ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ruse เล่ห์รัก กลปรารถนา [E-Book]

    ลำดับตอนที่ #4 : 03 เงาที่มองไม่เห็น

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 995
      20
      2 ม.ค. 62

    03

    เงาที่มองไม่เห็น

     

     

     หลังจากหวังหยูเฟิงพักฟื้นได้ครบหนึ่งอาทิตย์ ชายหนุ่มก็ดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติอย่างที่ผ่านมา เมื่อเขาเดินทางมาถึงที่ทำงานในตอนเช้า เสียงทักทายของบรรดาลูกน้องและเพื่อนร่วมงานก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย

    ผู้กองหวังหายดีแล้วนะครับ

    อืม หายดีแล้วล่ะ ขอบใจ

    ผู้กองหวังคะ ดิฉันได้ยินข่าว ยังห่วงว่าจะเป็นอะไรมาก

    โชคดีที่ผมดวงแข็งน่ะ เลยไม่ได้เป็นอะไรมาก ขอบใจที่เป็นห่วง

    หวังหยูเฟิงพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่ต่างก็พากันถามไถ่อาการของเขา จนกระทั่งเดินมาถึงห้องทำงานของตัวเอง

    แหม...วันนี้คึกคักดีจริงๆ

    ฟ่านมู่เหยียนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าแต้มรอยยิ้ม พร้อมกับมองเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ยืนจัดโต๊ะทำงานของตัวเองอยู่ เมื่อเจ้าของห้องเงยหน้าขึ้นมามอง ชายหนุ่มก็ยักคิ้วให้เป็นเชิงทักทาย

    ก็ผู้กองหวังกลับมาทำงานได้ปกติแล้วนี่คะเว่ยเจียวเซิน นายตำรวจสาวที่ดูแลด้านเอกสารเอ่ยขึ้น

    อะไรกัน ตอนนั้นผมก็เข้าโรงพยาบาล พอกลับมาทำงาน ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้ฟ่านมู่เหยียนเอ่ยท้วงกับหญิงสาวอย่างต้องการความยุติธรรม

    อะไรกันคะ ก็ผู้กองหวังไปทำงานนะคะ ส่วนผู้กองฟ่านน่ะ ที่เข้าโรงพยาบาลเพราะดันไปกินของแสลงนี่คะ

    เรื่องราวน่าอายที่ดังขึ้น เรียกเสียงหัวเราะจากตำรวจหลายคนได้ไม่น้อย ก่อนคนที่ตกเป็นหัวข้อดังกล่าวจะหน้าบึ้ง แล้วดีดหน้าผากของหญิงสาวตรงหน้าเบาๆ เป็นการลงโทษ

    ทีเรื่องแบบนี้ หมวดเว่ยจำละเอียดจังเลยนะ

    เว่ยเจียวเซินจับหน้าผากของตัวเอง ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลย แต่เธอก็อดแสร้งชักสีหน้าขึ้นมาไม่ได้ หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเง้างอน 

    เจ็บนะคะผู้กอง!

    ฟ่านมู่เหยียนไม่สนใจ แล้วเดินไปหาเพื่อนสนิทพลางเท้าแขนลงบนโต๊ะทำงานที่จัดอย่างเป็นระเบียบตามนิสัยของเจ้าของ 

    ตอนเก้าโมงสารวัตรเรียกประชุม จะได้สรุปปิดคดีให้มันจบๆ ไป

    อืม

    ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้พูดคุยกันต่อ ตำรวจหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับดอกไม้ช่อโต ซึ่งสามารถเรียกสายตาจากบรรดาผู้คนในสถานีตำรวจได้ไม่น้อย

    ตายจริง! นั่นของหมวดเหอหรือคะเว่ยเจียวเซินเอ่ยถามขึ้น เธอมองชายหนุ่มที่ถือช่อดอกไม้อย่างใคร่รู้

