คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บ้านไออิง
.................................................
ตกเย็น ผมกลับไปที่บ้านเพื่อที่จะเตรียมของเข้าไปอยู่บ้านหลังเล็ก ผู้หญิงคนนั้นและสองสาวไม่ได้อยู่ที่บ้าน คาดว่าคงจะไปช็อปปิ้งกันที่ไหนซักที่ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดี มันทำให้ผมไม่ต้องอึดอัดใจและไม่ต้องถูกพวกเธอรุมทำร้ายหรือกลั่นแกล้ง
“ตอง....เก็บของจะไปไหนหรอ?”
“ป้าดา....” ป้าดาแกเป็นแม่บ้านที่ใจดี คอยช่วยเหลือผมมาตลอด ถึงแม้เธอจะห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นทำร้ายผมไม่ได้ แต่อย่างน้อยแกก็ช่วยทำแผลทุกครั้งที่ผมบาดเจ็บหรือแอบเอาข้าวมาให้ผมกินทุกครั้งที่ผมถูกสั่งงด แกถือเป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวผมเหลืออยู่จริงๆ
“แดเนียลให้ผมเข้าไปอยู่บ้านเล็กคอยดูแลแขกน่ะครับ อีกไม่นานเขาคงจะเข้ามาอยู่ ผมเลยจะไปทำความสะอาดบ้านรอซักหน่อย” ผมยิ้มบางๆให้ป้าดา แกยิ้มตอบ แล้วทรุดนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มหยิบผ้าจากกองผ้าขึ้นมาช่วยผมพับบ้าง
“ดีแล้วล่ะ....จะได้พ้นๆจากสามแม่ลูกนั่นซักที ถึงแม้จะไม่ไกลกันมากก็เถอะ แต่อย่างน้อยถ้าตองต้องดูแลแขก เขาก็คงจะไปตามตอแยอะไรตองไม่ได้” ผมลอบแค่นยิ้มให้กับตัวเอง....จริงสิ ถึงยังไงก็อยู่ในอาณาบริเวณบ้านเดียวกัน หากผมไม่ระวัง มาแถวบ้านใหญ่บ่อยๆล่ะก็อาจโดนพวกเขาทำร้ายเอาก็ได้ เพราะฉะนั้นผมคงต้องเลี่ยงเส้นทางแถวนี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะเวลาที่พวกเขาอยู่พร้อมหน้ากันสามแม่ลูก ผมต้องยิ่งระวัง
....แต่พวกเธอจะปล่อยผมไปรึเปล่าเนี่ยสิ....
“ป้าล่ะไม่ชอบใจพวกเธอเลย ตองเองก็เป็นลูกคนนึงแท้ๆ โขกสักเสียอย่างกับไม่ได้คลอดตองออกมา .....แต่จะทำอะไรได้ ป้าก็แค่คนใช้ เฮ้อ....ป้าขอโทษนะตอง” ป้าดาเอื้อมมือมาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ผมยิ้มแกให้อย่างเข้าใจ แกยังคงเคืองแทนผมอยู่เสมอเหมือนตลอด 9 ปีที่ผ่านมา
“ไม่เป็นไรหรอกครับป้า...อีกไม่กี่เดือนตองก็จะอายุ 20 ถึงตอนนั้นตองก็จะออกไปอยู่ข้างนอกได้ แดเนียลเองก็อนุญาตแล้วด้วย...” ผมแทบจะนึกถึงตอนที่ได้ออกไปอยู่ข้างนอกไม่ไหว....แม้มันอาจจะดูลำบาก แต่สำหรับผม อย่างน้อยๆมันจะสบายใจ ไม่ต้องมาทนอยู่อย่างไม่มีความสุขแบบนี้...
.......................................................
