ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักแท้....หรือจะมีจริง!? [yaoi]

    ลำดับตอนที่ #4 : คริสโตเฟอร์ เคียว

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 58


    ........................................................

     

     

    “ตอนนี้เลย”

     

    “ห๊ะ! นี่มันกะทันหันไปแล้ว! ไหนป้าดาบอกว่าคุณจะเข้ามาอยู่อาทิตย์หน้าไง!?

     

    “ตอนแรกฉันก็กะว่าจะเข้ามาอยู่อาทิตย์หน้านั่นแหละ แต่พอดีว่างานทีต่างจังหวะถูกเลื่อนซะก่อน เลยเปลี่ยนใจ” เขายิ้มอ่อนโยนอีกแล้ว รอยยิ้มเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของเขารึไงนะ?

     

    “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่ผมยังไม่ได้ทำความสะอาดห้องคุณเลยนะ” คุณคริสฟังแล้วก็เอียงคอน้อยๆ เหมือนกำลังคิดอยู่

     

    “อืม...ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ใช่พวกคุณชายที่ทำอะไรไม่เป็นนะ แค่ทำความสะอาดแค่นี้สบายอยู่แล้ว” เขาเดินเข้ามา แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ฟูก สายตาของเขาทอดมองไปยังส่วนต่างๆของบ้าน

     

    ผมถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองนาฬิกา ตอนนี้ใกล้จะสิบเอ็ดโมงแล้ว “เอาเหอะ ผมต้องไปเรียนแล้ว”

     

    ผมเดินกลับไปที่โซฟาเพื่อหยิบกระเป๋า หันมาอีกทีก็เจอเขายืนพิงกำแพงอยู่แล้ว คุณคริสส่งยิ้มให้ผมบางๆ

     

    “จะให้ฉันทำอาหารเย็นรอมั้ย?”

     

    ผมส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่จำเป็นครับ” ผมก้าวเท้าเตรียมออกจากบ้าน ก่อนจะชะงักแล้วหันกลับมาหาเขาอีกครั้ง “คุณไม่จำเป็นต้องสนใจผม เราต่างคนต่างอยู่กันก็พอ”

     

    ผมหลังกลับ สาวเท้ายาวๆออกไปโดยที่ไม่ทันได้ยินสิ่งที่เขาพูดไล่หลังมา

     

     

     

     

     

    “เห็นทีคงจะไม่ได้ เพราะฉันถูกใจเธอเข้าแล้ว” เขาหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะเดินสำรวจตัวบ้าน

     

     

     

     

    ....ผมเริ่มเกลียดรอยยิ้มของเขา รอยยิ้มของเขาเหมือนไม่ได้คิดอะไรเลย....

     

    ....ผมเริ่มเกลียดท่าทีนุ่มนวลของเขา ท่าทีของเขาเหมือนใยแมงมุมที่คอยดักเหยื่อให้บินไปชน....

     

    ....ผมเริ่มเกลียดคำพูดของเขา คำพูดของเขาเหมือนจะทำให้ผมหลงเชื่อ....แล้วก็จากไปเหมือนที่ทุกคนเคยทำ....

     

     

     

     

    ....พ่อกับแม่รักลูกนะจ๊ะ....

     

     

     

     

     

     

    ....ทั้งหมดนั่น....หลอกลวง....

     

     

     

    ...............................................................................

     

     

    (คริสโตเฟอร์ เคียวน์)

     

     

    ครอบครัวผมมีธุรกิจต่างๆมากมายทั้งในยุโรปและเอเชีย เรียกได้ว่าเป็นมหาเศรษฐีเลยทีเดียว แต่ก็นั่นแหละ...มันไม่ใช่ ครอบครัว จริงๆ

     

    ครอบครัวของแม่ผมเป็นนักธุรกิจใหญ่ในญี่ปุ่น ส่วนครอบครัวพ่อก็เป็นนักธุรกิจรายใหญ่ในยุโรป ท่านแต่งงานกันเพราะถูกผู้ใหญ่คลุมถุงชน แต่ถึงอย่างนั้นท่านทั้งสองก็อยู่กันด้วยความเข้าใจ ท่านบอกกับผมว่าท่านเป็นพ่อกับแม่ที่ดีได้ แต่คงเป็นสามีภรรยาที่ดีให้กันไม่ได้....ซึ่งถือก็ถือเป็นความโชคดีของผมที่ท่านเลือกที่จะเข้าใจและอยู่ร่วมกันโดยไม่มีเรื่องทะเลาะให้เป็นปมในใจผม

