คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : My Life For You : ไม่เคยต้องการใคร Part Three
My Life For You : ไม่เคยต้องการใคร Part Three
“ออโรร่า” เสียงทุ้มตะโกนดังมาจากแฟรงค์ ชายเกือบหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าตึก พร้อมหนังสือกองโตในอ้อมกอด
“Hi” เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มบางๆ แต่สายตากลับหม่นลงเล็กน้อย แฟรงค์เองก็สังเหตุเห็น และจากเรื่องที่ได้ยินมาจากคาร์เตอร์ก็รู้ดีถึงสาเหตุของนัยน์ตาหม่นๆคู่นี้
“หายดีแล้วหรือ” แฟรงค์ถามอย่างห่วงใย ขณะที่แบ่งหนังสือให้หญิงสาวผู้อาสาช่วย
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย”
ร่างกายเธอน่ะไม่เป็นไร...แล้วใจล่ะ หายดีแล้วเหรออโรร่า
คำถามในใจของแฟรงค์ แต่ก็ไม่อยากพูดออกไปให้เพื่อนต้องคิดมาก หายไปสองวันเต็มๆคงพอช่วยให้เธอคิดนี้คิดอะไรออกบ้าง แต่ถึงจะคิดออกนั้นก็อยู่ที่ว่าเธอเลือกทำตามที่คิดไหม หรือจะยอมเดินทางที่เจ็บปวดนี้ต่อไป
“คาร์เตอร์กับเอริคล่ะ ไหนบอกวันนี้จะมาหอสมุดพร้อมเธอ”
“อากาศที่ลอนดอนคงน่านอนล่ะมั้ง” แฟรงค์ตอบลอยๆ มองขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้างสีเทา เมฆขมุกขมัวคงเหมือนในใจของผู้หญิงข้างๆเขาแน่ๆ เขาคงต้องยอมรับตามตรงว่าไม่เข้าใจเพื่อนสาวข้างๆคนนี้เลย ในเมื่อมีใจให้กันไปแล้ว ยังคิดกลัวอะไรอีก จะมาทรมานใจตัวเองไปเพื่อใครกัน เพราะตัวเขาเป็นแบบนี้ความรักสำหรับเขามันจึงไม่ยั้งยืนนัก ตอบตามตรงว่าอดเสียดายแทนเพื่อนไม่ได้จริงๆ
“ออโรร่า อากาศหนาวแล้ว ฉันว่าพรุ่งนี้พันผ้าพันคอมาด้วยดีกว่านะ” แฟรงค์บอกอย่างห่วงใย เดือนพฤศจิกายนอุณหิภูมิต่ำลงทุกวัน อดห่วงใยสุขภาพกายของเพื่อนไม่ได้ ส่วนเรื่องสุขภาพใจเขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากคอยเป็นกำลังใจ
“ฉันลืมน่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง” ยิ้มกว้างรับความห่วงใย ระหว่างทางที่เดินมาห้องเรียนทั้งคู่ต่างพากันเงียบ แฟรงค์รู้ดีว่าเพื่อนคงอยากจะคิดทบทวนเรื่องต่างๆตามลำพัง แต่ติดที่เป็นคนมีความรับผิดชอบเกินกว่าจะขาดเรียนนานเกินถึงสามวันโดยไม่ป่วยได้
“เฮ้ สาวๆ” เสียงทักทายดังมาจากด้านหลัง เสียงทุ้มแต่ร่าเริงที่คุ้นเคย คำว่า’สาวๆ’ ไม่ได้ทำให้แฟรงค์โกรธเคืองอะไร เพราะสำหรับเขาเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เจอประจำ ออโร่ากับแฟรงค์ชลอฝีเท้ารอคนเรียก
“มาสายนะนายสองคน” แฟรงค์หันไปแขวะเอริคกับคาร์เตอร์ ก่อนจะโยนหนังสือกองโตให้เอริค ส่วนคาร์เตอร์ก็รู้หน้าที่ดี เอื้อมมือไปคว้าหนังสือจากอ้อมแขนของหญิงสาวคนข้างๆ อีกฝ่ายส่งยิ้มหวานให้แทนคำขอบคุณ
