ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Paradise Island : เกาะร้อน...รักร้าย [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 4 คนขี้แกล้งกับเด็กป่วน

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 58


     






    เปลือกตาสีมุกเปิดขึ้นมาอีกครั้งรอบกายก็เต็มไปด้วยความมืดมิด  ซองมินกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสสายตา  แสงไฟจากภายนอกสาดส่องเข้ามาทางกระจกที่กรุไว้ริมผนังด้านหนึ่ง  ลำตัวบอบบางจะขยับเพื่อบิดไล่ความเมื่อยขบจากการนอนท่าเดียวหลายชั่วโมงต้องชะงักเมื่อไม่สามารถขยับได้

     

     

    “อ๊ะ!”ดวงตาคู่สวยมองไล่ตามลำตัวลงไปแล้วก็ต้องสะดุ้งกับวงแขนแกร่งที่วางทาบทับอยู่บนบั้นเอว  ร่างเล็กพลิกตัวกลับหลังช้าๆก็ประสานเข้ากับใบหน้าคมคายที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจกางกั้น

     

     

    เสียงร้องอย่างตกใจของซองมินเรียกให้อีกคนที่นอนนิ่งอยู่รู้สึกตัว  ร่างระหงเตรียมจะถอยห่างแต่คงไม่ทันกับเปลือกตาคมที่ลืมพรึบขึ้นทันที

     

     

    “จะไปไหน...”ถามเสียงเข้ม แขนแกร่งล็อกเอวเล็กไว้แน่นไม่ให้ซองมินได้ขยับตัวเลยสักนิด  ทำให้ตอนนี้ใบหน้าสวยขยับเข้าใกล้กับใบหน้าคมเสียจนลมหายใจอุ่นร้อนรินรดบนแก้มใส

     

     

    “ไปไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเห็นหน้าคุณ!”เชิดหน้าตอบเสียงแข็งกลับไม่ต่างกัน

     

     

    คิดว่าอยู่บนเตียงด้วยกันแบบนี้แล้วซองมินจะกลัวเหรอ...ไม่มีทาง!

     

     

    “ปากดี!”ใบหน้าคมโน้มลงมาใกล้จนจมูกคลอเคลียไม่ห่างกัน  ท่าทางน่าหวาดเสียวที่ซองมินไม่มีท่าทีจะสะทกสะท้านสักนิด

     

     

    “ไม่ได้มีดีแค่ปากด้วยนะ”ว่าจบแล้วก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากช้าๆอย่างเย้ายวน  ร่างเล็กจิกตามองกลีบปากหยักของคนตรงหน้าอย่างตั้งใจจะยั่วสุดๆ

     

     

    “กอดนานไป...ปล่อยได้แล้ว”ช่วงเวลาครู่หนึ่งที่เงียบกันราวกับวัดใจ และก่อนที่อะไรๆจะไปไกลซองมินก็เป็นฝ่ายผลักอกกว้างแรงๆแล้วพลิกตัวจะหย่อนขาลงจากเตียง

     

     

    “คุณยังไม่ได้ขอบคุณผมเลย”คยูฮยอนคว้าคนที่กำลังจะหนีไว้จนร่างเล็กหน้าหันมาตามแรงดึงตรงต้นแขน

     

     

    อีตาบ้านี่เป็นอะไรทำไมชอบดึงแขนจัง!

     

     

    “ทำไมต้องขอบคุณ”ใบหน้าสวยลอยไปลอยมายั่วอารมณ์กลับแบบสุดๆ ซองมินยังนึกไม่ออกสักนิดว่ามีเรื่องอะไรที่ตนต้องเอ่ยปากขอบคุณคนตรงหน้าด้วย

     

     

    “แล้วคุณคิดว่าคุณขึ้นมานอนบนเตียงนี้ได้ยังไงล่ะ”รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนมุมปากหยักทำเอาซองมินเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง

     

     

    อย่าบอกนะว่า...

