คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Swimming Pool : เธอหรือหยิ่ง? Part One
Swimming Pool : เธอหรือหยิ่ง? Part One
เสียงน้ำในสระแตกกระจาย นกวีด เสียงตะโกนบอกเวลา ตะโกนบอกการจัดระเบียบร่างกาย แขนยาววาดวงกว้าง เงยหน้าขึ้นมาหายใจเป็นระยะ ก่อนมือจะแตะขอบสระ
“เวลาดีขึ้นนะเอียน” โค๊ชวัยกลางคนบอก ขณะที่เจ้าของเวลาอ้าปากสูดอากาศเข้าปอด หายใจถี่ เพิ่มการแลกเปลี่ยนแก๊สเข้าออกร่างกาย
“วันนี้พอแค่นี้แหละ เจอกันพรุ่งนี้”
“ครับ โค๊ชคาร์ล” เอียนรับคำสั้นๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นมานั่งที่ขอบสระ มองลึกลงไปที่ก้นสระว่ายน้ำ แม้ที่นี่จะไม่ได้เป็นท้องทะเลหรือทะเลสาบ แต่ก็มีองค์ประกอบของน้ำที่มักสร้างความเวิ้งว้างในใจเขาเสมอ เขาชอบน้ำ แต่ก็รู้สึกโดดเดียวเวลาเดียวกันที่ได้มอง
“เฮ้...คนเก่ง” เอียนหันไปมองคนทักช้าๆ พอจะจำน้ำเสียงหยันๆแบบนี้ได้อยู่บ้าง
“ไงโทนี่” โทนี่นักว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยอีกคน เอียนยอมรับในความสามารถของเพื่อนร่วมทีม แต่ด้วยนิสัยที่ดูจะไปคนละทาง ทำให้เขาเลือกที่จะเสวนากับคนคนนี้ให้น้อยที่สุด เพื่อลดการปะทะอารมณ์ระหว่างกัน
“โค๊ชเดินชมนายออกไปอีกแล้ว เห็นบอกเวลาของนายดีขึ้นอีกแล้วเหรอ”
“ทำนองนั้นแหละ” เอียนยักไหล่ตอบ ประมาณว่าเรื่องที่เกิดขึ้นสำหรับเขามันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือเรื่องน่าตื่นเต้นอะไร แต่กลับอีกคนท่าทางของเอียนดูจะยั่วประสาทเขาได้ดี โทนี่กับเอียนเข้ามาว่ายน้ำให้มหาวิทยาลัยพร้อมๆกัน แต่พรสวรรค์ของเอียนทำให้เขาก้าวหน้ากว่าทุกๆคน รวมทั้งตัวโทนี่เองด้วย และนั้นทำให้เขาอดนึกริษยาเพื่อนร่วมทีมไม่ได้ ทั้งที่เขาซ้อมมากกว่า แต่ก็ไม่เคยไล่ตามคนตรงหน้าทันสักครั้ง ไหนจะยังชื่อเสียงและการจับตามองจากคนทั้งมหาวิทยาลัยและแวดวงนักว่ายน้ำนั้นอีก
“ได้ยินข่าวว่านายกำลังคบกับสาวสัตวแพทย์อยู่เหรอ” คำถามเหมือนชวนคุย แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คบเหรอ นายไปเอามาจากไหนกัน” เอียนไม่ตอบคำถาม ทั้งยังถามกลับด้วย
“แหม นายเป็นตั้งนักว่ายน้ำคนดังนะ มีหรือที่ใครๆจะไม่รู้ว่านายกำลังสนใจสาวคนไหนอยู่ แต่คนนี้ขอเตือนด้วยความหวังดีนะ อย่าไปยุ่งกับเธอเลย” คำเตือนชวนให้เลิกคิ้วถาม
“เธอเป็นคนที่ได้ชื่อว่าหยิ่งมากแถมยังแสนจะเย็นชา เรียนที่นี่มาสามปีไม่เคยมีใครไปส่งเธอที่บ้านได้เลยสักคน” คำบอกเล่าถึงแม้น้ำหนักจะบางเบาไปสักหน่อย แต่ก็อดเรียกรอยยิ้มจากเอียนไม่ได้ แอบภูมิใจเล็กๆที่เขาเป็นคนแรกในรอบสามปี ถึงจะได้รับการอำนวยความสะดวกจากเพื่อนของเธอก็เถอะ
“งั้นเหรอ ขอบใจนายที่เตือน” พูดจบก็พุ่งตัวลงไปในสระอีกรอบเป็นการยุติการสนทนาโดยสมบูรณ์ คราวนี้เขาว่ายช้าๆ เอื้อยๆ ผ่อนคลายอารมณ์ ไม่จำเป็นต้องทำเวลาอะไร แค่ว่ายไปตามใจชอบ ปล่อยใจให้คิดถึงใครบางคน...
