คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ลิ้นกับฟัน
และแล้วการเดินทางก็ใกล้ถึงแค้วนเมืองแมนเข้าไปทุกที เจ้าหน่อแก้วจึงได้ส่งราชสารไปให้เจ้าหน่อคำพระเชษฐา บอกถึงกำหนดการถึงแคว้น เจ้าหน่อคำจึงได้ส่งสารลับกลับมาว่า ด้วยมีข้าศึกบุกประชิดกำแพงเมืองอยู่ จำเป็นที่ต้องตีฝ่าวงล้อมเข้าไป แต่เจ้าหน่อแก้วเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลืองกำลังพลโดยใช่เหตุ จึงให้พระเชษฐาขุดอุโมงค์ลับไว้ที่ฐานกำแพงอย่าให้ข้าศึกรู้ ให้ทำเป็นความลับมากที่สุด เมื่อเจ้าหน่อคำจัดการตามที่เจ้าหน่อแก้วต้องการ จึงส่งม้าเร็วมานัดหมายถึงจุดที่ขุดอุโมงค์
“ให้เจ้าไปทูลเจ้าพี่หน่อคำด้วยว่า เรารับทราบแล้ว อีกไม่เกิน 2 ราตรีคงได้พบกัน” “เจ้าค่ะ” เมื่อพลม้าเร็วหันไปเห็นว่าข้างพระวรกายนั้นมีสตรีที่งดงามยิ่ง อยู่เคียงข้างถึง 2 พระองค์จึงถามเจ้าหน่อแก้ว “พระองค์เจ้าค่ะ องค์ใหนคือพระคู่หมั้นของพระองค์เจ้าค่ะ” “เราเอง เราคือเจ้านางน้อย เจ้าถามทำไมรึ” นั่นว่าแล้ว เพราะที่ได้ยินข่าวเล่าลือมาว่าเจ้านางน้อยนั้นงามหนักหนา พระพักตร์หวานนั้นชวนให้ลุ่มหลงยิ่งนัก นับเป็นบุญวาสนาของบ้านเมืองเราเป็นแน่แท้ “หามิได้เจ้าค่ะ ทรงงามสมคำร่ำลือนักเจ้าค่ะ”
“อืมพอแล้ว รีบไปส่งข่าวเถอะพลม้าเร็ว” เมื่อทรงเห็นว่าพลม้าเร็วมิยอมไปง่าย ๆ จึงต้องทรงตรัสไล่ ด้วยพระทัยที่เริ่มขุ่นมัว อืมมาไม่ทันไรก็ทำเอาทหารทั้งหลายเฝ้ามองมิวางตา เห็นทีต้องเก็บเอาไว้ในห้องไม่ให้เจ้าออกไปใหนถ้าจะดี
“กราบทูล พระโอรสหน่อคำเจ้าค่ะ พระอนุชาจะเสด็จมาถึงในอีก 2 ราตรีข้างหน้านี่แหละเจ้าค่ะ” พระวรกายสูงใหญ่ที่กำลังทอดพระเนตรทหารกำลังซ้อมดาบหันมาทันที “ แล้วหน่อแก้วกับเจ้านางน้อยเป็นอย่างไรบ้าง” “พระอนุชากับพระคู่หมั้นทรงสบายดีเจ้าค่ะ แต่กระหม่อมเห็นมีอิสตรีอยู่อีกหนึ่งนางนะเจ้าค่ะ เห็นนางกำนัลว่าเป็นพระพี่นางขอ..........” “อะไรนะ เจ้าว่าอะไรนะ พระพี่นางของเจ้านางน้อยอย่างนั้นรึ” “เจ้าค่ะ” ด้วยสุรเสียงที่ตวาดก้องทำให้เหล่าทหารกับพลม้าเร็วตกใจยิ่งนัก ด้วยมิรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด นี่นางคิดว่ามาเที่ยวชมไพรหรืออย่างไร ถึงได้ติดตามมาด้วย ตัวรึก็เป็นหญิงวิชาการต่อสู้ก็หาเป็นไม่ ด้วยทรงห่วงเจ้านางอัญจิมายิ่งนัก แต่ยังมิรู้องค์ว่าเป็นห่วงจึงโกรธเจ้านางที่เดินทางตามมาด้วย
