คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : พบเจอ
....................................................................
....ผมไม่เชื่อในความรัก...ไม่เคยเชื่อตั้งแต่วันที่พวกเขาทิ้งผมให้อยู่คนเดียว...
....แต่โชคชะตามักจะเล่นตลก...
....ผมเชื่ออย่างนั้น....
หลังจากจัดการกิ่งไม้ในสวนเสร็จ พวกเราสามคนก็ล้อมวงกินข้าวกันที่ระเบียงฝั่งห้องรับแขก กว่าจะกินเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว พวกมันสองคนเลยขอตัวกลับ ผมรีบขออาศัยรถมันไปลงซุปเปอร์มาเก็ตหน้าปากซอยด้วย เพราะของใช้บางอย่างเริ่มจะหมดอีก อีกอย่าง ผมกะจะไปเช็คเงินในบัญชีด้วยซะหน่อย
ทันทีที่ผมลงรถ มันก็โบกมือลาพลางบอกให้ผมกลับบ้านดีๆอย่าให้ใครฉดไปได้ ก่อนจะขับรถออกไป อันที่จริงมันสองคนก็พูดเกินไป ระยะทางระหว่างบ้านกับที่นี่ไม่ได้ไกล อีกอย่างในซอยก็ไม่ได้เปลี่ยวอะไรมากขนาดนั้น
ผมเดินเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ต ก่อนจะตรงไปยังโซนสำหรับของใช้ มองหายาสระผมยี่ห้อประจำ ข้างๆกันมีคนที่เลือกอยู่ก่อนแล้ว เป็นผู้ชายรูปร่างดีตัวสูงมากคนหนึ่ง ขนาดผมที่สูงอยู่แล้วยังสูงแค่หน้าอกเขาเท่านั้นเอง ผมหยิบยาสระผมจากชั้นวางใส่ตระกร้า แล้วเดินไปดูแปรงสีฟันที่อยู่ไม่ไกลต่อ
มองหายี่ห้อที่ใช้อยู่สักพัก ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาเลือกอยู่ข้างผม ผมเดาว่าเป็นคนที่อยู่ตรงยาสระผมจากเสื้อผ้าและส่วนสูงของเขา ผมเบี่ยงหลบให้เขาเล็กน้อย แล้วหยิบแปรงสีฟันใส่ในตระกร้า เดินตรงไปยังแคชเชียร์ ระหว่างทางเจอขนมกินเล่นก็หยิบมาสองห่อ ก่อนที่ผมจะจ่ายเงินแล้วเดินออกจากที่นั่นมา
ผมเดินไปที่ตู้ ATM ข้างๆซุปเปอร์มาเก็ต เช็คเงินในบัญชี มันเหลืออยู่ประมาณห้าหมื่นกว่าบาท ซึ่งส่วนมากเป็นเงินที่แดเนียลให้ผมใช้จ่ายในแต่ละเดือนนอกจากค่าเทอมที่เขาจ่ายให้ ...แต่ที่จ่ายให้ก็แค่ค่าเทอม ค่าใช้จ่ายอื่นๆนอกเหนือจากนั้นก็มีมากอยู่ดี
“คง...ต้องหางานพิเศษทำแล้วล่ะมั้ง” ผมก้มหน้าพึมพำกับตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะรับบัตรจากตู้แล้วเดินออกมา
พลั่ก!
“โอ๊ะ! / อ๊ะ!”
...แต่ผมคงจะรีบเกินไปหน่อย เลยไปชนคนที่เดินสวนมาเข้า กลายเป็นว่าหน้าผมไปซุกอยู่กับอกเขา ส่วนมือก็จับแขนเขาไว้ แขนเขาเองก็โอบรอบเอวผมไว้เช่นกัน ผมผละออกมา ก่อนจะทรงตัวยืนดีๆ
“เอ่อ...ขอโทษ..แล้วก็ขอบคุณนะคระ....”
....คนนั้นนี่?....
ผมอึ้งเล็กน้อย จากชุดที่เขาใส่เป็นคนเดียวกับที่ยืนเลือกของอยู่ข้างผมอย่างไม่ต้องสงสัย ผมเงยหน้ามองเขาแบบเต็มตา แล้วก็ต้องอึ้งอีกครั้ง
....หล่อ....