     

     

    “เค้าเห็นกันทั้งตึกแล้วล่ะ...”บอกอย่างไม่แคร์อะไรใดๆทั้งสิ้น  ซองมินแทบจะตบหน้าผากดังฉาด แต่ที่จะตบน่ะต้องไม่ใช่หน้าผากตัวเองนะ ต้องเป็นหน้าผากของคนหน้านิ่งแต่ยิ้มทีไรทำเอาเสียวใส้ทุกที

     

     

    “ไม่ได้ขอให้อุ้มขึ้นมานี่”แค่นยิ้มแล้วตอกกลับเสียจนคนใจดีหน้าตึง  ดวงตาสีเขียวเข้มฉายแววดุจัดซึ่งถ้าเป็นคนอื่นๆคงกลัวจนหัวหดแต่ไม่ใช่กับซองมินแน่ๆ

     

     

    “ขอบคุณ”กระชากร่างเล็กเข้ามาใกล้จนระยะห่างเท่าเดิมก่อนที่ซองมินจะผละหนีไป ร่างสูงกระซิบเสียงแข็งมือก็บรบต้นแขนเรียวไว้แน่นกะไม่ให้คนตัวเล็กมีสิทธิสะบัดตัวหนีแม้แต่นิดเดียว  แต่คนโดนสั่งหรือจะยอมในเมื่อร้ายมาก็จะแรงกลับให้ดู!

     

     

    “ไม่!”จะว่าเพราะซีวอนตามใจจนเคยตัวก็ว่าได้  แต่ซองมินไม่ชอบให้ใครมาสั่ง  ยิ่งมาพูดทวงคำขอบคุณแบบนี้ยิ่งไม่อยากพูดให้ฟัง

     

     

    “อย่าให้ผมต้องเป็นคนเปิดปาก คุณนะ”เน้นย้ำคำด้วยเสียงแล้วยังบอกด้วยสายตาที่จ้องมองกลีบปากอิ่มเขม็งจนซองมินต้องเม้มปากแน่น  ใบหน้าคมเขยิบเข้ามาใกล้ขึ้นอีกจนซองมินหลับตาปี๋แล้วย่นคอหนีลมหายใจที่ลดระยะห่างลงเรื่อยๆอย่างน่าหวาดเสียว

     

     

    “ขะ...ขอบคุณ”ร่างเล็กละล่ำละลักบอกก่อนที่ร่างสูงจะจัดการ เปิดปาก ซองมินด้วยปากตัวเองอย่างที่ว่าไว้  คำขอบคุณของซองมินที่คยูฮญอนยิ้มกริ่ม

     

     

    “ดีมาก...เด็กดี”แต่มีหรือจะหนีพ้น...มือหนาดึงร่างเล็กเข้าไปใกล้ ข้อนิ้วแกร่งเชยคางมนให้เชิดขึ้นก่อนจะแนบริมฝีปากประทับลงมาอย่างเร่าร้อนหนักหน่วงจนซองมินแทบสำลัก

     

     

    เรียวปากหยักบดเบียดลงมาพร้อมกับฝ่ามือหนาที่ช้อนเข้ายังท้ายทอยเล็กบังคับให้ซองมินเงยหน้ารับจูบ  คยูฮยอนงับกลีบปากล่างซองมินอย่างเย้ายวนก่อนจะแทรกปลายลิ้นเข้าหาเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มเคลิ้มตาม

     

     

    “อึก!”กลืนน้ำลายลอยคอกับปลายลิ้นร้อนผ่าวที่สอดลึกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็ก  ชั้นเชิงที่มีมากกว่าของคยูฮยอนชักนำให้ซองมินคล้อยตามได้ไม่ยาก   เสียงจูบดูดดื่มดังก้องห้องกว้างคลอกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ 

     

     

