คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ไม่เชื่อ
เพล้ง!!
“ไอ้ตอง!! เอาอีกแล้วนะมึง!!”
“โอ๊ย! แม่...พอแล้วแม่ พอ...ตองขอโทษแม่ ตองขอโทษ” เรียวเล็บสีสดจิกทึ้งหัวผมอย่างแรง จนผมต้องจับมือเรียวนั้นไว้ ยันตัวขึ้นตามแรงดึงที่แทบจะถลกหนังหัวผมติดมือไปด้วย นัยน์ตาผมพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวด
“เก็บกวาดให้เรียบร้อยเลยนะไอตอง! ถ้าแดเนียลกลับมาแล้วมึงยังเก็บไม่เรียบร้อยนะ มึงเจอกูแน่ไอตอง!!” มือคู่เดิมผลักหัวผมออกอย่างแรง ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ผมนั่งน้ำตานองหน้า เก็บเศษจานกระเบื้องอยู่คนเดียว
ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนสวยแม้จะอายุเลยเลขสามไปแล้วก็ตาม เธอยังคงสาว ยังคงสวย อาจเป็นเพราะเครื่องประทินโฉมทั้งหลายแหล่ที่แดเนียลประเคนซื้อให้หลากหลายอย่าง เธอมีลูกด้วยกันสามคน สองคนในนั้นเกิดกับเเดเนียล ส่วนอีกคนเป็นลูกติดที่เกิดกับสามีเก่า....ซึ่งก็คือผม
.....เด็กที่ใครๆก็ไม่ต้องการให้เกิดมา......
บรืน...
เสียงรถที่แสนคุ้นเคย แดเนียลคงจะกลับจากการทำงานแล้ว ยิ่งทำให้ผมต้องรีบเช็ดน้ำตา และเก็บเศษจานไปให้พ้นจากทางเดินที่อาจจะขวางหูขวางตาพวกเขาเข้า
....พวกเขาที่ไม่เคยนับผมเป็นครอบครัว....
ผมเกิดในครอบครัวที่อบอุ่น....ที่อย่างน้อยมันก็เคยเป็น ครอบครัวเราเป็นที่อิจฉาของใครหลายคน พ่อเป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้าง เงินเดือนเลี้ยงทั้งครอบครัวได้อย่างสบายๆ ไม่ขัดสนอะไร ส่วนแม่เป็นแม่บ้านที่คอยทำงานบ้านรอคอยพ่อกลับจากทำงานและผมกลับจากโรงเรียน บางครั้งหากมีเวลาว่างแม่ก็จะนั่งร้อยลูกปัดเป็นแบบต่างๆ ขายบริเวณหน้าบ้านเป็นงานอดิเรก
....กระทั่งพ่อเกิดอุบัติเหตุจากไซต์ก่อสร้าง จนขาข้างซ้ายพิการใช้งานไม่ได้ หลังจากนั้นพ่อก็โดนไล่ออกจากงาน ไปสมัครงานมาหลายที่ก็ไม่มีใครรับ เพราะคงไม่มีใครอยากได้คนพิการเข้าทำงาน เงินที่เก็บไว้ก็เริ่มร่อยหรอ เสียงของพ่อที่เคยนุ้มทุ้มอยู่เสมอก็เปลี่ยนเป็นกระชากโฮกฮาก เพราะฤทธิ์เหล้าที่พ่อแทบจะกินเป็นอาหารหลัก
พ่อกับแม่เริ่มทะเลาะมีปากเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไหร่ที่ผมห้าม หรือถามอะไร ผมก็จะโดนทุบตีอยู่เสมอ ผมทำได้เพียงแค่นั่งขดตัวอยู่ในมุมมืด ร้องไห้เงียบๆไม่ให้พวกเขาได้ยินและหันมาทำร้ายผมแทน โรงเรียนผมก็ต้องทำเรื่องลาออก เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ครูประจำชั้นเคยขอร้องไม่ให้ผมลาออก เพราะเห็นแก่อนาคตผม หากผมลาออกไป ก็คงจะอ่านเขียนอะไรไม่ได้ เพราะจบแค่ป.1
