พ่อฮะ เล่านิทานให้ฟังหน่อย
ตัวเขาวัยเด็กร้องขอกับบิดา
เขาชอบสีหน้าพ่อตอนเล่าเรื่องบ้านเกิดของพวกเขามากที่สุด
พ่อดูมีความสุขผิดกับยามปกติที่พ่อดูเหมือนจะเคร่งเครียดกับบางอย่างที่พ่อคุยกับลุงเจมส์ตลอดเวลา
พ่อลูบหัวเขาที่นอนอยู่ข้างกาย ตาสีน้ำตาลเข้มของเด็กน้อยมองพ่อของตนไม่วางตา
ดึกแล้ว เอ็นจาดาก้า นอนเถอะ
พ่อฮะ...ผมอยากฟังนิทาน
เขาเริ่มประท้วง เด็กน้อยส่งเสียงออดอ้อน
ผู้เป็นพ่ออดยิ้มให้กับท่าทีเด็ก ๆ สมวัยของเจ้าตัวไม่ได้
ก็ได้ พ่อยอมแล้ว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...
แสงไฟสว่างจนแยงตา อีริคกระพริบตาช้าๆ
ภาพตรงหน้าสว่างจนไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน
ตาคมดุจเสือจากัวร์เริ่มหาจุดโฟกัสเพื่อปรับให้สายตากลับมาปกติดังเดิม
หากแต่สตินั้นยังไม่คืนสภาพเต็มตัวนัก
เขาลองขยับตัว ทันทีที่ลองทำก็พบว่าแขนขาไม่ขยับดังใจนึก
ความทรงจำสุดท้ายก่อนจะตื่นก็ค่อยๆไหลเข้ามาในหัว
มันยังรักษาได้
คำพูดจากกษัตริย์หนุ่มดังซ้ำในหัว
“ไอ้เวรเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
จากัวร์คำรามดังลั่นห้องพักคนป่วย ทุรนทุรายไปมาเยี่ยงสัตว์บาดเจ็บ
สุดท้ายอะไรบางอย่างถูกฉีดเข้าร่างกาย สยบเสือร้ายให้นิทราอีกครา
.
.
.
.
.
.
“เขาสงบลงแล้วรึ”
“ใช่ อาการคลุ้มคลั่งหลังจากหลับยาว ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย
น้องเลยใช้ยากล่อมประสาทไป”
ทีชัลล่าพยักหน้าน้อยๆกับรายงานของชูรีเป็นเชิงอนุญาตให้เจ้าตัวกลับไปทำงานต่อได้ชูรีไม่รอช้าหมุนตัวกลับทันที
แต่ว่าจู่สองขาที่ก้าวอย่างปราดเปรียวไปที่ประตูก็หยุดลง เธอหันมาช้าๆหาพี่ชาย
“แล้วถ้าเขาตื่นมาอีก พี่จะทำยังไงต่อ
น้องว่าเขาคงไม่ยินดีอยากเจรจาอย่างสันตินักหรอกนะ”
“พี่ก็คิดอยู่”
ชูรีกรอกตาไปมา แล้วเท้าเอวให้พี่บังเกิดเกล้า
“สรุปไอ้ตอนที่ช่วยไม่ได้คิด พี่จังงัง?”
“พี่ไม่เคยจังงัง” ทีชัลล่าเน้นคำสุดท้ายเป็นพิเศษ
เจ้าหญิงขนิษฐายิ้มหวานให้องค์เชษฐาพลางยกนิ้วกลางให้ก่อนจะหายลับตาไป
.
.
.
.
.
.
ทะเลทรายยามค่ำคืนนั้นงดงามจับใจแต่อีริคไม่รั้งรอที่จะหยุดเพื่อเชยชมความงาม
เขาสาวเท้าไปข้างหน้าอย่างมีจุดหมาย
รอบข้างเด็กหนุ่มนั้นคือหมู่บ้านที่กลายเป็นทะเลเพลิง ระเบิดทิ้งลงตามจุดที่ทีมของเขาระบุลูกแล้วลูกเล่าราวกับดอกไม้บานกลางผืนแผ่นดิน
ดอกไม้แห่งความตาย
ณ แดนดินที่ให้กำเนิดมนุษยชาติ
มนุษยชาติก็ทำลายแผ่นดินที่เป็นเปลนอนของตัวเองเช่นกัน
เพื่อเป้าหมายเขายอมฆ่าแม้แต่พี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์
เพื่อทำลายล้างคนขาวที่บีบให้เขาต้องมาฆ่าชาวแอฟริกันด้วยกันเอง
เพื่อสังหารฆาตกรที่เรียกตัวเองว่ากษัตริย์วาคานด้า
เสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนมากสำนวนที่เขาเคยได้ยินจากประเล็กๆห่างไกลแห่งหนึ่งที่รักษาเอกราชจากเจ้าอาณานิคม
เช่นนั้นเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าจะสละมากกว่านี้นั้นก็ไม่มีวันลังเล เพราะพ่อที่โลกทั้งใบนั้นไม่มีอยู่อีกแล้ว
สิ่งที่สิงสู่ในร่างกายและสั่งการให้มันขับเคลื่อนก็มีเพียงความแค้นเท่านั้น
เด็กน้อยจากโอ๊คแลนด์ผู้ไล่ตามแดนในนิทานนั้นช่างหลงทางไปไกลเหลือเกิน
ประสาทที่ถูกฝึกมาอย่างดีของอีริคจับบางอย่างได้ เขาหันควับไปทางด้านหลัง
มือกระชับปืน HK416 พร้อมจะยิงกราดใครไม่ก็อะไรที่เคลื่อนไหวทันที
ทันทีที่ร่างหมุนไปตามสันชาตญาณ บางอย่างก็พุ่งเข้าใส่
เขากดไกปืนอย่างไม่ลังเลแต่ไม่โดนสิ่งใดเลย บางอย่างนั่นพุ่งไปมารอบตัวเขาอีริคสาดกระสุนใส่ตามทันที
ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและวนซ้ำไปมา บางอย่างนั่นเคลื่อนไหว
เด็กหนุ่มสาดกระสุน
อีริคไม่สะทกสะท้านอะไรมากนักสมองเริ่มประมวลผลหาทางจัดการกับศัตรูที่มองไม่เห็นนี่
แสยะยิ้มอย่างพอใจ เกมนี้เริ่มท้าทายขึ้นทุกที
“ตอบโต้ได้ดีนี่เจ้า”
เสียงหวานของผู้หญิงดังขึ้นที่ข้างหู
เขาหมุนตัวแล้วยิงตามที่มาของเสียงปริศนานั่นแต่ก็ไม่มีผู้ใดยืนอยู่
“แกเป็นใครวะ!?”