    แผ่นหลังบางแนบสนิทกับหมอนใบนุ่มขณะที่ร่างสูงเบี่ยงใบหน้าปรับองศาการจูบให้แนบแน่นขึ้น  แผ่นอกอิ่มกระเพื่อมขึ้นลงกับลมหายใจที่ถูกริดรอนลงทุกทีๆ  มือบางกำจิกเสื้อเชิ้ตตัวหนาของคนตรงหน้าแน่น คยูฮยอนละเลียดจูบจนซองมินแทบขาดใจ  แต่มือหนาที่ไล้เข้าไปยังชายกระโปรงตัวสั้นก็เรียกสติซองมินให้กลับมา

     

     

    “ไม่!”คนตัวเล็กสะบัดใบหน้าหนีไปด้านข้างทันที  มือบางผลักคนตรงหน้าออกห่างเต็มแรง  คยูฮยอนก็ตกใจตัวเองเหมือนกันที่ทุกอย่างมันแทบจะเตลิดไปไกล  อดจะยอมรับในใจไม่ได้ว่าคนตรงหน้ามีแรงกระตุ้นและดึงดูดได้มากกว่าหลายๆคนที่ตนเคยนอนร่วมเตียงมา

     

     

    “ขอโทษ”มือหนาแตะเบาๆลงบนแก้มใสที่ซองมินสะดุ้งน้อยๆด้วยความตกใจ  เอ่ยคำขอโทษจากใจที่ล่วงเกินคนตรงหน้าไปมากมาย  เพียงแค่เห็นซองมินที่นอนสั่นระริกอยู่ใต้ร่างแล้วยังหวาดกลัวตอนที่คยูฮยอนยื่นมือไปหาแค่นี้คยูฮยอนกลับเจ็บปวดในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ว่า...

     

     

    โครกกกกกก...

     

     

    เสียงท้องร้องของคนเด็กกว่าที่มันทำให้บรรยากาศแปลกๆแตกกระจายไปอย่างรวดเร็ว  ซองมินพลิกตัวหนีคว้าหมอนยกขึ้นมาปิดบังใบหน้าตัวเองด้วยความอับอาย  ทั้งที่เกือบจะเสียตัวเมื่อครู่แต่ก็ยังมามีอารมณ์หิวข้าวได้เนี่ย

     

     

    “หึๆ ไปทานข้าวกัน”ร่างสูงก้าวลงจากเตียงไปก่อนจะเดินอ้อมมาอีกฝั่งเตียงที่มีร่างบอบบางม้วนตัวกลมอยู่ใต้ผ้าห่ม  ออกแรงดึงนิดเดียวหมอนใบเล็กก็หลุดจากมือเรียว  ร่างสูงวางหมอนลงข้างตัวแล้วสอดแขนทั้งสองข้างเข้าไปใต้ผ้าห่มอุ้มร่างคนตัวเล็กขึ้นมาแนบอก

     

     

    “ฉันเดินเองได้!!!”ซองมินร้องเสียงเมื่อถูกอีกฝ่ายช้อนอุ้มขึ้นมา  ร่างเล็กเองก็เพิ่งสังเกตว่ากระดุมเสื้อคนตรงหน้ามันหลุดหมดทั้งแผง  เผยให้เห็นแผ่นอกแข็งแรงจนเลือดลมพากันสูบฉีดจนร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้าจนต้องหันหน้าหนีไปอีกทางไม่กล้ามองเต็มสายตา

     

     

    “ทีตอนผมอุ้มขึ้นมาไม่เห็นคุณว่าอะไรเลย”ร่างเล็กได้แต่เม้มปากแน่น มือบางก็คล้องแน่นอยู่ที่ลำคอแกร่งอย่างกลัวตก  เกิดอาการหมั่นไส้กับรอยยิ้มมุมปากของคนตัวสูงเสียจริงๆ

     

     

    ไหนในนิตยสารบอกว่าเป็นนักธุรกิจผู้เงียบขรึมฉายาคาสโนว่าหน้าตายไง...ที่มินเห็นเนี่ยมันไม่ใช่เลยนะ!!!