    ไม่ใช่ครับ ของผู้กองต่างหากเหอผิงตอบด้วยรอยยิ้ม

    ผู้กองหนุ่มทั้งสองคนมองดอกไม้ช่อสวยตรงหน้าอย่างแปลกใจ ก่อนที่ฟ่านมู่เหยียนจะยิ้มออกมา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส 

    สงสัยเสี่ยวโหยวจะส่งมาให้ผม น่ารักแบบนี้ต้องให้รางวัลหน่อยแล้ว

    ฟ่านมู่เหยียนยิ้มแก้มปริพลางยื่นมือจะไปรับช่อดอกไม้ที่แฟนสาวส่งมาให้ ทว่าเหอผิงกลับเบี่ยงตัวหลบ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของคนตรงหน้า

    ไม่ใช่อีกนั่นแหละครับ เป็นของผู้กองหวังต่างหาก

    ของผมหรือ

    หวังหยูเฟิงแสดงสีหน้างุนงงอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะรับดอกไม้ช่อโตตรงหน้า ทั้งที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

    "แล้วใครเป็นคนส่งมาให้หรือ

    ไม่ทราบสิครับ แต่เป็นบริษัทเอกชนที่บริการส่งดอกไม้ทั้วไปเหอผิงเอ่ยตอบ ก่อนจะแซวผู้กองหนุ่ม อะไรกันครับเนี่ย หยุดงานไปอาทิตย์เดียว พอกลับมา ก็มีช่อดอกไม้ส่งมาให้

    นั่นสิ นี่แอบไปปล่อยเสน่ห์ใส่หมอหรือพยาบาลคนไหนหรือเปล่า ร้ายเอาเรื่องเหมือนกันนี่หว่าฟ่านมู่เหยียนแซวต่อด้วยสีหน้าล้อเลียน 

    เปล่าหวังหยูเฟิงปฏิเสธเสียงแข็งพลางมองช่อดอกทานตะวันที่ถูกจัดช่อด้วยริบบิ้นสีแดงเข้มอย่างสวยงาม ชายหนุ่มพลิกไปมาอย่างพิจารณา

    ไม่มีการ์ดอะไรบอกเลยครับเหอผิงบอก เมื่อเห็นผู้บังคับบัญชามองหาอะไรบางอย่างในช่อดอกไม้ที่กำลังถืออยู่

    สวยมากเลยนะคะ คงราคาแพงน่าดู ไม่รู้ว่าผู้กองหวังไปแอบหว่านเสน่ห์ใครเข้านะคะเนี่ยเว่ยเจียวเซินเอ่ยขึ้น แล้วหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ

    อืม ช่อดอกไม้ส่วนใหญ่มักจะใช้ดอกกุหลาบ ลิลลี่ หรือไม่ก็คาร์เนชั่น ไม่ค่อยเห็นคนเอาดอกทานตะวันมาจัดช่อเท่าไรเลยฟ่านมู่เหยียนเอ่ยขึ้น เขามองสิ่งที่เพื่อนกำลังถืออยู่อย่างสงสัย

    ก็ใช่นะคะ ดิฉันก็ไม่ค่อยเจอเหมือนกัน หรือว่ามันจะมีความนัยอะไรแอบแฝงหรือเปล่าคะเว่ยเจียวเซินแสดงความคิดเห็น เธอมองช่อดอกทานตะวันอย่างพิจารณาเช่นเดียวกัน

    จากบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะ บัดนี้กลับเงียบสนิท สายตาทั้งสี่คู่มองมาที่ช่อดอกไม้ปริศนาอย่างครุ่นคิด

    หรือเอาไปตรวจหน่อยดี เผื่อผู้ไม่ประสงค์ดีส่งมาให้ฟ่านมู่เหยียนเสนอความคิดของตัวเองพร้อมกับขมวดคิ้วขึ้น เขาฉวยช่อดอกไม้ที่เพื่อนถืออยู่มาพลิกไปพลิกมาเพื่อมองหาความผิดปกติ

