คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Before I Fall I Love : กลับมาได้ไหม? Part One
Before I Fall I Love : กลับมาได้ไหม? Part One
สระว่ายน้ำในโรงยิมส์ถูกปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะสำหรับการฝึกซ้อม นักกีฬาหนุ่มที่เป็นความหวังและความภาคภูมิใจของหลายคน กำลังวาดแขนกว้างตะหวัดให้น้ำกระจาย เวลาทุกวินาทีมีค่าสำหรับเขา
“เซฟ!” โค๊ชคาร์ลตะโกนก้องลั่นบริเวณ เจ้าของเวลาโผล่พรวดขึ้นมาเหนือน้ำ หอบใจหายเอาอากาศเข้าไปในปอด
“โอเค ดีมาก เวลาคงที่แล้ว รู้ใช่ไหมอีกสองอาทิตย์จะมีการคัดตัว” โค๊ชคาร์ลย้ำเตือนอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ครับ” เอียนตอบรับเบาๆ การคัดตัวไปแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกค์ถูกเลื่อนมาจากหลังปีใหม่ ซึ่งเขาแน่ใจว่าตอนนี้บรรดาคู่แข่งคงพากันทุ่มซ้อมสุดตัว ตอนนี้สภาพร่างกายและจิตใจคงพร้อมลงแข่งเต็มที่
“เอียน ตอนนี้คิดเรื่องแข่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะ” โค๊ชคาร์ลเตือน เขาได้ยินมาว่านักกีฬาของเขาถูกหักอกมาจากแม่สาวสวยตาสีฟ้าคนนั้น แต่เขาไม่อยากให้เรื่องนี้มาเป็นอุปสรรคต่ออนาคตนักว่ายน้ำดาวรุ่งของเอียน
“ครับ” เอียนรับคำเหมือนทุกครั้ง เขารู้ดีว่าโค๊ชหมายถึงอะไร และเข้าใจในความหวังดีของโค๊ชที่มีต่อเขา ตัวเขาเองก็ไม่อยากทำให้ใครต้องผิดหวังเช่นกัน
“ไงเพื่อน” เสียงทักดังขึ้นหลังจากโค๊ชคาร์ลเดินออกไป เอียนเลิกคิ้วมองผู้มาเยือนอย่างสงสัย อดจะเอ่ยปากถามไม่ได้
“อะไรพานายมาหาฉันนี่ สวัสดีครับแอนนา” ท้ายประโยคเอียนหันไปกล่าวทักทายกับน้องสาวเพื่อนสนิทที่มาด้วยกัน
“จะมาชวนนายไปดินเนอร์ด้วยกัน ไปไหม”
“ที่ไหน”
“ไปไหมล่ะ” เอียนขมวดคิ้ว รู้ดีว่าถามต่อไปก็คงไม่ตอบ
“ไปสิ” เพราะฉะนั้นก็เลือกรับปากง่ายๆไปซะ
“อย่าพากันไปเมาจนมาซ้อมไม่ได้ล่ะ” เสียงดังมาจากคนที่ไม่ได้ถูกรับเชิญให้เข้ามาร่วมในวงสนทนา แอนนาหันไปมองราวกับเขาเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่น่ารังเกียจและไม่สมควรเข้าไปใกล้
“จะไปด้วยกันไหมโทนี่” เอียนเอ่ยชวนอย่างคนมีมารยาท
“ไม่ล่ะ ฉันไม่กล้าไปรวมตัวกับกลุ่มคนดังหรอก”
“รู้ตัวก็ดี” แอนนาโพล่งออกมาในที่สุด และนั้นก็ทำให้เขายอมถอยไป เพราะรู้ดีว่าอยู่ไปก็คงสู้เธอไม่ได้ มีแต่จะเข้าเนื้อตัวเองมากกว่า
“เย็นนี้นายไปรับฉันที่บ้านนะ” บอกจบก็เดินออกจากโรงยิมส์ไป ไม่คิดจะสนใจรอฟังความเห็นจากคนที่ยังลอยคออยู่ในน้ำ