ครั้นพอตะโกนออกไป เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นเบาๆ
“เจ้าสังหารไปมากเหลือเกินจากัวร์หนุ่ม”
เมื่อสิ้นเสียงปรากฏร่างหญิงสาวปราดเปรียวผู้หนึ่งยืนตรงหน้า
ตาสีทองของนางเป็นประกายวาววับในความมืดไม่แยแสกระบอกปืนที่จ่อที่ตัวเองเลยสักนิดและนั่นเป็นการเผชิญหน้ากันของอีริคและยมทูต
.
.
.
.
.
.
แล็บวิจัยส่วนตัวขององค์หญิงขนิษฐาชูรีที่เคยสงบกลับวุ่นวายไปทั่ว
หน่วยโดร่า มิราเจปรากฏในทุกตารางนิ้วเพื่อหาตัวผู้บุกรุก
ขณะเดียวกันที่วังกษัตริย์หนุ่มและเจ้าหน้าที่รอสส์รีบร้อนวิ่งไปที่ยานบินเพื่อตามไปสบทบที่แล็บ
“นั่นคือคนของคุณหรือคุณรอสส์?”
ทีชัลล่าถามคนข้างพร้อมกับเร่งรุดไปประจำที่คนขับ
จัดการนำยานขึ้นทันทีน้ำเสียงดูร้อนรนผิดกับยามปกติโดยสิ้นเชิง
“ไม่เชิง...เขาผ่านสมรภูมิเดียวกับคิลมองเกอร์ คิดว่าคงมาช่วย”
“อุตส่าห์มีเพื่อนกับเขาด้วยนะ...” แอบดีใจลึกๆแม้ไม่ใช่เวลาที่ควร
เขาเร่งความเร็วยานเข้าสู่ขั้นสูงสุด
เจ้าหน้าที่รอสส์เค้นหัวเราะ
“หากฝ่าบาทรู้ความแสบของไอ้เวรนี่
ฝ่าบาทคงไม่มีทางให้น้องชายคบกับคนแบบนี้แน่”
ที่ห้องขังของกบฏเอ็นจาดาก้า เจ้าตัวนอนหันเข้าหากำแพงเมินเสียงเรียกจากด้านหลังโดยสิ้นเชิง
“เฮ้ หยาบคายกับข้าแบบนี้ได้ไง ไม่น่ารักเลย”
“ช่างหัวท่านสิ”
อีกฝ่ายทำหน้ามุ่ย เดินไปนั่งข้างร่างที่ใหญ่กว่าตัวเองเป็นเท่าตัว
ตาสีทองเพ่งพิจสัตว์ร้ายผู้ตรอมใจ
“ไม่สมเป็นเจ้า จากัวร์ ไม่คิดหนีเลยรึ?”
“เพื่ออะไรละ?” เสียงของอีริคช่างขมขื่น
ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดหนีรึทำอะไรเพื่อไปจากสภาพน่าสมเพชนี่แต่ทำมาทุกอย่างแล้ว
เขากัดลิ้นตัวเองทันทีที่ตื่นมาครั้งที่สอง
พอตื่นมาอีกทีนั้นก็พบว่าตัวเองอยู่ที่เดิมบนเตียงรักษาสารพัดนึกผีห่านั่นไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
เขาเอาหัวกระแทกกรงขัง เชือดคอตัวเอง หาเรื่องโดร่า มิราเจจนถูกแทงซ้ำที่แผลเก่า
แต่ผลทุกอย่างเหมือนเดิม
ตื่นขึ้นมาบนเตียงผีห่า แล้วพบเจอกับใบหน้าของลูกฆาตกรที่แสนจงชัง
สัตว์ป่าที่ถูกขังมันยังมีศักดิ์ศรีจนยอมอดตายในกรงขัง เขาก็เช่นกัน
ตายแบบไหนจะช้าจะเร็วก็คือตาย
เพื่อนำมาซึ่งความตายจะยอมถูกขังในนี้ก็ยังพอรับไว้อย่างยินดีได้
แต่ถ้าจะให้ถูกช่วยจากกษัตริย์อีกครั้งจากัวร์หนุ่มผู้นี้ไม่มีวันยอม
ผู้บุรุกรู้ซึ้งถึงความหมายของอีริคอย่างชัดแจ้ง
นางยิ้มเยี่ยงมารดาจะยิ้มให้กับลูกอย่างภาคภูมิใจ
ช่วงเวลานั้นที่นางจะได้ปราบปลื้มชื่นชมชายหนุ่มคนโปรดนั้นไม่นานหนัก โอโคเยพร้อมลูกน้องของเธอชี้ปลายหอกไปที่ผู้บุกรุกอย่างดุดัน
สุรเสียงดุจนางพญากล่าวกับร่างที่นั่งมองจ้องมาที่ตัวเธอเองอย่างไม่วางตา
“ออกไปจากตรงนั้นเดี๋ยวนี้!”
หญิงสาวในชุดทหารสีเข้มที่นั่งอยู่หันมาตามต้นเสียงแล้วเพียงเอียงคอมองนางราวกับผู้ที่ชี้หอกใส่เธอเป็นเพียงเด็กน้อย มิใช่นายพลผู้องกาจแห่งอาณาจักรวาคานด้า
อีริคหมุนคอหันมาหาโอโคเย ยักคิ้วขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลตาสีเข้มไล่สายตามองตามหญิงสาวข้างกายลุกขึ้นเดินไปหาให้ท่านนายพลหญิงคุมตัวไปแต่โดยดี
.
.
.
.
.
.
