คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Breakfast & Dinner
‘Breakfast & Dinner’
................................................................
(คริสโตเฟอร์ เคียวน์)
ผมตื่นนอนประมาณเจ็ดโมง ลงมาก็เจอพวกลูกทีมวิศวกรอยู่พอดี ผมเขาไปคุยกับพวกเขานิดหน่อยก่อนจะแยกตัวออกมากินอาหารเช้าคนเดียว หลังกินอาหารเช้าเสร็จผมก็ขับรถกลับกรุงเทพฯ
ก่อนขับรถออกจากที่นี่ก็แวะซื้อของฝากมาชิ้นหนึ่ง เป็นเสื้อกั๊กสไตล์คาวบอย ด้านหลังสกรีนชื่อจังหวัด
ขับรถอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงบ้านน้อง ผมจอดรถไว้ก่อนจะเดินเท้าเข้าบ้านไป
ติง.......
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปเสียงใสๆชวนฟังของเปียโนก็กระทบเข้าประสาทหูผม เป็นตองกำลังเล่นเปียโนในทำนองชวนสนุกสนาน ผมฟังครั้งแรกก็รู้แล้วว่ามันต้องใช้เวลาฝึกนานมากแน่ๆ
แปะๆๆ
เฮือก!
ฟังไปฟังมาโน้ตตัวสุดท้ายก็จบลง ทันทีที่ผมปรบมือให้ น้องก็สะดุ้งตกใจหันมาทันที เราคุย...อา...ไม่สิ เป็นเชิงถามตอบมากกว่า ผมตอบน้องพร้อมส่งยิ้มไปด้วยทุกคำถาม ไม่นานนักน้องก็ขอตัวไปเรียน ใจจริงผมก็อยากตามไปส่งน้องถึงมหาลัย แต่ดันติดที่ของที่ขนมาไว้ยังคงจัดไม่เสร็จ แถมวันนี้ผมกะจะทำมื้อเย็นรอน้องด้วย
ผมก้าวขึ้นไปบนห้องที่ป้าดาบอกว่าเป็นห้องสำหรับผม ห้องนี้ใหญ่กว่าห้องอื่นอยู่มากทีเดียว ผมค่อยๆทยอยแกะลังที่มีประมาณ 10 ลังเห็นจะได้ออกมาทีละลัง โดยส่วนมากแล้วลังพวกนั้นมักจะเป็นหนังสืออ่านเล่นและก็เอกสารสำหรับบริษัทในไทย มีอยู่ 2-3 ลังเท่านั้นที่เป็นพวกเสื้อผ้าและของใช้
ผมจัดพวกหนังสือและเอกสารไว้ที่ตู้ชั้นวางขนาดหกชั้น โดยเว้นชั้นที่สี่ไว้วางของจุกจิกอื่นๆเพื่อให้หยิบได้สะดวก เสื้อผ้าที่ส่วนมากเป็นชุดทางการก็ไปแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าที่อยู่หน้าห้องน้ำ กีตาร์สีดำตัวโปรดที่ถูกแพ็คมาด้วยก็เอาไปวางคู่ไว้กับเก้าอี้เอน โคมไฟส่องดาวก็ถูกนำไปวางไว้ที่หัวเตียง เอาไว้เปิดดูเพลินๆช่วงที่นอนไม่หลับ
กว่าจะจัดของเสร็จ เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาแขวนข้างเตียงอีกทีก็บ่ายสามแล้ว ผมทำความสะอาดห้องอีกนิดหน่อย ก่อนจะอาบน้ำชำระคราบเหงื่อ และบรรเทาความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตั้งแต่เช้า
หลังอาบน้ำเสร็จ ผมก็ลงมาข้างล่าง ทำแซนวิชไข่ดาวง่ายๆกินรองท้อง กว่าจะได้ฤกษ์ออกไปซื้อวัตถุดิบจริงๆก็เกือบสี่โมงแล้ว ผมเลือกหาซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตหน้าปากซอยที่เคยเจอกับน้องเป็นครั้งแรก สกิลการทำอาหารของผมได้มาจากตอนไฮสคูลที่ต้องออกมาอยู่หอแชร์กันกับเพื่อน ทำให้ต้องทำอาหารเป็นโดยปริยาย
อาหารที่ผมเลือกทำเป็นแกงจืดเต้าหู้ ไข่ตุ๋น ยำสลัดปลาทูน่า และผัดผักน้ำมันหอย ผมจัดโต๊ะจัดสำรับเสร็จก็เพิ่งนึกขึ้นได้.....