     แหม...มันคงไม่ได้ซ่อนระเบิดมาหรอกนะคะเว่ยเจียวเซินเอ่ยขำๆ อย่างพยายามคลายบรรยากาศที่ดูจะเคร่งเครียดขึ้น

    ผมลองดูแล้วครับ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ คนส่งดอกไม้ ผมก็ขอดูบัตรพนักงานและแน่ใจว่าเป็นพนักงานของร้านจริงๆเหอผิงเอ่ยย้ำ ทว่ายังไม่ละสายตาไปจากช่อดอกไม้เจ้าปัญหา

    ขืนส่งไปตรวจสอบ ช่อดอกไม้สวยๆ ก็เละหมด ถ้าคนส่งมารู้ทีหลัง จะเสียใจเอานะคะเว่ยเจียวเซินเอ่ยขึ้น ทั้งที่ใบหน้าสวยยังแสดงความไม่แน่ใจ

    อืม แล้วนายว่าอย่างไรฟ่านมู่เหยียนหันไปถามเพื่อน อย่างน้อยก็ควรให้เจ้าของได้เป็นคนตัดสินใจเองจะดีกว่า

    คงไม่มีอะไรหรอกหวังหยูเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ ฟ่านมู่เหยียนก็พยักหน้ารับ ทว่าใบหน้ายังไม่คลายความสงสัย เขาส่งช่อดอกไม้คืนให้เจ้าของ

    ถ้าอย่างนั้นฉันไปเคลียร์งานก่อนแล้วกัน เจอกันที่ห้องประชุม

    หลังจากลับหลังฟ่านมู่เหยียนไปแล้ว เว่ยเจียวเซินก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันไปมองเหอผิงที่ยิ้มบาง แล้วเดินไปทำงานของตัวเองต่อ หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ผู้กองหนุ่มที่ยังมองช่อดอกไม้ของตัวเองอยู่

    ผู้กองหวังก็ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ อาจจะเป็นใครสักคนที่ส่งมาเป็นกำลังใจให้ก็ได้นะคะ

    อืม

    แต่ว่า...เรื่องความนัยของดอกไม้ ผู้กองหวังไม่อยากรู้หรือคะ

    หวังหยูเฟิงมองเว่ยเจียวเซินที่คลี่ยิ้มสวย ถึงเขาจะชอบอ่านหนังสือและหาความรู้รอบตัวในเวลาว่าง แต่ก็ไม่เคยสนใจเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้เท่าไรนัก

    "หมวดเว่ยรู้ความหมายของมันหรือ"

    "ดิฉันคิดว่า ผู้กองหวังหาความหมายด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ"



    ▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣



    ห้องประชุมขนาดกลางเต็มไปด้วยความเงียบ หน้าจอขนาดใหญ่ตรงหน้าห้องกำลังฉายภาพพร้อมกับเสียงบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเพื่อสรุปผลในการทำรายงานปิดดคีต่างๆ

    ครับ นี่คือข้อมูลที่เรามีทั้งหมดในตอนนี้ฟ่านมู่เหยียนเอ่ยขึ้น เมื่อชายหนุ่มรายงานถึงผลการทำงานในขณะนี้ให้ผู้รับผิดชอบและผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบ

    "คุณมีอะไรอยากเพิ่มเติมไหม ผู้กองหวังสารวัตรใหญ่ผู้เป็นประธานในการประชุมเอ่ยถาม หลังจากฟังผลการรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา

    ผมคิดว่าประเด็นของการวางเพลิงครั้งนี้มาจากมือที่สาม

    หมายความว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกงเจ๋อตวนอย่างนั้นหรือ

    ครับ มันไม่สมเหตุสมผลที่กงเจ๋อตวนจะมาวางเพลิง เพราะถ้าเกิดลงมือจริง ก็น่าจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่า เราจะต้องสงสัยอย่างแน่นอนหวังหยูเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างครุ่นคิด ชายหนุ่มพยายามโยงเหตุการณ์ต่างๆ ทว่าไม่อาจเชื่อมต่อกับกลุ่มคนปริศนาที่ฆ่าถานอี้เทาได้