หญิงปริศนายิ้มร่าให้กับกระจก หล่อนถูกตรึงไว้แน่นหนาบนเก้าอี้ ทีชัลล่า
โอโคเย และเจ้าหน้าที่รอสส์ มองไปที่เธออย่างไม่ละสายตา
“วู้ฮู้ รู้นะว่ายังดูฉันอยู่น่ะ” เธอร้องอย่างอารมณ์ดี
ขมับของเอเวอเร็ตต์ รอสส์กระตุกนิดๆ
สถานการณ์แบบนี้มันคุ้นๆยังไงบอกไม่รู้สำหรับเขา เขาหลับตาลงดึงสติชั่วครู่ก่อนจะพูดสิ่งที่รู้ให้องค์ราชาและนายพลฟัง
“เธอชื่อ ชีรี ไม่มีประวัติส่วนตัว จู่ๆก็โผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยหลังปฏิบัติการทำลายฐานที่มั่นกลุ่มกบฏในแอฟริกาเหนือ
อีริคเป็นคนพาเธอมาและทั้งสองก็ทำงานร่วมกันมาตลอดจนถึงวันที่อีริคปลดประจำการหลังจากนั้นไม่มีใครรึรายงานอะไรเกี่ยวกับเธออีก
จนวันนี้ที่เธอบุกรุกที่คุมขังเขา”
โอโคเยยักคิ้ว เธอดูหมดความอดทนเต็มที
“แค่นี้?”
“เรางมเข็มทั้งในและนอกมหาสมุทร ไม่เจออะไรที่เกี่ยวกับเธอสักนิด
เหมือนเธอเป็นผี ไม่เคยมีตัวตน ถ้าหากว่ามี
เธอก็เป็นสายลับขั้นมือพระกาฬที่ลบข้อมูลตัวเองได้อย่างหมดจด”
“แล้วเจ้าไว้ใจให้นางทำงานให้ได้อย่างไร”
“เปล่าเลย เราไม่เคยหมอบหมายงานให้เธอ...”
รอสส์รู้สึกเหมือนลำคอแห้งผากเหมือนทรายขึ้นมาอย่างกระทันหัน
“จู่ๆเธอมาเอง ในทุกๆภารกิจที่อีริคทำ เธอช่วยเขา
อีริคฆ่าเก็บแต้มแล้วสลักจำนวนทุกศพที่เขาฆ่าบนร่างแต่ว่าชีรีฆ่า...”
รอสส์ดูลำบากใจที่จะพูดต่อ
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วเงยขึ้นมองชีรีที่อยู่อีกฟากของกระจก
นั่นแทบจะดูเหมือนกับเขากำลังหวั่นเกรงที่จะพูดต่อ
ราวกับว่าเธอได้ยินทุกคำที่เขาพูดแม้ว่าจะถูกคั่นด้วยกำแพงเก็บเสียงอย่างดี
“เธอฆ่าแล้วกิน ศพทุกศพที่เธอฆ่าล้วนมีรอยถูกแทะ ถูกควัก
ถูกชำแหละเพื่อกิน
กระทั่งคนที่จิตแข็งที่สุดในหน่วยยังอาเจียนออกมาเมื่อได้เห็นสภาพเหยื่อของเธอ ถ้าพวกคุณว่าอีริคใจเหี้ยมจนไม่ใช่มนุษย์
ผมคงบอกได้คำเดียว...”
“ผู้หญิงคนนี้ก็คือปีศาจในร่างคน”
พูดจบจู่ๆชีรีคลี่ยิ้มกว้างออกมา รอสส์สะดุ้งถอยหลังออกมา
หากฝ่าบาทรู้ความแสบของไอ้เวรนี่
ฝ่าบาทคงไม่มีทางให้น้องชายคบกับคนแบบนี้แน่
ทีชัลล่านึกถึงคำที่รอสส์พูดกับเขาบนยานบิน
คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันแทบจะเป็นเส้นเดียว
เขาสาวเท้าเดินไปที่ประตูแล้วเข้าไปหาปีศาจที่กำลังฉีกยิ้มรออย่างใจเย็น
“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาททีชัลล่า ขออภัยที่ไม่สามารถถอนสายบัวให้ท่านได้
ท่านคงรู้อยู่นะเพราะอะไร?”
เธอขยับข้อมือและข้อเท้าทั้งคู่ที่ถูกตึงไว้ไปมาอย่างขี้เล่น
ขณะที่ทีชัลล่านั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเธอสีหน้าขององค์ราชายากจะอธิบาย
มันเป็นสีหน้าที่ทีชัลล่าเลือกที่จะใช้ยามเจรจา ใบหน้าที่เรียบนิ่งดุจดังผิวน้ำยามไม่มีสิ่งใดไปกระทบจนเป็นวงคลื่น
“จุดประสงค์ในการมาที่นี่คืออะไร?”
ชีรีไม่ตอบคำถามของเขาในทันที เธอเอียงคอไปมา
นัยน์ตาสีทองด้วยแปลกประหลาดจ้องเขาไม่วางตา ทีชัลล่าในฐานะกษัตริย์ของประเทศโลกที่สาม---ฉากหน้าในเวทีโลก---รู้จักมันดี
สายตาที่กำลังประเมินค่าว่าอีกฝ่ายคู่ควรพอที่จะเจรจาด้วยรึไม่
“เพื่อช่วยอีริค สตีเว่นส์ อย่างนั้นรึ?ในฐานะที่คุณเป็นสหายร่วมรบ”
“มิใช่เลยเพคะฝ่าบาท”
ในที่สุดหญิงสาวก็ตอบคำถาม ท่าทีของเธอพลันเปลี่ยนเป็นคนละคน
หลังตั้งตรงเป็นเส้นฉาก น้ำเสียงขี้เล่นหายไปกลับกลายเป็นสุรเสียงกังวานทรงอำนาจ
ตาวาววับขึ้นมาราวเสือที่กำลังจะล่าเหยื่อ เธอตอบคำถามของกษัตริย์เสือดำไม่ใช่ด้วยภาษาเดิมที่เธอใช้อีกต่อไป...
“Ndiza kukuthabatha umphefumlo kaJaguar.”
