คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Lover...1.
Lover
1.
หญิงสาวนัยน์ตาสีเทา ผมสีบลอนด์ยาวสลวย เธอเดินออกมาจากโรงเรียนในเครื่องแบบนักเรียนไฮสคูลของนักเรียนอักฤษ เด็กสาวร่าเริง หากแต่เธอไม่ใช่คนเด่นดังอะไร เป็นเพียงนักเรียนธรรมดา เธอนั่งรอรถเมย์หน้าโรงเรียน รวมกับนักเรียนคนอื่นๆ
“สวัสดี” เสียงทักทายทุ้มๆดังมาจากเก้าอี้ตัวข้างๆที่ว่างอยู่ เด็กสาวหันไปมองตามเสียงและนั้นทำให้เธอถึงกับชะงัก เกือบจะลืมหายใจ เขา...คนที่ผู้หญิงทั้งโรงเรียนฝันถึง ใครอยากจะเชื่อว่าคนดังระดับนั้นจะมานั่งคุยกับเธอที่ป้ายรถเมย์
“เธอชื่อฮอลลี่สินะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบอะไร เขาถึงถามต่อ มองเธอข้างๆที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตา
“ชะ...ใช่ ฉันเอง” ถึงจะสงสัย แต่ปากก็ละล่ำละลักตอบรับไป
“ฉันชื่อวิลเลี่ยม” คำแนะนำตัวเองของเขาไม่ได้ทำให้เธอยอมเงยหน้าขึ้นมามองเลย
“หน้าตาฉัน...ดูไม่ได้ขนาดเธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองเลยเหรอ” น้ำเสียงทีเล่นทีจริงทำเอาคนก้มหน้าก้มตารีบปฏิเสธ
“ปละ...เปล่า” คำปฏิเสธ แต่เธอก็ยังไม่ยอมเงยหน้ามามองเขา จนอีกฝ่ายถอนหายใจดังๆ จงใจให้ได้ยิน
“ไป...กลับบ้านกัน”
“ว่า...อะไรนะ” เงยหน้าทันควัน มองหน้าเขาอย่างตกใจ อยู่ๆหนุ่มป๊อปปูล่าขนาดนั้นจะมาชวนเธอกลับบ้านพร้อมกัน คนธรรมดาๆอย่างเธอเนี้ยนะ
“กลับบ้านไง ฉันไปส่ง” ยืนยันแบบเดิม คว้ามือเธอลุกขึ้น ก่อนจะหันมามองว่า
“ไปรถไฟใต้ดินกันดีกว่า” พูดจบก็จูงมือเธอข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ท่ามกลางสายตาของคนเกือบทั้งโรงเรียน ในสมองฮอลลี่ตอนนี้มีเพียงแค่ว่า เช้าวันจันทร์เธอคงตกเป็นหัวข้อสนทนาของคนทั้งโรงเรียนแน่ๆ
คอนโดหรูกลางกรุงลอนดอน ติดแม่น้ำเทมส์เป็นที่อยู่อาศัยของสาวน้อยจากเวลส์เชื้อชาติอังกฤษคนนี้ เธอเปิดประตูห้องเข้ามาอย่างคุ้นเคย คอนโดริมแม่น้ำเทมส์ที่ราคาแพงริบ หากแต่ก็ไม่ลำบากเกินที่ฐานะทางบ้านที่จะสรรหาความสะดวกสบายให้เธอ ความเงียบชวนให้คิดถึงบ้าน เด็กสาวอายุสิบแปดหากแต่ต้องออกจากบ้านมาอยู่คนเดียวตั้งแต่เข้าไฮสคูล
“ค่ะ แม่ เข้าใจแล้วค่ะ หนูไม่ลืมหรอก” พูดแค่นั้นก็ว่างสาย อาการเบื่อๆทั้งยังน้ำเสียงเมื่อกี้บอกได้ดีว่าคงเป็นเรื่องที่ฟังบ่อยจนเบื่อแล้ว
