คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ...ด้วย....รัก
…..ด้วย....รัก....
พระจันทร์ดวงน้อย ลอยเด่นส่งแสงนวลตา หยอกล้อกับกลุ่มดาวที่พร่างพราว ภาพนั้นถึงแม้จะสวยงามเพียงใด แต่ก็มิทำให้พระทัยขององค์พระภูมินทร์บันเทาจากความเศร้าได้เลย กลับยิ่งทำให้ทรงเจ็บปวดด้วยทรงอิจฉายิ่งนักไม่ว่ายังไง ดวงจันทรา ย่อมอยู่คู่กับ ดวงดาราเสมอ ถึงแม้จะมีบางเพลาที่เลือนลับ แต่มินานก็กลับมาอยู่คู่กันเสมอ
แล้วพระองค์เล่า เมื่อใดที่ดวงดาราของพระองค์จะกลับมาอยู่เคียงข้างเสียที
“กลับมาเถอะนะดวงใจของพี่ ถ้านานกว่านี้เห็นทีพี่คงอยู่รอเจ้าไม่ไหว ด้วยใจดวงนี้คงทนทรมานได้ไม่นาน” ลูบไล้พระพักตร์นวล ด้วยความรักยิ่ง พระเนตรฉายแววทดท้อก่อนคลอด้วยหยาดน้ำใส จูบแก้มนวลด้วยความอาลัยยิ่ง ด้วยทรงยึดมั่นในวาจาที่ให้ไว้กับน้องน้อยของพระองค์ ว่าจะทรงอยู่ใกล้ไม่ไปไหน จึงมิยอมให้ใครเปลี่ยนดูแล จึงทำให้พระวรกายนั้นอ่อนล้ายิ่งนัก ด้วยทรงอ่อนล้าทั้งใจและกายเมื่อทรงซบพระพักตร์ข้างเนื้อนวลก็ทรงบรรทมหลับไป
พลันปรากฏร่างบางสว่างใส ก้าวย่างมาใกล้พระวรกายที่ฟุบบรรทมอยู่ พระหัตถ์น้อยค่อย ๆ ยกพระเศียรขององค์พระภูมินทร์ หนุนนอนบนตัก
“บรรทมเถอะนะเจ้าค่ะ น้องจะอยู่ใกล้ ๆ มิห่างไปไหน ทำไมถึงทรงทรมานพระวรกายองค์เองถึงเพียงนี้ ทำไมถึงไม่ทรงลืมน้อง แล้วกลับไปหาคนที่เค้ายังรอพระองค์” แม้นถ้าสุรเสียงหวานขับขานไปถึงองคพระ์ภูมินทร์ได้ คงดียิ่งนัก พระทัยที่ร้าวรานนั้นคงพลันชุ่มชื่นด้วยได้หยาดน้ำทิพย์ชโลมพระทัย
แม้เวลาจะผ่านไปนานนับ 4 เดือนแล้ว.....ก็ยังมิมีวี่แววว่าจะทรงฟื้นจากอาการหลับไหล แม้ว่าเจ้าหลวงแสงเมืองผู้เป็นพระบิดา จะเสาะแสวงหาหมอเทวดาจากทั่วทุกสารทิศ ก็ไม่สามารถรักษาให้เจ้านางฟื้นคืนมาได้ แต่น่าแปลกยิ่งนักแม้จะอยู่ในห้วงแห่งการหลับไหลเป็นเวลานาน ก็มิทำให้พระวรกายนั้นซูบผอมแต่อย่างใด ยังคงมีน้ำมีนวลเหมือนเมื่อครั้งก่อน พระพักตร์หวานซึ้งนั่นยังเจือไปด้วยสีเลือดฝาด ผิดกับคนที่ทรงเฝ้าไข้ยิ่งนัก พระวรกายที่เคยองอาจสมชายชาตรี บัดนี้กลับซูบผอมจนหน้าใจหาย ด้วยมิทรงยอมเสวยสิ่งใดนอกจากพระสุธารส เพื่อให้ลืมความเจ็บปวดในพระทัย
ด้วยฤทธิ์ของพระสุธารสที่ทรงดื่มลงไป ผนวกกับพระทัยที่ท้อแท้สิ้นหวัง จึงทำให้พระองค์ทรงตัดสินพระทัย.............