     

    ครอบครัวเราอยู่ด้วยความเข้าใจกัน ถึงแม้ท่านทั้งสองจะไม่ได้รักกัน แต่พวกเราทั้งสามคนก็เข้าใจกันเสมอ เราปรึกษากันได้ทุกเรื่อง ทุกๆครั้งที่มีปัญหาเราจะช่วยกันหาทางออกเสมอ ผมสัญญากับพวกท่านไว้ว่าจะสืบทอดธุรกิจของท่านตามที่ขอ เพียงแต่เรื่องคนรักผมจะขอเป็นคนเลือกเอง ท่านให้สัญญากับผม ผมเองจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เจอใครที่คิดจะจริงใจด้วยเลยสักคน

     

     

    ....จนผมมาเจอเด็กคนนี้....

     

     

    ครั้งแรกที่ผมเจอตองเป็นที่ซุปเปอร์มาเก็ตในหมู่บ้านสำหรับชนชั้นกลางแห่งหนึ่ง ผมไปที่นั่นเพื่อหาบ้านของเพื่อนคุณพ่อที่ผมจะมาพักระหว่างจัดการเรื่องบริษัทที่ไทย แต่แผนที่ที่คุณพ่อให้ผมมานั้นเรียกได้ว่าแทบจะอ่านไม่ออก ที่ยังพอดูได้มีเพียงซอยและบ้านเลขที่เท่านั้น ผมจึงหลงทางอย่างไม่ต้องสงสัย

     

    เจอน้องครั้งแรก ผมก็ติดใจท่าทีที่ดูเซื่องซึมของน้อง แววตาน้องเหมือนกลับกำลังติดอยู่ในคุกแห่งหนึ่งและกำลังรอคอยอิสระอยู่ กว่าจะรู้ตัวอีกที...ผมก็ก้าวเท้าตามน้องออกมาแล้ว

     

    ผมถือโอกาสถามทางและตามมาส่งตองที่บ้านด้วย น้องตกใจเล็กน้อย ดูน่าเอ็นดูมากเมื่อเห็นว่าผมเป็นเจ้าของรถ บ้านน้องน่าอยู่มากทีเดียว ทำเอาผมอยากเข้ามาอยู่ด้วยเลยแฮะ

     

    หลังจากส่งน้องเสร็จ ผมก็ขับรถไปตามที่ตองบอก พอมาถึงผมก็รู้ว่าไม่ใช่บ้านเพื่อนพ่อ ที่จริงแล้วเลขที่ในนั้นมันเขียนผิด บ้านหลังจริงๆอยู่ในซอยเดียวกับที่ผมไปส่งน้องมา วันนั้นผมจึงพักที่โรงแรมในซอยนั้นแทน พอรุ่งเช้าหลังเช็คเอาท์ออก ผมก็ไปที่ร้านของคราม เพื่อนที่ผมเคยเรียนด้วยตอนมาแลกเปลี่ยนที่ไทย มันเป็นแฟนกับนาย เพื่อนสนิทผมที่มาแลกเปลี่ยนด้วยกันก่อนจะตกลงปลงใจลงหลักฐานที่นี่กับแฟนของมัน

     

    ผมกำลังคุยเรื่องมาอยู่ไทยกับครามได้สักพักก็มีเสียงประตูดังขึ้น นึกไม่ถึงว่าจะเป็นตอง หน้าน้องดูตกใจมากๆก่อนเปลี่ยนมาเป็นสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว เด็กคนนี้ชอบมีอะไรให้ผมแปลกใจอยู่เรื่อยเลยเชียว คุยกันไม่นานตองก็ต้องไปทำงาน หลังจากน้องออกไปผมก็ซักเรื่องของน้องจากครามซะละเอียดยิบ สิ่งที่ผมได้รู้จากครามทำให้ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไม....น้องถึงเหมือนติดอยู่ในคุก

     

     

     

    ....มันเป็นคุกที่ชื่อว่า ความกตัญญู ....

