คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 01 ค่ำคืนของการเริ่มต้น
01
ค่ำคืนของการเริ่มต้น
ในย่านที่เต็มไปด้วยสถานเริงรมย์และครบถ้วนไปด้วยสิ่งบันเทิง ค่ำคืนที่ควรเงียบสงบกลับคึกคักไปด้วยนักท่องราตรี ดวงไฟหลากสีส่องแสงสะท้อนกับอาคารและตึกพาณิชย์สูงเสียดฟ้าราวกับมีชีวิต
รถยนต์สีดำคันหรูเข้ามาจอดเทียบที่หน้าตึกระฟ้าขนาดใหญ่ ก่อนที่ชายในชุดสูทสีดำจะเปิดประตูรถออกจากฝั่งด้านข้างคนขับ แล้วกระวีกระวาดไปเปิดประตูด้านหลังอย่างนอบน้อม
“เชิญครับนาย”
ชายรูปร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงยีนส์พอดีตัวลงมาจากรถ ใบหน้าได้รูปและผิวขาวเกลี้ยงช่วยขับเครื่องหน้าให้ดูโดดเด่น ริมฝีปากบางน่าลิ้มลองเข้าคู่กับจมูกโด่งอย่างพอเหมาะ เรือนผมยาวสีดำสนิทถูกรวบต่ำไว้ที่กลางหลัง ทำให้รูปลักษณ์ของเขาไม่ต่างจากดาราที่หลุดมาจากหน้าจอโทรทัศน์
ทว่าชายผู้งดงามไม่ต่างจากรูปปั้นชั้นเลิศนั้นกลับแฝงไปด้วยอำนาจบางอย่าง ความน่าเกรงขามที่ทำให้คนต้องนอบน้อมถูกฉายผ่านนัยน์ตาที่ถูกประดับด้วยแว่นตาสีชาอย่างชัดเจน
“หึ...”
เสียงแค่นหัวเราะดังขึ้น ก่อนริมฝีปากสีอ่อนจะเหยียดยิ้มยามทอดมองความโอ่อ่าของตึกที่อยู่เบื้องหน้า ความยิ่งใหญ่ที่ประกาศถึงความมั่งคั่งของเจ้าของไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอะไร ก่อนที่เขาจะเดินนำคนสนิทเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน
“กรุณาถอดแว่นออกด้วยครับ”
น้ำเสียงขึงขังของชายร่างยักษ์ที่ดูแลการเข้าออกของตึก ทำให้ชายหนุ่มผู้มีแว่นตาสีชาประดับบนใบหน้าต้องเลิกคิ้วขึ้น ทว่าก่อนที่ใครจะทันได้ตั้งตัว ชายร่างสูงในชุดสูทสีเข้มที่เดินตามหลังมาไม่ห่างก็ชักปืนออกมา ก่อนจะจ่อวัตถุสีดำปลาบไปยังหน้าผากของคนที่หาญกล้ามาสั่งเจ้านายของตน พร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง
“ไปบอกนายแกว่า กาเบรียลมา”
▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣
บรรดาชายหญิงตั้งแต่รุ่นหนุ่มสาวยันรุ่นแก่ต่างก็ลุ้นกับผลแพ้ชนะตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ เม็ดเงินมากมายแพร่สะพัดในแต่ละวินาที ผู้คนที่มัวเมาในการพนันต่างหาหนทางเพื่อชัยชนะของตัวเอง
ในขณะเดียวกัน...ภายในห้องทำงานหรูที่ตกแต่งอย่างสวยงามกลับมีบรรยากาศมาคุและเต็มไปด้วยความกดดัน
“สวัสดีคุณถานอี้เทา ผมเจิ้งหยุน”
คำทักทายของแขกผู้มาเยือน ทำให้ถานอี้เทาผู้เป็นเจ้าของตึกหลังนี้รู้สึกแปลกใจ นัยน์ตากร้านโลกมองคนรุ่นลูกอย่างพิจารณา
“กล้ามากเลยนะที่มาถึงถิ่นของฉันแบบนี้”
“มันไม่จำเป็นต้องใช้ความกล้าเลยสักนิด”
เนื้อความที่แสดงถึงความอวดดีอย่างเปิดเผย ทำให้คนฟังต้องยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แล้วพยักหน้าให้ลูกน้องเตรียมของว่างรับรองแขกที่นั่งอยู่ตรงหน้าตามมารยาท
“แหม...ใจเย็นก็ได้น่าคุณเจิ้ง” ถานอี้เทาเอ่ยขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะระบายยิ้มอย่างเอื้อเฟื้อ “ทานของว่างก่อนสิ สั่งมาจากโรงแรมระดับหกดาวเชียวนะ”
เจิ้งหยุนไม่ได้ตอบรับ เขาทำเพียงแค่ปรายตามองของว่างที่วางบนโต๊ะรับแขกครู่เดียว แล้วกลับมามองเจ้าของห้องนี้อย่างเฉยชา
ท่าทางไม่ยินดียินร้ายของเจิ้งหยุนไม่ได้ทำให้เจ้าบ้านใส่ใจนัก ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีท่าทางไร้อารมณ์ แต่ถานอี้เทารู้ดีว่า มีบางอย่างที่ชายหนุ่มคนนี้กำลังแสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านแว่นตาสีชาอันนั้น
ความแข็งกร้าว...