( ข้ามาเพื่อช่วงชิงวิญาณจากัวร์)
เธอเปล่งคำพูดทั้งหมดออกมาด้วยภาษวาคานด้า สำเนียงเยี่ยงผู้ที่เกิดและเติบโตในอาณาจักร ไม่มีเค้าของสำเนียงต่างชาติแปร่งหูแม้เพียงนิด
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่า เธอค่อยๆโน้มตัวลงมาที่มือข้างหนึ่งซึ่งถูกพันธนาการ แล้วดึงริมฝีปากล่างลงเผยให้เห็นรอยสักสีฟ้าเรืองแสงของหน่วย war dogs แห่งวาคานด้า
กษัตริย์กำมือทั้งสองแน่น ใบหน้าบึ้งตึงขึ้นมาในทันทีและเหนือสิ่งอื่นใด แววตาของเขาแม้จะชั่วพริบตาแต่ฉายแววโกรธขึ้งออกมา
แม้จะประทุร้ายต่อตนเองและเกือบนำความพินาศมาสู่อาณาจักรที่รักยิ่งแต่เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เอ็นจาดาาก้าเป็นน้องร่วมสายเลือดนั่นเพียงก็พอที่จะบอกว่าเป็นหน้าที่แล้วที่ต้องปกป้อง
ดังนั้นคนแปลกหน้าที่กล้าประกาศออกมาว่าจะสังหารสายเลือดราชวงศ์ต่อให้เป็นคนมาจากไหนก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
ธรรมเนียมนักรบ เมื่อมีคนมาประกาศจะฆ่าคนในปกครองตนก็ไม่ต่างจากขอท้าประลองกัน
กษัตริย์หนุ่มมองลึกไปที่ดวงเนตรทองคำ ประกาศกร้าวเยี่ยงเดียวกับยามที่อยู่ท้องพระโรงและต่อหน้าเหล่าสภาสูง
“จัดเตรียมลานประลองให้พร้อม! เรียกสมาชิกสภาสูงเท่าที่จะมาได้เท่านั้น!”
.
.
.
.
.
.
อีริคนั่งพิงกำแพง ตามองจ้องไปตรงหน้าอย่างว่างเปล่า จมอยู่กับความคิดของตัวเอง นึกย้อนไปถึงอดีตยามที่พ่อผู้เป็นที่รัก เป็นโลกทั้งใบยังอยู่
ที่ห้องเล็กๆของตึกเก่าๆโอ๊คแลนด์ พ่อนั่งอยู่กับพื้นโดยมีตัวเขานั่งอยู่บนตัก เล่านิทานของบ้านเกิดพ่อให้ฟัง
วาคานด้ามีเทพีเสือดำบาสก์คอยปกปักษ์ นางคอยเฝ้าดูชาววาคานด้าทุกผู้และพิทักษ์อาณาจักรเรื่อยมาโดยมอบพลังให้ราชาหยิบยืมใช้
นางปกป้องพวกเราทุกคนจริงเหรอพ่อ? ผมก็ด้วยเหรอ?
ใช่ เอ็นจาดาก้า
เสียงของพ่อยามเรียกชื่อนั้นอบอุ่นอ่อนโยน เหมือนยามที่พ่อพูดชื่อบ้านเกิด อีริคชอบเวลาที่พ่อเรียกชื่อวานคานด้าของเขา
โดยเฉพาะลูกเอ็นจาดาก้า พ่อมอบลูกแด่นางและนางอำนวยพรเจ้า รับเจ้าเป็นดั่งลูกในอุทร
พ่อเคยเล่าให้เขาฟังหลายครั้ง หลังจากแม่ตาย พ่อมอบเขาให้เป็นของขวัญแด่องค์เทพี
ขอให้ลูกจำจนขึ้นใจ ยามใดที่ลูกไร้ที่พึ่งพิง เทพีเสือดำจะคอยอยู่เคียงข้างเจ้าไม่ห่างกายเสมอ เอนจาดาก้า จากัวร์ของพ่อ
ทว่าหลังจากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมา แม้ใจน้อมรับความตายไว้ยังถูกยื้อยุดให้กลับคืนแทนที่จะกลับไปอยู่ร่วมกับบรรพชน อีริค...เอ็นจาดาก้าคิดได้แค่อย่างเดียว
...องค์เทพีเสือดำคงนึกรังเกียจเด็กหลงทาง แม้แต่เด็กที่ถูกมอบเป็นของขวัญแก่นางยังมิอาจกลับคืนสู่อ้อมแขนองค์เทพี...
ถ้างั้นหากต้องตายด้วยน้ำมือชีรี ยมทูตที่ตามติดเขาเยี่ยงเงาตามตัวคงไม่แย่นักหรอก
จิตใจจากัวร์หนุ่มสงบนิ่ง เขานั่งรอเพชฌฆาตมาปลิดชีพ รอสิ้นสุดการคงอยู่ของตนเหมือนคนบาปรอการชำระวิญญาณ
อีริคหลับตาลงสักพักแล้วลุกขึ้นมาจากเตียง เดินตรงไปที่ประตูห้องคุมขังแล้ววาดมือไปมาบนกำไลที่ข้อมือ
การที่เจ้าหญิงชูรีคิดว่าควรให้นักโทษอุกฉกรรจ์คนนี้มีลูกปัดคิโมโยไว้กับตัวเพื่อควบคุมนั้นเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เขาจัดการกับช่องว่างเล็กน้อยๆในระบบของตัวลูกปัดเองแล้วทำให้มันเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวได้นานแล้ว ระหว่างการครองราชย์สั้นๆ เขาได้ศึกษาวิทยาการและประเทศนี้ไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่เวลาจะอำนวย เพราะไอ้เรื่องที่ว่าดันด้นมาถึงวาคานก้าเพื่อจะเป็นกษัตริย์แล้วสถาปนาจักรววรดิวาคานด้าน่ะเขาจริงจังแล้วถ้าจะให้ครองราชย์แบบผู้นำโง่ๆเหมือนพวกผู้นำโลกที่สามบางประเทศที่เขาเคยโค่นล้มมาเขาไม่เอาด้วยหรอก อีริคคิดมาอย่างดีแล้วแต่แผนก็มาพังเพราะดูหมิ่นพญาเสือดำมากไปหน่อยแต่นั่นมันก็จบไปแล้วเขาไม่อยากใส่ใจอีก
ที่หนีไม่ใช่เพื่อวางแผนล้างแค้นหากแต่...
...เพื่อความตายของตัวเอง...