“เจ้าน้อยของพี่ ในเมื่อเจ้ามิยอมกลับมา พี่ก็จะตามเจ้าไป รอพี่ก่อนนะคนดี หากแม้นไม่มีเจ้าอยู่ ชีวิตพี่ก็ไม่มีเหตุผลอันใดให้อยู่ต่อไป”
“ไม่นะเจ้าคะ อย่าทรงทำเช่นนี้” ร่างบางทรงพยายามยื้อพระหัตถ์ที่ถือพระกริชไว้ มิให้ทรงทำร้ายองค์เอง
แต่ด้วยอยู่ในคนละภพ จึงมิบังเกิดผลใด “ใครก็ได้ ห้ามพระองค์ไว้ที” “เจ้าพี่หน่อคำ ช่วยด้วยเจ้าค่ะ” อย่าให้ทรงทำแบบนี้ น้องมิได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้เลย “เจ้าพี่อย่านะเจ้าคะ” “มีใครอยู่ข้างนอก ช่วยห้ามเจ้าพี่ที” เมื่อทรงเห็นว่าไม่มีผู้ใดได้ยินในสิ่งที่ทรงตรัส ด้วยความรักและเป็นห่วงในองค์พระภูมินทร์เป็นนักหนา คงมิมีผู้ใดช่วยพระองค์ได้เป็นแน่แท้ ไม่ว่าอะไรจะเกิด มันก็คงต้องเกิด จึงทรงหลับพระเนตรตั้งจิตให้ว่างเปล่า...........
“เจ้าน้อยของพี่... มารับพี่ด้วยเถิด” ด้วยพระทัยที่เด็ดเดี่ยวตั้งมั่น พระเนตรหลับพลัน พระหัตถ์เงื้อ......
ฉึก!!! เสียงพระกริชที่แทง.........
ด้วยแรงปัดจากพระกรน้อย ที่ทรงโถมพระวรกายด้วยแรงทั้งหมดที่ทรงมี หวังเพื่อช่วยชีวิตพระองค์อันทรงเป็นที่รักยิ่ง จึงทำให้กริชในพระหัตถ์กระเด็นไปปักที่ฝาห้อง และ ด้วยแรงโถมนั้นทำให้พระวรกายสูงใหญ่เสียหลักเซถลาล้มลงบนพื้น โดยมีร่างน้อยนอนทับพระวรกายอยู่ข้างบน
“ทำไมถึงทรงทำเช่นนี้เจ้าค่ะ” ด้วยแรงโมโหจึงตรัสด้วยสุรเสียงที่ดังยิ่ง
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ! ทำไมถึงไม่รู้สึกเจ็บที่แผลเลยหละ เราคงตายแล้วเป็นแน่แท้ถึงได้ไม่มีความรู้สึกอันใดอีก แต่เอะ! เมื่อกี้นี้มันเสียงขอ.......
พลัน! พระเนตรก็เห็นพระพักตร์หวาน ที่มิเคยเลือนหายจากพระทัยมิว่ายามหลับหรือตื่น กำลังมองพระองค์ด้วยพระเนตรคลอด้วยหยาดน้ำใส “เจ้าพี่ เป็นอย่างใดบ้างเจ้าคะ” ใช่แล้วพระองค์มิได้ทรงฝันไป ด้วยรู้สึกถึงร่างน้อยที่กำลังทับพระองค์อยู่ ขอพี่มองเจ้าให้ชัด ๆ ทีเถิด ถึงแม้ภาพที่ทรงเห็นจะพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตา ก็ทรงมั่นพระทัยว่านี่แหละคือนางอันเป็นที่รักยิ่ง พระองค์ทรงได้ดวงพระหทัยกลับคืนมาแล้ว
“ เจ้านางน้อย” ตรัสได้เพียงเท่านี้ ก็สิ้นพระสติ ด้วยพระวรกายนั้นขาดการพักผ่อนมาหลายเพลา
เมื่อทรงดำเนินมาถึงหน้าห้องบรรทมของพระน้องนาง ก็ทรงพบว่าเจ้าหน่อคำกำลังเสด็จมาถึงพอดีเช่นกัน
“หม่อมฉันได้ยินเสียงดังมาจากข้างในเจ้าค่ะ มิรู้ว่ามีเหตุอันใดเกิดขึ้น” พลางยื่นพระหัตถ์ผลักประตูไม้เข้าไปโดยเร็ว...ผลัวะ
ทำให้ร่างบางที่ทรงกำลังพัดวี เพื่อให้องค์พระภูมินทร์ฟื้นคืนสติ หันพระพักตร์ตามเสียงนั้นทันใด
