คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Lover...3. [70%]
Lover
3.
“วันนี้ทำอะไรกิน” เสียงร่าเริงดังมาตามสาย ขณะที่อีกคนเอียงคอหนีบโทรศัพท์ มือก็ล้างผัก ปากก็ขยับคุยกับอีกฝ่าย และมันเป็นแบบนี้มาเกือบสัปดาห์แล้ว จากไม่คุ้นเคยกลายเป็นว่าเมื่อถึงเวลา ก็จะต้องถือโทรศัพท์ไว้ในมือ หรือจะหงุดหงิดทุกครั้งที่เขาโทรมาผิดเวลา
“สลัด”
“อีกแล้วเหรอ” ปลายสายถามอย่างแปลกใจ ตั้งแต่ทำความรู้จักกันมา ผู้หญิงคนนี้ก็กินแค่สลัดเป็นมื้อเย็นจนเขาแปลกใจ
“ทำไมกินแค่สลัดล่ะ”
“ตอนเย็นๆใครก็กระแทกของหนักเข้าปากเหมือนเธอล่ะ เขาให้ท้องว่างก่อนนอนสามชั่วโมง” ฮอลลี่บอกอย่างอ่อนใจ จะบอกได้ยังไงล่ะที่เธอหันมากินสลัดแทนพวกเนื้อสัตว์ในมื้อเย็นก็เป็นเพราะเขา ไม่อยากเป็นยัยอ้วนเอวยี่สิบแปดอย่างที่แคทเทอรีนเคยบอก
“อ้าว จริงเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” อีกฝ่ายถามอย่างแปลกใจ ปากเขาคุยโทรศัพท์กับเธอก็จริง แต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือในหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย
“จริงสิ เคยได้ยินไหมที่เรามักฝันร้ายเพราะกินมากเกินไปน่ะ มันเนื่องมาจากว่ากระเพาะอาหารเรายังทำงานอยู่” อธิบายข้อข้องใจให้ฟัง เธอเองก็เคยอ่านมาจากนิตยาสารความงามมาเหมือนกัน
“โห เก่งนะเธอเดนี้ย แบบนี้เรียนหมอเลยดีกว่า” แสร้งทำเสียงตื่นตกใจชวนหมั่นไส้
“ไม่เอาล่ะ ฉันไม่อยากแบกรับชีวิตใคร แค่ชีวิตตัวเองยังไม่รอดเลย” ปากพร่ำบ่น มือก็หั่นผัก
“ระวังมีดบาดนะ” เสียงเตือนทำเอาชะงัก หากแต่เผลอขยับมือ จากหันผักกลายเป็นบาดมือตัวเอง
“โอ้ย!” เสัยงอุทานดังมาจากอีกฝ่าย ทำให้วิลเลี่ยมเลิกสนใจกับตัวหนังสือ หันมาสนใจปลายสายแทน นัยน์ตาฉายแวววิตกกังวลเล็กน้อย
“เฮ้...โอเคไหม” ถามไปอย่างห่วงใย หวังว่าเธอจะไม่บาดเจ็บอะไรมาก วิลเลี่ยมหลับตาลง นึกโทษตัวเองไม่น่าพูดแบบนั้นออกไป
“โอเคๆ ไม่เป็นอะไรมาก” ปากบอก ขณะยื่นมือเข้าใกล้น้ำที่ไหลลงมากจากก๊อก
“ว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันหั่นผักอยู่ มีตาวิเศษหรือไง” ฮอลลี่ถามขณะที่หยิบกระดาษอเนกประสงค์มาเช็ดบาดแผลที่นิ้วชี้ข้างซ้าย
“ก็เธอน่ะตอบฉันช้า เพราะเอาสมาธิไปจดจ่อกับการหั่นผัก ใช่ไหมล่ะ” คำอธิบายทำเอาคนฟังคลียิ้มกว้าง ดีใจลึกๆ เขาสังเกตุเธอขนาดนี้เลยหรือ
“ขอโทษนะ” คำขอโทษจากปากอีกฝ่าย ทำเอาฮอลลี่ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย เขาไม่ได้ทำอะไรผิดจนต้องขอโทษนี่
“เรื่องอะไร”
“ถ้าฉันไม่พูด มีดก็คงไม่บาดมือเธอ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิดทำเอาฮอลลี่ยิ้มกว้างอีกครั้ง