    ที่จริงผมก็เห็นด้วยกับผู้กองหวังนะครับ แต่ก็ไม่น่าจะมีใครอุกอาจหรือกล้าต่อกรกับถานอี้เทาได้ นอกจากกงเจ๋อตวนฟ่านมู่เหยียนย้ำเนื้อความของเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

    คุณได้เห็นถานอี้เทาก่อนเสียชีวิตหรือเปล่าผู้กองหวังสารวัตรเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมกับสายตาทุกคู่ในห้องประชุมที่พุ่งตรงมา หวังหยูเฟิงสูดลมหายใจลึก

    เห็นครับ แต่ว่าผมไม่สามารถระบุคนร้ายได้ เนื่องจากเห็นใบหน้าบางส่วนและเหมือนพวกนั้นจะวางแผนมาก่อนหน้านี้

    ทุกคนส่งเสียงเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ก่อนที่ผู้เป็นประธานในการประชุมจะส่งสัญญาณให้เงียบเสียงอีกครั้ง นัยน์ตาคมที่ผ่านประสบการณ์มามากมายกวาดมองโดยรอบ แล้วหยุดตรงนายตำรวจหนุ่มที่เห็นเหตุการณ์

    หมายความว่าคุณไม่สามารถตามหาคนร้ายได้อย่างนั้นหรือ

    เท่าที่ผมพอจะคาดเดาได้ คนร้ายรู้จักกับถานอี้เทา แต่ว่าอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง ทำให้ต้องจัดการถานอี้เทาแบบนั้น พวกนั้นไม่ใช่มือปืนรับจ้าง เหมือนจะเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งหวังหยูเฟิงเอ่ยขึ้นตามที่ตัวเองรับรู้

    นอกจากถานอี้เทากับกงเจ๋อตวนที่เป็นผู้มีอิทธิพลมืดรายใหญ่ในเมืองนี้ ยังจะมีอีกกลุ่มหนึ่งอย่างนั้นหรือนายตำรวจท่านหนึ่งเอ่ยถามขึ้น

    อาจจะใช่แล้วก็ไม่ใช่หวังหยูเฟิงตอบรับได้แค่นั้น ชายหนุ่มไม่รู้แม้แต่น้อยว่า ความจริงมันเป็นอย่างไรกันแน่

    "ถึงแม้การตายของถานอี้เทาจะยังเป็นปริศนา แต่โดยรวมเบื้องบนก็พอใจกับการทำงานในครั้งนี้อยู่" สารวัตรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบมั่นคง ท่าทีสุขุมเยือกเย็น ทำให้ทุกคนภายในห้องประชุมรับฟังอย่างยำเกรง แต่ว่าเราก็อย่าได้วางใจ เราต้องสืบหาให้ได้ว่า ใครที่ยิงถานอี้เทา รวมถึงการวางเพลิงในครั้งนี้ด้วย

    ผมคิดว่า ทั้งสองคดีต้องมาจากกลุ่มเดียวกันแน่ฟ่านมู่เหยียนแสดงความคิดเห็น สารวัตรใหญ่ตอบรับด้วยการมองเพียงเล็กน้อย ก่อนสายตาจะมองตรงไปยังผู้ร่วมประชุมทุกคน

    ผมก็คิดแบบนั้น สิ่งที่เราต้องสืบต่อไปก็คือพวกมันเป็นใคร



    ▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣



    แสงแดดที่แผดร้อนยามเที่ยงวันส่องประกายจ้า เจิ้งหยุนลงมาจากรถยนต์คันหรู ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยแว่นตาสีชาเข้ากับเสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่คลุมทับเสื้อกล้ามอย่างมีสไตล์ เขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตอนนี้มีบรรดาคนรับใช้เข้ามาต้อนรับ ก่อนจะส่งสัญญาณบอกให้อู่หนิงที่ติดตามรออยู่ข้างนอก