คนที่เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงคิดถึง ผู้หญิงที่แสนเย็นชาคนนั้น เธอยิ้มให้กับทุกคนยกเว้นเขา ผู้หญิงที่พยายามเข้าใกล้เท่าไหร่ ก็เหมือนยิ่งห่างออกมาเท่านั้น
ฝนดูเหมือนจะเป็นสภาพอากาศที่เจอบ่อยพอสมควรของลอนดอน เจ้าของคอนโดฯหรูริมแม่น้ำเทมส์ นั่งอยู่ริมหน้าต่างกระจกใสบานกว้าง มองสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ท้องฟ้ามืดครึ้ม ในมือมีแก้วกาแฟสีเหลืองใบใหญ่แต่ใส่ชาที่ส่งควันขาวออกมา ช่วยเพิ่มอุณหภูมิให้กับร่างกาย แมวอ้วนนอนคลอเครียอยู่ที่ปลายเท้า ท้องฟ้าสีเทาชวนทำให้เกิดอารมณ์เหงาๆ
ออโรร่านั่งคิดถึงผู้ชายคนหนึ่ง ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ดูเหมือนเขามักจะมีส่วนร่วมกับชีวิตประจำวันของเธอมากขึ้น ผู้ชายที่เธอแทบจะไม่รู้จักเลยนอกจากชื่อ ทำไมเขาถึงเข้าใกล้ตัวเธอได้ถึงขนาดนี้ ทำไมช่องว่างต่างๆที่เคยสร้างไว้เพื่อรักษาระยะห่างสำหรับหลายๆคนที่เข้ามา ทำไมถึงใช้มันไม่ได้กับเขา อดแปลกใจกับความใจอ่อนของตัวเองไม่ได้ เขาคนนี้มีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นอย่างนั้นหรือ
“ออกัส แกคิดว่าไง หือ” เธอก้มหน้าลงไปถามแมวอ้วนที่นอนกองอยู่ปลายเท้า เจ้าตัวสีส้มแสนขี้เกียจทำเพียงยกหัวขึ้นมามองเจ้านายสาว ก่อนจะนอนหมอบลงไปเหมือนเดิม เจ้าของมองอาการขี้เกียจอย่างระอา แต่ก็ยังยิ้มบางเอ็นดูสัตว์เลี้ยงตัวโปรด
“ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ของฉันสินะ” เธอก้มลงพูดกับมัน
ไม่เคยคิดอยากมีความรัก ไม่อยากรู้ด้วยซ้ำว่าความสุขที่ได้จากความรักเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่เธอประสบพบเจอมากับตัวนั้น บอกได้อย่างดีแล้ว น้อยคนนักจะได้รับความสุข เพื่อนเธอหลายคนบอกว่า มันมีความสุขในความทุกข์นั้น ดีใจที่มีใครให้คอยห่วง มีความสุขที่ได้ดูแลใครสักคน ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่อยากได้รับการดูแลนั้นเลยก็ตาม
‘เหนื่อยจังเลย’ เธอจำที่เอริคเดินเข้ามาในห้องสมุด แล้วบ่นลอยๆกับเธอ ใบหน้าเหนื่อยๆ แต่แววตากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
‘ไปเหนื่อยอะไรมาเอริค’
‘เมื่อเช้าไปส่งแซนดร้าขึ้นเครื่องเมืองตอนตีห้า หลังจากนั้นก็นอนไม่หลับเลย”