     

     

    หลังคุยกับครามเสร็จ ผมก็ตรงไปยังบ้านของเพื่อนพ่อ พอมาถึงจริงๆผมถึงได้รู้ว่าบ้านหลังที่ผมต้องมาพักอยู่ตลอดครึ่งปีเป็นหลังเดียวกับ คุก ของน้อง... ป้าดาอาสาพาผมเดินดูบ้าน ยังดีที่ผมได้อยู่หลังที่มาส่งน้องเมื่อวาน และก็ยิ่งดีมากขึ้นไปอีก เมื่อน้องจะเป็นคนมาดูแลผมตลอดครึ่งปี

     

    ผมสั่งให้คนขนของเข้ามาตอนบ่ายๆ ก่อนจะฝากป้าดาบอกตองไว้ว่าจะย้ายเข้ามาอยู่ในอาทิตย์หน้า เพราะผมยังคงมีงานที่ต่างจังหวัด และต้องไปดูแลควบคุมไซต์งานเอง ผมอ้อยอิงอยู่ในบ้านเล็กน้อย สายตามองไล้ไปยังชั้นหนังสือที่ถูกจัดวางตามหมวดหมู่ ท่าทางเจ้าของจะรักหนังสือมาก แต่ละเล่มจึงไม่มีฝุ่นจับเลยสักนิด

     

     

    ....แค่ผมจินตนาการถึงหน้าน้องตอนจัดเรียงหนังสือ หัวใจผมก็เหมือนจะเต้นผิดไปจังหวะหนึ่ง....

     

     

    หลังมองสำรวจชั้นหนังสือ สายตาผมก็ไปปะทะกับอัลบั้มรูปที่ถูกจัดไว้ชั้นล่างสุด ผมหยิบขึ้นมาเปิดดู หน้าแรกๆเป็นรูปน้องตั้งแต่แรกเกิด ข้างใต้มีลายมือเขียนกำกับเหตุการณ์ไว้ ผมพลิกหน้าไปเรื่อยๆ รูปน้องช่วงเด็กมีถึงแค่ตอนอายุ 5 ขวบ หลังจากนั้นก็กระโดดข้ามมาเป็นรูปสมัยม.ปลายเลย ผมเดาว่าช่วงที่ขาดหายไปคงเป็นช่วงที่ครอบครัวน้องมีปัญหาตามที่ครามเล่าให้ฟัง

     

    ผมเปิดไล่ไปจนถึงหน้าที่เป็นรูปน้องตอนม.6 รูปมีอยู่ 3-4 หน้า ส่วนมากเป็นรูปหมู่ตอนจบ มีรูปน้องเดี่ยวๆอยู่ไม่กี่รูปเท่านั้น ตาผมไปสะดุดอยู่กับรูปที่น้องกำลังนั่งหัวเราะ ในมือถือช้อนกินไอติมอยู่กับเพื่อน แต่คนถ่ายกลับจงใจเบลอภาพคนอื่น แล้วเน้นให้ตัวน้องชัดขึ้นมาแทน

     

    ภาพน้องดูมีความสุขมากจริงๆ ผมคิดว่าคนถ่ายคงจงใจแอบถ่ายภาพแบบนี้กับเพื่อนทุกคน เพราะเป็นตอนใกล้จบ ทุกคนใกล้แยกย้ายไปเรียนสิ่งที่ตัวเองชอบ การกลับมารวมตัวกันก็คงจะไม่ง่ายนัก

     

     

    ...ไม่ทันคิด...ผมก็หยิบรูปออกมาจากอัลบั้ม แล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเองซะแล้ว....

     

    ...นี่ผมโรคจิตใช่มั้ย?...

     

     

     

    ............................................................

