมมารายงานเรื่องที่ผับเมื่อคืนนี้ครับ"

    "อืม มีอะไร"

    "เมื่อคืนนี้ผมเจอคุณหวังมาที่ผับกับฟ่านมู่เหยียนที่ตามคดีของ

    กงเจ๋อตวนอยู่ครับ"

    "แล้วอย่างไร"

    "ผมคิดว่า การที่คุณหวังมา อาจเพื่อหาข้อมูลบางอย่าง"

    เจิ้งหยุนมองคนตรงหน้าอย่างสบายอารมณ์ เขายกแก้วกาแฟขึ้นดื่มด้วยรอยยิ้มบาง

    "เขาอาจจะแค่มาเที่ยวตามประสา แต่ถึงจะไม่เป็นแบบนั้น ก็ไม่เห็นต้องกังวล พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด"

    "ครับ"

    "อู่หนิง นายไปเตรียมที่พักให้หลีซิง แล้วก็พาเขาไปหาไป๋ลู่เหอด้วย"

    "ครับ"

    หลีซิงเป็นลูกชายของถานอี้เทาที่เจ้านายของเขาเป็นคนดับลมหายใจ และที่สำคัญไปกว่านั้นเด็กหนุ่มคนนี้กำลังมีใจให้คนตรงหน้าอยู่

    ถ้าหากหลีซิงรู้ว่า คนที่ตัวเองมีใจให้เป็นคนที่พรากพ่อของตัวเองไป เด็กหนุ่มคนนั้นจะทำอย่างไร

    จนกว่าความจริงจะปรากฏ เจิ้งหยุนคงทำอะไรสักอย่าง บางทีการพาหลีซิงไปหาไป๋ลู่เหอก็อาจเป็นแผนการบางอย่างที่เจ้านายของเขาคิดเอาไว้ก็ได้

    ช่วยเหลือหรือกำจัด...

    "ออกไปได้แล้ว"

    อู่หนิงโค้งตัวด้วยความเคารพ ก่อนจะเดินออกจากห้อง แล้วเตรียมการตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายต่อ 

     ...แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ลูกน้องอย่างเขาก็คงต้องทำตามอยู่ดี



    ▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣



    หลังจากไปลอบสังเกตอยู่ที่ผับกาเบรียลระยะหนึ่ง ผู้กองหนุ่มก็ยังไม่ได้อะไรที่เป็นประโยชน์อย่างที่คาดเอาไว้

    ถ้าต้องการความจริง ก็คงต้องล้วงความลับจากเจ้าของผับโดยตรงเท่านั้น

    หวังหยูเฟิงใช้เวลาสามวันในการเคลียร์งานต่างๆ ที่ค้างเอาไว้ให้เรียบร้อย ก่อนจะเริ่มค้นหาประวัติของเจิ้งหยุนอย่างจริงจังด้วยตัวเองอีกครั้ง เพื่อเตรียมตัวทำภารกิจจับตามองอย่างเป็นทางการ

    เจิ้งหยุนเป็นทายาทคนเล็กของนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นเจ้าของอีเดน คอร์เปอเรชั่น ในปัจจุบันบริษัทนี้มีส่วนแบ่งทางการตลาดในเศรษฐกิจถึงหนึ่งในสามของประเทศ ชายหนุ่มเติบโตและเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่อเมริกา แล้วเพิ่งย้ายกลับมาเมื่อสามปีก่อน ต่อมาเขาก็เปิดผับกาเบรียลที่เมืองนี้เมื่อครึ่งปีก่อน โดยรวมทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจากนี้ยังไม่เคยมีคดีความหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฏหมาย

    เมื่อหวังหยูเฟิงนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาที่ดูไร้พิษภัย เขาก็ได้แต่นึกข้องใจ แต่คนเราจะดูกันแค่ภายนอกไม่ได้ ภายใต้หน้ากากนั้นอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่สายตามองเห็น

    "โชคดีนะคะผู้กองหวัง" เว่ยเจียวเซินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม เมื่อชายหนุ่มเดินผ่านโต๊ะทำงานของเธอ

    "มีอะไรก็ติดต่อผมหรือมู่เหยียนแล้วกัน"

    "ค่ะ"

    หวังหยูเฟิงเดินออกมาจากสถานีตำรวจ ก่อนจะขี้นมอเตอร์ไซค์ที่ยืมมาจากเพื่อนสนิท ซึ่งตอนนี้กำลังยุ่งหัวหมุนอยู่ในห้องทำงาน แล้วเร่งเครื่องทะยานไปยังคฤหาสน์ริมทะเล ซึ่งเป็นที่อยู่ของเจ้าของผับกาเบรียลที่ต้องสงสัย



    ▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣



    ความร้อนจากแสงอาทิตย์ถูกลิดรอนด้วยลมทะเลและร่มเงาที่ทอดตัวผ่าน ถึงอย่างนั้นนายตำรวจที่หลบซ่อนอยู่ก็ปรากฏเม็ดเหงื่อทั่วใบหน้า

    หวังหยูเฟิงยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขามองความเคลื่อนไหวในคฤหาสน์ด้วยกล้องส่องทางไกลตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น แต่ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย 

    หวังหยูเฟิงมองเจิ้งหยุนที่ออกมาเดินเล่นในสวน ก่อนจะหยิบแซนด์วิชขึ้นมากินแก้หิวด้วยความเบื่อหน่าย โดยที่สายตายังจับจ้องเป้าหมายอยู่ตลอด

    ช่วงเวลาที่เลยผ่านระบายสีของท้องฟ้าให้เข้มขึ้นทีละน้อย สายลมจากทะเลหอบไอเย็นเข้ามาเป็นระยะ ทว่าผู้กองหนุ่มก็ยังปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ทั้งที่ตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เขาจะไม่ได้อะไรที่มีประโยชน์เลยก็ตาม

                   หวังหยูเฟิงมองตามผู้ชายที่กำลังเดินเข้าคฤหาสน์ ก่อนหยิบอุปกรณ์สื่อสารที่กำลังสั่นในกระเป๋ากางเกงออกมา

         "ว่าอย่างไร"

    [ ได้เรื่องอะไรบ้างไหม]

    "ไม่มี แล้วทางนั้น?"

    [อืม ปกติ ก็คิดอยู่แล้ว คงไม่โผล่หางมาง่ายๆ หรอก แล้วเอาอย่างไรต่อ]

    "ก็คงต้องรอดูต่อ จนกว่ากาเบรียลจะขยับตัวนั่นแหละ"



    ▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣



    "อู่หนิง เขายังอยู่หรือเปล่า"

    "อยู่ครับ"

    เจิ้งหยุนมองภาพนอกหน้าต่างที่คุ้นเคยพร้อมกับนึกถึงนายตำรวจที่ริอาจเป็นกาฝากเกาะตามกำแพงบ้านของเขาตั้งแต่เมื่อวาน แล้วยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

    ถึงแม้อีกฝ่ายจะระวังตัวดีสักแค่ไหน แต่ไม่อาจรอดพ้นการทำงานของกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ทั่วบริเวณได้อยู่ดี 

    ตอนนี้ไม่ใช่แค่หวังหยูเฟิงที่จับตามองเขา เขาเองก็เฝ้ามองหวังหยูเฟิงเช่นเดียวกัน

    อย่าดูถูกกันนักสิ คุณตำรวจ...

    เจิ้งหยุนหลับตาลงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นกิจวัตรประจำวันด้วยการท่องโลกอินเทอร์เน็ตและติดตามข่าวสารจากเว็บไซต์ต่างๆ

    อู่หนิงมองเจ้านายที่ใช้เวลาในโลกส่วนตัวครู่หนึ่ง ถึงเจิ้งหยุนจะดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรที่กำลังตกเป็นเป้าหมายของตำรวจ แต่ในฐานะบอดี้การ์ดส่วนตัวและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากเจิ้งเทียนให้คอยจัดการไม่ให้เรื่องที่น้องชายทำบานปลายเกินความจำเป็น ในสถานการณ์ที่ยังคาดเดาไม่ได้อย่างตอนนี้ เขาจึงไม่อาจเก็บความนิ่งนอนใจได้เต็มที่

    "แล้วเรื่องคุณหวัง..."

    "ไปหาคนมา"

    "ครับ"

    เจิ้งหยุนถอนสายตาจากหน้าจอแท็บเล็ต ก่อนจะหันไปมองลูกน้องที่ยังยืนฟังคำสั่งอย่างสงบด้วยรอยยิ้มบาง

    "คัดมือดีมาสักหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวจะตายเปล่า เพราะผู้กองเขายิงแม่น"



    ▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣


    ความเมื่อยล้าที่ร้องประท้วง ทำให้หวังหยูเฟิงต้องขยับร่างกายเล็กน้อย แต่ก็ระมัดระวังสิ่งรอบข้างเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้ วันนี้เป็นวันที่สี่แล้วที่เขาลอบจับตามองความเป็นไปของผู้ต้องสงสัย แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับฝังตัวอยู่แต่ในที่พัก แถมยังใช้ชีวิตประจำวันได้น่าเบื่อเป็นปกติ

    หรือว่าจะไม่มีอะไร...

    หวังหยูเฟิงเก็บรวบรวมความคิดได้เพียงครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะขยับตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อเป้าหมายเดินขึ้นรถยนต์คันหรูในเวลาพลบค่ำ

    เมื่อรถยนต์แล่นผ่านสายตาราวห้าเมตร เขาก็ขับมอเตอร์ไซค์ตาม โดยเว้นระยะไว้ช่วงหนึ่ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะจอดรถที่หน้าภัตตาคารเฟยลี่ ซึ่งเป็นภัตตาคารชั้นหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่คนมีฐานะ แล้วเดินเข้าไปข้างใน

    มีนัดกับใคร?