‘เอาเบอร์เธอมาสิ’ คำขอจากใครบางคนที่ส่งเธอที่คอนโด และนั้นก็ทำให้เธอเลี่ยงไม่ได้ที่จะให้เบอร์กับอีกฝ่าย
‘แล้วจะโทรหานะ’ พูดแบบนั้นเขาก็เดินกลับออกไป โบกมือบายๆเธอพร้อมส่งยิ้มกว้างที่ต้องยอมรับเลยว่า มันมีเสน่ห์ และเหมาะกับเขาที่สุด
นึกถึงตรงนี้เด็กสาวก็เดินเข้าไปในห้องนอนใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาทำอาหารเย็นสำหรับตัวเอง ดูเหมือนจะเป็นภาระหน้าที่ที่หนักเกินไปหน่อยสำหรับเด็กสาวอายุสิบแปด แต่เธอทำแบบนี้มาสามปีแล้ว มือที่กำลังล้างผักอยู่ชะงัก มองดูมือถือเครื่องเล็กที่กำลังร้องเสียงดัง ทั้งยังสั่นงืดๆอยู่บนเคาร์เตอร์ห้องครัว เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อยลวกๆแล้วเอื้อมมือไปรับ มองเบอร์โทรเข้าอย่างสงสัย
“ฮัลโหล...” ลากเสียงรับ
“เธอ...เอ่อ...ฮอลลี่ใช่ไหม” ปลายเสียงถามอย่างไม่แน่ใจ ขณะที่อีกคนขมวดคิ้วสงสัย
“ใช่ แล้วเธอ...”
“วิลเลี่ยม” ชื่อที่ทำให้การทำงานของมือชะงักกึก ดวงตาสีเทาเบิกกว้าง คิดไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะโทรมาตามที่บอก
“มะ...มีอะไรหรือเปล่า” ฮอลลี่ถามไปอย่างละล่ำละลัก มือไม้สั่นไปหมดเพราะความตื่นเต้น ตอนนี้ถ้าบอกว่ามันเป็นความฝันเธอก็เชื่อ และยอมรับเลยว่ามันเป็นความฝันที่มีความสุขที่สุด
“พรุ่งนี้วันหยุด ฉันโทรมาชวนเธอไปเดท พรุ่งนี้ไปดูหนังกัน” ชวนพร้อมบอกโปรแกรม ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายคิด
“อะไรนะ” ตะโกนเสียงดังลั่น จนอีกคนต้องเอาหูโทรศัพท์ออกห่างจากหูตัวเอง
“พรุ่งนี้จะไปรับนะ แต่...” เว้นวรรคให้อีกคนลุ้นว่าจะพูดอะไรต่อ
“ตอนนี้เปิดประตูห้องก่อนได้ไหม” มืออ่อนยวบ โทรศัพท์มือถือเกือบหลุดมือ ตรงดิ่งไปที่ประตูห้อง กระชากมันออกอย่างรวดเร็ว และนั่นก็ทำให้เธอเห็นผู้ชายคนเมื่อเย็นที่มาส่งเธอ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนชวนฝันคู่นั่น ทำให้หัวใจของเด็กสาวเริ่มทำงานไม่ปกติอีกครั้ง
“รู้...ได้ไง” คำถามหลุดออกมาจากริมฝีปากบางเบาๆ ขณะที่อีกคนยิ้มกว้างอย่างเหนือชั้นกว่า ยอมรับว่าชอบใบหน้าตื่นๆของอีกฝ่าย เห็นทีไรชวนให้เขาอยากแกล้งทุกที
“หาไม่ยาก” พูดอย่างอารมณ์ดี ไม่ขออนุญาตเจ้าของห้อง ถือวิสาสะเดินเข้ามาเลย ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ว่างลงบนโซฟา เจ้าของห้องเอาแต่มองตาม อาการตะลึงค้าง
“เธอ...”