เอ็นจาดาก้า โอรสแห่งเอ็นโจบู เจ้าชายผู้ถูกอาณาจักรฝังกลบไว้ราวไร้ตัวตน เดินไปอย่างองอาจสู่ลานประหารที่ตนเองเป็นผู้เลือก ในสายตาคนรอบข้างชีรีคือหญิงสาวปริศนาที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาหรือไม่ก็เป็นคนรักแต่ความเป็นจริงนั้นกลับกันมากเธอคือเพชฌฆาต เป็นยมทูต เป็นผีร้ายที่ตามติดเขานับแต่คราแรกที่พบกัน
หลังจากภารกิจแรกที่นำไปสู่การพบพาน เขาลองหยั่งเชิงถามชีรี ชื่อ ประวัติ และสาเหตุที่มาตามติดเขาแบบนี้ เธอตอบคำถามเพียงสองอย่าง เธอให้เขาเรียกตนเองเขาว่า ชีรี และและสาเหตุที่มาตามติด
‘เพราะร่างของเจ้ามีชายที่ข้ารักอยู่’
เขามองที่แขนที่เต็มไปด้วยรอยแผล ตอนนั้นมันยังมีถึงแค่ท่อนแขนขวาข้างเดียวเท่านั้น
‘ฉันไปฆ่าผัวเธอรึยังไง?’
แต่หญิงปริศนาไม่ตอบ เขาคาดหวังใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความเกลียดชังแบบที่เห็นมาโดยตลอดตั้งแต่แผลเป็นแรกถูกสลับลงบนร่างตนเองแต่กลับกันเธอทำสีหน้าอีกแบบ ใบหน้าที่เศร้าสร้อยดวงตาสีประหลาดนั่นหลบสายตาจากเด็กหนุ่ม
เขาไม่เคยคำตอบแต่หลังจากนั้นเธอก็คอยอยู่ข้างเขาตลอดมา ทุกสมรภูมิ ทุกศพที่ฆ่ามีเธอเป็นพยาน...จนถึงเวลาที่เขาตัดสินใจกลับไปล้างแค้น เธอมองเขาด้วยสีหน้าเศร้าสลดก่อนจะจากลากันโดยไร้ซึ่งคำพูดเหมือนคราที่เจอกัน
ตั้งแต่นั้นเขาสาบานกับตัวเอง หากว่าทำความฝันของพ่อ การปลดแอกพี่น้องชาวแอฟริกันและสร้างจักรวรรดิวาคานด้าไม่สำเร็จ ชีรีจะเป็นคนประหารเขา ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาเป็นคนลงดาบเขาเท่านั้น มีเพียงเธอที่คู่ควรได้ปลิดชีพเขา จบการคงอยู่ของทรราชย์เอ็นจาดาก้าเสียที
.
.
.
.
.
.
แต่ว่าแม้ตัวเขาหวังเพียงความตายแต่ญาติผู้พี่นั้นหาได้ปรารถนาให้เขาตาย ราชาเสือดำยื้อยุดชีวิตจากัวร์ เขาขอท้าประลองกับชีรีทันทีเมื่อได้ยินประกาศเจตนารมณ์
ที่ผาน้ำตกกษัตริย์ ลานประลองที่สร้างราชันทุกผู้ หนึ่งราชาและหนึ่งนักฆ่าฟาดฟันห้ำหั่นประหัตประหาร ฝ่ายหญิงสาวกวัดแกว่งมีดคู่ในมือส่วนราชาก็ปัดอาวุธได้ทุกครั้ง ผิดกับคราเมื่อญาติผู้น้องขอท้าประลอง กษัตริย์โอนอ่อนด้วยความลังเลและสับสน แต่ครั้งนี้ไม่ทุกการเคลื่อนไหวล้วนหนักแน่น ทรงพลัง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพลังของผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ ทีชัลล่าที่เชี่ยวชาญทุกศิลปะการต่อสู้และเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์มากมายจากการถูกท้าชิงตำแหน่งตั้งแต่ยามเป็นรัชทายาทมามาถึงยามขึ้นเสวยราชย์นั้นสามารถเป็นผู้ได้เปรียบอย่างไม่ยากเย็นแต่อีกฝ่ายฝีมือก็ไม่ด้อยไปกว่าอาจจะเรียกได้ว่าทัดเทียมกับเอ็นจาดาก้าสหายนางเลยทีเดียว
...แต่เหนือไปกว่านั้นทีชัลล่าสัมผัสได้ถึงบางอย่างในตัวนางที่คุ้นเคย พลังบางอย่างที่คล้ายคลึงกับพลังของแบล็คแพนเธอร์
เสียงอาวุธประทะเข้าหากันดังต่อเนื่องราวจังหวะดนตรี นักรบทั้งคู่เคลื่อนไหวร่างกายดุจร่ายรำ ทุกจังหวะนั้นดังมีดกรีดลงบนร่างราชินี นางต้องทนเห็นลูกชายในพิธีประลองถึงสามครั้งสามครา หัวใจนางเริ่มรับไม่ไหวแม้รู้ว่าฝีมือลูกย่อมมิด้อยกว่าผู้ใด เขาต้องชนะคู่ท้าชิงผู้เต็มไปด้วยปริศนาได้อย่างแน่นอนเช่นที่เคยชนะเอนจาดาก้าแต่หัวอกคนเป็นแม่ย่อมไม่อาจวางใจได้โดยง่าย
ทุกครั้งที่ศาสตราเฉียดกรายเข้าใกล้ลูกราชินีจะบีบมือองค์หญิงชูรีแน่น แม้ไม่มีน้ำตาให้เห็นแต่ก็ดูรู้ได้โดยง่ายว่านางหวาดกลัวมากแค่ไหน
“ท่านแม่...” องค์หญิงละสายตาจากลานประลองมาหาพระมารดา นางก็กังวลไม่ต่างกัน
ผาน้ำตกมีเพียงคนในราชวงศ์ ผู้นำเผ่าทั้ง 5 และหน่วยโดร่า มิราเจเท่านั้น ยังมิมีผู้ใดรับรู้ถึงการหลบหนีของต้นเหตุของการประลองเลยแม้แต่น้อย กระทั่งเจ้าตัวก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อีริคจัดแจงพลิกศพของพ่อให้นอนหงายแล้วนำมือทั้งคู่ประสานกันที่หน้าอกในลักษณะทำความเคารพแบบวาคานด้าที่เคยแอบดูพ่อทำตอนกำลังคุยกับลุงเจมส์โดยที่น้ำตายังนองหน้า
ลุงเจมส์
เขาหายไปไหน เขาน่าจะอยู่กับพ่อบนนี้ตอนที่เขาอยู่ข้างล่างนั่น แล้วไหนยานเรืองแสงที่เขาเห็นอีก ทั้งหมดนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
เขาอยู่ในห้องนี้กับศพของพ่อมาได้วันหนึ่งแล้ว ตอนเปิดประตูมาเจอกับพ่อที่นอนจมกองเลือด อีริคถลาตัวไปกอดร่างที่นอนไร้วิญญาณบนพื้น ร้องไห้อยู่จนรุ่งสาง พอตะวันเริ่มตั้งตัวขนานกับพื้นดินศพพ่อก็แข็งไปทั้งตัวเสียแล้ว
เด็กหนุ่มมองร่างนั้นอย่างอาลัยแล้วเริ่มนั่งทบทวนสิ่งที่เกิด ราชาทีชาก้าประเมินสติปัญญาของหลานชายต่ำไปแม้ยังเยาว์วัยแต่ความคิดความอ่านเด็กน้อยเหนือธรรมดา เขาปะติดปะต่อเรื่องราวได้แม้จะไม่ถูกต้องทั้งหมดแต่ประเด็นหลักนั้นถูกต้องแม่นยำราวได้เป็นประจักษ์พยาน
พ่อถูกกษัตริย์วาคานด้าฆ่าโดยมีลุงเจมส์นี่ล่ะเป็นคนทรยศ
น้ำตารินไหลลงมาจากพวงแก้มจนหยดเผาะลงพื้นที่ชุ่มเลือดบิดา นัยน์ตาของเด็กฉายแววอาฆาต
แบล็คแพนเธอร์คือผู้พิพักษ์บ้าอะไร!? กษัตริย์ผู้นี้มันเป็นเพียงแค่ฆาตกรสังหารวงศ์วานเดียวกัน!!