“ว่าแต่ที่มาวันนี้ คงไม่ได้แค่มาเยี่ยมกันหรอกใช่ไหม” ถานอี้เทาเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร พร้อมกับคลี่ยิ้มสบอารมณ์
“ผมมาคุยเรื่องผับของผม” เจิ้งหยุนตอบเสียงเรียบ เขาจ้องมองบุคคลตรงหน้าไม่ต่างจากนักล่าที่กำลังรอเวลาที่เหยื่อเผลอ
“ผับของคุณ? อ่า...ผับกาเบรียลนั่น มีอะไรให้ฉันช่วยหรือ”
“คุณไม่ควรเข้ามายุ่มย่ามในผับของผมโดยไม่ได้รับอนุญาต”
น้ำเสียงที่ถึงแม้จะราบเรียบราวกับทะเลสาบ แต่ก็แฝงไปด้วยอารมณ์ดังขึ้น ถานอี้เทานึกย้อนตามคำกล่าวหาของบุรุษตรงหน้าอีกครั้ง และเมื่อเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เขาก็คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“อ่า...ต้องขอโทษที่ไม่ได้บอก เอาอย่างนี้แล้วกัน คราวหน้าฉันจะบอกก่อน” ถานอี้เทายอมรับความผิดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เจิ้งหยุนแค่นเสียงในลำคออย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“คงจะไม่มีคราวหน้า”
“ไม่เอาน่า. .เราตกลงกันได้ไม่ใช่หรือ”
เจิ้งหยุนมองอีกฝ่ายนิ่ง บรรยากาศที่ดูผ่อนคลายลงไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นแม้แต่น้อย
“หึ! ผมยังไม่อยากให้มีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นที่ผับของผม”
ถ้อยคำที่แสดงออกถึงการไม่ยอมรับข้อตกลง ทำให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเปลี่ยนไป ถานอี้เทานึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ
คนอย่างถานอี้เทาไม่ใช่คนที่ต้องมาขอร้องใคร!