แน่นอนว่าเขาสูงกว่าผมอยู่มาก รูปร่างก็ดี แถมหน้าตายังดีอีกต่างหาก หน้าตาเขาออกลูกครึ่งยุโรปนิดๆ ดวงตาเป็นสีน้ำตาล คิ้วเรียวรับกลับใบหน้า ไม่ว่าใครที่เขาก็จะต้องมีแอบกรี๊ดบ้างล่ะ
“...เธอเป็นอะไรมากมั้ย!?” เสียงเขาออกทุ้มนุ่มนิดๆ น้ำเสียงฉายความกังวลเล็กน้อย ก็จะใช้สายตามองสำรวจร่างกายผม
“อ่า...ไม่เป็นไรครับ ขอโทษอีกครั้ง....”
“ไม่เป็นไรหรอก...” เข้ายิ้มให้นิดๆ แล้วทำท่าอ้ำๆอึ้งๆ “..เอ่อ...คือ...เธอพอจะมีเวลาซักหน่อยมั้ย?”
ผมเอียงคอสงสัยเล็กน้อย มองดูนาฬิกาอีกครั้ง นี่เพิ่งจะห้าโมงครึ่งเท่านั้น อยู่คุยกันอีกหน่อยคงไม่เป็นไร อีกอย่างดูท่าทีแล้วเขาก็ไม่เหมือนคนร้ายอะไรเลยด้วย
เขาชวนผมนั่งที่เก้าอี้สาธารณะที่ถัดจากตู้ ATM ไปไม่เท่าไหร่ ก่อนจะกดผลไม้กระป๋องให้ ผมรับมาโดยไม่คิดอะไร แล้วเปิดฝากระดกดื่มไปอึกหนึ่ง ก่อนเปลี่ยนเป็นถือไวเฉยๆ
“..คือ....เธอพอจะรู้จักบ้านเลขที่นี้มั้ย?” เขาถามผม พลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ ในนั้นเป็นแผนที่บ้านหลังหนึ่งแต่มันดูเละซะจนมองอะไรไม่ออก ในกระดาษทั้งแผ่นคงจะมีแต่บ้านเลขที่เท่านั้นแหละที่พอจะรู้เรื่องอยู่บ้าง ผมรับมาถือว่าไว้เฉยๆแล้วเป็นฝ่ายถามเขาแทน
“ทำไมถึงมาถามผมล่ะครับ?”
เขาคลี่ยิ้มอ่อนโยน เมื่อเห็นผมถามออกไปแบบนั้น
“...ฉันเห็นเธอมาเลือกของใช้น่ะ เลยคิดว่าน่าจะรู้จัก ตอนแรกกะจะไปถามพนักงานเขาก็ติดลูกค้าอีก หันหาคนอื่นก็ไม่มี แล้วพอดีเจอเธอเข้าเลยจะเข้ามาถาม แต่เธอก็ออกมาซะก่อน เลยเดินตามออกมา...จนเป็นงี้แหละ” ผมหน้าแดงกับรอยยิ้มของเขาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกมากไปกว่าประหม่าที่เจอคนหน้าตาดียิ้มให้
“อืม...บ้านหลังนี้หรอ?....” ผมพยักหน้าให้เขา แล้วก้มลงดูบ้านเลขที่ในกระดาษ “รู้สึกว่าจะอยู่ซอยนั้นนะครับ” ผมชี้ไปที่ซอยข้างๆ
“งั้นหรอ...” เขาทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย
“ครับ....แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ในซอยนั้นมีโรงแรมอยู่ ถ้าคุณหลงยังไงก็ยังพักที่นั่นได้” ผมสำทับเขาไป เผื่อเขาไม่แน่ใจว่าใช่บ้านหลังที่เขาต้องการหาอยู่จริงๆรึเปล่า ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นเดิมให้เขา
“งั้น...ขอบคุณเธอมากนะ” เขายิ้มบางๆมาให้ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันมาถามผม “แล้วบ้านเธออยู่ไหนล่ะ!? ให้ฉันไปส่งมั้ย?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้” ผมปฏิเสธ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปยังซอยบ้าน
ความจริงดูจากเสื้อผ้าที่เขาใส่แล้ว พนันได้เลยว่าเขาคงจะเป็นนักธุรกิจและรวยมากแน่ๆ ดวงตาเขาก็ดูอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา แถมยังสุภาพมากๆอีก คงต้องเป็นคุณชายต่างตระกูลไหนซักตระกูลแน่ๆ ดูคิดแล้วก็ยังติดใจไม่หาย เขามาทำอะไรแถวนี้กันนะ?