....ผมไม่รู้นี่หว่าว่าน้องจะกลับตอนไหน....
...............................................................................
(ตอง)
กว่าผมจะกลับถึงบ้านก็สองทุ่มกว่าๆแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้คุณคริสจะนอนหลับไปรึยัง ถ้าเกิดเขายังไม่หลับและเอาเรื่องที่ผมไม่ได้ดูแลเขาเท่าที่ควรไปบอกแดเนียลละก็ ผมคงจะต้องโดนตักเตือนแน่ๆ ถึงแดเนียลจะไม่ว่าอะไรผมรุนแรงก็ตาม
....แต่เผื่อในภายภาคหน้าเขาอยากจะดุด่าอะไรผมก็ตาม....
....เขาจะไม่มีเรื่องให้ต้องมาติผม...
ไฟชั้นหนึ่งยังคงเปิดอยู่ นั่นหมายความว่าคุณคริสยังไม่นอน
....เขาจะโกรธผมมั้ยนะ!?....
ผมก้าวเข้าไปในบ้าน หันซ้ายหันขวามองหาคุณคริส จนหันมาเจอเขาฟุบอยู่ที่โต๊ะทานข้าว ข้างๆกันเป็นกับข้าวที่ดูน่าทานอยู่ 3-4 อย่าง
....เขาคงทำอาหารรอผม....
“คุณ...คุณคริส...” ผมเขย่าตัวเขาเบาๆ เขาขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างง่วงงุน
“ฮ้าว....กลับมาแล้วหรอ...” คุณคริสส่งรอยยิ้มบางๆให้ผม แววตาเขาดูเข้าใจว่าทำไมผมถึงเพิ่งกลับบ้าน
....ซึ่งผมเกลียดมัน...มันเหมือนเขาเข้ามาอยู่ในชีวิตผมนานแล้ว....
.....ทั้งๆที่ผมเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่ถึงอาทิตย์....
“ทำไมคุณไม่ขึ้นไปนอนข้างบนดีๆ?” ผมถามเขาเสียงเรียบ ซึ่งเขายังคงยิ้มหน้าระรื่น
“รอเธอ...”
“ไม่จำเป็น เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นต้องรอ”
“ใจร้ายจังน้า....ฉันอุตส่าห์กับข้าวรอแท้ๆ” เขาทำหน้าหงอยไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมายิ้มบางๆเหมือนเดิม
“ผมกินมาแล้ว”
“.....” รอยยิ้มเขายังคงประดับอยู่บนใบหน้า แต่มันเหมือนแค่ยิ้มค้างไว้เท่านั้น แววตาเขากลับกลายเป็นดูไร้แววแบบแปลกๆ....ผมเหมือนใจหาย ไม่ทันได้คิด ปากก็พลั้งถามเขาไป
“....แล้วคุณล่ะ”
“ยังเลย” ดวงตาเขาดูประกายแวววาวขึ้นทันตา สีหน้าดูชื่นมื่นขึ้นทันที
“แล้วทำไมไม่กิน!!” ให้ตายเถอะ! นี่มันสองทุ่มแล้วนะ เขาทนหิวขนาดนั้นไปได้ยังไงกัน!?
ผมรีบตักข้าวใส่จานมาวางไว้ตรงหน้าเขา ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็น รินน้ำใส่แก้วมาวางไว้ข้างๆ เขามองจานข้าวตรงหน้ายิ้มๆ ก่อนจะค่อยๆตักละเลียดข้าวไปมองหน้าผมไป
....จะอารมณ์ดีอะไรนักหนานะ!!....
รอจนเขากินไปได้ 3-4 คำผมก็ลุกขึ้น รีบหมุนตัวขึ้นบันไดไป ขณะที่ขาผมกำลังจะก้าวขึ้นบันไดขั้นแรก เสียงทุ้มๆของเขาก็เรียกผมซะก่อน
“พรุ่งนี้....ให้ทำข้าวเช้าให้มั้ย!?”
“อย่าลำบากคุณเลย เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นนั้น”
....และไม่อยากสนิทไปมากกว่านี้ด้วย....