ผมย้ายของเข้ามาในบริเวณบ้านเล็กแล้วเรียบร้อย
ที่นี่เรียกได้ว่าสะอาดพอสมควร มีฝุ่นจับบ้างนิดหน่อย เรียกได้ว่าเป็นบ้านสองชั้นที่น่าอยู่เลยทีเดียว มันตั้งอยู่ชิดริมรั้วอีกฝั่งหนึ่งซึ่งห่างกับรั้วที่ติดกับบ้านใหญ่พอสมควร หน้าบ้านหันไปทางถนนใหญ่ ต้นไม้ทั้งแบบพุ่มเตี้ยและแบบอื่นๆถูกปลูกแซมระหว่างบ้านเล็กและรั้วที่ติดบ้านใหญ่ ทำให้หลบซ่อนสายตาจากอีกฝั่งได้เป็นอย่างดี ที่ที่มองเห็นจากฝั่งนั้นได้ดีมากที่สุดคงจะเป็นห้องทำงานของแดเนียล ซึ่งหากจะมีใครลอบมองจากห้องนั่นมาถึงนี่ ก็คงจะล้วงอะไรไปได้ไม่มาก เพราะกระจกฝั่งหันเข้าบ้านใหญ่ทั้งหมดเป็นแบบด้านในมองเห็นด้านนอก ด้านนอกมองไม่เห็นด้านใน
....ผมคิดว่ามันออกแบบมาให้รอดพ้นสายตาจากบ้านใหญ่อย่างสมบูรณ์....
ที่นี่มีทั้งประตูด้านหน้าที่ติดกับถนนใหญ่ ระยะห่างถึงตัวบ้านนั้นเดินเพียงแค่นิดเดียวก็ถึง และประตูด้านข้างที่ติดกับบ้านใหญ่ ซึ่งประตูด้านข้างมันถูกปิดล็อกไว้ตลอดเวลา ยกเว้นเวลาที่ผมอยากจะไปวาดรูป และตอนที่ผมขนของมาที่นี่ เท่าที่ผมรู้....กุญแจมีเพียงดอกเดียว และมันก็อยู่ที่ผมซะด้วยสิ
ผมเริ่มเดินสำรวจตั้งแต่หน้าบ้าน สวนหน้าบ้านถูกแบ่งเป็นสองฝั่งด้วยถนนเส้นเล็กที่กว้างพอให้รถเข้าออกได้คันเดียวเท่านั้น ฝั่งซ้ายเป็นสวนโล่งๆ เชื่อมไปยังแปลงดอกไม้ข้างตัวบ้าน มีกระถางต้นไม้ตั้งติดกับรั้วด้านข้างไม่กี่กระถาง ซึ่งแน่นอนมันเป็นกระถางเปล่า และต้นไม้ใหญ่อยู่ติดรั้วหน้า เดาอายุแล้วน่าจะหลายสิบปีอยู่ ที่นั้นมีชิงช้าที่ทำจากไม้ไว้คอยนั่งเล่นอยู่ ผมกำลังจะหันไปอีกด้าน แต่สายตากลับไปสะดุดกับป้ายไม้เล็กๆตอกอยู่กับลำต้นซะก่อน
ผมเอื้อมมือไปปัดฝุ่นออกเบาๆ ทันทีที่ฝุ่นออกจนหมดตัวอักษรที่แท้จริงบนแผ่นป้ายก็เผยออกสู่สายตาผม
“...บ้านไออิง”
....คงจะเป็นชื่อที่แท้จริงของบ้านหลังนี้...
ผมเดินมาที่สวนของฝั่งขวา ส่วนที่ติดกับรั้วหน้าเป็นที่สำหรับจอดรถจำนวน 4-5 คัน ประตูรั้วด้านหน้าเองก็ยาวพอดีกับที่จอดรถเช่นกัน สวนฝั่งนี้มีต้นไม้ประมาณสองสามต้น แตกต่างจากส่วนข้างตัวบ้านที่มีต้นไม้ขึ้นครึ้มไปหมด ตรงนี้มีเก้าอี้ชิงช้าตัวใหญ่ตั้งอยู่ติดกับระเบียงบ้าน ห่างออกมาไม่มากก็เป็นชุดโต๊ะไม้สำหรับออกมาปิกนิกนอกบ้าน
ด้านหลังบ้านเองก็เป็นสวน เพียงแต่เป็นส่วนเอาไว้ซักและตากผ้า มีโต๊ะหินอ่อนอยู่หนึ่งชุดตั้งอยู่ และห้องเก็บของที่อยู่ชิดมุมรั้วด้านซ้าย ข้างในมีทั้งฟูกแล้วก็เบาะรองนั่งเต็มไปหมด ผมคิดว่าต้องได้ใช้มันเร็วๆนี้แน่
ผมนั่งเล่นอยู่ที่เก้าอี้ชิงช้าเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเดินเข้าไปยังตัวบ้าน