     

     

    ก่อนจะมาที่นี่ซองมินไปกวาดทุกนิตยสารที่มีข่าวเกี่ยวเคน คอนเดลมาอ่านตั้งหลายร้อยเล่ม ไหนจะข่าวในโลกออนไลน์นั่นอีก  ไม่มีใครเคยบอกเลยว่าเคน คอนเดลจะเป็นคนที่กวนอารมณ์ได้มากมายขนาดนี้

     

     

    กวนอารมณ์คือเรื่องที่หนึ่ง ส่วนเรื่องที่สองคือเค้าบอกว่าคาสโนว่าหน้านิ่งอย่างเคน คอนเดลเป็นหมาป่ายิ้มยากมากแทบจะนับครั้งได้เลย  แต่ตั้งแต่ซองมินมาอยู่ที่กรีซนี่เห็นคยูฮยอนยิ้มไปกี่ครั้งแล้วนะ

     

     

    ก้าวเท้าออกมาจากห้องนอนแล้วซองมินก็เห็นว่าตนเองกำลังอยู่ในห้องทำงานของชายหนุ่ม  มีโต๊ะทำงานอยู่ขวามือของบานประตูที่ซองมินเพิ่งถูกอุ้มออกมา  ด้านหนึ่งของห้องติดริมผนังเป็นชุดโซฟาขนาดใหญ่ที่ดูแล้วคงไว้ใช้รับรองแขก  อีกมุมหนึ่งติดริมกระจกใสเป็นโต๊ะที่ดูแล้วก่อนหน้านี้มันคงเป็นโต๊ะประชุมขนาดแปดที่นั่ง แต่ตอนนี้กลายสภาพเป็นโต๊ะอาหารสำหรับดินเนอร์มื้อค่ำนี้ของโจวคยูฮยอนและลีซองมินไปแล้ว

     

     

    โต๊ะตัวยาวถูกปูด้วยผ้าปูโต๊ะสีครีมมีผ้าลูกไม้สีขาวคลุมเฉียงอีกชั้น ด้านบนมีทั้งแจกันดอกไม้และเชิงเทียน  ที่สำคัญคือกลิ่นอาหารที่มันหอมยั่วน้ำลายคนท้องร้องมากๆ

     

     

    ครืดดดดด

     

     

    ลีทึกเป็นคนเลื่อนเก้าอี้ให้เจ้านายตนเองวางร่างซองมินลงบนเก้าอี้อย่างนุ่มนวลก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินไปฝั่งตรงข้ามแล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดยทีลีทึกเป็นคนเลื่อนเก้าอี้ให้เช่นกัน

     

     

    ซุปเห็ดร้อนๆตรงหน้ามันยั่วน้ำย่อยในกระเพาะเสียจนซองมินแทบจะทนไม่ไหว แต่จะให้เริ่มเปิดฉากตักอาหารเข้าปากก็คงจะดูไม่ดีนักในเมื่อเจ้าบ้านยังนั่งนิ่งอยู่แบบนี้

     

     

    คยูฮยอนเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ทอดสายตามองคนที่นั่งกลืนน้ำลายเอื้อกๆอยู่ตรงหน้าแล้วก็ได้แต่ลอบขำในใจ  ซองมินจะได้ทุกอย่างที่ใจต้องการเพียงแค่พูดมันออกมา คยูฮยอนคนนี้พร้อมจะบันดาลทุกอย่างให้ตามแต่ใจ  เพียงแต่ว่าคนตัวเล็กติดจะปากแข็งและเอาแต่ใจไปสักหน่อย

     

     

    ดวงตาคู่สวยเหลือบมองคนที่นั่งมองตัวเองตาไม่กระพริบแล้วก็ได้แต่ขัดใจ  อยากจะกินจะแย่...

