คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Rewrite : Part 2
Fic – Reborn : เมื่อทุกสิ่งกลับสู่ความว่างเปล่า
-Part 2-
วายุ
ผมชื่อโกคุเดระ ฮายาโตะ ชื่อในวงการคือมือขวาของวองโกเล่ที่สิบ
เมื่อวานตอนหัวค่ำ หลังจากเคลียร์งานจำนวนไม่น้อยเสร็จสิ้น รุ่นที่สิบมักจะพักสายตาด้วยการมองรูปภาพด้วยสายตาคะนึงถึง ...ภาพในวันวานที่พวกเขายังเป็นเพียงเด็กมัธยมต้น ก่อนจะนิ่งงันและแปรเปลี่ยนเป็นโศกเศร้า
นัยน์ตาสวยสีน้ำตาลอ่อนที่มักจะทอประกายความอบอุ่น กลับหม่นแสงจนคล้ายกับมีม่านหมอกก่อตัวขึ้นภายในลูกแก้วสีน้ำตาลสวย
ผมทราบมาตลอด รุ่นที่สิบกับสัญชาตญาณที่สืบทอดมาตามสายเลือดหรือที่ถูกเรียกขานว่า “สุดยอดลางสังหรณ์แห่งวองโกเล่” สัญชาตญาณที่ไม่เคยพลาดและไม่อาจหลีกหนี อะไรที่ท่านรู้สึกถึง สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น
ในครั้งนี้ก็เช่นกัน แววตาที่แปลกไปของรุ่นที่สิบทำให้ผมทราบว่าท่านกำลัง ‘เห็น’ อะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่น่าหดหู่ใจถึงขนาดต้องร้องหากระดาษด้วยท่าทีที่ลนลาน
ผมที่กำลังจะยื่นกระดาษให้ต้องชะงักไปเมื่อรุ่นที่สิบอ้าปากถามคำถาม
“นี่... ถ้าฉันจะเขียนพินัยกรรม ฉันควรจะเก็บมันไว้ที่ไหนดี?”
ผมได้แต่นิ่งงันพร้อมกับส่งสายตาไปยังกรอบรูปที่เป็นของตกแต่งเพียงสิ่งเดียวบนโต๊ะ รุ่นที่สิบพยักหน้าคล้ายรับทราบก่อนจะก้มหน้าก้มตาเขียน ผมจึงขอตัวออกไปจากห้องพร้อมกับคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจ
.....รุ่นที่สิบเห็นอะไร แล้วทำไมต้องรีบร้อนเขียนพินัยกรรม ? .....
เช้าวันถัดมา ผมที่มีหน้าที่ในการปลุกรุ่นที่สิบให้มีความตรงต่อเวลา ดวงตาที่แสนเศร้าของรุ่นที่สิบหลอกหลอนผมไปทั้งคืน จนไม่อาจหลับได้อย่างสนิทใจ ผมหยุดลงที่หน้าห้องหนึ่ง ที่หน้าห้องมีป้ายแขวนไว้ว่า ‘X’ ในบรรดาเลขโรมัน X มีความหมายว่าสิบ หรือหมายถึงรุ่นที่สิบนั่นเอง
ผมเคาะประตูและส่งเสียงเรียก แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆตอบรับ จึงถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไปภายใน
ภาพของชายคนหนึ่งที่นั่งนิ่งไร้การเคลื่อนไหวอยู่บนเตียง แสงแดดที่สาดทอเข้ามากระทบกายคล้ายกับคำอวยพรของผู้เป็นเจ้า นัยน์ตาประกายแสงอุ่น ส่งมอบความอบอุ่นได้เพียงแค่พบเห็น ทว่าในเบื้องลึกนั้นกลับเจือไปด้วยความโศกเศร้า
รุ่นที่สิบหันหน้ามามองผมแล้วขยับยิ้ม
“อรุณสวัสดิ์ โกคุเดระคุง... ”
“อรุณสวัสดิ์เช่นกันครับ รุ่นที่สิบ”
...หากผมทราบว่านี่เป็นการทักทายครั้งสุดท้าย ผมจะไม่ปล่อยให้รุ่นที่สิบออกจากห้องแน่..
ภารกิจเร่งด่วนที่ถูกส่งมาเมื่อวาน ระดับความอันตรายคือ S คือระดับหัวหน้าอย่างพวกผมรวมไปถึงระดับรุ่นที่สิบต้องลงมือปฏิบัติการด้วยตนเอง
พวกเราเดินทางออกจากฐานลับในตอนเช้า การเคลื่อนไหวของเราในครั้งนี้จำเป็นต้องทำอย่างลับๆ การเดินผ่านป่าจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ปัง!!!