ผมรีบก้าวขึ้นบันไดไปโดยไม่มองกลับมาอีก ผมรีบอาบน้ำและจัดเตรียมกระเป๋าตามวิชาเรียนพรุ่งนี้ ก่อนจะวาดรูปเพิ่มจากที่ค้างไว้หลายวันก่อน
ผมตัดลายเส้นภาพเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะค่อยๆละเลงสีน้ำมันโทนเย็นลงไปทีละนิดๆ ละเลงไปได้ส่วนหนึ่งผมก็วางอุปกรณ์ทั้งหมดลง แล้วไปล้างมือในห้องน้ำ ก่อนจะกลับมานอน โดยที่มีกลิ่นสีน้ำมันลอยอบอวลไปทั่วห้อง
ก่อนสติจะพล่าเลือนหายไป ผมได้ยินเสียงเปิดประตูเบาๆ สัมผัสนุ่มประทับลงบนเปลือกตาผมราวกับจะกล่อมให้ฝันดี กลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยมาแตะจมูกยิ่งชวนให้หลับสบายขึ้นไปอีก เสียงนุ่มทุ้มลอยเจืออากาศแผ่วเบาจนแทบกระซิบ ผมไม่รู้ว่ามันคือคำว่าอะไร....
....แต่มันทำให้ผมลืมความเหนื่อยล้าที่ผ่านมาทั้งวันได้....
“ฝันดีนะครับ เด็กดีของพี่”
.........................................................................
เช้าวันต่อมา เมื่อผมอาบน้ำจัดการตัวเองเรียบร้อย ลงมาก็เจออาหารเช้าแบบอเมริกันเบรคฟาสต์ห่อแลบใสวางอยู่ คุณคริสคงทำไว้ให้ ทั้งๆที่ผมปฏเสธไปชัดเจนแล้ว
ผมหันซ้ายหันขวามองหาเขา แต่ก็ไม่เจอ ตอนนี้เจ็ดโมงนิดๆ เขาคงจะออกไปทำงานแล้ว ผมนั่งกินอาหารตรงหน้าจนหมด ก่อนจะออกไปมหาลัยบ้าง
ผมเรียนอยู่ปี 1 คณะบริหาร เอกการจัดการ กิจกรรมที่คณะนี้มีมากพอๆกับงานที่อาจารย์สั่งครับ ล่าสุดกิจกรรมที่จะถึงนี้คือ Open House ครับ เป็นการเปิดคณะให้น้องๆมัธยมเข้ามาชม และพยายามโน้วน้าวให้น้องเข้าคณะเราให้ได้มากที่สุด
ผมได้ทำงานเป็นพวกจัดฉาก วาดฉาก เพราะรุ่นพี่ปี 2 ซึ่งสนิทกับพี่ครามเขาข้อร้องมาอีกที เขาคงจะเห็นความสามารถในการวาดรูปของผมจึงขอให้ช่วยงาน บวกกับค่าตอบแทนนิดหน่อย ซึ่งผมก็โอเคครับ คนรู้จักพี่คราม ผู้มีพระคุณของผมทั้งที ความจริงจะให้ทำฟรีๆเลยก็ยังได้
งานโอเพ่นเฮ้าส์จะเปิดอาทิตย์หน้าครับ ฉากที่ต้องใช้ในกิจกรรมตามซุ้มก็ยังไม่พร้อมดี ทำให้ผมต้องกลับเลทจากเวลาเดิมไปมากพอสมควร บางวันก็ต้องไปทำงานที่ร้านพี่ครามต่อด้วย งานที่อาจารย์สั่งเองก็มาเรื่อยๆ กลับบ้านมาทีนี่เหนื่อยเป็นตายเลยล่ะครับ
วันนี้ผมกลับถึงบ้านประมาณมาสามทุ่ม ไม่เห็นคุณคริส แต่ไฟในครัวยังคงเปิดอยู่ ผมเลยเดินเข้าไปกะว่าจะปิดไฟ แต่ก็ต้องชะงัก บนโต๊ะมีอาหาร 2-3 อย่างวางห่อแลบใสอย่างดี มีโน้ตแปะอยู่ข้างบน
‘เผื่อเธอยังไม่กินข้าว
ดูแลตัวเองด้วย ป้าดารู้เข้าเขาจะเป็นห่วงเอา
...ฉันเองก็ด้วย
คริส’
นี่เขาเห็นผมเป็นเด็กรึไงน่ะ!? ผมจะ 20 แล้วนะ ไม่ใช่เด็กที่ทำอะไรไม่รู้กำลังตัวเองสักหน่อย!