“เจ้านางอัญจิมา จะออกไปไหนแต่เช้าเจ้า” เหล่านางกำนัลต่างกระวีกระวาด ด้วยยังมิทันได้ตื่นดี เจ้านางก็เตรียมจะออกนอกที่พัก “เราจะไปเก็บสมุนไพรที่ริมธารหน่อย เมื่อวานเราเห็นตอนไปอาบน้ำ แต่มันมืดก็เลยว่าจะไปเก็บวันนี้” “ให้ข้าเจ้าตามเสด็จนะเจ้า” พลันร่างงามก็ทรงพระสรวลไม่หยุด “ให้เจ้าไปอย่างนี้มีหวังสัตว์ป่าแตกตื่นกันหมด” ด้วยแต่ละคนนั้นยังมิได้ล้างหน้าล้างตา คราบน้ำลายยังไหลเปื้อน ผมเผ้ายุ่งเหยิง “เจ้านางก็ล้อข้าเจ้าเล่นอยู่ได้” ต่างพากันขวยเขิน “ก็จริงมั้ยเล่า เอาอย่างนี้เราจะไปรอที่ริมธาร พวกเจ้าทำธุระเสร็จแล้วก็ตามเราไปนะ” พลางร่างงามก็เสด็จออกนอกที่พักไปยังริมธาร
เมื่อทรงเดินมาถึงที่ริมธาร ก็ต้องตกพระทัยแทบสิ้นสติ ด้วยเห็นร่างหนึ่งนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด
เอะจะเป็นพวกข้าศึกหรือเปล่านะ แต่เค้าคงเจ็บมาก ช่างเถอะถือว่าช่วยเพื่อนมนุษย์ก็แล้วกัน พลางสาวพระบาทรีบเข้าไปดูทันใด
“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ให้เราช่วยอะไรมั้ย” พลันเอื้อมพระหัตถ์ปลดผ้าที่ชายคนนั้นใช้ปกปิดใบหน้าไว้ “เจ้าพี่หน่อคำ!” พอเห็นพระพักตร์ขาวซีดนั้น ก็ยิ่งทำให้เจ้านางอัญจิมาแทบสิ้นพระสติเป็นครั้งที่สอง “ทรงเป็นอะไรเจ้า” เมื่อได้ยินเสียงหวานแว่ว เหมือนเสียงของใครคนนั้นที่พระองค์คิดถึงนักหนา หรือว่าจะทรงหูแว่วไป ความเจ็บปวดจากพิษงูนั้นช่างปวดแสบปวดร้อนยิ่งนัก เอะแล้วใครกันเล่าที่กอดพระองค์ไว้แนบทรวงตอนนี้ พลันเงยพระพักตร์ขึ้นมองเจ้าของอ้อมแขนที่กอดพระองค์อยู่ “เจ้านางอัญจิมา ทรงมาทำอะไรที่นี่ ไม่รู้รึว่ามันอันตราย” นั่นขนาดเจ็บถึงเพียงนี้ยังทรงดุได้ “พระองค์ทรงโดนงูกัดหรือเจ้า” พลางก้มมองหาบาดแผลที่พระองค์ทรงถูกงูกัด จึงเห็นว่าบาดแผลนั้นอยู่เหนือข้อพระบาทข้างขวา เจ้านางจึงฉีกผ้าคล้องคอรัดเหนือบาดแผลให้พระองค์ โดยที่เจ้าหน่อคำมิทรงคาดคิด เจ้านางก็ก้มลงดูดพิษออกจากบาดแผล “ทรงทำอะไร อย่านะเจ้าค่ะ” พลางดึงขาออก “เรากำลังดูดพิษออกให้พระองค์อยู่ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นพิษก็จะแล่นเข้าสู่หัวใจได้” “ไม่ต้อง” ทำให้ร่างบางนั้นหยุดชะงักทันที “ไม่เห็นต้องทรงทำเป็นเข้มแข็ง มิเสียหน้าหรอกเจ้า แค่ยอมรับการรักษาจากน้อง” ด้วยทรงเข้าพระทัยว่าเจ้าหน่อคำนั้นทรงกลัวเสียพระพักตร์ที่ยอมรับการรักษาจากผู้หญิง เจ้านางจึงลุกขึ้นเดินไปเก็บสมุนไพรที่ริมธารนำไปล้างน้ำ ทรงเคี้ยวแล้วนำกากนั้นมาปิดปากแผลให้เจ้าหน่อคำแล้วพันปิดแผลด้วยผ้าคล้องคออีกรอบ “เสร็จแล้วเจ้า เดี๋ยวก็จะทรงหายปวดเอง มิต้องทรงห่วงกังวลไปหรอกเจ้า น้องมิบอกผู้ใดหรอกว่าเป็นคนรักษาพระองค์” “เจ้านาง พี่มิได้....” “ว้าย ! เกิดอันใดขึ้นเจ้า” เสียงเอะอะโวยวายของนางกำนัลที่ตามมาพบเห็นทั้งสองพระองค์พอดี “พวกเจ้ามาก็ดีแล้ว พาพระองค์กลับที่พักด้วยนะทรงถูกงูกัด” ตรัสแล้วก็ทรงลุกขึ้นเสด็จกลับที่พักทันที โดยมิยอมหันกลับมามองพระองค์กับเหล่านางกำนัลอีกเลย จึงมิมีผู้ใดเห็นว่าบัดนี้ทั้งสองพระเนตรนั้นคลอด้วยหยาดน้ำแววใส ด้วยน้อยพระทัยในองค์ราชัญยิ่งนัก