...ว่าแต่ทำไมผมต้องนึกถึงเขาด้วยล่ะ!?...
....ทำไมแค่ช่วงเวลาสั้นๆทำให้ผมติดใจเขาได้มากขนาดนี้กัน?....
....โชคชะตาต้องเล่นตลกแน่ๆเลย....
ปี๊น! ปี๊น!
เฮือก!!
ผมสะดุดตกใจ ที่จู่ๆก็มีเสียงแตรรถดังมาจากข้างหลังผม ผมหันกลับไปมอง แต่แล้วก็ต้องอึ้งอีกครั้ง เมื่อตรงหน้าผมเป็นรถปอเช่ เครแมนคันสวยสีน้ำตาลดำ ราคาไม่ต่ำกว่าแปดล้าน!
....ให้ตายเหอะ! น่าอิจฉาเป็นบ้า!...
วันนี้ไม่รู้ว่าผมอึ้งไปกี่รอบแล้ว ผมถอนหายใจเบาๆ ชาตินี้ทั้งชาติผมคงไม่มีโอกาสได้นั่งรถคันนี้แน่ๆ ก่อนจะเตรียมหันกลับไปเดินต่อ แต่สายตาดันไปปะทะเข้ากับคนขับรถคันนี้เสียก่อน
....เป็นเขา! ผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว!....
ผมยืนตัวแข็งทื่อเป็นต้นไม้ ผู้ชายคนนี้ชอบมีอะไรให้ผมทึ่งซะจริง เขาส่งยิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะเขยิบรถเข้ามาหา พร้อมลดกระจกรถลง
“ขึ้นมาสิ ฉันอยากไปส่งเธอนะ”
“แต่....”
“หึ ฉันรู้น่าว่าเธอเกรงใจ...แต่ฉันอยากไปส่งเธอจริงๆ...” เขาทำสายตาอ้อนวอนมาให้ ผมถึงกับใจเต้นผิดไปจังหวะหนึ่ง ใจผมอ่อนยวบอย่างช้าๆ “อีกอย่าง...ถึงเธอจะเป็นผู้ชาย แต่โจรน่ะ ไม่เลือกเพศหรอกนะ”
ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงเขาดูกังวลนิดๆ และไม่รู้อะไรดลใจผม...ให้เปิดประตูเข้าไปนั่งข้างคนขับเสียได้....
ตลอดทางมาเราสองคนไม่พูดอะไรมากไปกว่าถามทางและบอกทาง แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าเขาก็ดูมีความสุขแปลกๆ มุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อยตลอดเวลา ผมให้เขาจอดหน้าบ้านไออิง ก่อนจะบอกลาและรอจนเขาขับรถกลับออกไป
ผมกลับเข้าบ้าน จัดเรียงของให้เป็นระเบียบ ก่อนจะอาบน้ำแล้วมานั่งอ่านหนังสือที่เตียง อ่านไปสักพักผมก็เข้านอน เตรียมตัวไปหางานพิเศษเพิ่มพรุ่งนี้เช้า อีกไม่นานมหาลัยผมก็จะปิดเทอม การไปสมัครงานไว้ก่อนจะทำให้ผมไม่ต้องไปแย่งงานกับคนอื่นเขาอีก
.....................................................