เขายกน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะใกล้ตัวขึ้นจิบเพื่อข่มอารมณ์พลุ่งพล่านจากความไม่พอใจ ก่อนจะปั้นยิ้มบนใบหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วคุณต้องการอะไรล่ะ”
“ผมแค่มาเก็บเงินที่ควรได้รับ” เจิ้งหยุนเอ่ยตอบ แล้วยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นสีหน้าของคนฟังเปลี่ยนไป “ในเมื่อคุณทำการค้าขายในสถานที่ของผม คุณก็ควรจ่ายภาษีผ่านทางด้วยก็เท่านั้น”
“พูดเป็นเล่นน่า! คนกันเองแท้ๆ”
ถานอี้เทาหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลกด้วยเสียงที่ดังก้อง ซึ่งท่าทางแบบนั้นก็ทำให้เจิ้งหยุนต้องคิ้วกระตุก
“แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น” ผู้มาเยือนตอบเสียงเย็น แต่เจ้าบ้านก็ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้าน ผู้มีอิทธิพลใหญ่ยกยิ้มหยัน
“คุณจะบอกว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำการซื้อขายในผับของคุณ จะต้องเสียเงินให้คุณด้วย ถึงแม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นลูกค้าอย่างนั้นหรือ พูดตลกจังนะ” ถานอี้เทาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยท่าทีที่แสร้งทำเป็นสงสัย
“จริงๆ ก็ไม่จำเป็นหรอก ถ้าหากการซื้อขายพวกนั้นไม่ใช่ยาเสพติดที่ลักลอบเข้ามา คุณไม่คิดว่าภาษีนำเข้าผ่านผับของผมจะฟรีหรอกใช่ไหม”
“มันจะไม่ดูขี้ตืดไปหน่อยหรือ” ถานอี้เทาเอ่ยเสียงห้วนอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“แน่นอนว่าผับของผมไม่มีตำรวจเข้ามาเพ่นพ่าน ความปลอดภัยในการซื้อขายของคุณจึงมีความสำเร็จสูง คุณควรจะจ่ายค่าบริการที่ผมมีให้”
ถานอี้เทามองคู่กรณีที่อยู่ตรงหน้าอย่างเก็บอารมณ์ เจิ้งหยุนก็ไม่ต่างจากหมาป่าที่ริจะแหย่ราชสีห์ให้กรุ่นโกรธ
“แล้วถ้าฉันไม่ให้ล่ะ?” ถานอี้เทาถามกลับเสียงแข็งอย่างหยั่งเชิง พร้อมกับมองคนที่กล้าท้าทายไม่ละสายตา
“คุณก็น่าจะรู้ดีว่า ผมคงไม่ปล่อยคุณเอาไว้หรอก จริงไหม?” เจิ้งหยุนแค่นยิ้มตอบ พร้อมกับมองอีกฝ่ายอย่างกดดัน
“ก็แค่เจ้าของผับ คิดว่าจะทำอะไรฉันได้หรือ!”
ถานอี้เทามองเจิ้งหยุนด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ความอวดดีที่กล้ามาถึงที่ของเขาก็นับว่าจองหองมากพออยู่แล้ว แต่คนตรงหน้ายังยกระดับมากไปกว่านั้นด้วยการข่มขู่เขา!
ให้ตายเถอะ! คิดว่ายอมให้หน่อย ก็จะมาปีนเกลียวกันได้หรือ!
“แล้วคุณจะลองดูไหมล่ะว่า เจ้าของผับอย่างผมจะทำอะไรคุณได้บ้าง” เจิ้งหยุนเอ่ยขึ้นอย่างท้าทายด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง ทว่ากระแสนัยน์ตากลับพุ่งตรงอย่างจริงจัง
ถึงแม้ถานอี้เทาอยากจะจัดการคนตรงหน้าจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็รู้ดีว่า คนรุ่นลูกที่กำลังลองดีกับเขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่แค่เจ้าของผับธรรมดา นอกจากบุคลิกที่ไม่กลัวใครหน้าไหนแล้ว ชื่อสกุลของอีกฝ่ายก็ฟ้องสถานะอย่างชัดเจน
คนตระกูลเจิ้ง...
ถานอี้เทาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แค่ตำรวจที่ตามไล่บี้อยู่ตอนนี้ก็น่าปวดหัวพออยู่แล้ว เขายังไม่อยากมีปัญหาเพิ่มอีก
เอาล่ะ! เป็นผู้ใหญ่ต้องใจกว้าง ก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องเท่านั้นเอง
“แล้วจะเอาสักเท่าไร หมื่นดอลลาร์ดีไหมล่ะ”
เจิ้งหยุนมองท่าทีอ่อนลงของถานอี้เทา แล้วลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย ค่าบริการคิดตามมูลค่าของสินค้านะครับ”
“แล้วจะเอาเท่าไร”
“สามสิบเปอร์เซ็นต์”
คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังตาวาวด้วยความไม่พอใจอีกครั้ง ถานอี้เทาจ้องคนตรงหน้าอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่
“มันไม่มากไปหน่อยหรือ! แค่ห้าเปอร์เซ็นต์ก็พอแล้วมั้ง!”
“สรุปว่าคุณจะไม่จ่าย?”
