คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ค้นหา
....................................................................
(คริสโตเฟอร์ เคียวน์)
“Shit! ไปไหนนะตอง”
....พี่จะบ้าตายอยู่แล้ว...
ผมบิดคันเร่งมอเตอร์ไซต์คันโปรดที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยตั้งแต่อยู่อเมริกาอย่างเคร่งเครียด ผมลองย้อนกลับไปตามหาตองตั้งแต่ต้นซอย ลองมองหาในซุปเปอร์มาเก็ตที่เราเจอกันครั้งแรก เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าผมจะไม่คลาดกับน้อง จนตอนนี้สายตาผมกำลังสอดส่องมองหาน้องอยู่เกือบกลางซอย ก่อนจะหยุดลงที่หน้าสวนตามที่ป้าดาบอก
ผมรีบสาวเท้าอย่างเร่งรีบพร้อมกวาดตามองไปทั่วๆ จนเจอร่างที่คุ้นตานั่งอยู่ตรงศาลาริมน้ำ ผมเพ่งมองร่างนั้นก่อนจะค่อยๆสาวเท้าเข้าไปใกล้
....ผมแทบหยุดหายใจ....
ภาพแสงจันทร์ที่อาบไล้ใบหน้าสวยที่แสนโศกเศร้า นัยน์ตาโศกเหม่อมองไปยังดวงจันทร์ที่อยู่แสนไกล คล้ายเกินจะเอื้อมถึง หยาดน้ำใสค่อยๆไหลปะพรมแนบแก้มนวลช้าๆ ดั่งเทพาอันสูงส่งกำลังรำไห้
ผมสืบเท้าเข้าหาน้องจากด้านหลัง ก่อนจะสวมกอดคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา คนในอ้อมกอดหันมามองผมอย่างเหม่อลอย ตากลมเบิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะโผเข้าอ้อมกอด คลี่ยิ้มหวานที่ทำเอาผมแทบละลาย
“....แค่นี้....แค่ฝันก็ได้....”
เสียงกระซิบแผ่วเบาดังจากคนในอ้อมกอด แม้เป็นเสียงกระซิบ แต่ผมก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน ความเข้าใจผิดกำลังทำให้น้องสิ้นหวัง จนอยากจะหายเข้าไปอยู่ในฝันที่แสนสุขสันต์แทน
ผมกระชับกอดแน่น
“...พี่รักตอง”
หวังว่าน้ำเสียงที่จริงใจของผมจะส่งไปถึงน้อง...
....แต่คงไม่
....เพราะคนในอ้อมกอดดันหลับคาอกผมไปซะนี่
ผมคลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะช้อนตัวน้องขึ้นแนบอก แล้วพาขึ้นมอไซต์กลับบ้านอย่างทุลักทุเล จนแม่สาวอกสะบึ้มที่มารู้ที่หลังว่าชื่อแคลร์ต้องออกมาช่วย
ผมประคองน้องลงนอนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดนอนให้น้องสบายขึ้น....ซึ่งทำเอาผมต้องเสียเวลาอยู่ในห้องน้ำนานขึ้นอีกเกือบชั่วโมงทั้งๆที่ใกล้จะเช้าแล้ว
อาจะเป็นความเห็นแก่ตัวโง่ๆของผม....
ที่หลอกตัวเองว่าคืนนี้ผมไม่อาจวางใจปล่อยน้องนอนในห้องคนเดียวได้ ไม่งั้นพอตื่นขึ้นมาอีกทีคนร่างบางอาจจะหายไปจากตรงหน้าผม และหนีไปจนผมอาจตามหาไม่เจออีก ผมจึงหอบเอาตัวเองมานอนเบียดน้องอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันแทน
“ฝันดีนะครับตอง”
ผมประทับริมฝีปากลงกลางกลุ่มผมนุ่ม ก่อนจะหลับตาลง
....................................................
(ตอง)
“อือ...”
....เมื่อคืนถือเป็นฝันที่ดีที่สุดในรอบหลายปีของผม....
....ฝันที่คงไม่มีวันเป็นจริง....
....น้ำหนักที่พาดอยู่บนเอวผมและความอบอุ่นแปลกๆตรงหน้า ทำให้ผมต้องรู้สึกตัวอย่างเสียไม่ได้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีอะไรผิดปกติไปจากทุกวัน
เท่าที่จำได้คือเมื่อคืนผมอยู่ที่ศาลา....
....แล้วความสบายนี้มาจากไหน!?
ขวับ!
ผมรีบลืมตาขึ้นทันที ก่อนจะเจอกับนิ้วมือของผมกำลังวางอยู่บนแผ่นอกแข็งๆของใครสักคน ผมไล่สายตาขึ้นไปยังลาดไหล่แกร่งและลำคอ
ความกลัวที่ผมอาจจะถูกใครหิ้วมากกกอดทำให้ผมใจหาย ก่อนจะมองใบหน้าของอีกฝ่ายให้เต็มตา
....พี่คริส....
ดวงตาผมเบิกกว้าง แก้มทั้งสองข้างค่อยๆร้อนขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผมไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดอะไร
ผมค่อยๆยกแขนแกร่งที่พาดบนเอวออก แล้วแทรกตัวลงมายืนข้างเตียงช้าๆ ความรู้สึกเมื่อคืนเข้าโจมตีผมอย่างรวดเร็วพร้อมกับคำถามหลายคำถามที่วนเวียนชนกันอยู่ในหัว ใบหน้าของพี่คริสดูไม่แยแสอะไรนอกจากต้องการการพักผ่อนที่เต็มอิ่ม
เห็นอย่างนั้นแล้วผมก็ไม่อยากกวน เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดใหม่เข้าห้องน้ำไป
....ก่อนจะนึกคำถามได้อีกคำถาม....