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้อีริคหลุดจากภวังค์ เขาเช็ดน้ำตาด้วยหลังมือแล้วเดินไปที่ประตู เขย่งเท้าขึ้นมองลอดผู้มาเยือนผ่านทางตาแมว ที่อีกฝากเป็นหญิงสาวผิวดำที่เขาไม่คุ้นเคย อีริคเริ่มมองหาทางหนีทีไล่ พออีกฝ่ายไม่ได้รับท่าทีตอบกลับใดๆเธอจึงพูดออกมาทว่า...
‘เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใครเอนจาดาก้า’
ภาษาวาคานด้า...
โทสะของอีริคพรั่งพรูขึ้นมาในทันที เขาทุบประตูแล้วตะโกนถามด้วยภาษาเดียวกัน
‘เจ้าเป็นพวกนั้น!จะมาเอาชีวิตข้าอีกคนรึไง!?’
‘ไม่...เจ้าก็รู้ว่ามันไม่มีวัน’
เสียงที่ตอบกลับมาฟังดูแสนเศร้า เหมือนดั่งสายน้ำเย็นเยียบที่ไหลอาบแก้มอีริค เขาชะงักค้างไป
เพราะเสียงเธอมันทำให้เขาสงบลง...ความโกรธ ความสิ้นหวัง ความกลัว ทุกอย่างเหมือนจะค่อยๆเลือนหายไป
แม้ยามที่พ่อไม่อยู่นางจะคอยปกป้องเจ้าเสมอ
ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ยอมเปิดประตู อีกฝ่ายทรุดตัวลงกับพื้นแล้วโอบกอดอีริคแน่นจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างหากแต่ไออุ่นนั้นไม่ใช่ของมนุษย์
กลิ่นกายของหญิงสาวไม่เหมือนของมนุษย์ผู้ใดที่ประสาทการรับกลิ่นของเขาเคยสัมผัส เขาบอกไม่ถูก แต่สัญชาตญาณภายในร่ำร้องหาอีกฝ่าย เธอทำให้เขารู้สึกปลอดภัย
เนิ่นนานเท่าไหร่แล้วเขาไม่อาจรับรู้ สัมผัสอบอุ่นแปลกประหลาดและภาพจำอันเลือนรางฝังในความทรงจำของเขา และเมื่อถึงยามที่ตื่นมาบนเตียงของสถานสงเคราะห์ ความทรงจำเกี่ยวกับผู้ปลอบโยนราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ทิ้งไว้แต่ความจริงบาดลึกจนกลัดหนองที่พ่อของเขาเป็นเพียงแค่ศพที่นอนอยู่ในห้องดับจิตรอการชันสูตรเท่านั้น
ไม่รู้ด้วยเหตุใด ความทรงจำอันเรืองรางนั่นจู่ๆก็ปรากฏชัดในความทรงจำ ทุกครั้งที่เขาก้าวเดินไปข้างหน้ามันยิ่งแจ่มชัด มันทรมานเขา
ได้โปรดหยุดที
อีริคหนีจากแล็บขององค์หญิงชูรีในเหมืองไวเบรเนี่ยมมาได้สักพักแล้ว เขาเดินลึกเข้าไปในป่าด้วยสัญชาตญาณ บางอย่างบอกเขาว่าชีรีอยู่ที่ไหน มันไม่ใช่ปราสาท ไม่ใช่คุกคุมขังรึที่ไหนทั้งนั้น
ผาน้ำตก
มันเป็นแบบนี้ตลอดตั้งแต่ที่เจอกับชีรี เขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหนและเธอก็รู้เช่นกัน มันเป็นคำสาปที่ผูกมัด เพราะนั้นอีริคจึงมั่นใจ หล่อนไม่ใช่มนุษย์ ทั้งผู้หญิงคนนั้นที่ช่วยพาเขาไปสถานสงเคราะห์ คนที่เขารู้สึกว่าคอยเฝ้ามองตัวเองตลอดมา คนที่ผ่านสมรภูมิและคอยชี้แนะสั่งสอนให้นั้นเป็นคนเดียวกัน
ชีวิตนี้ที่ขับเคลื่อนด้วยแรงแค้นภายใน รับรู้ด้วยสัญชาตญาณมันกำลังร่ำร้องบอกเขาถึงตัวตนปริศนาที่อยู่ข้างกาย
จะปีศาจรึเทพเจ้าก็ไม่ต่างกัน นางจะนำความตายมาให้เขา อีริคย้ำเตือนกับตัวเองแล้วรุดหน้าไปตามทิศทางสู่ผาน้ำตก
.