“ฉันให้ได้แค่นั้น!” ถานอี้เทาเอ่ยเสียงดัง ใบหน้าที่เคยปั้นยิ้มเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง นัยน์ตาเรียวที่แต้มริ้วรอยตามวัยแข็งกร้าว
ไอ้เวรตรงหน้ามันหวังชุบมือเปิบเห็นๆ!
“แต่ผมยอมรับไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น...”
ทว่ายังไม่ทันที่เจิ้งหยุนจะพูดจบ ลูกน้องคนหนึ่งของถานอี้เทาก็เปิดประตูพรวดเข้ามา ท่าทางตื่นตระหนกเรียกความสนใจของทุกคนในห้องได้ทันที
“นายครับ! มีตำรวจบุกมา! ตอนนี้ที่บ่อนกำลังชุลมุนกันไปหมด! ที่สำคัญตอนนี้ตึกของเรากำลังโดนล้อมอยู่ด้วยครับ!” ลูกน้องที่วิ่งกระหืดกระหอบรายงานสถานการณ์ด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว
“ว่าอย่างไรนะ!” ถานอี้เทาสบถลั่น ก่อนจะทุบโต๊ะไม้ตรงหน้าเสียงดังอย่างระบายความหงุดหงิด อารมณ์ที่กรุ่นอยู่เมื่อครู่ทะยานถึงขีดสุด “แล้วคนของเรามันหายหัวไปไหนหมด! ทำไมถึงปล่อยให้ตำรวจเข้ามาได้!”
“เอ่อ... ตายหมดแล้วครับ”
“บัดซบ! เป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร!”
ดวงตาเรียวถลนจนน่ากลัว ก่อนจะหันไปมองใบหน้าของแขกที่บัดนี้ยังนั่งอยู่บนโซฟา โดยไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น
มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเขาอยู่มาได้ตั้งหลายปีไม่เคยมีปัญหา จู่ๆ ตำรวจก็เข้ามา อีกทั้งยังมาวันเดียวกับไอ้เวรนี่ที่ดูก็รู้ว่า อยากมาหาเรื่องกันเห็นๆ หรือว่า...
“นี่แก!” ถานอี้เทาตะโกนลั่น พร้อมกับชี้ไปที่ใบหน้าของแขกในวันนี้อย่างเดือดดาล ถึงอย่างนั้นคนที่ได้รับกิริยาไร้มารยาทก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด
“ผมไม่ชอบคนไม่สุภาพ”
ถานอี้เทาตอบรับคำพูดนั้นด้วยการสบถอย่างหยาบคาย ก่อนจะคว้าปืนพกสีดำจ่อไปที่ใบหน้าของเจิ้งหยุนอย่างต้องการหาที่ระบายความคับแค้นระคนร้อนใจของตัวเอง
“แกทำอย่างนี้ทำไม!”
“คุณควรจะรู้เอาไว้ว่า ผมไม่ชอบให้ใครยุ่งในที่ของผม ถ้าไม่ได้รับอนุญาต” เจิ้งหยุนเอ่ยเสียงนิ่ง โดยไม่ได้หวั่นเกรงต่อปลายกระบอกปืนที่เล็งมาตรงหน้า มิหนำซ้ำชายหนุ่มยังคลี่ยิ้มรับอีกต่างหาก
“ก็ดี! ถ้าฉันไม่รอด! แกก็อย่ารอด!”
ในขณะที่ถานอี้เทากำลังจะเหนี่ยวไก ลูกน้องอีกคนก็เปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก และทำให้ผู้มีอิทธิพลใหญ่ต้องกัดกรามแน่น พร้อมกับคิดหาทางหนีทีไล่
“นายครับ! ตำรวจมันบุกขึ้นมาถึงชั้นสิบแล้วครับ!”
ไอ้สารแลวเอ๊ย!
ถานอี้เทาสบถอย่างหัวเสีย แล้วพยายามคุมสติและอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงจนกู่ไม่กลับ เนื่องจากการบุกโจมตีแบบสายฟ้าแลบของตำรวจ รวมถึงปัญหาใหม่ที่เจิ้งหยุนต้องการจะสร้างขึ้นอีก
ความแค้นอัดแน่นในอก ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาแก้แค้นอะไร การรักษาตัวให้รอดจากวิกฤตตรงหน้าสำคัญกว่า!