    เจิ้งหยุนเดินผ่านห้องโถงที่ตกแต่งสไตล์ตะวันตกอย่างสวยงามไปยังห้องรับแขกที่อยู่ด้านใน ซึ่งมีกงเจ๋อตวนกำลังนั่งรออยู่บนชุดโซฟารับแขกหนังแท้ที่แพงระยับ

    "มาเร็วดีจริง" เจ้าบ้านเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าของชายวัยห้าสิบปีเศษแต้มรอยยิ้มชัดเจน

    ผมเป็นคนตรงต่อเวลาน่ะเจิ้งหยุนตอบรับ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวโดยไม่ได้มีท่าทีเกรงใจเจ้าบ้านแม้แต่น้อย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ถือสาหาความอะไร

    เอาของว่างหน่อยไหม

    ขอบคุณ แต่คงต้องขอปฏิเสธ

    กงเจ๋อตวนไม่ได้ทักท้วงอะไร เขาหันไปสนใจหญิงสาวแรกรุ่นสองคนที่อยู่ในอ้อมแขน เจิ้งหยุนมองผู้ชายตรงหน้าอย่างเย็นชา ทว่าอีกฝ่ายกลับยกยิ้มขึ้น แล้วซุกไซ้ลำคอขาวของสาวน้อยที่ร้องครางด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

    น่าสะอิดสะเอียนเป็นบ้า!

    เจิ้งหยุนบริภาษกงเจ๋อตวนอยู่ในใจ แล้วยื่นเอกสารวางไว้บนโต๊ะรับแขกเพื่อทำธุระของตัวเองต่อ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่นานเกินความจำเป็น

    นี่คือเอกสารที่คุณต้องการ

    โอ้! รบกวนคุณแย่

     กงเจ๋อตวนระบายยิ้มรับ ก่อนจะหยิบเอกสารที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ทั้งหมดของถานอี้เทาขึ้นมาดูอย่างพอใจ คู่แข่งแสนน่ารำคาญที่ตอนนี้สิ้นชื่อ ไม่สิ...สิ้นชีวิตไปแล้วต่างหาก ในที่สุดเขาก็ได้ครอบครองทุกอย่างที่หมายมาดเอาไว้ 

    ผู้มีอิทธิพลใหญ่มองชายหนุ่มผมยาวอย่างชื่นชม นอกจากเป้าหมายที่ตกลงกันเอาไว้จะเสร็จลุล่วงทันใจแล้ว สิ่งที่เหนือความคาดหมายไปกว่านั้น ก็คือการที่เจิ้งหยุนจัดการถานอี้เทาจนอยู่หมัด เดิมทีเขาก็ไม่นึกใส่ใจด้วยซ้ำ เมื่อคนตรงหน้าเสนอจะเอาสมบัติทั้งหมดของไอ้เลวนั่นมาให้

    ถึงแม้ในปัจจุบันตระกูลเจิ้งจะทำธุรกิจขาวสะอาดต่างจากสมัยก่อน แต่ก็คงมีเขี้ยวเล็บซ่อนอยู่ นอกจากจะทำงานรอบคอบจนตำรวจตามกลิ่นไม่เจอแล้ว ความเหี้ยมของผู้ชายคนนี้ก็ยังทำให้เขาถูกใจ

    ไม่นึกว่าคุณจะจัดการเร็วขนาดนี้

    ผมก็ทำไปตามเรื่อง ไม่อยากให้มันค้างคา

    ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกคุณเจิ้งกงเจ๋อตวนเอ่ยขึ้นพร้อมกับใช้มือนวดคลึงทรวงอกเต่งตึงของหญิงสาวอย่างเพลิดเพลิน แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็ไม่ได้ให้คุณฆ่ามันหรอกนะ