“วิลเลี่ยม เรียกฉันวิลก็ได้” บอกอย่างอารมณ์ดี นั่งลงที่โซฟาสบายอารมณ์
“ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้น เธอมาทำไมกัน” ลืมตัวเผลอตัวพูดเสียงดังใส่อีกฝ่ายไป แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้สะทกสะท้านอะไร
“ชวนไปเดทไง” หันมาบอก ก่อนจะกดรีโหมดโทรทัศน์ดูรายการต่างๆ ทำตัวเสมือนมาทีนี่ปล่อยซะจนชิน และเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่เพิ่งเคยมาครั้งแรกเท่านั่น
“อะไรนะ” ถามเสียงเข้ม
“อย่าโกรธสิ แต่เธอทำอะไรอยู่ ให้ฉันช่วยไหม” ลุกขึ้นมา เดินผ่านเด็กสาวเข้าไปในครัว ไม่หันมาสนใจอาการตะลึงงันของเธอ
“ทำอาหารเหรอ ฉันช่วยไหม” ชะโงกหน้าดูนั่นดูนี่ ถือวิสาสะอย่างร้ายกาจ
“หยุดๆ ยืนนิ่งๆสักสามสิบวิไม่ได้หรือไงเนี้ย” ฮอลลี่เดินมาขวางหน้าอีกฝ่าย
“ได้” รับปากและยืนนิ่ง ไม่ขยับ ฮอลลี่ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ จ้องมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย ฝ่ายนั่นก็เลิกคิ้วเข้มขึ้น เป็นเชิงถามว่าสงสัยอะไรในตัวเขา
“เธอ...ต้องการอะไรเนี้ย” หัวคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอีกครั้ง ขณะที่อีกฝ่ายอมยิ้ม ทำทีจะเดินเข้ามาหา
“ฉันบอกให้นายยืนนิ่งๆ” ส่งเสียงเข้มทุ้มต่ำใส่
“เธอบอกสามสิบวิ” คำตอบหน้าตาเฉย ชวนให้ฮอลลี่อยากร้องกรี๊ด
“เธออย่าเครียดนักสิ” เดินเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นจิ้มระหว่างคิ้วเบาๆ พร้อมกับยิ้มกว้างให้
“เธอ...” ฮอลลี่อุทานหลุดปากมาเบาๆ
“เธอนี่เวลาเครียดชอบทำคิ้วขมวด รู้ไหมอีกหน่อยมันจะเป็นรอยตีนกา” คนรู้ดีบอก ก่อนจะก้มลงจุ๊บแก้มเธอเบาๆ และเดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวนอก เดินตรงไปที่ประตู
“บายๆ แล้วคืนนี้จะโทรหานะ” ร่างสูงหายวับไปพร้อมเสียงประตู ขณะที่เจ้าของห้องยังยืนตะลึงงัน ยกมือจับแก้มตัวเอง อยากตะโกนถามคนที่เพิ่งออกไปว่า เขาเป็นใครกัน มีเวทมนตร์อะไร ทำไมทำหัวใจเธอเต้นผิดจังหวะได้ขนาดนี้
ดวงอาทิตย์ฉายแสง หากแต่ก็ยังไม่รุนแรงจนส่องผ่านเข้ามาในห้องนอน ท้องฟ้าแสนอึมครึมแห่งลอนดอนลดภาวะแดดแรงได้ดี โทรศัพท์มือถือที่ว่างอยู่บนหัวเตียงดังลั่นห้อง เรียกให้ร่างบางที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มยกมือขึ้นควานหา หากแต่ดวงตากลับยังไม่ลืมขึ้น นึกหงุดหงิดคนโทรมาแต่เช้าตรู่
“ฮัลโหล...” ลากเสียงยาน ทำเอาคนฟังยิ้มบาง
“นี่ยังไม่ตื่นอีกเหรอ ไหนเธอจะเดทกับฉันไง สายแล้วนะ” เสียงทุ้มขี้เล่นดังเข้าโสตประสาท ดวงตาปรือเปิดกว้าง เด้งตัวขึ้นจากเตียง กวาดสายตามองรอบห้อง
“เฮ้ๆ...ไม่ต้องมองรอบห้องหรอก ฉันอยู่บ้าน” เสียงหัวเราะหึๆดังตามปลาย