“เอาอย่างไรดีครับ!” ลูกน้องคนเดิมเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อรับรู้ว่า อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าตำรวจจะบุกมาถึงห้องนี้ ซึ่งเป็นห้องทำงานใหญ่ของตึกหลังนี้แน่นอน
“โธ่เอ๊ย! ก็หนีสิวะ! จะรอให้พวกมันมายิงหัวหรือ!” ถานอี้เทาว่าเสียงกร้าว ก่อนจะหันไปหาคู่กรณีที่ยังนั่งมองตัวเองวิ่งพล่านด้วยรอยยิ้มเขม็ง “ฉันไม่ปล่อยแกเอาไว้แน่! คอยดู!”
เจิ้งหยุนไม่ได้เอ่ยคำใดตอบรับ ชายหนุ่มได้แต่คลี่ยิ้มมองภาพความวุ่นวายจากการหนีตายของเจ้าของตึกใหญ่อย่างสนุกสนาน เพียงไม่นานห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามก็ตกอยู่ในความเงียบ เมื่อเหลือเพียงแต่แขกที่ยังอยู่ภายใน
“นายครับ แล้วเรา?” ชายในชุดสูทสีดำเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเจ้านายยังนั่งนิ่งไม่ได้มีอาการกระวนกระวายใจเลยสักนิด แถมยังยกยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดีอีกต่างหาก “ผมว่า...เราควรออกไปกันได้แล้ว ถ้าตำรวจมาเจออาจจะมีปัญหายุ่งยากตามมา”
“ไม่ต้องกังวลหรอกอู่หนิง หมูที่มันอยู่ในอวยน่ะ มันหนีอย่างไรก็ไม่พ้นหรอก”
อู่หนิงได้แต่มองเจ้านายที่หัวเราะกับตัวเองอย่างลำบากใจ ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่า คนอย่างเจิ้งหยุนไม่เกรงต่อสิ่งใด แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็ยังนับว่าไม่ปลอดภัยอยู่ดี
“แต่...”
“เอาน่า... เรื่องนี้ไม่เห็นเกี่ยวกับพวกเราเลย ไม่เห็นต้องรีบไปไหนให้เหนื่อย”
เจิ้งหยุนเลิกคิ้วมองอู่หนิง สายตาคมที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเลนส์สีชาพราวระยับอย่างถูกใจจนบอดี้การ์ดหนุ่มรู้สึกได้
“ถ้าเกิดเรื่องถึงตำรวจขึ้นมา คุณเจิ้งเทียน...”
“นี่นายเป็นลูกน้องฉัน หรือเป็นลูกน้องพี่กันแน่”
น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจของเจ้านายหนุ่ม ทำให้อู่หนิงต้องถอนหายใจออกมา ก่อนจะนึกโล่งใจ เมื่อเห็นคนตรงหน้าลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากห้องอย่างใจเย็น ทันทีที่พวกเขาพ้นจากเขตของห้องทำงานใหญ่ แว่วเสียงปืนและเสียงกรีดร้องก็ดังเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะ
สองชายหนุ่มนายบ่าวเดินไปทางบันไดหนีไฟ ซึ่งน่าจะเป็นทางเดียวกับที่ถานอี้เทาใช้เป็นทางออก ในเมื่อมันเป็นเส้นทางเดียวที่จะลดการปะทะกับตำรวจที่อยู่ด้านหน้าของตึกหลังนี้ได้มากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องมีตำรวจมาดักรออยู่อย่างแน่นอน
เจิ้งหยุนหันไปพยักหน้าให้อู่หนิงเป็นการส่งสัญญาณ ชายในชุดสูทสีดำยกเครื่องมือสื่อสารขึ้น แล้วติดต่อไปยังปลายสายด้วยน้ำเสียงราบเรียบมั่นคง
"เริ่มได้”
▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣
“ไอ้สารเลวเจิ้งหยุน!” ถานอี้เทาคำรามลั่น เมื่อเห็นว่ายังมีตำรวจดักล้อมอยู่ ลูกน้องหลายคน บ้างก็ได้รับบาดเจ็บ บ้างก็ตายไปแล้ว แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับตอนนี้โอกาสในการรอดของเขาเหลือน้อยเต็มที
“นายครับ! มีตำรวจดักทางออกไว้แล้ว! เราจะเอาอย่างไรต่อดี!”