พ่อเริ่มกินเหล้าหนักขึ้นทุกวัน งานไม่ทำ แม่จึงต้องเริ่มทำงานนอกบ้าน แต่เพราะแม่จบมาแค่ป.6 จึงทำงานอะไรไม่ได้มากนัก ได้เงินมาแค่พอกินไปวันๆ หนำซ้ำบางครั้งยังต้องถูกพ่อเอาไปกินเหล้าจนหมด
หลายครั้งเข้าแม่ก็เริ่มทนไม่ไหว ออกจากบ้านไปนานๆจะกลับที ทุกครั้งที่กลับมาก็จะทิ้งเงินไว้ให้ผมไม่กี่ร้อยบาท เสียงที่เคยอ่อนโยนกับผมก็เริ่มเฉยชา ด่าทอผมบ้างว่าไม่น่าเกิดมา เป็นตัวซวย ทำให้ชีวิตเธอต้องมาล่มจม
ผมทำได้เพียงแค่ก้มหน้ารับด้วยน้ำตานองหน้า เงินที่แม่ให้มาพ่อก็เอาไปซื้อเหล้ากินจนหมด ชาวบ้านแถวนั้นสงสาร ให้ผมทำงานล้างชามแลกข้าวสามมื้อและเงินอีกไม่กี่สิบบาท ที่พ่อไม่สามารถจะเอาไปซื้ออะไรได้
...ชีวิตผมวนเวียนอยู่อย่างนั้นหลายปี แม่เริ่มหายไปจากชีวิตผม ส่วนพ่อ นานทีปีหนถึงจะกลับบ้าน การมีข้าวกินสามมื้อและที่ซุกหัวนอนโทรมๆไม่ได้ทำให้ผมลำบากนัก เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมมีชีวิตอยู่...ถึงแม้จะต้องร้องไห้ทุกครั้งที่นึกท้อก็ตาม
จนผมอายุ 11 หากผมยังเรียนอยู่ ก็คงกำลังจะขึ้นม.1 แม่กลับมาหาผม บอกว่าจะพาไปอยู่ด้วย เพราะแดเนียล สามีใหม่อยากมีลูก ซึ่งเธอมีให้ไม่ได้ถึงแม้จะอยู่กินกันมาหลายปีก็ตาม
.....นั้นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอหายไปจากชีวิตผม....
ผมเข้าไปอยู่กับแดเนียล เขาดีกับผมมาก บอกว่าดีใจที่ผมมาอยู่ด้วย แดเนียลให้ผมเรียนหนังสือในโรงเรียนดีๆ เสื้อผ้าที่ให้ใส่ก็สะอาดสะอ้าน มีห้องส่วนตัวที่กว้างขวาง แม่เองก็พูดดีกับผมมากขึ้น
....แต่ผมรู้ดี ว่าเธอก็แค่ฝืนทำ....
....ก็ใครจะอยากให้เด็กที่ตัวเองทิ้งไปอย่างไม่ไยดีมาเป็นมารหัวขน คอยแย่งความสุขจากสามีใหม่ล่ะ?....
....และการกระทำนั้นทำให้ผมเลือกจะที่ใช้คำว่า ‘ผู้หญิงคนนั้น’ แทนคำว่า ‘แม่’ ในความคิดของผม....
ชีวิตใหม่ผมเริ่มด้วยดีไม่เท่าไหร่ แม่ก็ท้อง แดเนียลทำงานหนักขึ้นจนไม่มีเวลาสนใจใครเท่าไหร่ นอกจากลูกที่กำลังจะเกิดมา ด้วยความที่แดเนียลไม่ค่อยจะสนใจอะไรผมแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็จิกหัวใช้ผมได้มากขึ้น บางครั้งถึงขั้นลงมือลงไม้กับผม
....ผมจะทำอะไรได้ล่ะ? นอกจากนั่งร้องไห้เงียบๆคนเดียวเท่านั้น.....