ตัวบ้านเป็นพื้นยกสูง เพื่อให้ชานรอบตัวบ้านสามารถยื่นออกมาได้ มีบันไดไม่กี่ขั้นเป็นด่านหน้าก่อนจะถึงประตูบ้าน ซึ่งราวจับบันไดนั้นมีฝั่งเดียว อีกฝั่งเป็นราวกั้นของระเบียงด้านหน้า บ้านชั้นหนึ่งแทบจะทั้งสามในสี่เป็นกระจกทั้งหมด ซึ่งแน่นอนด้านที่หันไปทางบ้านใหญ่เป็นแบบมองด้านเดียว ประตูเป็นแบบกระจกบานเลื่อน และมีอยู่สามที่คือด้านหน้าและด้านข้าง
ผมเริ่มเดินสำรวจจากด้านหน้า มีบันได้ไม่กี่ขั้นเป็นทางขึ้น เมื่อเดินเข้าไปตรงกลางเป็นกำแพงระยะสั้นๆกั้นระหว่างฝั่งซ้ายกับขวา และกำแพงกั้นแนวขวางอีกครั้ง รวมแล้วจะแบ่งได้ทั้งหมดสามส่วนใหญ่ๆ รอบๆตัวบ้านถูกยกสูงเป็นระเบียงยื่น สามารถนั่งห้อยขาได้ ยกเว้นระเบียงด้านหน้ามันถูกกั้นราวไว้ กลายเป็นมุมโต๊ะนั่งเล่นเล็กๆดูสบายตา
ส่วนแรกทางซ้ายมือเป็นเปียโนหลังใหญ่ สีมันดูฟ้าอมม่วงแปลกตาและโปร่งใส มีประตูเปิดไปยังระเบียงและสวนด้านข้าง มีเก้าอี้ฟูกอันใหญ่หลายอันกองอยู่ไม่ไกลนัก ติดกำแพงกั้นฝั่งเป็นโต๊ะยาวตลอดแนวกำแพง บนกำแพงเป็นชั้นหนังสือลอยเล็กๆ มีหนังสือโน้ตเพลงไม่กี่เล่มวางอยู่ ข้างนอกเป็นแปลงดอกไม้ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้จนเติบโตเองตามธรรมชาติ มันเลื้อยพันขึ้นตามแนวรั้วและตามตัวบ้านขึ้นไปยังหลังคา ดูสวยตามแบบธรรมชาติมาก ที่นี่ไม่มีประตูภายในซักบาน เส้นทางทั้งหมดเชื่อมกันและกั้นแบ่งด้วยกำแพงระยะสั้นทั้งนั้น
ส่วนที่สองทางขวามือ ชิดริมกำแพงกั้นเป็นตู้ชั้นวาง ผมคิดไว้ว่าจะเอาหนังสือมาเรียงไว้ที่นี่ซักหน่อย ถัดออกมานิดเป็นเก้าอี้ฝูกเอนสบายสำหรับนอนหรือนั่งอ่านหนังสือแบบสบายๆ ตรงกลางห้องเป็นชุดรับแขกที่แทบจะเป็นเตียงขนาดย่อมได้เลยทีเดียว ทีวีจอแบนสุดหรูถูกตั้งหันหลังให้กับกระจก เมื่อเปิดประตูออกไปก็เป็นระเบียงเช่นกัน ตรงมุมระหว่างระเบียงด้านขวาและด้านหน้าเป็นบันไดราวเถาองุ่นขึ้นไปยังชั้นสอง
ส่วนที่สามเป็นครัว บริเวณกำแพงกั้นแนวขวางถูกเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า สามารถมองเห็นได้ทั้งห้องเปียโนและห้องนั่งเล่น นับจากแนวกำแพงกั้นห้องครัวเป็นต้นไปกำแพงบ้านเป็นแบบปูนทั้งหมด จะมีก็แต่หน้าต่างบานเปิดตรงเตาแก๊สสองบานเท่านั้นที่เป็นกระจก ด้านขวามือของครัวเป็นห้องน้ำ และถัดลงมาหน่อย ตรงกับกำแพงกั้นพอดีเป็นโต๊ะกินข้าวขนาดสี่คนนั่ง ในส่วนตรงนี้กำแพงบ้านยังคงเป็นกระจกอยู่
ผมขนของเข้ามาพักไว้หน้าบันไดชั้นหนึ่ง ก่อนจะก้าวขึ้นไปสำรวจชั้นสองก่อน