    อันนั้นเป็นบริการเสริมเจิ้งหยุนตอบเสียงนิ่ง แล้วนึกสมเพชในความหื่นกามไม่เลือกเวลาของคนตรงหน้าไปด้วย

    ฮ่าๆ บริการดีแบบนี้ ผมจะได้ไปบอกต่อว่าคุณทำงานดีแค่ไหน

    ไม่จำเป็น ผมไม่ได้ต้องการทำงานให้ใคร

     เจิ้งหยุนหรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อเห็นสายตาเชื่อมหวานของหญิงสาวข้างกายของเจ้าบ้าน ชายหนุ่มไม่ได้หลบตา ก่อนจะหันไปมองกงเจ๋อตวนที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี

    อะไรกัน! คุณจะบอกว่า เรื่องนี้คุณไม่ได้ทำงานให้ผมหรือ

    คุณแค่บังเอิญตอบโจทย์ของปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับผมได้เท่านั้น

    หมายความว่าอย่างไร

    คุณคงไม่คิดว่า ผมจะโง่เอาเผือกร้อนมาถือไว้เองหรอกนะ

    น้ำเสียงเย่อหยิ่งอย่างถือดี เรียกนัยน์ตาเรียวให้เป็นประกาย ก่อนที่ กงเจ๋อตวนจะหัวเราะเบาๆ

    แต่คุณแน่ใจว่า ตำรวจจะไม่ตามมาถึงตัวผม?”

    นั่นก็ขึ้นอยู่ว่า คุณจะจัดการกับเผือกร้อนชิ้นนี้อย่างไร ซึ่งนั่นไม่เกี่ยวกับผม

    ปัดภาระมาให้ผมชัดๆ

    กงเจ๋อตวนมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้าเขม็ง แล้วยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก เมื่ออีกฝ่ายยังมีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่เขาจะเรียกให้ลูกน้องหยิบเช็คเพื่อจ่ายค่าจ้างสำหรับงานครั้งนี้

    นี่คือเงินของคุณ

    เจิ้งหยุนรับเช็คแผ่นบางแต่มูลค่ามากมายกว่าที่เห็นหลายร้อยหลายพันเท่า ก่อนจะลุกขึ้นยืน เมื่อหมดธุระที่นี่แล้ว

    จะกลับแล้วหรือ อยู่คุยด้วยกันก่อนสิ

    ผมมีอย่างอื่นต้องทำต่อ

    แหม...เจ้าของผับอย่างคุณคงจะยุ่งจนหัวหมุน ทำไมไม่ลองมาร่วมงานกับผมดูล่ะ คุณเป็นคนมีฝีมือนะ ผมชอบ

     อย่าดีกว่า เป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว ผมไม่ชอบคลุกคลีกับอะไรที่ผิดกฏหมาย

    พูดแบบนี้ผมเสียหายนะ เอาน่า... จะไม่เก็บไปคิดหน่อยหรือ

    ขี้เกียจคิด ขอบคุณที่ชวน

    ในขณะที่เจิ้งหยุนหันหลังเดินออกจากห้องรับแขกที่หรูหรา เสียงหัวเราะของเจ้าบ้านก็รั้งชายหนุ่มเอาไว้

    ถ้าเปลี่ยนใจก็มาบอกผม เรื่องเงินเราตกลงกันได้อยู่แล้ว คุณก็รู้ว่าผมเป็นพวกกล้าได้กล้าเสีย

    ชายหนุ่มแค่นเสียงในลำคอรับอย่างนึกรำคาญ ท่าทางไม่แยแสต่อสิ่งใดที่แสดงออกมา ทำให้คนที่หว่านล้อมยิ้มขึ้นอย่างถูกใจมากกว่าเดิม

    ใจแข็งจริง! เอาผู้หญิงกลับไปกอดเล่นสักคนไหมล่ะคุณเจิ้ง ถือว่าเป็นของตอบแทนเล็กน้อยของผม