“ก็ยังดีกว่าไม่มาล่ะนะ” ออโรร่าบอกเบาๆ ตลอดทางเดินไปยังห้องเรียนหญิงสาวรู้สึกว่ามีคนมากมายมองเธอ อยากหันไปถามเพื่อนข้างๆแต่ก็กลัวว่าตัวเธอจะคิดไปเองคนเดียว
“มองอะไรกันหนักหนาย่ะ” แฟรงค์บ่นเบาๆ ขณะที่ไม่ลืมหันไปส่งตาจิกกัดไปทางสาวๆที่มองมายังเพื่อนของเธอ
“อย่าสนใจเลยออโรร่า ไปเถอะ” แฟรงค์บอกก่อนจะลากเพื่อนสาวให้เดินไปให้พ้นจากสายตาของใครต่อใคร และนั้นก็ยิ่งทำให้หญิงสาวผู้ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นยึดมือเพื่อนไว้ ก่อนจะถามอย่างข้องใจว่า
“เกิดอะไรขึ้นแฟรงค์ มีอะไรเหรอ” เลิกคิ้วถามอย่างสงสัย มองเพื่อนคนนั้นทีคนนี้ที แต่ล่ะคนมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
“คาร์เตอร์ บอกมา” ในที่สุดก็เลือกคนที่จะคาดคั้นได้ และดูเหมือนคาร์เตอร์ที่มความเป็นผู้ใหญ่ที่สุดจะโชคร้ายที่สุด
“บอกมานะ” คาร์เตอร์กรอกตามองขึ้นฟ้าอย่างเหนื่อยใจ ไม่อยากบอกก็ไม่อยากบอก แต่เขาก็มีภูมิต่ำสำหรับสายตาของเพื่อนคนนี้ กับคนอื่นถ้าเขาไม่อยากจะบอกให้เอาอะไรมาง้างปากก็ไม่มีทางพูด แต่กับเธอ แค่นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นก็ทำให้เขาคายอะไรต่อมิอะไรออกมาหมด
“เฮ้อ...” ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ก่อนตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในสองวันที่เธอไม่มาให้ฟัง
“งั้นเหรอ” นัยน์ตาคู่สีฟ้าหม่นลงหลังจากรู้เรื่อง ข่าวกระจายออกมาจากทีมว่ายน้ำว่าเธอทำนักว่ายน้ำดาวรุ่งอกหัก ไม่เป็นอันกินอันนอนหยุดมาซ้อมสองวันเท่ากับที่เธอขาดเรียน แน่นอนสำหรับนักกีฬาการหยุดซ้อมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในขณะที่เราหยุดคู่แข่งคนอื่นของเราไม่ได้หยุด
“อย่าไปสนใจคนอื่น มันเป็นเรื่องของเธอกับเอียน” คาร์เตอร์ปลอบใจ ขณะที่แฟรงค์กลุ้มมือเพื่อนสาวไว้อย่างให้กำลังใจ รู้ดีว่าออโรร่ารู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ใช่ว่าตัวเธอเองจะไม่เจ็บปวด
“ออโรร่า ขอถามอะไรสักอย่างได้ไหม” เอริคตัดสินใจถามในที่สุดท่ามกลางสายตาขุ่นเคืองของเพื่อนทั้งสองคน เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าพยักหน้าอนุญาต
“ทำไมทำแบบนั้น” คำถามดูคุ้มเคลือ แต่คนฟังกลับเข้าใจดีว่าเพื่อนหมายถึงเรื่องอะไร
“เพราะไม่อยากเจ็บไง” ตอบคำถามสั้นๆ คำตอบที่เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว
“ทำไมคิดแบบนั้นออโรร่า ไม่สงสารเอียนหรือไง” คำถามจากแฟรงค์ที่กลุ้มมือเธออยู่ เจ้าของดวงตาสีฟ้าเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย สารคัดหลั่งทำให้ดวงตาเอ่อล้นเต็มไปด้วยของเหลว