     

     

     

    หลังออกจากบ้านหลังนั้น ผมก็ขับรถตรงออกต่างจังหวัดเลย ถึงที่หมายอีกครั้งก็เป็นเวลาค่ำแล้ว ผมเข้าพักโรงแรมเดียวกับพวกคนงานที่ไซต์ก่อสร้าง ที่นี่อากาศดีทีเดียว ท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยหมู่ดาวพากันส่องแสงระยิบระยับทำให้ผมพาลนึกถึงตอง ไม่รู้ป่านนี้น้องจะทำอะไรอยู่ คงจะอ่านหนังสือหรือไม่ก็ทำงานอยู่ที่ร้านของครามแน่ๆ

     

    นึกถึงน้องแล้วผมก็อดคิดไม่ได้ ผมยังคงไม่แน่ใจว่าความรู้สึกของผมเป็นเพียงแค่เอ็นดูเด็กสู้ชีวิตคนหนึ่ง หรือความรักกันแน่ ผมรู้แค่เพียงว่าผมอยากจะอยู่ข้างๆน้อง คอยจ้องมองน้องไปเรื่อยๆ ทำให้น้องยิ้มและมีความสุขก็เท่านั้น

     

    หลังจากที่ผมแอบมองน้องตอนทำงานที่ร้านของครามเมื่อวาน ตองในความคิดของผมก็กลายเป็นเด็กเก็บกดคนหนึ่ง จากการผมเคยเรียนสาขาจิตวิทยาอยู่ประกอบกับสิ่งที่ครามเล่าให้ฟัง ทำให้ผมเดาได้ว่าที่น้องชอบทำสีหน้านิ่งๆมาจากการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ไร้คนที่จะคอยแนะนำหรือรับฟังในช่วงเวลาสำคัญของวัยเด็ก ทำให้น้องไม่คิดที่จะเล่าอะไรหรือระบายอะไรให้ใครฟัง อารมณ์ของน้องมีไม่มากไปกว่ารับรู้และเฉยเมย หลายครั้งที่ผมสังเกตแววตาน้องเวลาอยู่กับคนอื่น มันเพียงแค่แสดงออกถึงการรับรู้ แต่ไม่ได้ร่วมรู้สึกไปกับสิ่งที่ได้ยิน....คล้ายกับน้องหมดความรู้สึกไปแล้ว

     

    คิดถึงตรงนี้ผมก็อดดีใจลึกๆไม่ได้ เมื่อนึกถึงตอนที่น้องทำหน้าอึ้งและตกใจที่เห็นผมในหลายๆครั้ง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ผมขับรถไปส่ง ตอนที่เห็นผมอยู่กับคราม หรือตอนอื่นๆก็ตาม

     

     

    ....นั่นทำให้ใจผมพองโตมากจริงๆ....

     

    ....โตจนผมคิดว่าอยากจะทำให้น้องมีปฏิกิริยาแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าผมจะหมดลมหายใจ.....

     

     

    ติ๊ดๆๆ ติ๊ดๆๆ

     

    เสียงโทรศัพท์ที่อยู่บนหัวเตียงดังขึ้น หน้าจอแสดงชื่อของกิตติหรือติ หัวหน้าทีมวิศวกรในไซต์นี้ และยังเคยเป็นเมทกันตอนที่ผมมาแลกเปลี่ยนที่ไทย

     

    “ฮัลโหล”

     

    “อยู่โรงแรมรึเปล่าว่ะ?” ปลายสายที่ส่งเสียงมาเครียดเล็กน้อย ทำให้ผมคิดว่าคงจะเป็นเรื่องงาน

     

    “อยู่ มีอะไร?”

     

    “ห้องที่จองไว้ให้ใช่มั้ย? เดี๋ยวกูไปเข้าหา มีเรื่องงานจะคุย”

     

    ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรไป มันก็ตัดสายไปก่อนแล้ว ผมเดิมเข้ามาให้ห้อง เดินตรงไปยังส่วนรับแขก ก่อนจะเปิดไฟและนั่งรอแขกที่จะมาถึงในเร็วๆนี้

     

    ก๊อกๆๆ

     

    ไม่ถึง 15 นาทีก็มีเสียงเคาะประตู ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูให้อีกฝ่าย ก่อนจะพากันมานั่งคุยกันที่ชุดรับแขก ในมือติมีเอกสารเยอะแยะรวมทั้งกระบอกสำหรับใส่แปลน มันวางกระบอกไว้ข้างตัว ก่อนจะยื่นเอกสารให้ผมดู