ถานอี้เทาหันไปมองลูกน้องที่เหลือรอดอย่างครุ่นคิด สถานการณ์ที่บีบคั้นกำลังเร่งให้สมองของเขาคิดหนทางเอาตัวรอด
โชคยังดีที่เขาฉลาดพอจะให้ลูกน้องนำล่วงหน้าไปก่อน ถึงได้รู้ว่า ขืนตัวเองออกไปตอนนี้ ก็มีแต่ไม่รอด ยังไม่นับอีกกลุ่มที่อาจจะตามบุกมาประกบหลังอีก
ทำไมวันนี้ถึงได้ซวยมหาซวยขนาดนี้!
เจ้าของตึกเตะผนังปูนสีเรียบอย่างฉุนเฉียว ยังดีที่ทางหนีไฟเป็นช่องทางเดินแคบที่มีทางเพียงเส้นเดียว หากโชคยังเข้าข้างเขาอยู่บ้าง ก็สามารถดักยิงตำรวจหน้าโง่ที่ตั้งใจมาจับเขาได้
แต่ไม่ทันได้คิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อ เสียงฝีเท้าที่เดินลงบันไดตามมาอย่างเป็นจังหวะ ก็ทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นชะงัก มือของทุกคนกระชับปืนแน่น ก่อนจะพร้อมใจกันหันไปยังทิศทางของต้นเสียง แล้วพอถานอี้เทาเห็นว่าใครที่เดินลงมา เขาก็ได้แต่หัวเราะเย้ย
“แกเองก็จะไม่รอดเหมือนกัน! ตอนนี้ตำรวจล้อมปิดทางออกไว้หมดแล้ว!”
ผู้มาใหม่ยักไหล่พลางมองลูกน้องสองคนของถานอี้เทา ก่อนจะเลื่อนมามองหัวหน้าที่บัดนี้ใบหน้าซีดเซียวและมีเหงื่อโซมทั่วร่าง เจิ้งหยุนยกยิ้มขึ้น
“ผมไม่คิดอย่างนั้น”
เจิ้งหยุนเดินเอามือล้วงกระเป๋า ก่อนจะเดินเลยผ่านเจ้าถิ่นอย่างไม่สนใจ ความท้าทายและถือดีของชายหนุ่ม ทำให้ถานอี้เทาต้องข่มอารมณ์โกรธ แต่ก็ไม่วายเดินตามอีกฝ่ายอย่างจนหนทาง
“ข้างล่างนั่นมีตำรวจรอแกอยู่!” เจ้าของตึกกล่าวย้ำอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจว่า อีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ มันอาจจะโง่หรือบ้า บางทีอาจจะเป็นทั้งสองอย่าง
ผมว่าตำรวจรอคุณต่างหาก ผมแค่โดนพาตัวมาเพื่อถูกข่มขู่อะไรบางอย่าง แล้วบังเอิญโชคดีมาเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้า ทำให้ผมหนีออกมาได้”
เรื่องเล่าจากปากของชายหนุ่มตรงหน้า ทำให้ถานอี้เทานิ่งค้าง ก่อนจะคำรามลั่น ทว่ากลับมีเพียงเสียงหัวเราะแผ่วเบาตอบกลับมาเท่านั้น
ไอ้ตอแหล!