“เพราะสงสารไงถึงได้ทำแบบนี้ ฉันไม่กล้ารักใครหรอกนะแฟรงค์” คำตอบสั้นๆ น้ำตาที่ร่วงล้นถูกปราดออกอย่างไม่ใยดี
“ชีวิตที่ไม่มีใครจะมีความสุขเหรอออโรร่า” เอริคถามในที่สุด เป็นคำถามชวนสะอึ้กของเพื่อนอีกสองคนแต่คนถูกถามกลับยิ้มบาง
“ไม่มีความสุขเท่าที่ควรแต่ก็ไม่ต้องเจ็บปวดเมื่อจากไป”
หน้าต่างกระจกบานใสถึงแม้ข้างนอกจะเงียบสงบหากแต่ในใจของคนในห้องกลับไม่ได้เป็นไปตามนั้น ร่างสูงหากแต่ไม่ได้ผอมบาง ไหล่กว้างสมเป็นนักกีฬา เอียนยืนมองวิวทิวทัดของแม่น้ำเทมส์ในยามค่ำคืน แม่น้ำสายหลักของลอนดอนยามค่ำดูเงียบเหงาผิดแผกไปจากทุกวัน หรือมันเป็นเพราะหัวใจเขากันแน่ ถอนหายใจหนักๆ เธอกับเขาไม่ได้อยู่ห่างกันเลย แต่เขากลับเข้าถึงเธอไม่ได้ ถ้าเธออยู่ไกลกว่านี้ มันคงมีข้ออ้างให้เขาพอทำใจได้บ้าง
อคติกับความรัก
คำบอกเล่าที่แอนนาเคยบอกเขา แต่มีบางครั้งที่เขาก็คิดว่าบางทีเขาอาจจะทำให้เธอเลิกมีอคติกับมันได้ แต่ดูจากวันนั้นแล้วเขาคงทำไม่สำเร็จ เขายังหาสาเหตุของการมีอคติของเธอไม่ได้ แต่เท่าที่ได้รู้จักกับเธอมาครอบครัวของเธออบอุ่น เธอมีน้องชายที่หวงพี่สาว มีแม่ที่ใจดีและพ่อที่อบอุ่น แถมพี่สาวที่แสนห่วงใย เขายังไม่เข้าใจว่าคนที่ได้รับการเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่อบอุ่นแบบนั้น จะหันหลังให้ความรักที่น่าจะสวยงามสำหรับเธอได้
เสียงออดหน้าประตูห้องดังเรียกความสนใจจากเจ้าของหนุ่ม คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย มองดูหน้าปัดนาฬิกาฝาผนัง ยังไม่ดึกเท่าไหร่สำหรับการมาโดยไม่ได้นัด เอียนเดินไปเปิดประตูห้อง หากแต่เขากลับไม่เจอใครเลยที่หน้าประตู มีเพียงถุงกระดาษสีน้ำตาลใบเล็กแขวนไว้ที่ลูกบิดสีทอง และเป็นอีกครั้งที่คิ้วของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย หยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลขึ้นมาพิจารณาก่อนจะเปิดมันออก แบล๊คช๊อคโกแลตนอนอยู่ที่ก้นถุง พร้อมกับกระดาษสีขาว เอียนมองซ้ายมองขวาอีกครั้งและเมื่อไม่เห็นใครเขาจึงปิดประตูลงเบาๆ หยิบกระดาษสีขาวแผ่นมาขึ้นมาเปิดอ่าน
ข้อความในนั้นทำให้หัวใจของเขาพองโตราวกับมันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังจากมันเต้นตามหน้าที่มาตลอดสามวันที่ผ่านมา ข้อความสั้นๆแต่มันกลับมีความหมายสำหรับเขาเหลือเกิน แค่นี้ก็เพียงพอ เพียงพอที่จะทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้อย่างไม่เจ็บปวดมากนัก
“ลายมือสวยจัง” พึมพำเบาๆ ยิ้มให้กับกระดาษแผ่นนั้น ราวกับกำลังยิ้มให้เธอ เหมือนกับเธอยืนอยู่ตรงหน้าและบอกคำๆนี้กับเขา คำที่เขาไม่อยากจะได้แต่มันก็ยืนยันว่าเธอยังใส่ใจเขาอยู่
ขอโทษนะค่ะ
ความคิดเห็น