“ไม่ต้องยิ้มเลยนะ” อีกฝ่ายบอกราวกับตาเห็น ฮอลลี่แปลกใจทุกครั้งที่เขามักเดาสีหน้าเธอออกทางโทรศัพท์ เคยถามไปหลายหน แต่ก็ได้รับคำตอบเพียงเสียงหัวเราะร่าเริงของ
‘เธอจะรู้ไปทำไม’
ข่าวการคบหาดูใจของทั้งคู่ตกเป็นหัวข้อสนทนารายวัน มีข่าวมากมายแพร่ขยายเป็นวงกว้าง จากเคยเครียดกลายเป็นเรื่องเคยชินและแสนจะธรรมดาเมื่อได้ยิน ตามทางเดินมานักเรียนหลายคนมองคนที่เดินอยู่ตรงกลางทางเดิน เด็กสาวนัยน์ตาสีเทากับผมสีบลอนด์ เมื่อก่อนเธอเป็นเพียงคนที่แทบจะไร้ตัวตนในโรงเรียน หากแต่ตอนนี้กลับไม่มีใครไม่รู้จักเธอในฐานะ ‘สาวคนใหม่ของวิลเลี่ยม’
“วันนี้เธอจะทำกิจกรรมชมรมหรือเปล่า” วิลเลี่ยมถามขึ้นระหว่างรอให้อีกฝ่ายจัดการหยิบของจากล๊อคเกอร์ของตัวเอง
“ว่าจะไปสักหน่อยนะ ไม่ได้เข้าไปหลายวันแล้ว” หยิบพจนานุกรมออกจากล๊อคเกอร์ใส่กระเป๋า เดินไปหาอีกฝ่ายที่ยืนรออยู่ การมารออีกฝ่ายหยิบของในล๊อคเกอร์และเดินไปส่งหน้าห้องเรียน กลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำทุกวันไปแล้ว
“เย็นนี้เจอกันนะ” วิลเลี่ยมบอกก่อนจะเดินจากไปยังห้องเรียนของตัวเอง ฮอลลี่มองตามจนลับตาและนั่นทำให้เธอยอมเดินเข้าห้องเรียนของตัวเองบ้าง สายตาของเพื่อนๆในห้องมองเธอเปลี่ยนไป จากเด็กสาวที่มีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว ก็กลายเป็นสาวป๊อปปูล่า เพื่อนมากมายอย่างคุยกับเธอ การเป็นเพื่อนสนิทเธอทำให้สามารถเข้าใกล้ชมรมฟุตบอลที่มีนักเตะให้เลือกสรรมากมาย ถึงวิลเลี่ยมจะเป็นกัปตันทีม แต่ก็นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเขาเพียงคนเดียวที่ตกเป็นที่หมายปองของสาวๆ
“ฮอลลี่ สวีทแต่เช้าเลยนะ” เสียงแซวจากเพื่อนในห้องที่นั่งจับกลุ่มคุยกัน หากแต่ฮอลลี่กลับทำเพียงส่งยิ้มบาง ไปให้ ไม่ได้เข้าไปนั่งรวมกลุ่ม เธอทำเพียงเดินเลยไปยังที่นั่งของตัวเอง แต่เมื่อเธอทรุดนั่งลง เด็กสาวที่นั่งจับกลุ่มคุยกันก็ย้ายกลุ่มมานั่งรวมกับเธอ
“นี่ๆ ฮอลลี่ วิลเลี่ยมเป็นยังไงบ้าง ใจดีไหม นอกจากเล่นบอลแล้วเขามีเรื่องอื่นที่เก่งอีกหรือเปล่า” คำถามเกี่ยวกับวิลเลี่ยมผลังพรูออกมาจากปากของเพื่อนหลายๆคน และแต่ล่ะคนล้วนแต่สนใจเรื่องของวิลเลี่ยมทั้งนั้น
“เอ่อ...คือ...เรายังไม่สนิทกันขนาดนั้น เราก็แค่เพื่อนกัน” ฮอลลี่ยอมรับว่าเธอทำตัวไม่ถูก บอกตามจริงเธอเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาๆ อยู่ๆก็มีคนมารุมล้อมมันก็ทำให้เธอทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