     

    “นี่เป็นใบรับรองสินค้า วัสดุก่อสร้างถูกส่งมาครบหมดแล้ว แต่เจ้าของงานโทรมาขอเลื่อนการสร้างโรงแรมออกไปอย่างไม่มีกำหนด เห็นว่าจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ แถมถ้าจะอยู่เที่ยวกันเขาก็จะออกค่าใช้จ่ายให้อีก ทีมกูเองก็ไม่มีปัญหาอะไร” ไอติเล่าออกมา ในขณะที่ผมเช็คใบรับรองสินค้าว่าได้มาครบรึเปล่า

     

    “อืม...แล้ว?” ผมพยักหน้านิดๆ แต่ความจริงเรื่องแบบนี้มันบอกผมตอนเช้าก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องมาตอนนี้เลย

     

    “ที่มีปัญหาคือนี่...” มันหยิบแปลนในกระบอกส่งให้ ผมรับมาแล้วคลี่ออกดู ข้างในเป็นแบบแปลนการสร้างโรงแรมที่ถูกหลักทุกอย่าง

     

    ผมเกิดที่ไทย แต่ไปโตและเรียนที่แคนาดา ถึงแม้ผมจะไปอยู่ที่นั่นแต่ครอบครัวผมก็ใช้ภาษาไทยพูดคุยกันอยู่เสมอ คณะที่ผมเลือกเรียนคือวิศวะ เรียนควบไปกับจิตแพทย์ เคยมีมาแลกเปลี่ยนที่ไทยอยู่พักหนึ่ง หลังจบวิศวะไปผมก็ลงเรียนสถาปัตย์พร้อมรอเรียนจิตแพทย์จบ ทำให้เรื่องแบบแปลนสร้างบ้านผมชำนาญอยู่มากที่เดียว แต่ผมก็ยังมองไม่เห็นถึงปัญหาของแบบแปลนนี้ที่ไอติให้ดูอยู่ดี

     

    ผมกางแบบแปลนลงบนโต๊ะ แล้วเงยหน้าขึ้นเป็นเชิงให้บอกถึงปัญหา มันถอนหายใจแล้วชี้มาที่จุดๆหนึ่ง

     

    “ไม่น่าเชื่อว่ามึงไม่สังเกต แต่อย่าว่าแต่มึงเลย กูก็ไม่สังเกตเหมือนกันถ้าคนในทีมกูไม่บอก” มันชี้มาที่สวนด้านข้างโรงแรม ผมมองตามปลายนิ้ว จุดนั้นมีปัญหาจริงๆแต่ไม่ใช่เรื่องโครงสร้าง แต่เป็นเรื่องอาณาเขต พื้นที่ของสวนนั้นลุกล้ำเข้าไปในเขตรีสอร์ทที่อยู่ข้างๆอย่างจงใจ

     

    “แต่ตอนที่กูดูทีแรกมันโอเคแล้ว” ใช่ ตอนผมตรวจดูตอนแรกผมแน่ใจว่าไม่มีตรงไหนผิดแบบแปลน หรือวางเลยเขตพื้นที่แน่ๆ

     

    “กูก็ว่างั้น ตอนอยู่กรุงเทพกูก็เห็นว่าโอเคทุกอย่าง แต่พอลูกทีมมาทักกูก็เลยสังเกตได้” ผมนั่งหน้าเครียดทันที

     

    การที่แปลนผิดรูปแบบแสดงว่าต้องมีคนจงใจสับวางแน่ๆ นั่นหมายถึงมีศัตรูจ้องเล่นงานงานชิ้นนี้อยู่ ไม่ว่าจะอยากเล่นงานเจ้าของโรงแรมหรือบริษัทผมก็ตาม แต่นั่นก็หมายถึงผมต้องระวังตัวกับงานนี้ให้มากขึ้น โชคดีที่เจ้าของโรงแรมเลื่อนการก่อสร้างออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทำให้ผมพอจะมีเวลาสืบเรื่องนี้ได้

     

    “อืม...เดี๋ยวกูเอาไปตรวจสอบ” ผมม้วนแปลนลงในกระบอกยืนคืนให้ไอติเหมือนเดิม มันรับไปแล้ววางไว้ข้างตัว