พี่มิได้กลัวเสียหน้าเลยสักนิด กลับดีใจยิ่งนักที่เจ้าดูแลรักษาพี่ แต่พี่กลัวว่าพิษนั้นมันจะเข้าสู่ตัวเจ้าต่างหากเล่า ทำไมพี่จะไม่รู้ว่ามันเป็นการดูดพิษออก แต่มันอันตรายยิ่งนัก เพราะพิษมันอาจไหลเข้าสู่ร่างกายคนช่วยได้เหมือนกัน ทรงทอดพระเนตรตามร่างบางนั้นด้วยแววพระเนตรเป็นกังวลยิ่ง
“เจ้าพี่ทรงเป็นอะไรเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นเหล่านางกำนัลพยุงเจ้าหน่อคำเข้ามา ทำให้เจ้าหน่อแก้วที่ทรงกำลังวาดแผนที่อยู่นั้นตกพระทัยยิ่งนัก ด้วยมินึกมาก่อนว่าพระเชษฐาจะเสด็จมาก่อนแบบนี้ “เห็นเจ้านางอัญจิมา บอกว่าทรงถูกงูกัดเจ้า” “เจ้าพี่เจอเจ้านางอัญจิมาแล้วหรือ แล้วทรงอยู่ไหนแล้วเจ้าค่ะ เห็นเจ้านางน้อยตามหาตั้งแต่เช้าแล้ว” “พี่ก็มิรู้ว่านางอยู่ไหน” พลางนั่งบนเตียงที่ประทับ ยังผลให้เจ้าหน่อแก้วแปลกพระทัยยิ่งนัก “แล้วเจ้านางไม่ดูอาการของเจ้าพี่เลยหรือเจ้าคะ” ความจริงแล้วเจ้าหน่อแก้วทรงสังเกตุเห็นแล้วว่าที่แผลนั้นได้ถูกทำการรักษาอย่างดีแล้ว แต่ตรัสถามดูเพื่อให้แน่พระทัยมากขึ้น “เอ่อ..เจ้านางทรงดูบาดแผลให้พี่แล้ว” เมื่อเห็นว่าพระอนุชาจะซักอีก จึงทรงรับตัดบท “เอาหละ พี่เพลียเหลือเกินขี่ม้ามายังมิได้หยุดพัก ขอพักสักงีบเถอะนะ” นั่นว่าแล้วทั้งสองพระองค์ต้องมีอะไรขัดเคืองพระทัยกันเป็นแน่แท้ ยังมิทรงที่จะเสด็จออกนอกที่พัก ก็ทรงได้ยินเสียงวิ่งเข้ามาใกล้ประตู “เจ้าพี่หน่อคำเป็นเช่นใดบ้างเจ้า” พอสิ้นเสียง ร่างงามของเจ้านางน้อยก็เข้ามาถึงพอดี พอเห็นว่าเจ้าพี่หน่อคำทรงบรรทมอยู่ก็หันพระพักตร์มาถามเจ้าพี่ทันใด “ทรงเป็นเช่นไรบ้างเจ้า” ก็เห็นว่าเจ้าพี่หน่อแก้วนั้นทำพระพักตร์ขุ่นมัวอยู่ “ถ้าใครมิรู้คงว่าพี่ได้พระคู่หมั้นเป็นลิงแน่แท้” พระพักตร์หวานเง้าลงทันใด “ก็น้องเป็นห่วงเจ้าพี่หน่อคำนี่เจ้า ก็เลยรีบวิ่งมา มิเห็นต้องทรงว่าน้องเป็นลิงเลย” พอเห็นพระพักตร์เง้างอนนั้นก็ทำให้องค์ภูมินทร์อดพระสรวลมิได้ “รึไม่จริงเล่า ไม่สมกับเป็นกุลสตรีเลย” “งั้นก็ทรงอดพระทัยรอสักนิดนะเจ้า ถ้าเข้าเมืองแล้วเดี๋ยวเจ้าพี่ก็จะได้เจอกับกุลสตรีแล้ว ส่วนน้องก็ขอไปหาลิงเหมือนกันมาเป็นพระสวามีก่อนนะเจ้า” กว่าพระองค์จะเข้าใจว่าที่เจ้านางน้อยตรัสว่าอะไร ร่างบางนั้นก็วิ่งหายไปแล้ว “ช่างยอกย้อนดีนักนะเจ้า ฝากไว้ก่อนเถอะ พี่จะเอาคืนทบต้นทบดอกเลย” ตรัสตามร่างบางไป โดยมิทันสังเกตุเห็นว่าบัดนี้ พระเชษฐานั้นทรงกลั้นพระสรวลจนพระวรกายโยน ด้วยเห็นว่าเจ้าหน่อแก้วนั้นช่างได้คู่ที่สมน้ำสมเนื้อยิ่งนัก
ความคิดเห็น