.
.
.
.
.
ตั้งแต่การประลองเริ่มต้นขึ้นแม้ว่าจะผลัดกันรุกรับมาโดยตลอดแต่ทีชัลล่าจะเป็นฝ่ายรุกเข้าหาอีกฝ่ายก่อนมาตลอด พญาเสือดำไล่ตอนเหยื่อจนจนมุม เหล่านักรบที่รายล้อมทั้งสองเริ่มตีวงแคบเข้ามาเรื่อยๆ ชีรีถลาเข้าคลุกวงในเป็นโอกาสให้ทีชัลล่าจัดการยึดแขนนางไว้แล้วล็อคคอนาง
“ยอมแพ้ซะ!เจ้าแพ้แล้ว!”
ทีชัลล่าบอกนาง เขาเปี่ยมเมตตาเกินกว่าจะฆ่าศัตรูที่ไร้ทางตอบโต้ ชีรีคำรามออกมาในลำคอพยายามขัดขืนการจับกุมมือทั้งคู่ที่ยังกำดาบแน่นบิดเกร็งไปมาหาองศาที่จะโต้กลับโดยที่ปลายหอกของหน่วยโดเจ มิราจล้อมนางอยู่
ไม่มีท่าทีจะยอมศิโรราบทีชัลล่ารัดคอนางแน่นกว่าเดิม กล้ามเนื้อของชายหนุ่มเกร็งไปทั่วร่าง เขาประกาศออกเป็นครั้งที่สอง
“อย่าให้ข้าต้องสังหารเจ้า ล้มเลิกความตั้งใจเจ้าเสีย”
กรรรรรรรรรรรรรรรร!
เสียงคำรามรอดไรฟันของเสือดังขึ้นจากหญิงสาว ราชาชะงักไปชั่วครูแต่เสี้ยววินาทีก็เพียงพอต่อการโต้กลับทันทีที่แรงที่รั้งตนอยู่ลดลงนางใช้ด้ามดาบกระแทะที่ขมับตรงเหนือหูของทีชัลล่า แรงกระแทกนั้นไม่เบามันทำเขาแทบสลบในทันที สองแขนที่เหนี่ยวรั้งหลวมลง นางหมุนตัวออกแล้วฟาดดาบลงที่อกของอีกฝ่ายจนเป็นแผลยาว
ร่างสูงทรุดลง ราชินีแทบถลาออกมาจากจุดที่นางยืนอยู่แต่องค์หญิงน้อยรั้งผู้เป็นแม่ไว้ด้วยน้ำตานองหน้า ภาพที่ทีชัลล่าทรุดลงต่อหน้าศัตรูนี้เหมือนเทปที่วนซ้ำฉายภาพเดิม ยามที่อีริคพิชิตเขาลงแล้วโยนร่างลงจากหน้าผา
ชีรีโยกดาบขึ้นหมายจะปลิดชีพ แสงตะวันยามเย็นย้อนแสงลงฉาบที่ตัวดาบจนเป็นประกายเหนือหน้าผาและในวินาทีที่ดาบนั้นวาดลงมาที่คอทีชัลล่าผู้ปราชัย
“ชีรี!!!”
ชีรีหยุดดาบลงก่อนที่ตัวดาบจะต้องกับคอเพียงไม่กี่เซน สติของทีชัลล่ายังไม่สมบูรณ์นักจากการกระแทกเมื่อครู่และเลือดจากบาดแผลยาวไหลออกมาเป็นสายย้อมสายน้ำที่ไหลลงจากผา ถึงอย่างนั้นเขาแน่ใจเสียงที่ตะโกนมาเป็นของใคร
เอ็นจาดาก้า
สาเหตุของการประลองเรียกให้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นหันมอง ดวงตาของราชินีเต็มไปด้วยความชิงชังเมื่อมองที่เขา อีริคดูเหนื่อยจากการวิ่งมาตลอดทางแต่เขาไม่แสดงออกมามากนัก เขาสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาสีน้ำตาลเข้มประสานเข้ากับสีทองของชีรี
หอบหายใจจากการประลองอันดุเดือดนางไล่สายตามองอีริคที่กำลังเดินลงจากผาโดยยังไม่ละมือจากดาบ ใบหน้าที่ดุดันเหี้ยมเกรียมมาตลอดการประลองนั้นค่อยแปรเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าเศร้าหมองขึ้นทันใด
หญิงสาวจ้องมองอีริคที่เดินเข้ามาเรื่อยๆไม่วางตา เขาใช้มือเบนหอกของโดร่า มิราเจที่ล้อมรอบคู่ประลองทั้งสองอยู่ให้พ้นทางตนจนมาหยุดหน้าชีรี ไม่พูดอะไรเพียงแค่มองกลับไปที่นาง ดวงเนตรสีเข้มหลุบมองญาติผู้พี่ทีชัลล่าชั่วพริบตาหนึ่งแล้วเหลือบขึ้นมองคนที่กุมชะตาของกษัตริย์
บัดนี้แววตาทั้งสองฉายแววเศร้าสลดและอาลัยแทบไม่ต่างกัน
นางค่อยเค้นคำพูดออกมาทีละนิด เสียงปวดรวดร้าวประหนึ่งสัตว์ต้องธนู จวนเจียนจะตายรอมร่อ
“เจ้าอยากได้บังลังค์วาคานด้า...ข้าจะมอบให้เจ้า...”
“เจ้าอยากทำลายคนขาวที่เจ้าแสนจะชิงชัง ข้าจะช่วย ทั้งหมดนั่นเจ้าขอข้าจะสนองให้”
“ขอเพียงแค่ครั้งนี้เจ้าเอ่ยขอข้า ลูกเอ๋ย...”
ในตาของอีริคมีน้ำใสไหลคลออยู่เมื่อได้ยินคำจากชีรี เขาตอบกลับเบาแทบกระซิบ
“ข้าไม่เคยขอท่าน....องค์เทพีบาสก์”
ชื่อศักดิ์สิทธิ์ที่ออกมาจากริมฝีปากกบฏทำประจักษ์พยานทั้งหลายตะลึงงัน หญิงปริศนาที่บังอาจท้ากษัตริย์กลับเป็นองค์เทพีที่ตนเคารพบูชา นี่มันเป็นเรื่องปาหี่อะไรกัน ราชินีแทบหมดความอดทน นางตะโกนถามด้วยเสียงโกรธเกรี้ยว
“เจ้าถือดีอย่างไรมาอ้างว่านางเป็นองค์เทพี เอนจาดาก้า!?”