เมื่อขึ้นบันไดไป สิ่งแรกที่เห็นคือโซฟาแบบห้อยจากด้านบนสองตัว ข้างๆกันเป็นตู้ชั้นวาง ถัดจากตัวตู้ไปเล็กน้อยเป็นประตูเปิดไปยังระเบียงด้านหน้า ทางเดินเป็นรูปตัวแอล ตรงสุดทางเดินมีระเบียงครึ่งวงกลมยื่นออกไป สามารถมองเห็นราวตากผ้าที่อยู่ข้างล่างได้ ด้านซ้ายมือเป็นห้องนอนใหญ่ ขวามือเป็นห้องนอนเล็กสองห้อง
ห้องนอนเล็กทั้งสองห้องนั้น มีเตียงขนาดควีนไซต์ชิดริมผนัง ปลายเตียงเป็นเก้าอี้นวมกับโต๊ะกระจกเล็กๆ ตรงกับประตูกระจกเปิดไประเบียงด้านนอก ข้างหัวเตียงเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆขนาดพอดีตัว ห้องน้ำเป็นแบบฝักบัว ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งเป็นไม้ทั้งหมด
ส่วนห้องใหญ่ ไม่ต่างอะไรจากห้องนอนเล็กนัก มีเพียงเตียงที่เป็นขนาดคิงไซต์ เฟอร์นิเจอร์เองก็ดูใหญ่กว่าห้องเล็กเป็นพิเศษ มีตู้ชั้นวางและเก้าอี้นวมเอนที่ข้างเตียงเพิ่มเข้ามาแค่นั้น กำแพงฝั่งระเบียงเองก็เป็นกระจกมองด้านเดียวแทบจะทั้งหมด เรียกได้ว่าห้องนี้เป็นห้องที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากกว่าห้องอื่นอยู่พอสมควร
ผมตัดสินใจทำความสะอาดห้องนอนเล็กด้านใน ก่อนจะขนของเข้าไปจัดเรียง ของผมนั้นมีไม่มากเท่าไหร่ มีแค่เสื้อผ้าหนึ่งกระเป๋าเดินทาง ของใช้ส่วนตัวหนึ่งกระเป๋าเล็ก และหนังสือเรียนกับอุปกรณ์วาดรูปอีกหนึ่งกระเป๋าเดินทาง
หลังจากเรียงของเสร็จ ผมก็ค่อยๆไล่ทำความสะอาดทั้งชั้น จนถึงมื้อเย็นผมทำความสะอาดได้แค่ชั้นบนชั้นเดียวเท่านั้น ผมตัดสินใจวางมือ แล้วลงมาชั้นหนึ่ง ทำความสะอาดโต๊ะกินข้าวลวกๆให้พอนั่งได้ ก่อนจะลงมือจัดการมื้อเย็นที่เอามากจากบ้านใหญ่ด้วย ก่อนขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดนอน และนั่งทำงานที่อาจาร์ยจนเสร็จ ก่อนจะปิดไฟนอนหลับด้วยความเพลียจากการทำความสะอาด
โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ทำให้ผมมีเวลาบูรณะที่นี่อีกทั้งวัน ผมอาจจะขอยืมแรงนิวกับไฟมาช่วยซักหน่อย หวังว่าพวกมันคงจะว่างกันนะ
...........................................................
เช้าวันต่อมา ผมอาบน้ำ แต่งตัวเสื้อยืนกางเกงขาสั้นธรรมดา ก่อนจะเริ่มทำความสะอาดชั้นแรกจริงๆจังๆ
หลังทำความสะอาดชั้นแรกเสร็จ ผมย้อนขึ้นไปที่ชั้นบนอีกครั้ง สำรวจหลายสิ่งที่ต้องดัดแปลงให้มันน่าอยู่มากขึ้นสำหรับครึ่งปีนี้
ผมเริ่มจัดระเบียงห้องใหม่ ถางเถาดอกไม้ที่เลื้อยพันราวระเบียงเต็มไปหมดให้มันดูเรียบร้อยขึ้นกว่าเดิม จากนั้นก็ดัดแปลงเอากระถางไม้เล็กๆในห้องเก็บของมาแขวนไว้ตามราวระเบียง เอาเก้าอี้จากห้องนอนเล็กอีกห้องมาวางคู่กับโต๊ะกระจก ให้มันกลายเป็นมุมจิบกาแฟยามเช้าไป
....หากผมมีเงิน ผมก็อยากจะมีบ้านแบบนี้เป็นของตัวเองบ้าง....
ผมเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาเล็กน้อย ก่อนจะลงมาทำการบูรณะชั้นแรก ก่อนทำการบูรณะผมโทรหาไอนิวกับไอไฟ น่าแปลก....ที่มันอยู่ด้วยกันตั้งแต่แรกแล้ว พวกมันรับปากผมว่าจะมาช่วยกันจัดบ้านใหม่ ผมเลยกินมื้อกลางวันพลางรอพวกมันไปพลาง
ไม่นานนักทั้งสองคนก็มาถึงหน้าบ้าน พวกมันจอดรถไว้หน้าบ้าน ก่อนจะวิ่งแข่งกันมาถึงข้างใน ไอพวกนี้นี่...ปี 1 หรือ ป.1 เนี่ย!? ผมให้ไอไฟช่วยถางเถาดอกไม้ตามกำแพงและระเบียงข้างตัวบ้าน ให้ไอนิวทำความสะอาดบริเวณสวนหน้าบ้าน และถ้าอยากจะดัดแปลงอะไรก็แล้วแต่มันเลย ไอนิวมันเป็นพวกหัวศิลป์ครับ ไอเดียแต่ละอย่างของมันสร้างสรรค์มาก โดยเฉพาะการแต่งบ้าน มันเคยรับจ้างแต่งร้านให้พวกรุ่นพี่ที่จบไปหลายรุ่นและก็ได้รับคำชมกลับมากซะด้วย
ส่วนผมทำการจัดเรียงตู้หนังสือครับ จัดเสร็จก็ไปบ้านใหญ่เอาของมาเตรียมทำอาหารเย็นกินกัน ช่วงบ่ายๆอย่างนี้คนบ้านใหญ่ไม่อยู่กันหรอกครับ แดเนียลน่ะไปทำงาน ส่วนสามแม่ลูกก็คงพากันไปช็อปปิ้งผลาญเงินเช่นเคย
ไม่นานอาหารเย็นก็เสร็จ เป็นต้มกระดูกหมูหนึ่งหม้อกับไข่เจียวที่กะเอาไว้ทำตอนใกล้จะกินกัน และข้าวที่กำลังหุงอยู่ ระหว่างรอข้าวดีด ผมก็เดินไปที่ระเบียงด้านข้าง เจอไอไฟนั่งหอบนิดๆเนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ มันบอกว่างานมันเสร็จเรียบร้อยแล้วพลางชี้ไปที่รั้วบ้าน
“กูถางให้มันรุงรังน้อยลง แล้วก็ตัดแต่งให้เป็นลวดลายนิดหน่อย ส่วนเถาที่มันติดกับแปลงดอกไม้ที่พื้นดินกูขุดออกแล้วนะ เหลือไว้แต่ตรงที่ติดกับเสาต่อไประเบียงชั้นสอง”
ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะชวนมันไปดูไอนิวที่อยู่หน้าบ้าน เดินไปก็เจอไอนิวมันยืนขมวดคิ้วเหมือนใช้ความคิดอยู่ครับ บริเวณรอบๆเรียกได้ว่ามีสีสันขึ้นมาหน่อยหนึ่ง แต่ก็เหมือนขาดๆอยู่ดี
“นิว เป็นไงมั่งว่ะ” ผมถามมันไป พร้อมๆกับนั่งลงที่บันไดหน้าบ้าน ส่วนไอไฟมันเดินลงไปนั่งกับพื้นหญ้าเลยครับ
“มึงมาพอดีเลย ไฟ กูวานไปซื้อของตานี้หน่อยดิ” ไอนิวพูดพลางยื่นกระดาษให้ ไอไฟรับมาดูพร้อมกับรำพึงรำพัน
“ไมต้องกูว่ะ ไอตองก็ได้อ่ะ”
“มึงอะดีแล้ว เลือกอะไรถูกใจกูดี...ไปเร็วๆ” ไอนิวพูดพร้อมกับดันหลังให้ไอไฟลุกขึ้น ไอไฟลุกขึ้นตามแรงดันไปที่รถ ระหว่างทางก็บ่นงุ้งงิ้งไปตลอดทาง ผมกับไอนิวยิ้มนิดๆกับท่าทางเหมือนเด็กโดนผู้ใหญ่ใช้ไปซื้อของตอนที่กาตูนเรื่องโปรดกำลังเล่น ก่อนจะชวนกันไปหาขนมรองที่บ้านใหญ่มากินที่นี่
“เออตอง กูเห็นป้ายที่ต้นไม้ใหญ่มุมรั้วอ่ะ ชื่อบ้านนี้หรอว่ะ?” ไอนิวถามพร้อมกับจ้วงขนมใส่ปาก ตาก็จ้องทีวีไปด้วย
“ไม่รู้ว่ะ คงจะอย่างนั้นนั่นแหละ”
“อืม...คนที่ออกแบบบ้านนี้นี่คงรักกันดีเนอะ”
“ทำไมมึงคิดงั้น?”
