ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic - Reborn : เมื่อทุกสิ่งกลับสู่ความว่างเปล่า

    ลำดับตอนที่ #3 : Rewrite : Part 2

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 58




    Fic – Reborn : เมื่อทุกสิ่งกลับสู่ความว่างเปล่า

     -Part 2-


     

     

    วายุ

     

    ผมชื่อโกคุเดระ ฮายาโตะ ชื่อในวงการคือมือขวาของวองโกเล่ที่สิบ

     

    เมื่อวานตอนหัวค่ำ หลังจากเคลียร์งานจำนวนไม่น้อยเสร็จสิ้น รุ่นที่สิบมักจะพักสายตาด้วยการมองรูปภาพด้วยสายตาคะนึงถึง ...ภาพในวันวานที่พวกเขายังเป็นเพียงเด็กมัธยมต้น ก่อนจะนิ่งงันและแปรเปลี่ยนเป็นโศกเศร้า

     

    นัยน์ตาสวยสีน้ำตาลอ่อนที่มักจะทอประกายความอบอุ่น กลับหม่นแสงจนคล้ายกับมีม่านหมอกก่อตัวขึ้นภายในลูกแก้วสีน้ำตาลสวย

     

    ผมทราบมาตลอด รุ่นที่สิบกับสัญชาตญาณที่สืบทอดมาตามสายเลือดหรือที่ถูกเรียกขานว่า “สุดยอดลางสังหรณ์แห่งวองโกเล่” สัญชาตญาณที่ไม่เคยพลาดและไม่อาจหลีกหนี อะไรที่ท่านรู้สึกถึง  สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น

     

    ในครั้งนี้ก็เช่นกัน แววตาที่แปลกไปของรุ่นที่สิบทำให้ผมทราบว่าท่านกำลังเห็น อะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่น่าหดหู่ใจถึงขนาดต้องร้องหากระดาษด้วยท่าทีที่ลนลาน

     

    ผมที่กำลังจะยื่นกระดาษให้ต้องชะงักไปเมื่อรุ่นที่สิบอ้าปากถามคำถาม

     

    “นี่... ถ้าฉันจะเขียนพินัยกรรม ฉันควรจะเก็บมันไว้ที่ไหนดี?”

     

    ผมได้แต่นิ่งงันพร้อมกับส่งสายตาไปยังกรอบรูปที่เป็นของตกแต่งเพียงสิ่งเดียวบนโต๊ะ รุ่นที่สิบพยักหน้าคล้ายรับทราบก่อนจะก้มหน้าก้มตาเขียน ผมจึงขอตัวออกไปจากห้องพร้อมกับคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจ

     

    .....รุ่นที่สิบเห็นอะไร แล้วทำไมต้องรีบร้อนเขียนพินัยกรรม ? .....

     

     

     

    เช้าวันถัดมา ผมที่มีหน้าที่ในการปลุกรุ่นที่สิบให้มีความตรงต่อเวลา ดวงตาที่แสนเศร้าของรุ่นที่สิบหลอกหลอนผมไปทั้งคืน จนไม่อาจหลับได้อย่างสนิทใจ ผมหยุดลงที่หน้าห้องหนึ่ง ที่หน้าห้องมีป้ายแขวนไว้ว่า ‘X’ ในบรรดาเลขโรมัน X มีความหมายว่าสิบ หรือหมายถึงรุ่นที่สิบนั่นเอง

     

    ผมเคาะประตูและส่งเสียงเรียก แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆตอบรับ จึงถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไปภายใน

     

    ภาพของชายคนหนึ่งที่นั่งนิ่งไร้การเคลื่อนไหวอยู่บนเตียง แสงแดดที่สาดทอเข้ามากระทบกายคล้ายกับคำอวยพรของผู้เป็นเจ้า นัยน์ตาประกายแสงอุ่น ส่งมอบความอบอุ่นได้เพียงแค่พบเห็น ทว่าในเบื้องลึกนั้นกลับเจือไปด้วยความโศกเศร้า

     

    รุ่นที่สิบหันหน้ามามองผมแล้วขยับยิ้ม

     

    “อรุณสวัสดิ์ โกคุเดระคุง... ”

    “อรุณสวัสดิ์เช่นกันครับ รุ่นที่สิบ”

     

    ...หากผมทราบว่านี่เป็นการทักทายครั้งสุดท้าย ผมจะไม่ปล่อยให้รุ่นที่สิบออกจากห้องแน่..