“แต่ที่ฉันได้ยินมา วิลเลี่ยมประกาศกลางชมรมฟุตบอลเลยนะว่าเธอคบกับเขา” เพื่อนเธอถาม ทำตาระยิบระยับมองอย่างจับผิด ฮอลลี่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษ ทุกคนต่างพากันมาคาดคั้นเธอ ทั้งๆที่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องรู้สักหน่อย
“เอาล่ะ แยกๆ กลับไปสถิตอยู่ในที่ของพวกเธอได้แล้ว และนั่น...” เสียงโวยวายดังมาจากคนมาใหม่ แคทเทอรีนชี้ไปที่เก้าอี้ประจำของเธอ ซึ่งตอนนี้มีเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งนั่งจับจ้องอยู่ และปฏิกริยาเย็นชาของแคทเทอรียทำให้อีกฝ่ายรีบลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วราวกับเป็นของร้อน และความสงบสุขก็กลับมาเยือนฮอลลี่อีกครั้ง
“เธอนี่ มีปากเอาไว้หุบจริงๆนะย่ะ” แคทเทอรีนว่าเพื่อนสนิทอย่างหมั่นไส้ แอบมองอยู่นานแล้วกว่าจะยอมเข้ามาช่วย เห็นท่าทีแบบนั้นของเพื่อนแล้วมันก็อดหงุดหงิดไม่ได้จนต้องยื่นมือเข้ามาช่วย
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ก็พวกนั่นเล่นพูดๆ จนฉันไม่รู้จะพูดแทรกตรงไหนเลย” ฮอลลี่พูดเสียงอ่อย ถอนหายใจเบาๆ
“เฮ้อ...เธอนี่ล่ะหนา” แคทเทอรีนบ่นเพื่อนอย่างเหนื่อยใจ แต่นี่ก็เป็นนิสัยส่วนตัวที่เป็นมานานแล้ว เพราะฉะนั่นจะให้ปรับเปลี่ยนอะไรตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วแหละ
“นี่แล้วสรุปเธอกับวิลล์น่ะถึงไหนแล้วย่ะ เล่าให้ฟังมั้งสิ” แคทเทอรีนบอก พร้อมทั้งเรียกชื่ออีกฝ่ายซะสนิทสนมจนน่าหมั่นไส้
“เล่ามาสิเล่ามา” ว่าแล้วก็ขยับเข้าใกล้เพื่อนเข้าไปอีก ฮอลลี่ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ก็จำใจต้องเล่าให้ฟัง เพราะดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมถอยง่ายๆถ้าไม่ได้คำตอบที่พอใจ
“ไม่มีอะไรหรอก เธอคิดว่าคนมีเสน่ห์อย่างนั้นน่ะจะมาสนใจคนแบบฉันได้ไง” ฮอลลี่พูดอย่างเหนื่อยใจ การได้เข้าใกล้เข้ามากขึ้น ไม่ได้เพิ่มความมั่นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอได้เลย
“อะไรของเธอ มันก็เห็นชัดอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“อะไรเห็นชัด มันไม่ใช่แค่การกระทำหรอกนะที่จะยืนยันได้น่ะ คำพูดเองก็สำคัญจะเคท” ฮอลลี่บอก นัยน์ตาคู่ที่เทายังมีแววกังวลให้ได้เห็น
“ไม่ใช่ทุกคนสักหน่อยที่จะเห็นคำพูดสำคัญ เธอเองก็น่าจะปล่อยว่างซะบ้าง” แคทเทอรีนบอกเพื่อนสาว
“เคท เขาเป็นคนดังนะ ฉันไม่อยากทึกทักไปเอง” คำตอบของเพื่อนทำให้แคทเทอรีนเข้าใจดีว่า เพื่อนของเธอไม่มีคำว่า ‘เล่นๆ’ อยู่ในหัวสมองเลย ทุกอย่างในชีวิตเต็มไปด้วยความจริงจัง
“เฮ้อ...” สุดท้ายก็ทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ
ความคิดเห็น