     

     

    นี่จะแกล้งกันไปถึงไหนนะ!

     

     

    “แค่พูดว่าขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ผมก็จะมองเมินเรื่องมารยาทบนโต๊ะไปแล้วให้คุณทานได้ตามสบาย”คำพูดที่บ่งบอกว่ารู้เท่าทันในสิ่งที่ซองมินคิดทุกอย่าง  ถึงร่างเล็กจะเอาแต่ใจขนาดไหนแต่ความมีมารยาทที่พี่ซีวอนปลูกฝังมาก็ทำให้ซองมินต้องมานั่งตาละห้อยต่อหน้าอาหารน่าทานอยู่แบบนี้

     

     

    ถ้าไม่ติดว่าโจวคยูฮยอนอายุเท่าชเวซีวอน...ลีซองมินคนนี้คงไม่เกรงใจไปแล้ว!!!

     

     

    “ขอบคุณค่ะ!”กระแทกเสียงด้วยความขัดใจอย่างถึงที่สุดแล้วจัดการหยิบช้อนมาตักซุปเข้าปากโดยไม่เงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจนซุปหมดถ้วยเลยแม้แต่นิดเดียว

     

     

    คยูฮยอนยังไม่ได้หยิบช้อนขึ้นชิมอาหารแต่เพียงแค่เห็นว่าคนตัวเล็กกินอย่างเอร็จอร่อยและดูมีความสุขขนาดนี้เค้าก็อิ่มใจแทนแล้ว

     

     

    “อีกถ้วยไหม?”ดันถ้วยซุปไปตรงหน้าให้คนตัวเล็กถลึงตามอง  รู้ๆอยู่ว่าโดนแซวแต่ไม่มีเสียหรอกที่จะปฏิเสธ  ซองมินงับช้อนอยู่ครู่หนึ่งอย่างตัดสินใจว่าควรจะรักษาหน้าหรือรักษากระเพาะก่อนดี  สุดท้ายจึงเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาจัดการดึงถ้วยใบเล็กไปตรงหน้าตั้งหน้าตั้งการกินจนหมด

     

     

    ซุปสองถ้วยตามด้วยเมนคอร์สจานใหญ่จบด้วยของหวานน่าตาน่าทานที่หลายๆคนบอกว่าขนมเค้กของที่กรีซขึ้นชื่อเรื่องความหวานมากๆ ขนาดคยูฮยอนที่อาศัยอยู่ที่นี่มาเกือบทั้งชีวิตยังทานได้แค่ชิ้นเดียวแต่นางแบบสวยหุ่นผอมเพรียวกลับสามารถกินไปได้ถึงสามชิ้น!

     

     

    “ขอบคุณที่เลี้ยงนะคะ”พอท้องอิ่มแล้วอารมณ์ดีคำขอบคุณก็หลุดจากปากอย่างง่ายดาย  ใบหน้าสวยแย้มรอยยิ้มจนตาหยีดูน่ารักเป็นที่สุด  แต่คยูฮยอนกลับมองว่าไม่ว่าจะเวลาไหนคนตรงหน้าตนก็ดูดีตลอด  ขนาดเมื่อครู่ตอนตื่นนอน  ใบหน้างัวเงียของหญิงสาวก็ยังดูน่ารักเลย  ซึ่งตอนนี้ซองมินคงไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าอ่อนใสกับหัวยุ่งๆตอนตื่นนอนของตนมันจะไปทำให้ใครตกหลุมเสน่ห์โดยไม่ตั้งใจ

     

     

    “อิ่มแล้วงั้นก็ไปกันเถอะ”คยูฮยอนเช็ดปากเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากเมื่อครู่ยกน้ำขึ้นมาดื่มจนหมดแล้ว  ร่างสูงลุกจากเก้าอี้เดินนำไปยืนรอตรงประตูห้องให้ซองมินมองตามอย่างงุนงงแต่ก็ยอมลุกเดินตามอีกฝ่ายไปเงียบๆ  คยูฮยอนเดินไปกดลิฟท์ขึ้นที่ทำให้ซองมินต้องขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ

     

     

    ชั้นบนสุดของตึกสูงระฟ้ากลางกรุงเอเธนส์และสายลมที่พัดกระหน่ำทำเอาคนตัวเล็กบนส้นสูงสี่นิ้วแทบจะทรงตัวไม่อยู่

     

     

    “ว้าย!!!”เพียงแค่ก้าวเท้าออกมาจากประตูบานเล็กด้านหน้าของลิฟท์ สองมือน้อยก็ต้องตะครุบกระโปรงของตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว  สายลมยามค่ำคืนมันกลายเป็นปัญหาที่ทำให้ซองมินก้าวขาไม่ออกอีกต่อไป 

     

     

    ร่างสูงที่ได้ยินเสียงร้องก็รีบหันขวับมาทันทีกลัวว่าคนตัวเล็กจะเป็นอะไรไป  แต่พอเห็นเต็มสองตาแล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็แทบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา  ท่าทางของซองมินตอนนี้มันน่าขำเอามากๆ  ผมเส้นเล็กที่ยาวสยายเต็มแผ่นหลังมันทำให้เรือนร่างดูบอบบางแต่ในตอนนี้มันกลับสร้างปัญหาให้ซองมินไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้  ไหนจะกระโปรงที่มันคอยจะพองขึ้นๆเผยให้เห็นเรียวขาขาว

     

     

    “หึๆ”เสียงหัวเราะในลำคอของคยูฮยอนที่เจ้าตัวพยายามกลั้นขำแล้วแต่ซองมินก็ยังได้ยินอยู่  ใบหน้าน่ารักบูดสนิทแต่จะให้ตรงเข้าไปจัดการทุบสักทีให้อีกฝ่ายหยุดหัวเราะก็ทำไม่ได้  แค่ก้าวขาสักก้าวยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

     

     

    “คุณหัวเราะอะไร! ยังไม่มาช่วยฉันอีก!”งวดนี้คยูฮยอนขี้เกียจจะต่อปากต่อคำด้วยอีก  เห็นแล้วก็สงสาร  ร่างสูงส่ายหัวน้อยๆก่อนจะเดินเข้าไปอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมา

     

     

    “แล้วทำไมต้องอุ้มด้วย”ว่าเสียงอ่อนอ่อยเพราะตอนนี้ซองมินไม่ได้อยู่กับคยูฮยอนเพียงแค่สองคน  ยังมีลูกน้องของชายหนุ่มอีกราวๆห้าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้คอยอำนวยความสะดวกให้คนทั้งคู่

     

     

    ซองมินถูกร่างสูงอุ้มไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่ด้านข้างมีตราเคกรุ๊ปแปะอยู่  ดวงตากลมโตกวาดตามองรอบข้างกระทั่งลูกน้องของชายหนุ่มปิดประตูเครื่องจนเรียบร้อยซองมินถึงเพิ่งสังเกตุได้ว่าคนขับฮอล์นี่มันคือคนที่อุ้มตนขึ้นเครื่องมาเมื่อครู่

     

     

    “นี่คุณขับเป็นเหรอ?”ร่างเล็กจัดการหยิบหูฟังมาสวมก่อนจะหันไปถามคนด้านข้างที่กำลังเตรียมจะนำเครื่องขึ้น

     

     

    “ไม่เป็น...”คำตอบกวนประสาทที่ซองมินอยากจะหาอะไรสักอย่างฟาดไปที่หน้าหล่อๆให้มันยับไปเสียบ้าง  ไหนจะดวงตาสีเขียวเข้มที่มันทำเอาซองมินใจสั่นน้อยๆนั่นอีก  ใบหน้าสวยสะบัดออกไปด้านข้างทันทีที่ได้ยินคำตอบอันแสนจะขัดใจ