....เมื่อคืนผมไม่ได้ใส่ชุดนอนออกจากบ้านนี่!?
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ผมก็ลงมาเตรียมอาหารเช้าในครัว เสียงกรุ๊งกริ๊งของเจ้าเหมียวยังคงดังไปทั่วบ้าน ประตูห้องนอนเล็กอีกห้องยังคงปิดสนิท ไม่รู้ว่าข้างในจะยังมีใครนอนอยู่หรือเปล่า
อาหารเช้าวันนี้เป็นซุปง่ายๆหนึ่งอย่าง บวกกับไก่ทอดกระเทียม และผัดผักอีกสองสามอย่าง ผมจัดการยกไก่ทอดให้เจ้าแต้มสองชิ้น ก่อนจะเทอาหารเม็ดลงไปเพิ่มอีกนิดหน่อย พร้อมกับน้ำใส่ชามตาม
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก!
เสียงฝีเท้าที่ก้าวลงบันไดอย่างรวดเร็วทำให้ผมต้องละจากอาหารตรงหน้าขึ้นไปมอง ชายร่างสูงยืนเกาะราวบันไดอย่างหมดสภาพ ทรงผมชี้ฟู ดวงตาดูมึนๆคล้ายกับจะยังไม่ตื่น คนอื่นที่มาเห็นสภาพเขาในตอนนี้คงจะหัวเราะขำกันใหญ่ แต่คงไม่ใช่กับผม
.....ที่ภาพเมื่อคืนยังคงแจ่มแจ้งอยู่ในสมอง....
“ตอง....” เสียงของเขายังคงดูอบอุ่นเช่นเคย ผมเลี่ยงหลบสายตาจากเขา ก่อนจะถามกลับ
“จะกินข้าวเลยมั้ยครับ? เดี๋ยวผมตักให้”
เขาไม่ตอบ แต่กลับเดินมาทางผมแทน
“ตอง เมื่อคืน....”
“หรือจะอาบน้ำก่อนดีครับ? พี่คริสมีงานแต่เช้าหรือเปล่า? จะให้ผมทำข้าวกล่องไปก็ได้นะ”
“ตอง....”
“อ่า งั้นเดี๋ยวผมไปหากล่อง....”
“ตอง!”
ผมชะงัก ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับเขาแต่โดยดี
“มีอะไรงั้นหรอครับ?”
“เมื่อคืนไม่ใช่อย่างที่ตองคิดนะ ซานเป็นเพื่อนพี่”
“ครับ ผมรู้แล้ว” ผมตอบรับคำอย่างง่ายๆ ก่อนจะเปิดตู้หาดูกล่องข้าว
“....ไม่รู้สึกอะไรกับพี่บ้างหรอ...ตอง”
เสียงของเขาทำให้ผมต้องสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกหนึ่ง ปรับสายตาที่อาจทำให้เขามองเห็นข้างในผมได้ ก่อนจะตัดใจพูดออกไป
“ผมไม่เคยคิดอะไรกับคุณมากไปกว่าแขกของแดเนียลที่ผมจะต้องดูแล อันที่จริงตามกฎที่เราตกลงกัน คุณทำผิด แต่ผมก็ไม่มีสิทธิ์จะด่าว่าอะไรคุณเช่นกัน แต่คุณไม่ควรจะให้ความหวังใครไปทั่ว เพราะมันจะทำให้เขาเจ็บ หากคุณอยากจะพาใครมานอนด้วยสักคนก็ขอให้เป็นคนที่คุณจริงใจด้วยจะดีกว่านะครับ” เป็นครั้งแรกที่ผมพูดอะไรยาวขนาดนี้ แต่การพูดแบบนี้....คงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
เขากำมือแน่น
“ฉันนึกว่าอะไรๆจะดีขึ้น” สรรพนามแทนตัวของเขาเปลี่ยนไป ใจของผมปวดหน่วงๆขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ “เธออาจจะไม่เชื่อว่าซานเป็นเพื่อนฉันจริงๆ แต่อย่างหนึ่งที่ฉันมั่นใจมากที่สุดในชีวิตและไม่เคยโกหก ก็คือฉันไม่เคยให้ความหวังใคร นอกจากคนที่ฉันอยากใช้ชีวิตด้วย...อย่างเธอ”
ผมไม่กล้าสบดวงตาคู่นั้นของเขา มือพี่คริสกำแน่น จากน้ำเสียงของเขา ทำให้ผมรู้ได้ไม่อยากว่าเขารู้สึกอย่างไร
....เขาคงผิดหวังที่ผมขี้ขลาด....
....ไม่กล้าแม้แต่จะรับฟังความจริงที่อาจจะทำให้ผมมีความสุขมากกว่าเดิม....
...ความกลัวทำให้ผมไม่กล้า....ไม่กล้าจะมีความสุข เพราะเพียงแค่พริบตา มันก็จะหายไปอีก....
....เหมือนอย่างครอบครัวของผม....
พี่คริสขึ้นห้องไปด้วยท่าทีแตกต่างจากทุกที ทันทีที่เสียงฝีเท้าจากไปไกล ขาของของผมพลันอ่อนแรงลงจนต้องทรุดฮวบลงกับพื้น เจ้าแต้มเดินเข้ามาคลอเคลียเหมือนจะให้กำลังใจ ผมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลูบหัวมันเบาๆ น้ำใสๆที่หายหน้าหายตากันไปไม่เท่าไหร่ก็กลับมาประดับอยู่บนแก้มเนียนอีกครั้ง
ผมคู้ตัวลงชิดหัวเข่า ปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร เพราะต่อจากนี้คงจะมีแต่เจ้าเหมียวตัวน้อยที่ได้เห็นมัน
.......................................................................
ความคิดเห็น