    เจิ้งหยุนหันหลังกลับมามอง ก่อนจะปรายตาไปทางผู้หญิงสองคนที่กำลังช้อนตามองอย่างยั่วยวน เรือนร่างบอบบางอ้อนแอ้นสวมทับด้วยเสื่อผ้าที่หลุดรุ่ยจนแทบจะเปลือยเปล่า 

    หึ! ใครจะไปเอาของแบบนั้นของแกกัน

    อ๊ะ! แต่ไม่ใช่สองคนนี้หรอกนะ เพราะผมหวงกงเจ๋อตวนเอ่ยหยอก ซึ่งต่างจากสีหน้าของหญิงสาวทั้งสองคนที่แสดงความเสียดายอย่างชัดเจน

    เจิ้งหยุนยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อใบหน้าของใครคนหนึ่งเข้ามาในความคิดอย่างไร้สาเหตุ ก่อนจะปฏิเสธน้ำใจที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้อีกครั้ง

    ตอนนี้ผมไม่สนใจผู้หญิงน่ะ



    ▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣



    หลังจากการประชุมจบลง หวังหยูเฟิงก็นัดแนะกับฟ่านมู่เหยียนเพื่อมาสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล เขาก็ยังไม่ได้มาดูด้วยสายตาของตัวเอง ได้แต่ติดตามเรื่องราวทั้งหมดผ่านรายงานที่เพื่อนสนิททำเท่านั้น

     เมื่อพวกเขามาถึง ภาพของซากตึกที่ถูกไฟไหม้ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า หวังหยูเฟิงเดินสำรวจรอบบริเวณที่ถูกจำกัดเป็นพื้นที่อันตรายอย่างระมัดระวัง นอกจากจะเป็นสถานที่เกิดคดีแล้ว โครงสร้างของตึกที่ได้รับความเสียหาย อาจจะร่วงหล่นจนทำให้ได้รับบาดเจ็บได้

    ตรงนี้ที่เจอนายนอนสลบอยู่

    หวังหยูเฟิงมองตามปลายนิ้วที่ชี้บอกของฟ่านมู่เหยียน สัญลักษณ์ที่แต้มด้วยสเปรย์สีแดงบนพื้นซีเมนต์ฉายชัด เขาขมวดคิ้ว แล้วมองไปทางประตูที่เป็นทางออกของบันไดหนีไฟต่อ

    มันจะไม่เกลี้ยงขนาดนี้ ถ้าคนร้ายไม่วางเพลิงกลบร่องรอยจนจะสืบจากลายนิ้วมือก็ยังยากฟ่านมู่เหยียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก

    ลองไปสืบทางฝั่งของกงเจ๋อตวนแล้วหรือหวังหยูเฟิงเอ่ยถามพร้อมกับกวาดตามองโดยรอบอีกครั้งเพื่อหาร่องรอยบางอย่างที่อาจจะหลุดรอดสายตาไป

                อืม ที่จริงก็มีตำรวจอีกกลุ่มจับตามองกงเจ๋อตวนอยู่ มีรายงานมาว่า ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกคิ เพราะพวกมันก็คงจะระวังตัวอยู่เหมือนกัน"

    หวังหยูเฟิงพยักหน้ารับคำบอกเล่าของเพื่อน สายลมพัดผ่านจนรู้สึกถึงฝุ่นควันและเขม่าเบาบาง นัยน์ตาสีนิลทอดมองพื้นที่ตรงหน้า ทว่าสิ่งที่ส่งตรงไปถึงสมองกลับเป็นผู้ชายนิรนามในอดีตคนนั้น

    พวกมันเป็นใครกันแน่


    TBC+++++++ 04 เหตุร้ายจากความบังเอิญ

    Marionetta สว้สกีปีใหม่น้อนหลังค่ะ ขอให้ทุกคนมีความสุขนะคะ ^^ 



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×