“ก็มึงดูดิ ที่นี่ไม่มีประตูหรือฉากกั้นอะไรเลย ทุกส่วนเชื่อมต่อกันหมด ห้องก็สร้างแบบรวมๆ ไม่เชิงแบ่งห้อง แล้วก็ไม่เชิงรวมห้อง ใครจะทำอะไรอีกคนก็คงรู้ทุกอย่างอ่ะ”
ผมคิดตามที่ไอนิวพูด จะว่าไปแล้วก็เป็นไปได้ ครอบครัวนี้คงจะรักกันมากถึงขนาดไม่มีประตูกั้นเลย ....แต่ถ้าคิดอีกมุมหนึ่ง หากที่นี่มีคนอยู่เพียงแค่คนเดียวล่ะ? ประตูหรือฉากกั้นก็ไม่สำคัญเหมือนกัน เพราะอยู่ตัวคนเดียวไม่จำเป็นต้องปิดบังใครทั้งนั้นอยู่แล้ว
สักพักไอไฟก็ขับรกกลับมา คราวนี้มันเอารถเข้ามาจอดไว้ในบ้านเลย เพราะของที่ซื้อมานั้นเยอะพอสมควรเหมือนกัน ทันทีที่มันจอดรถผมก็เข้าไปเปิดท้ายเตรียมเอาของลงเลยครับ
“มึงจะซื้อกระถางกับดินมาทำไมเยอะแยะว่ะ? จะปลูกต้นไม้ขายไง?” ไอไฟถามพร้อมกับยกของลงจากท้ายรถ มันเอารถกระบะมากันครับ สงสัยจะเดาได้ว่าต้องมีของให้ซื้อให้ขนแน่ๆ
“พ่องอ่ะ! กูเอาประดับให้มันเข้ากันต่างหาก” ไอนิวด่าไอไฟกลับ พร้อมกับช่วยขนของลงอีกแรง
หลังขนของเสร็จไอนิวก็สั่งให้ผมกับไอไฟสองคนช่วยกันลงดินครับ ระหว่างนั้นมันก็ไปเดินดูรอบๆบ้าน กลับมาอีกที่พวกผมก็ลงดินกันเสร็จแล้ว กำลังนั่งพักที่เก้าอี้ชิงช้ากันอยู่
“ตอง ทำไมสวนที่ติดกับบ้านใหญ่มึงต้นไม้เยอะจังวะ?” ไอนิวหลังจากมันเดินวนรอบบ้านครบรอบ ก็มายืนมองไปมองมาเหมือนกะระยะอยู่
“ไม่รู้ว่ะ กูว่า....บ้านนี้คงไม่อยากให้บ้านใหญ่มองเห็นที่นี่มากไปล่ะมั้ง?” ผมตอบมันไปตามความคิดของผมเอง
“กูเห็นด้วยว่ะ เพราะกระจกด้านที่หันไปฝั่งบ้านใหญ่มันเป็นแบบมองด้านเดียว ถ้าไม่ใช่ไม่อยากให้ฝั่งนู้นมองมา ก็ต้องฝั่งนี้อยากมองไปแต่ไม่อยากให้ฝั่งนู้นเห็นว่ะ” ไอไฟเสริมความคิดผมอีกที พร้อมกับเสนอมุมใหม่ให้ด้วย
“อืม....ถ้าเป็นอย่างที่พวกมึงพูด กูก็คงทำอะไรกับสวนฝั่งนั้นมากไม่ได้ คงได้แค่ตัดแต่งกิ่งเอาล่ะนะ....เอ้า! มา! ช่วยย้ายกระถางหน่อย!”