ไม่นานนัก เด็กในท้องเธอก็เกิด เป็นฝาแฝดผู้หญิงทั้งคู่ แฝดคนพี่ชื่อ ดานีล ส่วนแฝดน้องชื่อ ดาน่า ผมถูกแดเนียลแนะนำในฐานะพี่ชาย แต่แม่แนะนำผมในฐานะเด็กรับใช้ที่แสนต่ำต้อยคนหนึ่งในบ้านเท่านั้น
เด็กผู้หญิงก็ย่อมติดแม่ สองแฝดเริ่มมีนิสัยร้ายๆเหมือนผู้หญิงคนนั้น คอยหาเรื่องผมทุกครั้งที่มีโอกาส และเมื่อผมตอบโต้ พวกเธอก็จะวิ่งไปฟ้องแม่ และคนที่โดนลงโทษก็จะกลายเป็นผม หลายครั้งเข้า ผมก็ทำได้แค่ก้มหน้ารับ และเอากลับมาร้องไห้นึกชอกช้ำกับชีวิตคนเดียวที่ห้อง
....กลับมาที่ปัจจุบัน อีกไม่กี่เดือนผมก็จะอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ถึงตอนนั้นผมจะขอแดเนียลออกไปอยู่หอในกับเพื่อน ผมรู้ว่าแดเนียลไม่ใจร้ายกับผม เพียงแต่จนกว่าจะถึงตอนนั้นผมคงต้องทนให้ทั้งสามคนโขกสับไปก่อน
“กลับมาแล้วหรอคะคุณ”
ผู้หญิงที่หน้าดูบิดเบี้ยวเมื่ออยู่กับผมลำพัง แต่กลับสวยสง่าเมื่ออยู่ต่อหน้าแดเนียลและเพื่อนสังคมไฮโซ เดินราวกับนางแบบไปหาแดเนียล พร้อมกับเด็กสาวสองคนในวัยกำลังโตโผเข้ากอดแดเนียลอย่างออดอ้อนออเซาะ ดูน่าเอ็นดูในสายตาผู้เป็นพ่อ
ผมเก็บเศษจานไปทิ้ง ก่อนจะเดินผ่านห้องโถงไปยังบันไดวนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง แต่แดเนียลกลับเรียกผมไว้ให้รอก่อน สามแม่ลูกลอบทำหน้าไม่พอใจ แดเนียลก้มลงจุ๊บแก้มนิ่มของสองแฝด จูบปากภรรยาเล็กน้อย แล้วเดินนำผมไปยังห้องทำงานของเขา
ภายในห้องทำงานของแดเนียลหรูหรามาก รอบๆห้องเต็มไปด้วยหนังสือและเอกสารจำนวนมาก โต๊ะทำงานตัวโตตั้งอยู่ริมหน้าต่าง ถัดไปอีกหน่อยเป็นชุดรับรองแขกเล็กๆกะทัดรัด แดเนียลนั่งลงที่โซฟาเดี่ยวตัวหนึ่ง พร้อมกับเชิญให้ผมนั่งตาม
“ช่วงนี้เธอเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะวันเกิดเธอแล้วนี่ อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย?” แดเนียลถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สายตาฉายแววอบอุ่นคล้ายกับพ่อมองลูกยังไงยังงั้น
....แต่ผมรู้ดี ว่ามันก็แค่คล้าย...
“ก็ดีครับ ส่วนของขวัญ....” ผมสูดลมเข้าปอดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อ “...ผมอยากจะขอออกไปอยู่หอครับ” แดเนียลทำหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะส่งสายตาเข้าใจมาให้
“เฮ้อ...ฉันต้องขอโทษด้วยนะ ที่ปล่อยให้ภาทำอะไรกับเธอแบบนั้น เสียดาย...ที่ฉันเพิ่งจะรู้ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ถ้าหากฉันรู้เร็วกว่านี้ละก็ เธอคงจะไม่ต้องลำบากขนาดนี้หรอก” ผมตกใจเล็กน้อยที่แดเนียลพูดออกมาแบบนั้น แต่ก็พอคาดเดาได้ แดเนียลคงพอจะรู้อะไรอยู่บาง เพราะยังไงที่นี่ก็คือบ้านของเขา ถ้าไม่รู้อะไรเลยก็คงจะเกินไปหน่อย
“ขอบคุณที่เมตตาผมครับ แต่ต่อให้คุณรู้เร็วกว่านี้ แล้วกันให้ผมไปอยู่ที่อื่น ผมก็คงจะปฎิเสธ....” แดเนียลขมวดคิ้วมุ่น “อย่างน้อย...หลายปีที่ผ่านมาก็ถือว่าผมได้ตอบแทนบุณคุณที่เขาคลอดผมออกมาแล้ว ครบ 20 เมื่อไหร่ ผมก็คงไม่ต้องยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาอีก”
....ถึงตอนนั้น ผมจะมีชีวิตเป็นของตัวเองสักที....
....ถึงมันจะปราศจากพ่อและแม่ก็ตาม....