“รู้ได้ไงว่าฉันมอง” ถามเสียงเข้ม คิ้วขมวดเข้าหากัน
“คิ้วขมวดอีกแล้ว เธอนี่น้า...” ท้ายประโยคลากเสียงยาว พร้อมเสียงหัวเราะดังๆ
“ไม่ต้องสงสัยอะไรมากหรอก ไปอาบน้ำแต่งตัว อีกชั่วโมงฉันไปรับนะ” พูดจบก็ตัดสายโทรศัพท์ไป ฮอลลี่มองโทรศัพท์มือถือในมืออย่างไม่เข้าใจ อยากตะโกนถามดังๆว่าไอ้บ้านี่เป็นใครกัน หากแต่สิ่งที่ทำได้มีเพียงเดินเข้าห้องน้ำจัดการกับธุระของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนเวลานัดจะมาถึง
กางเกงยีนต์กับรองเท้าผ้าใบคือชุดที่ถูกเลือกสรรสำหรับเดทแรก ใบหน้าหวานไม่ได้รับการตกแต่งใดๆนอกจากลิปกรอส เธอเดินลงมา ในมือถือโทรศัพท์แนบหู ปากขยับพูดกับใครบางคนในสาย สายตามองหาใครบางคนที่เธอนัดเอาไว้ ร่างสูงชูมือเป็นสัญญาณให้เห็น ฮอลลี่เดินตรงไปหาอีกฝ่าย
“แค่นี่นะเอียน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” ตัดสายจากอีกฝ่ายทันที
“ไฮ...” วิลเลี่ยมทักทายอีกฝ่าย ไม่มีท่าทีเขรอะเขินอะไรเลย ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ สบายๆ
“โทษที รอไม่นานใช่ไหม” วิลเลี่ยมพยักหน้ารับ เดินนำหญิงสาวไป ไม่ลืมคว้ามือเธอมาจับและลืมที่จะขออนุญาต ฮอลลี่มองผู้ชายข้างๆอย่างแปลกใจ คนบ้าที่ไหนจะมาสนิทกับคนอื่นได้รวดเร็วขนาดนี้ และที่สำคัญคนมีเสน่ห์อย่างเขา ทำไมเธอถึงมาสนใจเธอนะ
“ไปไหนกันดี” พูดเหมือนชวนคุย มือยังจับแน่นตรงไปยังรถลีมูซีน มีผู้ชายวัยกลางคนใส่สูทเปิดประตูรถให้
“อะไร...เนี้ย” อุทานเบาๆ พอรู้อยู่ว่าโรงเรียนที่เธอเรียนมีแต่ลูกคนรวยในอังกฤษ แต่นี่จะไม่เกินไปหน่อยเหรอ มีคนขับรถและที่สำคัญมันเป็นลีมูซีน!
วิลเลี่ยมมองสาวข้างๆแล้วอมยิ้ม ดันหลังเธอขึ้นรถไปก่อน หากแต่เธอก็ยังไม่ขยับเขยื้อน สงสัยจะยังตะลึงนิดๆกับรถประจำตำแหน่งของเขา
“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” และคำพูดนั่นทำให้ฮอลลี่ยอมเดินขึ้นรถ เข้าไปนั่งก็มองรอบๆอย่างตื่นตา ทุกอย่างตกแต่งไปด้วยข้าวของชั้นดี
“นี่มันอะไรกัน” หันไปคาดคั้นกับอีกคนที่นั่งสบาย
“ก็รถที่บ้านฉัน ไม่มีอะไรมากหรอก”
“เด็กไฮสคูลมาเดทด้วยลีมูซีน ไม่มีอะไรมากเหรอย่ะ” ขึ้นเสียง คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ จ้องมองอีกคนที่ไม่สะทกสะท้านอย่างหมั่นไส้
“เฮ้อ...ทำไมเธอชอบทำหน้าเครียดจังนะ” ทำหน้าเอื้อมๆ จากที่นั่งพิงเบาะสบายก็ลุกขึ้นมา ยื่นหน้าเข้าใกล้หญิงสาวอีกคน ซึ่งเธอก็ถอยห่างออกไป
“ฉันไปโรงเรียนด้วยไอ้นี่ทุกวัน เพราะฉะนั้นก็ต้องไปเดทกับมันสิ” คำตอบกวนประสาททำเอาฮอลลี่อยากกรี๊ด วีนใส่คนตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งหน้าอึ้งอย่างขัดใจ รวยขนาดนี้เธอจะเอาอะไรไปสู้เขาล่ะ สงสัยคืนนี้มีเรื่องคุยกับเอียนยาวแน่ๆ
ความคิดเห็น