    หวังหยูเฟิงอยากจะตามเข้าไปทันที แต่เพราะการแต่งตัวของเขาในตอนนี้ บริกรที่ยืนต้อนรับคงไม่อนุญาตแน่ ชายหนุ่มนึกเสียดาย แล้วมองหาใครสักคนที่จะพาตัวเองเข้าไปด้านในได้ ผู้กองหวังเดินเลาะไปยังด้านหลังของภัตตาคาร ก่อนจะเห็นบริกรคนหนึ่งยืนสูบบุหรี่อยู่ริมกำแพง

    หวังหยูเฟิงใช้ทักษะที่ฝึกฝนมาโจมตีผู้บริสุทธิ์ แล้วนึกขอโทษอีกฝ่ายอยู่ในใจ ในขณะที่เขากำลังลอกคราบคนตรงหน้าเพื่อปลอมตัวเข้าเป็นบริกรในภัตตาคารหรูแทน

    อันที่จริงแล้วชายหนุ่มไม่ค่อยถนัดเรื่องสายลับหรือการแอบแฝงเพื่อหาข้อมูลแบบนี้นัก แต่ในเมื่อสถานการณ์ไม่มีทางเลือก เขาก็จำเป็นต้องทำ

    หวังหยูเฟิงในชุดสูทบริกรเดินเข้าไปทางประตูหลังอย่างไม่รีบร้อน เขากวาดตามองความวุ่นวายในโรงครัวที่มีเชฟกำลังทำงานอย่างคร่ำเคร่ง แล้วรีบรุดผ่านไปยังพื้นที่ต้อนรับและให้บริการลูกค้าที่อยู่ด้านนอก

    แสงไฟสีส้มอ่อนทำให้รู้สึกนุ่มนวล เสียงเพลงหวานจากนักร้องสาวที่คัดสรรมาอย่างดีขับกล่อมอารมณ์และบรรยากาศให้รื่นรมย์ชวนให้เจริญอาหารมากกว่าเดิม

    หวังหยูเฟิงกวาดตามองรอบหนึ่ง แต่เขาก็ไม่เห็นคนที่กำลังตามหา ก่อนสายตาจะหยุดมองบันไดที่มุ่งตรงไปยังชั้นสอง ซึ่งคงเป็นห้องอาหารระดับวีไอพี

    นายตำรวจหนุ่มไม่รอช้าที่จะก้าวไปยังสถานที่ต้องสงสัย ทว่าปลายเท้าก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น

    "ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน"

    หวังหยูเฟิงหันไปมองด้วยท่าทีปกติ ใบหน้าสวยอ่อนหวานที่ล้อมรอบด้วยเรือนผมดัดลอนยาวสีเปลือกไม้มองเขาอย่างพิจารณา

    "ผมเพิ่งมาใหม่ครับ"

    "อย่างนั้นหรือ"

    เสียงตอบรับดังขึ้น ก่อนริมฝีปากที่แต้มด้วยลิปสติกสีแดงสดจะคลี่ยิ้มอย่างพอใจ ร่างบางในชุดราตรีสีงาช้างเรียบหรูเดินตรงเข้ามา แล้วใช้ปลายนิ้วช้อนใบหน้าของผู้กองหนุ่มเพื่อทอดมองอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง

    หวังหยูเฟิงกลั้นลมหายใจเล็กน้อย เมื่อสบกับนัยน์ตากลมโตของคนตรงหน้า ถึงแม้อีกฝ่ายจะงดงามชวนฝันไม่ต่างจากภาพวาด แต่เขารู้ดีว่า เบื้องหลังภาพลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์นั้นมาจากฝีมือการศัลยกรรมจากแพทย์ชั้นยอด และที่สำคัญไปกว่านั้น...ไป๋ลู่เหอเป็นผู้ชาย!

    "ถ้าเธอมาใหม่ก็ต้องสัมภาษณ์กับฉันก่อน ตามมาสิ"

    ไป๋ลู่เหอวาดรอยยิ้มสวย ก่อนจะเดินนวดนาดราวกับพญาหงส์นำเขาขึ้นไปยังชั้นสองของภัตตาคารอย่างสง่างาม

    โชคเข้าข้างเขาแล้ว!



    TBC ++++++++ 06****หลุมพรางที่ซ่อนเร้น

    Marionetta มาแล้วค่ะ ช่วงนี้ยุ่งมากเลยค่ะ อาจจะช้าหน่อย แต่ก็ช่วยติดจามกันด้วยนะคะ ตอนที่เอามาลงใหม่ยังไม่ใช่ฉบับสุดท้ายค่ะ ยังแก้ไม่หมดเลย แงงง



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×