อีริคไม่ตอบ ชีรีละสายตาจากเด็กหนุ่มมาที่ราชินี ท่าทีนางราวกับเสือเตรียมพร้อมจะสังหารเหยื่อ
“เขาไม่ได้ถือดี รามอนด้า ถามใจเจ้า พวกเจ้าทุกผู้รู้ดีว่าข้าคือใคร”
นั่นไม่ใช่คำขอแต่เป็นคำสั่ง องค์เทพีกวาดตามองเหล่าผู้นำเผ่า โดร่า มิราเจ องค์หญิง และราชินี ราวกับมีพลังบางอย่างมาสะกดพวกเขาไว้ ทั้งหมดนิ่งอึ้งไม่กล้าปริปาก ราวกับนางขยายร่างแล้วโอบล้อมทั้งผาน้ำตกพวกเขารู้สึกถึงตัวตนนางในทุกที่ทุกขณะ การหายใจเข้าออกดูลำบากขึ้นมาอย่างกะทันหัน พวกเขาเหมือนเหยื่อที่ถูกกรงเล็บของนางตะครุบไว้ แรงกดดันดูจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆตามอารมณ์ที่แปรปรวนของราชินีแห่งเสือดำ
อีริค...เอ็นจาดาก้าทรุดลงต่อหน้าองค์เทพี รับตัวญาติผู้พี่ออกมาลงวางข้างๆเขาพร้อมส่งสายตาให้โดร่า มิราเจรับกษัตริย์ของพวกนางไปดูแลก่อนจะหันกลับมาหาเทพีบาสก์ผู้ยืนหันหลังแก่ดวงตะวัน
พระอาทิตย์ตกที่วาคานด้างดงามที่สุดในโลก
ครั้งที่สองแล้วที่ได้เห็นมันและเป็นครั้งที่ชีวิตตนจะดับสูญเช่นกัน
“ปรารถนาข้าคือทำตามความฝันพ่อ ในฐานะลูกที่เกิดจากเลือดเนื้อเขา...บัดนี้ฝันนั้นสลายไปแล้ว ข้าไม่ปรารถนาจะอยู่อีกต่อไป”
“องค์เทพี พ่อข้ามอบข้าให้ท่านตั้งแต่ตัวข้าได้กำเนิดมาและมีตัวตน บัดนี้จงรับเอาไปมันเป็นกรรมสิทธิ์แก่ท่านโดยสมบูรณ์”
ชีรี...เทพีบาสก์มองชายที่คุกเข่าตรงหน้าตน ร่างนั้นเหยียดตรง คมดาบนางทั้งสองอยู่ที่ลำคอหนาของเขา แววตานางเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายและน้ำตาที่รินไหลจากดวงเนตรทองคำข้างหนึ่ง
นางถามจากัวร์ด้วยเสียงสั่นพร่า
“ลูกเอ๋ยใยเจ้าจึงไม่อยากอยู่ต่อกัน”
อีริคเงยหน้ามองนาง
“เพราะมันไม่มีสิ่งใดอีกแล้ว...”
คำตอบจากชายหนุ่มดั่งคมมีดกรีดลึกที่หัวใจนาง นางพญาเสือดำร้องโหยหวนดุจกำลังสิ้นลมแล้วงื้ออาวุธขึ้นสูง อีริคหลับตาลง
พ่อ...จะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งแล้วนะ
คมดาบถูกหมุนเปลี่ยนเป็นด้ามจับ มันกระแทกลงอย่างแรงเข้าที่ท้ายทอยของอีริค ชายหนุ่มสลบลงไปในทันที จากการประหารกลับกลายเป็นไว้ชีวิต
เทพีบาสก์ดูจะเริ่มควบคุมอารมณ์ได้ นางมองร่างสลบอยู่แทบเท้าอย่างอาลัยเหลือแสน แล้วเงยขึ้นกวาดมองพยานที่ยืนเรียงตามแนวน้ำตก
“ในนามข้าจงรักษาชีวิตจากัวร์! เขาเป็นของขวัญมอบแด่ข้าโดยเอนโจบูโอรสแห่งอัสซูรี ผู้ที่กล้าแตะต้องเขาแม้ปลายเล็บย่อมได้รับโทสะแห่งนางพญาเสือดำ!”
ชอบเหตุผลที่เผาแปลงสมุนไพรรูปหัวใจ เหตุผลไม่เหมือนใครดี คือเอริคไม่อยากต้องไปพบบรรพชนก็คือพ่อของเค้าอีกแล้ว เพราะมันคงจะเศร้ามากเลยทีเดียว
เขียนอีกนะ
สนุกมาก บรรยายได้สุดยอดเลยค่ะ ชอบมากๆๆๆ รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของแต่ละคนได้ดีโดยเฉพาะอีริคกับชีรี เราชอบสายสัมพันธ์ของสองคนนี้มาก มันแบบ...บอกไม่ถูกค่ะ เอาเป็นว่าเราร้องไห้ไปกับสองคนนี้หนักมาก TwT ยิ่งฉากผาน้ำตกเนี่ย ใจเราพังเลยค่ะ ฮือ
แอบเสียดายที่เป็นเรื่องสั้น อยากให้มีต่อมากค่ะ อยากรู้ว่าฝ่าบาทจะทำให้จากัวร์เดียวดายตัวนี้เปิดใจได้อีกรอบมั้ย รวมไปถึงปฎิกิริยาคนรอบข้างที่มีต่ออีริคด้วย
ขอบคุณมากนะคะที่เขียนฟิคสนุกๆขึ้นมา อยากระบายความรู้สึก(?)มากกว่าแต่มันไม่รู้จะบรรยายออกมายังไง 555
ปล. มีการพิมพ์ชื่อสลับอยู่นะคะ ระหว่างเอ็นาดาก้า กับ เอ็นดาจาก้า
//อิริคแค่อยากจะสานฝันของพ่อแต่วิธีการของเขาก็ออกจะรุนแรงเกินไปก็เท่านั้น