กว่าจะทำความสะอาดบ้านและอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เป็นเวลาเก้าโมงกว่าแล้ว ผมนั่งรถเมล์ไปลงที่มหาลัย มองหาร้านๆหนึ่ง ร้านนี้เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ในตอนกลางวัน และเป็นผับชั้นสูงในตอนกลางคืน เจ้าของร้านเป็นสายรหัสผมเอง ผมมักจะมาทำงานที่นี่ทุกปิดเทอมหรือหยุดยาว ซึ่งพี่สายรหัสผมก็เป็นคนดี ยอมให้ผมเข้าทำงาน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เปิดรับสมัครก็ตาม
ผมเปิดประตูเข้าไปข้างใน ภายในร้านตกแต่งสไตล์วินเทจสบายตา มีสองชั้น ชั้นแรกในตอนกลางวันจะเป็นร้านอาหาร มีเวทีให้นักร้องร้องเพลงให้แขกฟัง ด้านหนึ่งของเวทีมีเปียโนและไวโอลินวางอยู่ ในส่วนตอนกลางคืนโต๊ะจะถูกเคลียร์ กลายเป็นฟลอเต้นรำที่ทันสมัย เวทีกลายเป็นทีสำหรับดีเจ มีชุดโต๊ะทรงสูงวางเป็นจุดๆ ส่วนหนึ่งกั้นเป็นโซนสำหรับนั่งรับประทานอาหารธรรมดา ลึกเข้าไปด้านในเป็นเค้านท์เตอร์บาร์ มีเก้าอี้วางเรียงสำหรับลูกค้าที่เน้นดื่มโดยเฉพาะ และโซนลูกค้าวีไอพี
ชั้นที่สองเป็นบาร์ชั้นสูง สำหรับนั่งดื่มแบบชิลด์ๆ หรือเอาไว้พูดคุยธุรกิจกันสบายๆ ชั้นนี้ค่อยข้างจะเงียบสงบ มีเสียงเพลงคลอเบาๆกลบเสียงจากชั้นล่าง ลึกเข้าไปเป็นห้องสำหรับให้แขกนอนพัก ด้านในสุดเป็นห้องทำงานของพี่สายรหัสผมเอง
ผมเดินผ่านโต๊ะเข้าไปด้านใน ระหว่างทางก็มีคนเข้ามาทักผมหลายคน ทุกคนล้วนรู้จักกันหมดจากที่ผมเคยมาทำงานทุกๆปิดเทอม ผมทักตอบทุกคน ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องทำงานของพี่เขา
ก๊อกๆๆ
“...เข้ามา” ผมเคาะประตูเสียงดังพอสมควร รอจนเสียงด้านในดังตอบออกมาจึงเปิดประตูเข้าไป
เมื่อเปิดประตูเข้าไปสิ่งแรกที่เห็นเป็นเก้าอี้รับแขก ด้านในสุดเป็นโต๊ะทำงานตัวใหญ่ บนนั้นมีเอกสารวางกองเต็มโต๊ะไปหมด ฝั่งหนึ่งของห้องถูกกั้นเป็นห้องนอนชั่วคราว เอาไว้นอนพักผ่อนในยามที่อยากจะผ่อนคลาย
“สวัสดีครับพี่คราม...เอ่อ...ผมมากวนรึเปล่าครับ?” ผมยกมือไว้พี่คราม พี่สายรหัสผม ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นผู้ชายอีกคนนั่งหันหลังให้
....ท่าทางเหมือนผู้ชายคนนั้น....
“เปล่าหรอก เพื่อนพี่กำลังจะกลับพอดี....ใช่มั้ยว่ะ!? คริส” พี่ครามพูดพลางตบไหล่เพื่อนคนนั้น
“หึ....” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะค่อยลุกขึ้นหมุนตัวมาทางผม “เจอกันอีกแล้วนะ :)”
“คุณ...!”
....เป็นเขาอีกแล้ว! คนที่ถามทางผมเมื่อวานคนนั้น!.....
เขาส่งรอยยิ้มสดใสให้ผมที่ได้แต่นิ้งอึ้งอ้าปากค้าง
“หือ?” พี่ครามทำหน้าสงสัย “นี่รู้จักกันหรอ!?”
“...เราเจอกันเมื่อวานน่ะ ฉันหลงทาง เด็กคนนี้มาช่วยฉันไว้” เขาคนนั้นหันไปตอบพี่คราม ขณะที่ผมกำลังพยายามเรียบเรียงความคิดอยู่เงียบๆ
“จริงเหรอตอง?”
ผมสงบสติอารมณ์ได้เรียบร้อย สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตอบคำถามพี่คราม
“อ่า...ครับ เอ่อ...เรื่องงาน..”
“อืม....ดะ...”
“เธอชื่อตองหรอ?” ไม่ทันที่พี่ครามจะพูดจบ เขาคนนั้นก็แทรกขึ้นมาก่อนทันที
“ครับ...”
“ฉันชื่อคริสโตเฟอร์ เรียกฉันว่าคริสก็ได้” ใบหน้าเขายังคงมีรอยยิ้มประดับไว้ตลอดเวลา
....คุ้นชื่อเขาจัง เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน....