ผมดึงโน้ตนั่นออกแล้วปาทิ้งถังขยะอย่างรวดเร็ว ส่วนอาหารบนโต๊ะ อันไหนบูดง่ายผมก็จัดการเก็บใส่ตู้เย็น อันไหนไว้ข้ามคืนข้างนอกได้ก็เอาใส่ฝาชีครอบ ผมแวะดื่มน้ำเย็นๆอีกแก้วก่อนจะก้าวขึ้นข้างบน คุณคริสคงยังไม่หลับ เพราะไฟในห้องนอนใหญ่ยังคงเล็ดลอดออกมาตามซอกประตู เขาคงจะงานยุ่ง เลยแค่ทำอาหารทิ้งไว้ให้ผมมาเห็นเอง
....ให้ตายเถอะ! แค่คิดว่าเขาเป็นห่วง เลยทำอาหารรอไว้.....
....ทำไมใจผม ‘สั่น’ อย่างงี้นะ!.....
แกร๊ก
ปัง!
ผมปิดประตูห้องอย่างแรง ก่อนจะรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วมานั่งลงสีรูปต่อ ไม่นานนักผมก็ลงสีเสร็จ
ภาพของผมเป็นภาพเงาของต้นไม้ใหญ่และต้นหญ้าที่กำลังลู่ไปตามลม ด้านหลังเป็นพระจันทร์สว่างเต็มดวง เคียงข้างด้วยดวงดาวสว่างพร่างพราย มีเมฆบดบังอีกเล็กน้อย
ผมยิ้มให้กับผลงานที่เสร็จภายในไม่กี่วัน อันที่จริงผมเป็นคนที่ชอบวาดรูปให้เสร็จภายในเวลาที่น้อยที่สุดอยู่แล้ว แต่ถึงแม้ว่าจะวาดเสร็จเร็ว แต่ผมก็กล้ารับประกันว่าทุกภาพของผมสวยแล้วก็ประณีตแน่นอน หลายครั้งที่ผมหิ้วรูปพวกนี้ไปฝากขายที่ร้านพี่คราม ซึ่งพี่เขาก็รับซื้อไว้ประดับร้านเองบ้าง มีคนมาขอซื้อบ้าง ถือเป็นรายได้เสริมอีกอย่างของผม
ผมจัดการเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนจะเข้านอน
ก่อนที่สติจะหลุดไป สัมผัสแผ่วเบาอ่อนหวาน และเสียงนุ่มทุ้มก็ลอยมากล่อมผมให้ฝันดีอีกครั้ง
“ฝันดีนะครับ”
วันถัดมา ถัดมา แล้วถัดมาเรื่อยๆ อาหารเช้าและเย็นถูกทำทิ้งไว้ทุกวัน บางวันผมก็กินอาหารเช้าของเขา แต่อาหารเย็นนี่ไม่แตะเลยครับ จะทิ้งก็เสียดาย แต่สุดท้ายก็ต้องทิ้ง เพราะผมเลิกจากมหาลัยเกือบค่ำทุกวัน เลยกินจากที่มหาลัยมาเลย ส่วนตัวคนทำน่ะหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อยากจะคุยตกลงกับเขาเรื่องนี้ แต่ผมไม่เคยจะตื่นทันหรือกลับมาทันเขาเลยสักครั้ง
.....บ้าจริงๆ.....
ไม่รู้ว่าเขาตื่นเช้าเกินไปหรือผมตื่นสายเกินไปกันแน่ ถึงไม่เคยจะทันเขาสักที ไฟที่สว่างออกมาตามแนวประตูตอนดึกทำให้ผมคิดว่าเขาคงจะทำงานอยู่ จะเข้าไปกวนเขาก็คงเกินไปหน่อย
....แต่บางทีผมก็คิด....
....การทำทิ้งทำขว้างอย่างนี้มันไม่ใช่ตัวผมเลยสักนิด....
....ไว้คราวหน้าผมจะกลับมากินอาหารของเขาก็แล้วกัน.....
...............................................................................
ภาพที่ตองวาดครับ >>> รักแท้....หรือจะมีจริง
ความคิดเห็น