     

    “กูมีอีกเรื่องหนึ่ง...” มันทำหน้าอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะยอมพูดออกมา “...กูจะขอลาจนกว่าเจ้าของเขาจะให้สร้างต่อ”

     

    “ขอเหตุผล” ผมอึ้งไม่น้อย ปกติไอติเป็นพวกอยู่บ้านเฉยๆไม่เป็น ต้องหาอะไรทำตลอด แต่คราวนี้กลับลางานแบบยาวๆ

     

    “กู....” หน้ามันดูหมองๆ เหมือนกลุ้มใจอะไรสักอย่าง มันถอนหายใจยาวๆแล้วพูดต่อ “เฮ้อ...กูคิดว่า...กูคงเป็นเกย์ว่ะ...!

     

    “ห๊ะ!?” ผมอึ้ง ปกติมันเป็นผู้ชายแมนๆมาตลอด คนที่เคยคั่วอยู่ก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้น ถึงแม้จะเพลาๆลงบ้างเพราะเข้าวัยทำงานแล้วก็เหอะ

     

    “คือ...วันนั้นกูเมา แล้ว...พลาด...กับผู้ชาย แล้ว...กูโดน...เอา...” คำสุดท้ายแผ่วเบาจนแทบกระซิบ แต่ผมก็ได้ยินอยู่ดี

     

    “ห๊ะ!? มึงเนี่ยนะ!? โดนเอา?”

     

    “เออ หลังจากนั้นกูกับเขาก็แยกทางกันด้วยดี คิดกันว่าเป็นแค่เรื่องผิดพลาด แต่ทีนี้ไม่ว่ากูไปที่ไหน จะทำงานหรือเที่ยว กูแม่งเจอเขาตลอดเลยว่ะ แล้วกูก็เลย...แบบ....คุยๆกันไป เที่ยวด้วยกันตอนมีโอกาสบ้าง....ตะ...แต่ไม่มีอะไรในกอไผ่นะเว้ย!” ไอติโวยลั่น หน้าแดงแป๊ด เมื่อเจอผมทำหน้าแปลกๆตอนมันบอกว่ากำลังคุยกับ เขา ของมัน

     

    “ฮ่าๆ แล้วไงต่อ?”

     

    มันทำหน้าอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะยอมพูดต่อ “แล้ว...กูก็...แบบได้เจอเขาบ่อยๆใช่ป่ะ ทีนี้เขาก็ต้องไปดูต่างที่ญี่ปุ่นอาทิตย์หนึ่งอ่ะ กูก็แบบรู้สึกโหวงๆเหมือนอะไรมันหายไปก็ไม่รู้ กูเลย....”

     

    “อยากหลบไปเคลียร์หัวใจตัวเอง?”

     

    “เออ!!” หน้าไอติแดงยิ่งกว่าเก่าอีกครับ ผมว่ามันคงรู้ตัวแล้วแหละ แต่แค่อยากทำให้แน่ใจจริงๆว่ารู้สึกยังไงกันแน่

     

    “ฮะๆ...เออ กูอนุญาต แต่ถ้ามีงานใหญ่จริงๆมึงต้องมานะเว้ย!...แล้วนี่มึงจะไปพักไหนอ่ะ?”

     

    “ได้ๆ กูว่าจะไปเชียงใหม่ว่ะ บ้านแม่กูอ่ะ”

     

    “อืม งั้นเจอกัน”

     

    “เจอกัน”

     

    จากนั้นไอติก็เก็บของกลับไป ผมเองก็เดินกลับเข้ามาที่เตียง หยิบรูปที่แอบเอามาจากบ้านตองขึ้นมาดู พรุ่งนี้ผมเองก็คงต้องออกจากนี่เช้าๆแล้วสิ ผมอยากจะกลับไปเจอหน้าน้องใจจะขาดแล้ว

     

     

     

    ...วันนั้นผมก็หลับไปโดยที่ยังมีรูปน้องแนบอยู่บนอก....

     

     

     

    ............................................................................


                ช่วงนี้ผมอาจจะแต่งช้าไปหน่อยนะครับ เรียนพิเศษเยอะจัด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×