     

     

    “นี่คุณ!!!”ร่างเล็กร้องลั่นเมื่ออีกคนขับผาดโผดบินโฉบไปโฉมมาจนซองมินหัวใจจะวาย  ดันแผ่นหลังจนติดกับเบาะพนักพิง  ท่าทางหวาดกลัวของซองมินแล้วยังแววตาสั่นๆที่ดูน่าสงสารทำให้คยูฮยอนเลิกแกล้ง

     

     

    “ดูนู้นสิ”ร่างสูงพยักเพยิดใบหน้าไปด้านหนึ่งให้ซองมินมองตาม  พื้นที่บนเนินเขาสูงและแสงไฟที่ส่งทำให้มองเห็นซากอารยธรรมโบราณที่ในอดีตมันคงเคยรุ่งเรืองมาก่อน 

     

     

    Acropolis เป็นสถานที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเอเธนส์”ร่างสูงขับเครื่องบินเข้าไปใกล้เพื่อให้คนตัวเล็กได้เห็นชัดๆ  ความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์เห็นได้อย่างเด่นชัด  นี่ขนาดเวลาผ่านมานานยังเห็นความงามได้ชัดขนาดนี้คงไม่ต้องบอกว่าในอดีตมันจะอลังการมากขนาดไหน

     

     

    “มีส่วนที่เป็นโรงละคร  หอประชุมแล้วก็วิหาร”ซองมินสามารถมองเห็นทุกสิ่งที่คยูฮยอนพูดให้ฟังได้หมดเลยเนื่องจากขนาดมหึมาที่ถึงจะอยู่สูงขนาดนี้ก็ยังมองเห็น

     

     

    “สวยจัง...”เสียงหวานพึมพำเบาๆกับวิวของเกาะซานโตรินี่  พื้นที่สีขาวบนเกาะตัดกับสีน้ำทะเลยามค่ำคืนบวกกับแสงไฟสีนวลตามันก็ทำให้ทุกอย่างดูมีมนต์เสน่ห์จนละสายตาไม่ได้และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ซองมินไม่สามารถละความสนใจไปได้เลยคือดวงตาของคนข้างๆที่สะท้อนกับแสงไฟเห็นเป็นสีเขียวระยับราวมรตกชั้นดี

     

     

    ระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆกับวิวทิวทัศน์อันน่าตื่นตาตื่นใจไม่ได้ทำให้คนที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางข้ามโลกเบิกตาดูได้นานนัก  พอคยูฮยอนนำเครื่องลงจอดยังเกาะพาราไดซ์คนตัวเล็กก็หลับคอพับไปอีกครั้ง

     

     

    “อ้าว...”คังอินที่เป็นคนมาเปิดประตูเครื่องให้ถึงกับหลุดร้องออกมา  ร่างสูงยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก  ทั้งที่จริงคิดว่าเพียงแต่ว่าตนจะเดินมาเปิดประตูให้คุณหนูลงจากเครื่องแค่นั้น

     

     

    “เดี๋ยวฉันจัดการเอง  นายมาเอาเอกสารนี่ไปด้วย”คยูฮยอนโหนตัวลงจากเครื่องด้วยท้วงท่าสุดเท่  มือหนาก็ชี้ไปยังกองเอกสารที่ตนนำกลับมาด้วยก่อนจะเดินอ้อมตัวเครื่องไปปลดล็อกเข็มขัดแล้วอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาแนบอก

     

     

    “ไม่ต้องจัดห้องเพิ่มหรอก  ให้นอนห้องฉันไปก่อน”ทิ้งคำพูดไว้ให้กับมือขวาคนสนิทราวกับเดาใจคังอินได้  ร่างใหญ่โค้งหัวรับคำสั่งแล้วหันไปจัดการอุ้มกองเอกสารออกมาปิดประตูเครื่องแล้วหมุนตัวก้าวลงจากชั้นดาดฟ้าของบ้านพักหลังใหญ่ที่นายของเค้าเป็นคนมาสร้างไว้แทนบ้านหลังเก่าที่ถูกไฟไหม้หายไปเมื่อหลายสิบปีก่อน