ถึงแม้เหตุผลแก้ต่างอย่างหน้าด้านๆ ของไอ้คนรุ่นลุก มันน่าหัวร่อสิ้นดี แต่ในใจกลับอดคิดไม่ได้ว่า มันอาจจะได้ผล แล้วเป็นเขาเพียงคนเดียวที่จะไม่รอด
ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ไม่ว่าจะหันซ้ายหรือหันขวาก็ยังหาทางหนีทีไล่ไม่เจอ คนที่น่าจะพอทำให้รอดได้ คงมีแต่คนตรงหน้านี้เท่านั้น ถึงแม้จะแค้นใจจนแทบอยากจะขย้ำอีกฝ่ายให้แหลกคามือก็ตาม
“ก็ได้! ถ้าแกช่วยฉันให้รอดจากครั้งนี้ไปได้ ฉันจะให้สามสิบเปอร์เซ็นต์ที่แกต้องการ”
ปลายเท้าของชายหนุ่มชะงัก เจิ้งหยุนหันไปมองคนพูดด้วยท่าทีแปลกใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบาง ท่ามกลางเสียงปืนที่ยังแว่วมาไม่หยุด
“คุณจะมีปัญญาที่ไหนมาให้ผม ในเมื่อตอนนี้คุณเองก็จะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว”
“ฉันมีปัญญาหามาให้แน่” ถานอี้เทาพยายามต่อรอง ทั้งที่ในใจกำลังเดือดจากคำดูถูก
“ก็ได้ครับ สามสิบเปอร์เซ็นต์นั่นเป็นส่วนที่ผมต้องได้อยู่แล้ว แต่การช่วยชีวิตคุณก็อีกกรณีหนึ่ง” ฝ่ายที่เป็นต่อกว่าบอก นัยน์ตาคมที่ซ่อนอยู่หลังเลนส์สีชาส่องประกายวาบ
“หมายความว่าอย่างไร!” คนเป็นรองถามเสียงเข้ม ถานอี้เทารู้สึกโกรธและร้อนใจจนมือสั่นไปหมด เขาสาบานกับตัวเองว่า ถ้าพ้นจากภัยร้ายครั้งนี้ไปได้ จะเอาคืนอีกฝ่ายอย่างสาสม
“เอาเป็นว่า...เพื่อความเท่าเทียม ธุรกิจและสมบัติทุกอย่างที่คุณมีจะตกเป็นของผม แลกกับชีวิตของคุณ”
“ไอ้หน้าเลือด! ถ้าแกทำอย่างนั้น แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนมาให้!” ถานอี้เทาต่อว่าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ
“นั่นคือสิ่งที่คุณเป็นคนเลือกเอง” เจิ้งหยุนเอ่ยต่ออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินลงบันไดไปเรื่อยๆ โดยไม่นึกสนใจคนที่หน้าซีดหน้าแดง เพราะใกล้มาถึงจุดสุดท้ายของชีวิตเต็มที
ถานอี้เทากำมือแน่น หัวคิ้วขมวดมุ่น พร้อมกับจ้องมองแผ่นหลังของเจิ้งหยุนราวกับกินเลือดกินเนื้อ
"ได้! ฉันยอมทุกอย่าง!”
▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣
ด้านหน้าของตึกพาณิชย์หลังใหญ่ บัดนี้เต็มไปด้วยรถตำรวจจอดเทียบอยู่ทั่วบริเวณ บรรดาชายหญิงหลายสิบคนถูกจับได้จากการเล่นพนันผิดกฎหมาย ลูกน้องของผู้มีอิทธิพลอย่างถานอี้เทาถูกจับเป็นได้บางส่วน แต่ทว่าหัวหน้าใหญ่ยังคงหลบหนีไปได้
“ผู้กองหวังครับ พวกเราเข้าค้นที่ห้องทำงานของถานอี้เทาแล้ว ไม่พบใครเลยครับ!”
คนที่รับรายงานพยักหน้ารับ เมื่อสิ่งที่ได้ยินไม่ได้ผิดคาดจากที่เขาคิดไว้ ผู้กองหนุ่มมองแปลนของตึก ก่อนจะคำนวณหาช่องทางหนีที่เป็นไปได้
“ผู้กองหวังครับ แล้วคนที่เราจับมาได้ จะให้ส่งไปที่โรงพักเลยหรือเปล่าครับ”
“อืม พวกคุณไปบอกหมวดเหอผิงว่า ผมสั่งให้ทำการเคลียร์พื้นที่ แล้วนำคนที่ถูกจับได้กลับโรงพักไปลงบันทึกได้เลย”
“ครับ!”