“หะ! มากไปแล้วนะโว้ย!! ใช้กูลงดินแล้วยังมาใช้ย้ายกระถางอีก!” ไอไฟโวยลั่นๆ แต่ผมก็ไม่เห็นมันจะปฏิเสธจริงจังสักที ปากโวยไปแต่ขานี่เตรียมลุกเลยนะนั่น
“อ้าวสัส! อย่างกุนี่เขาเรียกวิศวกรคุมไซต์งานเว้ย! กรรมกรอย่างมึงอ่ะต้องก้มหน้าใช้แรงงานไป! มึงดูอย่างตองดิ๊ ยังไม่เห็นบ่นไรเลย”
“อ้าว! ก็นี่นบ้านมันนี่หว่า บ่นก็แปลกและไอนี่”
ผมมองพวกมันเถียงกันก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆ นี่ต่อให้เด็กที่ไหนมาดูก็รู้ว่าไอไฟมันก็แค่หาเรื่องแกล้งไปงั้นแหละ....แถมเหมือนจะแกล้งเพราะรักอีกต่างหาก
ไอนิวมันสั่งให้ย้ายกระถางไปตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้าง มันสั่งงานไว้เสร็จก็คว้ากระป๋องเคลือบไม้ไปทาที่ชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ พอทาเคลือบเสร็จ มันกลับมาหน้าบ้านอีกครั้งผมกับไอไฟก็ย้ายกระถางเสร็จพอดี มันวิ่งไปหยิบพวกเถาไม้จากตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง เอาพันไว้ที่โน่นที่นี่ แล้วก็ล้วงเอาของที่ซื้อมาติดโน่นบ้าง ติดนี่บ้าง ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย
ผมก้าวถอยมาสองก้าวเพื่อจะดูภาพให้เต็มตา...โอ้โห้! มันสวยมาก! มีชีวิตชีวาขึ้นด้วย แตกต่างจากตอนแรกลิบลับ
เก้าอี้ชิงช้าที่ในตอนแรกเป็นแค่ไม้ซีดๆถูกทาสีเคลือบจนดูเหมือนใหม่มีเถาดอกไม้พันไปมาเพิ่มความสวยงาม ตรงข้างๆกันเป็นกระถางดอกไม้สีสันสดใส มันถูกวางตั้งแต่ข้างเก้าอี้ชิงช้า ริมบันไดหน้าบ้าน บนระเบียงหน้าบ้าน แม้แต่โต๊ะไม้ปิกนิกเองก็มีกระถางเล็กๆวางอยู่ตรงกลางด้วย
ผมยิ้มกว้างอย่างห้ามไม่อยู่ ในที่สุดการบูรณะที่นี่ให้น่าอยู่สำหรับครึ่งปีก็สำเร็จซักที
“โคตรสวยเลยว่ะ นิว” ไอไฟพูด พลางยิ้มกว้าง
“แน่นอน! ฝีมือกูซะอย่าง” ทันทีที่ไอนิวได้ยิน มันก็เชิดหน้ายืดอกอย่างภาคภูมิใจ บนหน้าประดับรอยยิ้มถือดีทันที “แต่ยังไม่เสร็จดีนะเว้ย!”
ทันทีที่ไอนิวพูดจบรอยยิ้มบนใบหน้าไอไฟก็หายไปทันที กลายเป็นปากโค้งลงอย่างน่าขำ ไอนิวเห็นก็เลยตบบ่าปลอบใจมันไป
“เอาน่า แค่แต่งกิ่งสวนฝั่งนี้ก็เสร็จแล้ว มึงสูงที่สุดในกลุ่ม...เพราะงั้นมึงปีน!”
“เฮ้ย!” ไอไฟโวยขึ้นมาคำหนึ่ง แต่ก็อะไรมากไม่ได้ เพราะที่ไอนิวพูดมาเป็นความจริงทุกอย่าง มันก้มหัวพึมพำเล็กน้อย ก่อนหยิบบันไดมาพาดต้นไม้ ตัดแต่งกิ่งตามที่ไอนิวบอกแต่โดยดี
..................................................
ดูรูปบ้านไออิงได้ที่นี่ครับ >>> รักแท้....หรือจะมีจริง
ความคิดเห็น