ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้านาง...ยอดดวงใจ

    ลำดับตอนที่ #11 : หรือเราจะมิใช่.....คู่กัน

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 51


    หรือเราจะมิใช่......คู่กัน

    ......คุ้มสองราชโอรส

    “เจ้าพี่ จะเสด็จไหนหรือเจ้าคะ” ทรงตรัสถามเจ้าชายหน่อคำผู้เป็นพี่

    “พี่จะไปชมสวนดอกไม้หนะ” ว่าแล้วก็ทำพระพักตร์แดง

    แปลกจริงหนอรัอยวันพันปี มิเคยเห็นชอบชมสวนสักนิด เห็นแต่ทรงฝึกอาวุธอยู่ร่ำไป หรือว่าจะมีสิ่งใดดึงดูดพระทัยอยู่ในสวนดอกไม้นั่นหนอ เอะ!....หรือว่าทรง....

    “เจ้าพี่จะทรงเสด็จไปหา เจ้านางอัญจิมา หรือเจ้าคะ” นั่นไงว่าแล้วถ้าไม่มีอะไร แล้วทำไมถึงต้องทำท่าเก้อเขินด้วย

    “อืม พอดีพี่จะไปช่วยนางเก็บดอกไม้ ไว้กรองมาลัยหนะ” เกลียดนักคนรู้ทันเนี่ย ทีเจ้าหละอย่านึกว่าพี่ไม่รู้นะว่าให้นางกำนัลไปตามดู เจ้านางน้อยตั้งแต่หัวรุ่ง

    “แล้วเจ้าไม่ไปไหนรึหน่อแก้ว พี่ได้ยินมาว่าตอนนี้เจ้าน้อยอยู่ที่ลานศาตราวุธมิใช่หรือ” ทรงตรัสถามเพื่อดูอาการของคนที่พร่ำนัก ว่ารักอย่างน้องสาว เฮ้อ รักอันใดเล่าเอาเจ้าไม่หลับไม่นอน ผลุดลุกผลุดนั่ง

    รื่องยุ่งยากกำลังจะเกิดขึ้นเป็นแน่แท้ พี่อยากรู้นักว่าเจ้าจะแก้ปัญหาของเจ้าอย่างไร เจ้าคงลืมไปแล้วสินะว่ายังมีใครรอเจ้าอยู่ เห็นทีเส้นทางความรักของเจ้ากับเจ้านางน้อยคงไม่ง่ายเสียแล้ว

                            หลังจากที่ทรงทราบจากเจ้าหน่อคำว่าคนตัวน้อยอยู่ที่ได้ จึงตามเจ้าน้อยมาถึงลานประลองอาวุธ พลันสายพระเนตร ก็เห็นร่างน้อยในฉลององค์ดั่งชาย กำลังประลองดาบกับทหารอย่างคล่องแคล่ว แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่มิได้มีเพียงการเย็บปักถักร้อย ที่ขึ้นชื่อว่างดงามสุดแสนวิจตร ว่าแต่คงเป็นชายที่งามที่สุดในหล้า เพราะพักตร์หวานนั้นยังดึงดูดสายตามิรู้คลาย

                           เพราะมัวแต่พะวงมองเจ้าพี่ที่กำลังสาวพระบาทตรงมา จึงทำให้ร่างน้อยเสียจังหวะการรับ ดาบ

     

    ฉัวะ! โดยที่ไม่มีใครคาดถึง ดาบนั้นต้องพระกรซ้ายที่ยกบังพักตร์ทันที โดยที่ทหารคู่ซ้อมมิสามารถยั้งทัน

    ร่างบางทรุดลงทันใด พระกรเต็มไปด้วยโลหิตที่แดงฉานไหลทะลัก “เจ้าน้อยของพี่ ”