‘ทำไม’ ก็แค่ส่งแซนดร้าขึ้นเครื่องกับนอนไม่หลับ มันจะเหนื่อยอะไรหนักหนาล่ะ
‘ก็มันคิดถึงนี่’ ออโรร่ายกมาฬิกาข้อมือดูเวลา ตอนนี้เที่ยงนิดๆ ห่างกันยังไม่ถึงสิบสองชั่วโมง เจ้าตัวบ่นว่าคิดถึงหนักหนา
‘อย่ามองเป็นเรื่องไร้สาระออโรร่า’ เอริคบอกอย่างรู้ทัน มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเพื่อนตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่...ไม่เคยเชื่อในความรัก
‘เหนื่อย แล้วทำทำไม มีความสุขนักเหรอ’ ออโรร่าถามอย่างไม่เข้าใจ เอริคตามจีบแซนด้ามาเกือบสองปีแล้ว แต่ดูสาวสวยคนนั้นจะไม่ได้ให้ความสัมพันธ์เกินคำว่าเพื่อนกับเพื่อนเธอสักเท่าไหร่ แต่ตัวเอริคเองก็ไม่มีแววว่าจะเลิกยุ่งกับเธอ มีบางทีบ่นว่าท้อ แต่ก็ยังค่อยดูแลเธอไม่ห่าง...แล้วความสุขมันอยู่ตรงไหนกัน
‘มีสิ ไว้เธอมีความรัก แล้วเธอจะเข้าใจว่าการได้ทำอะไรให้คนที่เรารัก เหนื่อยแค่ไหนก็ยินดี จำคำฉันไว้ ขอแค่มีที่ว่างให้หายใจ’
คำพูดของเอริคยังดังก้องในหู ไว้เธอมีความรักงั้นเหรอ คิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสสัมผัสหรอก เพราะเธอไม่อยากเจ็บ ไม่อยากรู้สึกถึงการสูญเสีย ไม่อยากรับรู้ถึงการจากลา ไม่อยากเจ็บปวดเพื่อใคร
เธอรักแค่ตัวเองเท่านั้น
คอมพิวเตอร์PCถูกเปิดขึ้นในห้องทำงานข้างๆห้องนอน เจ้าตัวว่างแก้วกาแฟสีเหลืองใบโตลงบนที่รองแก้ว ระหว่างรอวินโดรทำงานเรียบร้อย เธอก็มองดูรอบๆห้องที่มีหนังสือเต็มชั้นไปหมด ตั้งแต่การ์ตูนจนไปถึงตำราเรียน MSN โปรแกรมสนทนาที่ตั้งเข้าระบบแบบออโต้ไว้ก็เชื่อมต่อตัวเองทันที ออโรร่าคลิกเปิดจดหมายอิเล็คโทรนิคอ่าน บางอันเป็นโฆษณาที่เธอเลือกลบทิ้งทันที ไม่คิดจะเปิดอ่านรับไวรัสเข้าเครื่อง อีเมล์บางฉบับเป็นของเพื่อนอินเตอร์เน็ทบางคนที่เข้าไปอ่านไดอารี่ออนไลท์ที่เธอทำเป็นงานอดิเรก ออโรร่านั่งอ่านอีเมล์ที่ส่งมาชื้นชมบ้าง ส่งมาขอคำปรึกษาบ้าง แต่คนอ่านก็ทำเพียงยิ้มรับคำชม และส่ายหน้าเบาๆกับการขอคำปรึกษา
เธอจะให้คำปรึกษาใครได้ ในเมื่อตัวเธอเองก็ยังไม่เคยได้สัมผัสมันเลย...ความรัก
ไม่เห็นอยากรู้จักกับมันเลย ก็แค่ความรู้สึกที่สร้างความเจ็บปวดให้ภายหลัง...เจ็บเจียนตาย และเพื่อป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวดนั้น ต้องอยู่ห่างๆเขาคนนั้นเอาไว้...