“พระพี่นาง”
“เจ้านางน้อย”
เมื่อเจ้านางอัญจิมาทรงเห็นว่าอะไรคือต้นเหตุของเสียงดังนั่น ก็ทำให้ทรงดีพระทัยเป็นหนักหนา
“ทหาร ไปทูลเจ้าลุง กับเจ้าป้าที ว่าเจ้านางน้อยฟื้นแล้ว” พลางกอดรับขวัญร่างน้อยที่โผเข้าหาอ้อมพระกร
“หมดเคราะห์ หมดโศกสักทีนะน้องพี่” “แล้วเจ้าหน่อแก้วทรงเป็นอันใดถึงได้บรรทมอยู่กับพื้นเช่นนั้นเล่า” ร่างน้อยนั้นจึงผละจากอ้อมพระกรของพระพี่นาง กลับไปหาร่างซึ่งไร้พระสติของเจ้าพี่ทันใด
“เจ้าพี่หน่อแก้ว ทรงจะทำร้ายองค์เอง เพื่อตามน้องไปเจ้าค่ะ” ทรงตรัสบอกเจ้าพี่ทั้งสอง ยังผลให้ทั้งสองพระองค์นั้นเศร้าสะเทือนพระทัยเป็นยิ่งนัก เจ้านางอัญจิมาด้วยเป็นหญิงจึงตกพระทัยแทบสิ้นสติ ดีว่าเจ้าหน่อคำนั้นทรงรับไว้ในอ้อมพระกร จึงทำให้เจ้านางอัญจิมาทรงได้รู้ว่าเจ้าของอ้อมพระกร มิได้ทรงเย็นชาดั่งที่ทรงแสดง ด้วยหยดน้ำที่ตกกระทบแก้มนวลนั้นคือหยดน้ำจากดวงพระเนตรขององค์ราชัญที่ใคร ๆ ต่างกล่าวขานว่าทรงเย็นชาไร้หัวใจ
“ให้ใครไปตามหมอหลวงมาที” “คำแก้ว พาเจ้านางน้อยไปพักผ่อนก่อน” ทรงหันไปสั่งนางกำนัล
แต่ร่างบางนั้นกลับมิยอมขยับองค์ “น้องขออยู่กับเจ้าพี่หน่อแก้วนะเจ้าคะ น้องเป็นห่วง”
“แต่ถ้าหน่อแก้วฟื้นขึ้นมา แล้วเจ้ากลับเป็นอะไรไปอีก แล้วทีนี้จะทำเช่นใดเล่า” ด้วยเหตุผลที่เจ้าพี่หน่อคำทรงตรัสบอก เจ้านางน้อยจึงยอมให้ นางกำนัล พาไปยังอีกห้องบรรทม โดยมิวายทอดพระเนตรมองร่างของเจ้าพี่หน่อแก้วด้วยความเป็นห่วงยิ่ง
“พระองค์ทรงมองหม่อมฉันทำไมเจ้าคะ หรือว่าหน้าของหม่อมฉันมีอะ........”
อุ๊ย! ทรงรีบยกพระกร กอดองค์เองทันใด พระพักตร์งามนั้นพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง เนื่องด้วยรู้สาเหตุที่ทรงถูกมอง
ด้วยทรงห่วงพระน้องนางยิ่งนักพอได้ยินเสียง จึงทำให้ทรงรีบออกมา โดยลืมหยิบผ้าคลุมไหล่ จึงทำให้ตอนนี้พระวรกายมีเพียงผ้าพันอกผืนน้อยกับซิ่นยาวกรอมเท้าเท่านั้น ยังผลให้องค์ราชัญที่ทรงยืนประทับแนบชิด ขุ่นพระทัยเป็นหนักหนา จึงทรงส่งสายพระเนตรมองว่าเมื่อไหร่จะทรงรู้องค์เสียที ตอนนี้ถ้าแม้นต้องแลกด้วยชีวิตเพื่อให้ได้ร่างงามนี้มาอยู่แนบข้าง บุรุษทั่วหล้าคงพร้อมยอมตาย มิเว้นแม้แต่พระองค์เอง
“มิทรงรู้สึกว่าสายไปหน่อยหรือเจ้าคะ” นั่นยังมิวายเย้าให้ทรงอาย ปากไม่ตรงกับพระทัยเลย
ด้วยทรงอายยิ่งนัก จึงทรงหันพระวรกายรีบสาวพระบาทวิ่งกลับห้องบรรทมทันใด โดยมิวายทิ้งสายพระเนตรให้คนมองตามรู้ว่า ฝากไว้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ
ความคิดเห็น