    พระวรกายที่สูงใหญ่วิ่งมารับร่างน้อยไว้ได้ทัน พระพักตร์ซีดเผือดปราศจากสีเลือด เนื่องด้วยห่วงคนในอ้อมพระกรใจจะขาด “ ตามหมอหลวงเดี๋ยวนี้” สุรเสียงที่ทรงอำนาจ ตวาดก้อง พร้อมทั้งอุ้มร่างบางพาวิ่งกลับคุ้มหลวงทันใด ทำให้เหล่าทหารนั้นลนลานกลัวตายเป็นยิ่งนักด้วยรู้ความผิดที่ทำให้เจ้านางน้อย ต้องบาดเจ็บ “เจ้าพี่ น้องเจ็บจังเจ้าค่ะ” สุรเสียงที่เคยอ่อนหวาน กลับแผ่วเบาลงด้วยสติ นั้นใกล้ลางเลือนเต็มที ด้วยความเป็นห่วงเนื้อเย็นยิ่งนัก จึงมิทันสังเกตุเห็นว่าสายพระเนตรที่มองมายังพระองค์นั้นมีแววเจ็บปวดตัดพ้อซ่อนอยู่ “อย่าหลับนะคนดีของพี่ เดี๋ยวหมอหลวงก็มาแล้ว” พระเนตรคลอน้ำใสด้วยเจ็บปวดมิแพ้คนในอ้อมพระกร แม้จะอยู่บนเตียงก็หาได้ปล่อยร่างน้อยไม่ ยังคงโอบกอดไว้แนบพระอุระ ทำไมถึงไม่เป็นพี่เล่า ถ้าพี่เจ็บแทนเจ้าได้ แม้ต้องตายพี่ก็ยอม

    หมอหลวงมาแล้วเจ้าค่ะ” พอปรากฏร่างหมอหลวงชรา “หมอหลวงเจ้าต้องรักษานางให้ดีนะ ถ้าแม้ว่านางเป็นอะไรไป ข้าจะตัดหัวเจ้า” สุรเสียงเฉียบขาดนั้น ทำให้หมอหลวงครั่นคร้ามเป็นยิ่งนัก ถึงกับทำอะไรไม่ถูก “เอ้า ช้าอยู่ไยทำไมถึงไม่เร่งรักษาอยากตายหรือไงเจ้า” สุรเสียงตวาดก้องทำให้เจ้าหน่อคำที่ทรงดำเนินมาถึงหน้าคุ้มต้องรีบดำเนินเข้าไปทันที หลังจากที่ได้ทราบจากนางกำนัลถึงเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น

    เมื่อเข้าไปถึงก็ได้เห็นเจ้าของสุรเสียงตะโกนก้อง กำลังอาละวาดใส่หมอหลวงที่คงจะกลัวจนทำอะไรไม่ถูก  ร่างบางนอนอยู่บนเตียงนั้นช่างดูน่าสงสารยิ่งนัก เลือดที่บาดแผลยังไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดไหล ทำให้บนพระที่นอนนั้นเปียกซึมไปด้วยเลือดแดงฉานไปทั่ว เป็นภาพที่น่ากลัวยิ่งนัก กลัวว่าเลือดนั่นจะไหลออกจนหมดร่างน้อยเสียก่อนหากยังไม่ได้ทำการรักษา

    หยุดนะ! หน่อแก้ว” ด้วยสุรเสียงที่เฉียบขาดมิแพ้กัน ทำให้ความวุ่นวายหยุดลงพลัน “อยู่เงียบ ๆ ให้หมอหลวงทำการรักษา ไม่งั้นเจ้าน้อยคงเสียเลือดตายแน่” พอสิ้นเสียงคำว่าตายนั้นยิ่งทำให้พระพักตร์ของคนที่ถูกดุซีดเผือดลงไปอีก รีบถลาเข้าไปนั่งเคียงข้างร่างน้อย ที่บัดนี้ซีดขาว ราวกับไร้ชีวิต