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นคลี่คลายลง ราตรีที่ยาวนานยังคงดำเนินไปอย่างเชื่องช้า สายลมเย็นพัดผ่านพากลิ่นของความสูญเสียคลุ้งไปทั่วบริเวณ
หวังหยูเฟิงในชุดเครื่องแบบเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อภารกิจสำคัญในครั้งนี้นอกจากจะบุกทำลายบ่อนการพนันแล้ว ยังรวมไปถึงการจับกุมถานอี้เทา ผู้มีอิทธิพลใหญ่ของเมืองที่เปิดบ่อนการพนัน เงินกู้นอกระบบ และค้ายาเสพติด
หลังจากที่ตามติดอยู่หลายปี ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า อีกฝ่ายมีความผิด แต่ด้วยอำนาจที่รายล้อมถานอี้เทาเอาไว้ ทำให้ทางตำรวจไม่สามารถจัดการได้เด็ดขาด จนเมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่มีผู้หวังดีส่งข่าวที่เป็นประโยชน์ ทำให้เขารวมทั้งเพื่อนร่วมงานเริ่มเคลื่อนไหวได้คล่องขึ้น จนมาถึงการบุกจับกุมในครั้งนี้
คนที่ทำผิด ไม่ว่าอย่างไรก็หนีเงื้อมมือของกฎหมายไปไม่พ้น!
หวังหยูเฟิงหันไปมองลูกน้องที่กระจายกันไปทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างแข็งขัน ใบหน้าขาวแสดงความเคร่งเครียดออกมาอย่างชัดเจน
“ผู้กองหวังครับ มีวอมาขอความช่วยเหลือ พบพวกของถานอี้เทาที่ยังหลบหนีไปได้อยู่” นายตำรวจชั้นผู้น้อยคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานอย่างรวดเร็ว
“ที่ไหน”
“ตอนนี้มีพวกเราบางส่วนโดนโจมตีอยู่บริเวณทางออกด้านหลังฝั่งซ้ายครับ”
“ผมทราบแล้ว”
หวังหยูเฟิงเรียกนายตำรวจกลุ่มหนึ่งมาสมทบ แล้วรีบรุดไปยังสถานที่ดังกล่าว แน่นอนว่าพื้นที่ที่ได้รับแจ้งมา เขาได้จัดแบ่งตำรวจไปดักจับอยู่บริเวณนั้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าตอนนี้น่าจะมีการปะทะกับกลุ่มของถานอี้เทาอยู่แน่นอน
ทว่าเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ชายหนุ่มก็ต้องชะงักไป เมื่อพบเพียงร่างไร้วิญญาณของนายตำรวจที่นอนเกลื่อนพื้น หวังหยูเฟิงขมวดคิ้วข่มอารมณ์ที่ร้อนระอุของตัวเอง ก่อนจะรีบส่งสัญญาณเพื่อกระจายเจ้าหน้าที่ไปรอบบริเวณ
นี่เขามาช้าไปหรือ!
หวังหยูเฟิงได้แต่ขบคิดอยู่ในใจด้วยความเจ็บแค้น พร้อมกับกวาดตามองอย่างระแวดระวัง ความเงียบโรยตัวจนไม่มีใครกล้าขยับตัวนัก เหลือแค่เพียงกลิ่นควันปืนที่ลอยอยู่ในอากาศ
ปัง!
เสียงที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบกระตุกเส้นความตื่นตัวของทุกคนให้ตื่นขึ้น หวังหยูเฟิงมองไปโดยรอบเพื่อหาต้นทางของเสียง จนกระทั่งเสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ยังหาผู้ลงมือไม่เจอ
บ้าชะมัด! นี่พวกเขากำลังโดนลอบยิงอยู่!
เมื่อรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย หวังหยูเฟิงก็ขยับตัวหลบวิถึของกระสุนที่พุ่งเข้าใส่ได้อย่างฉิวเฉียด พร้อมกับยิงตอบโต้ทันที นายตำรวจหนุ่มที่เผชิญกับวินาทีของความตายพยายามรวบรวมสมาธิที่มีอย่างเต็มที่ เขาคาดไม่ถึงเลยว่า พวกของถานอี้เทาจะยังเหลือรอดมากขนาดนี้ อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็ยังมีอาวุธครบมือ
TBC++++++++ 02 คนที่หมายตา
Marionetta ดีค่ะ มาหย่อนคอนแรกแล้วค่ะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ฝากเอาใจช่วยผู้กองหวังกันด้วยนะคะ ^^
สามารถติดตามอัปเดคได้ทางทวิตเตอร์ #เจิ้งหยุนหยูเฟิง หรือทางแฟนเพจค่ะ
ความคิดเห็น