“เอาล่ะๆ!” ก่อนที่คุณคริสจะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น พี่ครามก็เป็นฝ่ายเบรกบทสนทนาเอาไว้ “ตองไปทำงานเถอะ หน้าที่เดิมนะ”
“ครับ” ผมรับคำก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“อ่า....ถูกใจแล้วสิ”
...โดยไม่ทันเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองตามหลังผมมา
หลังจากลงมาทำงานผมก็ไม่ได้เจอคุณคริสอีก เขาคงจะออกไปตอนที่ผมกำลังยุ่งๆ กับงานบาร์เทนเดอร์ งานประจำทุกปิดเทอมของผมอยู่
กว่างานจะเสร็จก็เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า มีบาร์เทนเดอร์อีกคนมาเปลี่ยนกะพอดี พี่นาย แฟนพี่ครามเองก็เข้ามารับพี่ครามด้วย
ทั้งพี่ครามและพี่นายเป็นแฟนกันมาตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่อยู่ปีสอง จนตอนนี้เรียนจบแล้วก็ยังคบกันอยู่ ทั้งสองคนเหมาะสมกันมาก ถือเป็นคู่รักที่ใครๆต่างก็อิจฉา เพราะพี่ครามทั้งหล่อ แล้วก็ใจดี พี่นายเองก็หน้าหวานเหมือนผู้หญิง มีนิสัยดีชอบเอาใจใส่คนรอบข้าง แถมทั้งสองคนยังเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี มีเรื่องทะเลาะกันไม่กี่ครั้ง นอกนั้นก็เป็นการแกล้งง้องอนไปมาเท่านั้น
พี่ครามกับพี่นายอาสาไปส่งผม ขับรถไปไม่นานนักก็ถึงบ้านไออิง ผมรีบอาบน้ำแล้วเข้านอนบนเตียงนิ่มๆ ซุกตัวลงกับหนอมนุ่ม ก่อนจะหลับไปด้วยความเพลีย
...........................................................
วันนี้เป็นวันจันทร์ ผมมีเรียนตอนเที่ยงจึงนอนตื่นสายได้ ลงมาอีกทีก็เจอป้าดากำลังทำอาหารอยู่ในครัว ผมเดินไปที่ตู้เย็นพร้อมกับกล่าวอรุณสวัสดิ์ป้าดา
“เอ้อ! ตอง เมื่อวานน่ะ คุณที่จะมาอยู่บ้านนี้เขาเข้ามาแล้วนะ”
“เอ๊ะ!? ตอนไหนหรอครับ”
“ตอนบ่ายๆจ้ะ เขาบอกว่าจะเอาของมาไว้ก่อน ส่วนตัวเองจะมาพักที่นี่อาทิตย์หน้า” ป้าดาพูดไปพร้อมกับยกอาหารออกมาตั้งสำรับ
เราสองคนทานอาหารกันจนอิ่ม สักพักป้าดาก็ขอตัวกลับ ผมมองที่นาฬิกาอีกครั้ง นี่เพิ่งจะสิบโมงกว่าๆ ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่เจ้าเปียโนแสนสวย แล้วเริ่มเล่นเพลง The Piano Sonata No. 16 ของโมสาร์ท
มันเป็นเพลงในท่วงทำนองสนุกสนาน ใช้เสียงสูงเล่น ผมฝึกเล่นเพลงนี้บ่อยๆจากที่โรงเรียน ตอนผมอยู่มัธยม
ติง!...
แปะๆๆ
เฮือก!
เสียงปรบมือทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะหันไปมองอย่างรวดเร็ว เป็นคุณคริส!? ทำไมเขา...
“ทะ..ทำไม...คุณถึงมาอยู่ที่นี่!?”
“หือ?...ป้าดาไม่ได้บอกหรอ? ว่าฉันย้ายของเข้ามาแล้ว” ผมตกใจกับคำพูดของเขา
....เขาจะมาอยู่ที่นี่หรือ? หรือเขาจะคือ คริสโตเฟอร์ เคียวน์ คนนั้น!?....
....จริงสิ! เขาเหมือนกับรูปที่แดเนียลให้ดูเปี๊ยบเลย!....
....ให้ตายสิ! ทำไมผมบื้ออย่างงี้นะ! มาให้เขาทำให้ผมอึ้งตั้งหลายรอบแบบนี้ได้ไงเนี่ย!....
ผมสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อคืนสติให้ตัวเอง “คุณคือ คริสโตเฟอร์ เคียวน์ หลานของแดเนียลใช่มั้ย!?”
“ใช้แล้วล่ะ” เขายังรอยยิ้มอ่อนโยนไว้บนหน้า มันทำให้ใจผมสงบลงอย่างรวดเร็ว
“โอเค! เอาล่ะ ผมชื่อตอง คุณรู้แล้ว ทีนี้คุณจะเข้าอยู่เมื่อไหร่?”
“ตอนนี้เลย”
..................................................
ความคิดเห็น