แดเนียลคลายคิ้วออก สีหน้าดูผ่อนคลายและเข้าใจ “เธอเป็นเด็กฉลาดและกตัญญูนะ ตอง หากเธอเรียนจบ ฉันหวังว่าเธอจะมาทำงานให้ฉัน”
ผมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยมั่นใจ
“คงไม่ล่ะครับ....ผมอยากมีอิสระมากกว่า” แดเนียลคลี่ยิ้มอุ่นอีกครั้ง
“เธอคงอยากเป็นอิสระเต็มแก่แล้วสินะ เอาเป็นว่าเรื่องไปอยู่ข้างนอกฉันรับปากก็แล้วกัน....อีกเรื่องหนึ่ง ฉันมีเรื่องอยากจะรบกวนเธอเสียหน่อย”
“อะไรเหรอครับ” แดเนียลหยิบเอกสารที่วางอยู่ข้างตัวตั้งแต่แรกยื่นให้ผม ในนั้นมีรูปผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่ง เพียงใครที่เห็นเชื่อว่าจะต้องสะดุดตาแน่นอน นอกจากรูปแล้วก็มีข้อมูลคร่าวๆทั่วไปเท่านั้น
“คริสโตเฟอร์ เคียวน์ เขาเป็นหลานชายของฉัน จะมาคุมบริษัทของพ่อเขาที่ไทยครึ่งปี ฉันกับพ่อคริสโตเฟอร์เองก็สนิทกันมากทีเดียว ฉังจึงเสนอให้เขามาพักที่บ้าน....เธอเห็นบ้านหลังเล็กที่อยู่ด้านข้างใช้มั้ย?” แดเนียลมองไปยังบ้านหลังที่ว่า จากหน้าต่างตรงนี้ถือว่ามองเห็นบ้านหลังที่ว่าได้ชัดเลยทีเดียว ติดเพียงกิ่งไม้ไม่กี่กิ่งบังเท่านั้น
“ครับ”
บ้านหลังนั้นเป็นบ้านเดี่ยวขนาดหนึ่งครอบครัวเล็ก มีรั้วธรรมชาติกั้นระหว่างบ้านทั้งสองหลัง รอบๆเป็นสวนเขียวขจี ต้นไม้ขึ้นร่มรื่นไปหมด มันสงบมากจนผมชอบแอบไปวาดรูปที่นั้นบ่อยๆ ผมจำได้ว่าข้างในยังมีเปียโนหลังใหญ่อยู่ด้วย น่าแปลกที่มันเป็นสีฟ้าใสอมม่วงเล็กน้อย ดูแล้วสวยงามมากจนผมอยากจะเข้าไปลูบคลำเลยทีเดียว
“คริสโตเฟอร์จะไปอยู่ที่นั่น....” ผมแปลกใจเล็กน้อย ใครจะมาอยู่ที่นั่นแล้วเกี่ยวอะไรกับผม แต่ประโยคต่อมาของแดเนียลก็ทำให้ผมกระจ่าง “ฉันอยากให้เธอไปอยู่ที่นั่นด้วย...”
“เอ๊ะ!? แต่....”
“ฉันไม่อยากให้เธออยู่ใกล้ภาแล้วก็สองแฝดอีก....ขอร้องเถอะนะตอง อย่างน้อยก็ให้ฉันช่วยเธอไม่ให้ลำบากบ้าง....ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม” ผมส่งยิ้มให้แดเนียล นึกขอบคุณเขาอีกครั้ง ที่ยังคงใจดีกับผมไม่เปลี่ยน
“...ก็ได้ครับ”
....แต่ผมรู้...ยังไงเขาก็ไม่อยากนับผมเป็นครอบครัว...
...คุณลองคิดดูสิ บ้านตัวเองแท้ๆ แดเนียลจะไม่รู้เรื่องที่ผมโดนโขกสับมาตลอดเกือบ 10 ปี เลยหรือ? ใช่มั้ยล่ะ? แล้วกับผู้หญิงคนนั้นอีก แดเนียลจะไม่รู้เชียวหรือว่าเธอมีนิสัยร้ายกาจแค่ไหน? คนรับใช้ในบ้านมีมากมาย ผมเชื่อว่าอย่างน้อยต้องมีสักคนแหละที่รายงานเรื่องในบ้านกับเขา แต่เขาก็ยังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่...หึ
...เพราะฉะนั้น...นี่จะเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะทำให้กับเขา พอกันทีกับที่ที่น่ารังเกียจอย่างบ้านหลังนี้!