    จ้.....ว พี่ ...” น้ำเสียงอ่อนล้าออกจากโอถฐ์บาง ที่บัดนี้ซึมไปด้วยเลือด เนื่องจากทรงกัดไว้ด้วยความเจ็บปวดบาดแผล “อยู่...ใกล้...น้อง.. นะ..เจ้า.. คะ” แต่ละคำกว่าจะเปล่งออกมานั้นสุดแสนยากเย็น เพราะพระวรกายนั้นเริ่มอ่อนล้าเต็มที “พี่จะอยู่ใกล้ๆ เจ้า ไม่ไปไหน เจ้าต้องเข้มแข็งนะคนดี” พอสิ้นเสียงที่ตรัสบอก ยิ้มก็เยือนพระพักตร์หวาน พร้อมสติที่พร่าเลือนดับไป......

                            เป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว ที่เหล่านางกำนัลทั้งหลายต่างคุ้นเคยกับการที่มีผู้พำนักใหม่ในคุ้มของเจ้านางน้อย ด้วยมิทรงยอมกลับไปประทับที่คุ้มส่วนพระองค์เลย ทรงประทับเฝ้าพระน้องนางที่บัดนี้เหลือเพียงลมหายใจ ไม่ยอมรู้สึกองค์ว่ามีใครบ้างหนอ ที่ห่วงใยเป็นหนักหนา จนพระวรกายที่เคยผึ่งผายองอาจ กลับซูบผอมด้วยตรอมพระทัย

    เจ้าน้อยของพี่ เจ้าไปอยู่นะที่ใด ได้ยินพี่หรือไม่ ทำไมถึงไม่ยอมรับรู้เสียที หรือว่าเจ้าสนุกนัก ที่ได้เห็นพี่เป็นอย่างนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่เจ็บปวดเพียงไหน.......... น้ำพระเนตรอาบพระพักตร์ที่เศร้าหมอง ก่อนจะทรงกรรแสงจนพระวรกายโยน ด้วยความเศร้านั้นสุมพระทัยจนล้นปรี่ ยังให้เหล่านางกำนัลทั้งหลายที่เห็นร้องไห้ตามเสียงระงม สงสารทั้งสองพระองค์เป็นหนักหนา

    อ้หนอพอได้พบ .. ก็มีเหตุให้ทรงต้องพลัดพราก ถึงแม้กายจะใกล้...แต่ก็เหมือนอยู่ไกลกันเหลือเกิน

    หารู้ไม่ว่าพระน้องนางที่ทรงคร่ำครวญหา มิได้อยู่ไหนไกลเลย.......... ยังคงเฝ้ามองพระองค์ด้วยพระเนตรที่เต็มไปด้วยความรัก จงรักภักดีมิเสื่อมคลาย

    น้องรู้ซึ้งแล้วว่าพระองค์ทรงรักน้องมากเพียงไร... พลางซบพระพักตร์แนบหลัง โอบกอดพระวรกายสูงใหญ่ของบุรุษอันเป็นที่รักยิ่ง …. อย่าทรงกรรแสงเลยนะเจ้าคะ อีกไม่นานพระองค์ก็จะทรงลืมน้องได้เอง น้องทนไม่ได้ที่ต้องทนเห็นพระองค์ทรงแบ่งพระทัยให้หญิงอื่น.... ไม่อยากได้ชื่อว่าแย่งพระสวามีใคร

    ให้น้องได้เฝ้ามองดูพระองค์ จากตรงนี้เถอะนะเจ้าค่ะ........พระพักตร์หวานนั้นช่างหมองเศร้า นักหนา.....

    น่าเศร้ายิ่งนักถึงแม้จะอยู่ใกล้แนบชิด แต่ทรงหารู้ไม่ว่าบัดนี้ คนที่ทรงคร่ำครวญอาลัยหากำลังกอดพระองค์ไว้ด้วยพระทัยที่ร้าวรานมิแพ้กัน....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×