“แอนนาไม่ไปกับเราเหรอ แล้วเราจะไปไหนกัน” เอียนถามเพื่อนหลังAlfa Romeoจอดเทียบหน้าบ้าน และาฟาเอลจะเข้ามานั่งประจำที่
“ไปเถอะ” ราฟาเอลบอกเท่านั้น ไม่มีทีท่าว่าจะขนาดความต่อถึงจุดหมายที่จะไป
“ไปไหน” ในที่สุดก็ต้องถามออกไปอีกครั้ง แปลกใจกับท่าทีแปลกๆของเพื่อน
“นายขับตามที่ฉันบอกสิ” ถามไปสองครั้งแต่ก็ไม่ได้คำตอบกลับมา แปลว่าถึงจะถามครั้งที่สามเขาก็คงไม่ได้คำตอบกลับมาเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นเอียนจึงเลือกที่จะเลิกถาม หันมาขับรถให้เพื่อนนั่งตามคำสั่งจะดีกว่า และดูเหมือนราฟาเอลก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดี เพราะเพื่อนเขาบอกเพียงเลี้ยวซ้ายในแยกหน้าหรือเลี้ยวขวาในแยกถัดไปเท่านั้น
ร้านอาหารที่ชื่อว่า ‘ชบาชมพู’ ทำให้เอียนชะงัก อาการที่ทำให้ราฟาเอลต้องเดินเข้ามาตบบ่าเพื่อนเบาๆอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเดินนำเข้าไปในนั้น เอียนสูดหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง เขาเปิดประตูเดินเข้าไป เจอกับหญิงสาวชาวไทยในชุดไทยแขนกระบอกแบบเดิมเมื่อครั้งที่เขามาเจอครั้งที่แล้ว
“ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานสาวไทยต้อนรับเขาพร้อมรอยยิ้ม และพาเขาเดินไปที่โต๊ะซึ่งมีแอนนาและราฟาเอลนั่งคอยอยู่
“ฉันสั่งอาหารรอแล้วนะค่ะ สั่งอะไรเพิ่มไหมคะ” แอนนาถามส่งเมนูในมือให้เอียน ชายหนุ่มทำเพียงส่ายหน้าช้าๆเบาๆ
“ไม่ครับ” ไม่ลืมตอบรับเบาๆเป็นมารยาทด้วย นัยน์ตาคู่สีเทาหม่นลง จับจ้องไปที่ประตู จำได้ดีวันนั้นที่เขาเดินผ่านมันเข้ามาแล้วเจอเธอ แต่วันนี้...ไม่มี
แอนนามองหน้าพี่ชายอย่างลำบากใจ เธอบอกพี่ชายแล้วว่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับเอียนที่จะทำใจได้ แต่ราฟาเอลบอกการได้มาเจอสิ่งเก่าๆ อาจทำให้เอียนคิดอะไรออกบ้าง
“นายโอเคนะ” ราฟาเอลถามเพื่อนเบาๆ นัยน์ตาสีเทาละจากประตูเปลี่ยนมามองหน้าเพื่อน นัยน์ตาหม่นจนคนมองทั้งสองคนเข้าใจถึงความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายได้รับ
“ไปร้านอื่นไหมคะ” แอนนาถามในที่สุด เอียนไม่ต่างอะไรจากพี่ชายของเธอ เขามักมีคำปรึกษาดีๆมาให้เธอเสมอ เธอไม่อยากเห็นเขาเจ็บแบบนี้เลย
“ไม่เป็นไรครับ เราทานที่นี่แหละ” เอียนบอก พลางชะเง้อมองหา เผื่อจะเจอเธอบาง เขาคิดว่ามันจะหายเจ็บแล้ว แต่เปล่าเลย มันยังเจ็บอยู่