ผมสะดุ้งตัวโยนทันทีที่เสียงปืนดังลั่น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนอื่นทราบว่าเรากำลังผ่านมาทางนี้ หรือเพราะข่าวคราวของเรารั่วไหลงั้นหรือ!?
ปืนถูกจับกระชับ พลางสอดสายตามองผู้บังอาจทำลายความสงบของคณะเดินทาง ก่อนจะสะดุดกับร่างของรุ่นที่สิบที่ล้มลงไป อาจเป็นเพราะผมกับรุ่นที่สิบอยู่ห่างกันเกินไป ผมจึงเข้าไปป้องกันกระสุนนัดนั้นไม่ทัน
ผมรีบร้องบอกคนอื่นที่อยู่ใกล้กว่าให้คุ้มกันรุ่นที่สิบ แต่ยังไม่ทันได้ส่งสัญญาณจบ กระสุนอีกนัดได้พุ่งเข้ามาตรงกับตำแหน่งที่สำคัญที่สุดของร่างที่ล้มอยู่
“รุ่นที่สิบ!!!!”
ผมรีบส่งสัญญาณไปยังหน่วยกำลังสำรองที่เคลื่อนไหวตามหลังพวกเรา แล้วรีบรุดหน้าเข้าไปหารุ่นที่สิบ ผมเข้าใจในทันทีว่าแววตาที่เศร้าหมองของรุ่นที่สิบหมายความว่าอย่างไร มืออันสั่นเทาของผมประคองมือที่ไร้แรงของรุ่นที่สิบมาแนบชิดกับแก้ม
.....มีอะไรหนักใจก็ไม่เคยบอกใคร หนักหนาสาหัสเพียงใดก็ขอเก็บไว้แต่เพียงผู้เดียว เพียงเพื่อไม่อยากให้คนรอบข้างต้องหนักใจไปพร้อมกัน
ถ้าผมเอะใจสักนิด เรื่องทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น
ถ้าผมสังเกตสักนิดผมอาจยืดเวลาที่เราต้องจากกันให้ไกลกว่านี้
ถ้าผมเข้าใจความหมายแฝงที่รุ่นที่สิบต้องการจะสื่อบ้าง
...เรื่องทั้งหมดอาจยังไม่เกิดขึ้น....
ผมหลั่งน้ำตาออกมา ปล่อยให้อารมณ์และความคิดตีกันอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายใน ก่อนจะชะงักเมื่อมีแรงบีบมือมาจากรุ่นที่สิบ ผมรีบวางมือลงให้อยู่ในระดับอกของรุ่นที่สิบ ริมฝีปากอันแห้งผากของเขาขยับอย่างไร้เสียง ผมทราบทันที ...ท่านกำลังจะหมายถึงจดหมายที่ซ่อนไว้หลังกรอบรูปนั่น
ภาพเบื้องหน้าของผมมัวและสั่นไหวเป็นเพราะน้ำตาที่ไหลอย่างไม่อาจอัดอั้น ผมมองรอยยิ้มที่ท่านส่งมาให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะลับสายตาหายไปพร้อมกับแรงบีบมือที่หายไปพร้อมกัน
ดวงตาของผมเบิกกว้าง ผมหันไปมองผู้พิทักษ์ทุกคนและร้องไห้อย่างไม่อายใคร
ผมหมดแล้วที่ซึ่งยึดไว้เป็นที่เหนี่ยวรั้งทางจิตใจ
หมดแล้วที่เป็นหลักยึดเหนี่ยวที่ทำให้ผมยังคงหันหน้าเข้าหาโลกที่แสนอันตรายนี้
หมดแล้ว ...ผู้เป็นเจ้าของชีวิตที่เขาจะภักดีไปตลอดชีวิต
หมดแล้ว.... รุ่นที่สิบ นภาที่ยิ่งใหญ่และอบอุ่นกว่าใคร
หมดสิ้นแล้ว เพื่อนผู้อ่อนโยน
เขาจากไปแล้ว ชายที่มีชื่อว่า ซาวาดะ สึนะโยชิ
.
.
.
.
“.......รุ่นที่สิบ ...รุ่นที่สิบ จากพวกเราไปแล้ว.....”
ความคิดเห็น