..................................................................
...ผมไม่เชื่อในความรัก...
...ผมเชื่อว่ามันจะทำให้เราเจ็บ...
...เพราะฉะนั้น...
....รักมันไม่มีจริงหรอก...
หลายวันผ่านไป ผมยังคงไปเรียนตามปกติ มหาลัยที่ผมเรียนถึงแม้จะไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็ถือว่าดีในระดับหนึ่ง กิจกรรมที่ให้ทำก็มีหลายอย่าง สนุกบ้าง เครียดบ้าง แต่ก็ทำให้คลายกังวลจากเรื่องที่บ้านไปไม่น้อย
ผมกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนไม่ไกลจากคณะมากนัก บนโต๊ะเป็นรายงานที่มีกำหนดส่งต้นเดือนหน้าและขนมที่ซื้อจากเซเว่นไม่กี่อย่าง
“ตอง ทำไรวะ!” มือข้างหนึ่งตกลงที่บ่าผมไม่แรงนัก มันชื่อ ไฟ ครับ ถือเป็นเพื่อนคนแรกในชีวิตมหาลัยของผม อยู่หอไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่กับไอนิว เพื่อนที่ค่อนข้างสนิทอีกคนหนึ่งของผม
“รายงานอิง1ไงมึง แล้วนั่น...มันเป็นไรอีกล่ะ?” ผมหันหน้าไปทางไอนิวที่เดินทำหน้าซึมๆตามมาไม่ห่าง
“อกหัก”
“อีกแล้ว?”
“เออ” ผมส่ายหน้าระอาเล็กน้อย แล้วก้มลงทำรายงานต่อ ไอนิวถือเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง มีผู้หญิงมาพัวพันเยอะ แต่ทุกครั้งจะจบที่ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายขอเลิกเองแทบทุกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ ทั้งๆที่มันก็เทคแคร์ดีไม่แพ้ใคร วันสำคัญก็ไม่มีละเลย ให้ความสำคัญกับแฟนก่อนตลอด
อาจจะเป็นเพราะสิ่งที่ไอนิวเจอ หรืออาจเพราะจากบุคคลที่ได้ชื่อว่าพ่อและแม่ขอผมเองล่ะมั้ง
...ที่ทำให้ผมไม่คิดว่าความรักมันจะเป็นเรื่องจริง...
“กูละเซ็ง กี่คนๆแม่งก็ขอเลิกหมด แถมบอกเหมือนกันด้วยนะว่า ‘กูดีเกินไป’ ...ไอเหี้ย คราวหลังบอกกูดิว๊า เดี๋ยวกูจะแบดบอยให้ แม่ง!” ไอนิวบ่นเนื่อยๆ ด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด มันเป็นคนที่ทำอะไรแล้วจะทุ่มให้สุดตัว โดยเฉพาะเรื่องความรักที่ทุ่มให้ทั้งใจ จนเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มันก็ยังไม่เข็ด ดาหน้าหาความรักต่อไป
“มึงก็เจออย่างงี้ตลอด กูว่ามึงพอเหอะ ถ้ารักแท้ของมึงมีจริงเดี๋ยวมันก็วิ่งหามึงเองแหละ” ไอไฟทำหน้าเบื่อเล็ก ก่อนจะผลักหัวไอนิวไม่แรงนัก มันเป็นพวกที่เชื่อว่ารักแท้จะตามหามันเอง แต่ในระหว่างนั้นถ้าใครมาเสนอตัวให้มันก็ไม่ผิด เพราะรักแท้ต่างหากที่มาหามันช้าไป
“เหอะ! มึงเอาความเชื่อของมึงไปไกลๆกูเลยนะ กูไม่เชื่อหรอกว่ารักแท้ตามหากูแล้วจะเจอ มันต้องทั้งสองฝ่ายตามหากันต่างหากโว้ย!” ไอนิวมุ่ยหน้าเล็กน้อย ก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ โดยที่ไม่ทันสังเกตุแววตาบางอย่างจากไอไฟเลยสักนิด...
...ถึงผมจะไม่เชื่อในความรัก แต่ถ้ามันสองคนสมหวังกันได้...ก็คงจะดี...
.......................................
ช่วยติชมด้วยครับ
ความคิดเห็น