“รับอะไรดีคะ” เสียงหวานดังมากระทบ เสียงที่คุ้นเคยชวนให้คนทั้งโต๊ะหันไปมองตาม หัวใจเหมือนจะหยุดเต้น เข็มนาฬิกาหยุดเดิน หน้าหวานๆที่เขาไม่ได้เห็นมาตลอดหลายวัน เสียงหวานที่ไม่ได้ยินมานาน ออโรร่าในชุดไทยแขกกระบอกสีชมพูทำให้เอียนเกือบจะลุกเดินเข้าไปหา แต่กลับต้องห้ามใจไว้ เพราะการเดินเข้าไปหาเธอก็ไม่ได้หมายความเธอจะกลับมา
“สักครู่นะค่ะ” หญิงสาวรับออเดอร์จากโต๊ะข้างๆและเดินผ่านไปโดยไม่มองไปทางโต๊ะนั้น เธอรู้ว่าเป็นเอียนเพราะได้ยินจากพลอยที่เข้าไปเม้าท์กับเพื่อนหลังร้าน เธอจึงเลือกจะออกมารับออเดอร์เองเพราะอยากรู้ว่า เขาคนนั้นสบายดีไหม หากแต่นัยน์ตาคู่สีเทานั้นทำให้หัวใจที่แสนจะเข้มแข็งของเธอเจ็บจี๊ดขึ้นมา หัวใจที่เคยมีระบบป้องกันภัยอย่างดีถูกทำร้ายลงเพียงเพราะนัยน์ตาของคนๆหนึ่ง นี่ไงความอ่อนแอ ความอ่อนแอที่เรียกให้ดวงตาผลิตสารคัดหลังออกมากมายขนาดนี้
“เกิดอะไรขึ้น” พึมพำคนเดียวเบาๆ ไม่เข้าใจตัวเอง น้ำตาที่ปราดเท่าไหร่ก็ยังคงไหลออกมา ราวกับมันต้องการออกมาชะล้างหัวใจที่เจ็บปวดของเธอ
“เกิดอะไรขึ้นออร่า” เสียงตื่นตกใจของพี่สาวดังข้ามเมืองผ่านหูโทรศัพท์ เวลาที่สมควรแก่การพักผ่อนแล้ว หากแต่เธอนอนไม่หลับ นัยน์ตาคู่นั้นตามไปก่อกวนเธอถึงในฝัน ในฝันที่ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากแววตาเจ็บปวดและตัดพ้อ
“แอสลี่ ฉันจะทำยังไงดี” น้ำเสียงสั่นเคลือชวนให้พี่สาวตกใจ ลุกพรวดจากเตียง หากแต่ข้อมือบางถูกฉุดไว้ด้วยมือหนาของสามีที่นอนอยู่ข้าง ไม่มีการไถ่ถามเป็นคำพูดส่งเพียงแววตาเท่านั้น
“ออโรร่า” ขยับปากบอก ไม่ให้มีเสียงรอดออกมา เจคพยักหน้าเบาๆ ก่อนปากบางของภรรยาสาวจะจูบลงที่แก้มสากเป็นรางวัล เธอเดินออกมาคุยด้านนอกระเบียง ถึงอากาศจะหนาวสักหน่อย แต่ก็ไม่อยากรบกวนการนอนของสามี
“เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรออโรร่า” ถามน้องสาวอย่างร้อนรน น้องสาวเธอไม่ใช่คนที่จะโทรมาดึกดื่นพร้อมกับเสียงที่ชวนให้เป็นห่วงแบบนั้น
“ฉันทำผิดหรือเปล่า ทำร้ายเขาเพราะเห็นแก่ตัวหรือเปล่า” ปลายสายยังไม่เล่ารายละเอียดอะไร เธอเพียงพรรณาในสิ่งที่คิดออกมาเท่านั้น และนั่นก็ยิ่งทำให้พี่สาวยิ่งร้อนใจ
“ออโรร่า ขอร้อง...ใจเย็นๆก่อน เกิดอะไรขึ้นเล่าให้พี่ฟัง” แอสลี่กล่อมน้องสาว ก่อนอีกฝ่ายจะสูดหายใจลึกๆแล้วเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นตลอดหนึ่งสัปดาห์ให้พี่สาวฟัง
“ฉันกลัว” ยอมรับกับพี่สาวสั้นๆง่ายๆ หากแต่เป็นความจริงทุกประการ การที่เธอถอยห่างออกมาจากเอียน เพียงเพราะกลัวตัวเองเจ็บปวด เธอลืมคิดไปว่า เอียนเองก็คงกำลังเจ็บไม่ต่างกัน
“รักเขาไหม”
ความคิดเห็น