Alfa Romeo คันสีดำหน้าตึกที่เรียน เมื่อเจ้าของรถเดินลงมาก็กลายเป็นที่จับตามองของคนทั้งบริเวณ บ้างกระซิบกระซาบกัน บ้างก็มองมาอย่างไม่คิดรักษามารยาท ทำให้คนที่สมควรจะชินกลับรู้สึกรำคาญกับการถูกจับตามอง เอียนหยิบกระเป๋าเอกสารพร้อมกับกระเป๋าใส่เลปท๊อปเดินผ่านกลุ่มคนมากมาย
“ไฮ...เอียน” เสียงทักทายดังตลอดทางเดิน ถึงแม้จะรำคาญแต่ก็ยังยิ้มรับบางๆ ตามแบบที่เคยทำ
“ทางนี้เอียน” ราฟาเอลยกมือเป็นสัญญาณให้เพื่อนที่เดินเข้ามา เอียนเดินตรงไปหาเพื่อน ก่อนจะนั่งลงข้างๆที่ยังว่างอยู่
“วันนี้ดูนายอารมณ์ไม่ดี” ราฟาเอลสังเกตุสีหน้าเพื่อนแล้วอดถามไม่ได้ ปกติเอียนเป็นคนอารมณ์ดี ไม่ค่อยจะมีสีหน้าเคร่งเครียดแบบนี้สักเท่าไหร่
“ทำนองนั้น” ตอบแบบขอไปที เปิดเลปท๊อปของตัวเองแล้วก็ละความสนใจจากเพื่อนข้างๆทันที ราฟาเอลก็ไม่คิดจะถามต่อเพราะรู้ว่าถ้าเอียนอยากเล่า เขาก็จะเล่าให้ฟังเอง ไม่ต้องมาเดือดร้อนตั้งคำถามอะไรให้มากมาย
เมื่อสร้างโลกส่วนตัวขึ้นกลางห้องเรียนขนาดใหญ่ เอียนคิดถึงใครบางคนที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์เขา หายตัวไปเฉยๆ จะไปหาเธอที่ห้องก็ไม่กล้า กลัวเธอจะรำคาญ แต่อยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรแบบนี้ก็อดหงุดหงิดไม่ได้ เขาไปทำอะไรไม่ถูกใจเธอหรือไง ทำไมถึงหายหน้าไปเฉยๆแบบนี้ เห็นทีวันนี้ต้องทำอะไรสักอย่างก่อนเขาจะหงุดหงิดตาย
อากาศหนาวๆของเดือนพฤศจิกายนใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล บ้างร่วงลงพื้น บ้างก็ยังคงอยู่บนต้นของมัน สายลมที่พัดมาทำเอาร่างบางยกมือขึ้นกระชับเสื้อโค๊ชสีขาวยาวถึงหัวเข่าให้แน่นขึ้น เพื่อกันไม่ให้ลมรอดเข้ามาทำลายความอบอุ่นที่มีอยู่ข้างใน
“หนาวหรือครับ” เสียงทุ้มๆทักมา เสียงให้คนที่ก้มหน้าก้มตาเดินหยุดชะงัก พอจะจำได้ดีว่ากระแสอบอุ่นประหลาดนี่เป็นของใคร
“เอียน” เอียนยิ้มรับบางๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าใกล้
“หนาวจังนะครับ” เอียนชวนคุย มองหน้าขาวๆที่เริ่มซีดเพราะอากาศเย็น
“วันนี้ไม่มีซ้อมว่ายน้ำเหรอไง” เอียนยิ้มบางๆและส่ายหน้าช้าๆให้เป็นคำตอบ และไม่ได้ขยายความต่อว่าที่เขาไม่ได้ไปซ้อมว่ายน้ำ เพราะมาดักรอเธอที่นี่
“ไปเดินเล่นกันไหมครับ” เอียนเอ่ยชวน จากที่ดูเธอคงไม่ได้ขับรถมา เขาเองก็เหมือนกัน ลงทุนขับรถไปจอดที่คอนโดฯแล้วก็ขึ้นรถไฟมาดักรอเธอที่นี่
“เอ่อ...คือ...” คนที่พยายามอยู่ห่างๆเขาพยายามหาคำปฎิเสธ แต่ว่าดูเหมือนแต่ล่ะข้อที่อยู่ในหัวไม่มีเหตุผลพอจะบอกปฏิเสธเขาเลย ไม่เข้าใจตัวเองทำไมไม่เลือกพูดจาทำร้ายจริงใจเขาไปเลย เหมือนที่ทำกับใครหลายๆคน
“ก็ได้” จำใจตอบรับไป ทั้งๆที่ใจตอนนี้อยากเว้นระยะห่างของเธอและเขา
ความคิดเห็น