     

     

     

     ภารกิจเร่งด่วนที่ถูกส่งมาเมื่อวาน ระดับความอันตรายคือ S คือระดับหัวหน้าอย่างพวกผมรวมไปถึงระดับรุ่นที่สิบต้องลงมือปฏิบัติการด้วยตนเอง

     

    พวกเราเดินทางออกจากฐานลับในตอนเช้า การเคลื่อนไหวของเราในครั้งนี้จำเป็นต้องทำอย่างลับๆ การเดินผ่านป่าจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

     

    ปัง!!!

     

    ผมสะดุ้งตัวโยนทันทีที่เสียงปืนดังลั่น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนอื่นทราบว่าเรากำลังผ่านมาทางนี้ หรือเพราะข่าวคราวของเรารั่วไหลงั้นหรือ!?

     

    ปืนถูกจับกระชับ พลางสอดสายตามองผู้บังอาจทำลายความสงบของคณะเดินทาง ก่อนจะสะดุดกับร่างของรุ่นที่สิบที่ล้มลงไป อาจเป็นเพราะผมกับรุ่นที่สิบอยู่ห่างกันเกินไป ผมจึงเข้าไปป้องกันกระสุนนัดนั้นไม่ทัน

     

    ผมรีบร้องบอกคนอื่นที่อยู่ใกล้กว่าให้คุ้มกันรุ่นที่สิบ  แต่ยังไม่ทันได้ส่งสัญญาณจบ กระสุนอีกนัดได้พุ่งเข้ามาตรงกับตำแหน่งที่สำคัญที่สุดของร่างที่ล้มอยู่

     

    “รุ่นที่สิบ!!!!”

     

     ผมรีบส่งสัญญาณไปยังหน่วยกำลังสำรองที่เคลื่อนไหวตามหลังพวกเรา แล้วรีบรุดหน้าเข้าไปหารุ่นที่สิบ ผมเข้าใจในทันทีว่าแววตาที่เศร้าหมองของรุ่นที่สิบหมายความว่าอย่างไร มืออันสั่นเทาของผมประคองมือที่ไร้แรงของรุ่นที่สิบมาแนบชิดกับแก้ม

     

    .....มีอะไรหนักใจก็ไม่เคยบอกใคร หนักหนาสาหัสเพียงใดก็ขอเก็บไว้แต่เพียงผู้เดียว เพียงเพื่อไม่อยากให้คนรอบข้างต้องหนักใจไปพร้อมกัน

     

    ถ้าผมเอะใจสักนิด เรื่องทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น

    ถ้าผมสังเกตสักนิดผมอาจยืดเวลาที่เราต้องจากกันให้ไกลกว่านี้

    ถ้าผมเข้าใจความหมายแฝงที่รุ่นที่สิบต้องการจะสื่อบ้าง

     

    ...เรื่องทั้งหมดอาจยังไม่เกิดขึ้น....

     

    ผมหลั่งน้ำตาออกมา ปล่อยให้อารมณ์และความคิดตีกันอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายใน ก่อนจะชะงักเมื่อมีแรงบีบมือมาจากรุ่นที่สิบ ผมรีบวางมือลงให้อยู่ในระดับอกของรุ่นที่สิบ ริมฝีปากอันแห้งผากของเขาขยับอย่างไร้เสียง ผมทราบทันที ...ท่านกำลังจะหมายถึงจดหมายที่ซ่อนไว้หลังกรอบรูปนั่น

     

    ภาพเบื้องหน้าของผมมัวและสั่นไหวเป็นเพราะน้ำตาที่ไหลอย่างไม่อาจอัดอั้น ผมมองรอยยิ้มที่ท่านส่งมาให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะลับสายตาหายไปพร้อมกับแรงบีบมือที่หายไปพร้อมกัน

     

    ดวงตาของผมเบิกกว้าง ผมหันไปมองผู้พิทักษ์ทุกคนและร้องไห้อย่างไม่อายใคร

     

    ผมหมดแล้วที่ซึ่งยึดไว้เป็นที่เหนี่ยวรั้งทางจิตใจ

    หมดแล้วที่เป็นหลักยึดเหนี่ยวที่ทำให้ผมยังคงหันหน้าเข้าหาโลกที่แสนอันตรายนี้

    หมดแล้ว ...ผู้เป็นเจ้าของชีวิตที่เขาจะภักดีไปตลอดชีวิต

     หมดแล้ว.... รุ่นที่สิบ นภาที่ยิ่งใหญ่และอบอุ่นกว่าใคร

    หมดสิ้นแล้ว เพื่อนผู้อ่อนโยน

     

    เขาจากไปแล้ว ชายที่มีชื่อว่า ซาวาดะ สึนะโยชิ

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    “.......รุ่นที่สิบ ...รุ่นที่สิบ จากพวกเราไปแล้ว.....




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×