     

     

    เสียงคลื่นสาดซัดเข้าหาฝั่งอย่างต่อเนื่องบวกกับเสียงลมทะเลรื่นหูและบรรยากาศเงียบสงบทำให้ช่วงที่ไม่มีการประชุมอะไรคยูฮยอนจะชอบมาหมกตัวอยู่ที่เกาะนี้แล้วก็ให้ลีทึกหรือคังอินเป็นคนเทียวไปเทียวมาเรื่องเอกสารแทน  ส่วนตัวเองก็ทำงานอยู่ที่เกาะอย่างสบายใจ

     

     

    อย่างหนึ่งที่สบายใจคือคยูฮยอนไม่ต้องระวังตัวมากเพราะการที่คนจะเข้ามาถึงเกาะนี้ได้ก็ไม่ง่ายนัก  ด้วยเพราะปรากฏทางด้านทะเลเป็นสำคัญ  น่านน้ำที่ใครไม่รู้แนวโขดหินดีพอก็อาจมีสิทธิเรือแตกอยู่กลางทะเลได้

     

     

    “อื้มมม”เสียงครางเครือกับเสียงผ้าปูเสียดสีกันทำให้คนที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ต้องเหลือบตามอง  เรียวขาขาวผ่องโผล่พ้นผืนผ้าห่มออกมาท้าสายตาอยู่เล่นเอาคยูฮยอนนั่งนิ่งไปพักใหญ่  ร่างสูงรับรู้ถึงเสียงหัวใจตนเองที่เต้นหนักหน่วงขึ้น

     

     

    “เฮ้อออ ไม่ระวังตัวแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เสียสาวก่อนหรอก”คยูฮยอนถอนหายใจก่อนจะจับผ้าห่มขึ้นคลุมปิดไว้ให้

     

     

    บอกได้เลยว่ามีซองมินเป็นคนแรกที่คยูฮยอนทำแบบนี้ให้  ผู้หญิงคนอื่นไม่มีทางได้มานอนบนเตียงที่มีคยูฮยอนเป็นเจ้าของแบบนี้หรอก  ถ้าได้ขึ้นเตียงกับคนอย่างเคน คอนเดลก็ไม่มีทางจะได้นอนเฉยๆแบบนี้แน่  ที่สำคัญก็มีแค่เตียงของโรงแรมด้วยที่คยูฮยอนจะยอมให้เจ้าหล่อนพวกนั้นขึ้น

     

     

    แต่นี่ซองมินกลับได้ทุกอย่างที่ไม่มีใครเคยได้ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเหยียบที่เอเธนส์...

     

     

    คุณมีอะไรเหนือจากที่ผมคาดไว้เยอะเหลือเกิน...ถ้าผมรักคุณขึ้นมา คุณไม่มีทางได้กลับเกาหลีแน่!

     

     

    ช่วงนี้คลีนไปปั่นเรื่องอื่นเพื่อรวมเล่มอยู่อาจจะอัพช้าไปบ้างนะคะ อีกอย่างคือหนีเที่ยวทั้งเดือนเลย 4 ตอนแล้วปมเรื่องยังไม่โผล่มาเลย  ค่อยเป็นค่อยไปเหมือนเดิมเนอะ เอาฉากหวานๆของคยูมินไปก่อน เรื่องนี้จะว่าหวานมั้ยก็แบบว่ากวนกันไปกวนกันมาอ่านะ ฮ่าๆ เปลี่ยนแนวบ้างเดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน  กรุงเอเธนส์ยามค่ำคืนคือรูปที่แปะอยู่ตรงหัวตอนนะคะ  ตอนหน้าเจอกันบนเกาะค่า ^  ^

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×