คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 4 คนขี้แกล้งกับเด็กป่วน
เปลือกตาสีมุกเปิดขึ้นมาอีกครั้งรอบกายก็เต็มไปด้วยความมืดมิด ซองมินกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสสายตา แสงไฟจากภายนอกสาดส่องเข้ามาทางกระจกที่กรุไว้ริมผนังด้านหนึ่ง ลำตัวบอบบางจะขยับเพื่อบิดไล่ความเมื่อยขบจากการนอนท่าเดียวหลายชั่วโมงต้องชะงักเมื่อไม่สามารถขยับได้
“อ๊ะ!”ดวงตาคู่สวยมองไล่ตามลำตัวลงไปแล้วก็ต้องสะดุ้งกับวงแขนแกร่งที่วางทาบทับอยู่บนบั้นเอว ร่างเล็กพลิกตัวกลับหลังช้าๆก็ประสานเข้ากับใบหน้าคมคายที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจกางกั้น
เสียงร้องอย่างตกใจของซองมินเรียกให้อีกคนที่นอนนิ่งอยู่รู้สึกตัว ร่างระหงเตรียมจะถอยห่างแต่คงไม่ทันกับเปลือกตาคมที่ลืมพรึบขึ้นทันที
“จะไปไหน...”ถามเสียงเข้ม แขนแกร่งล็อกเอวเล็กไว้แน่นไม่ให้ซองมินได้ขยับตัวเลยสักนิด ทำให้ตอนนี้ใบหน้าสวยขยับเข้าใกล้กับใบหน้าคมเสียจนลมหายใจอุ่นร้อนรินรดบนแก้มใส
“ไปไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเห็นหน้าคุณ!”เชิดหน้าตอบเสียงแข็งกลับไม่ต่างกัน
คิดว่าอยู่บนเตียงด้วยกันแบบนี้แล้วซองมินจะกลัวเหรอ...ไม่มีทาง!
“ปากดี!”ใบหน้าคมโน้มลงมาใกล้จนจมูกคลอเคลียไม่ห่างกัน ท่าทางน่าหวาดเสียวที่ซองมินไม่มีท่าทีจะสะทกสะท้านสักนิด
“ไม่ได้มีดีแค่ปากด้วยนะ”ว่าจบแล้วก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากช้าๆอย่างเย้ายวน ร่างเล็กจิกตามองกลีบปากหยักของคนตรงหน้าอย่างตั้งใจจะยั่วสุดๆ
“กอดนานไป...ปล่อยได้แล้ว”ช่วงเวลาครู่หนึ่งที่เงียบกันราวกับวัดใจ และก่อนที่อะไรๆจะไปไกลซองมินก็เป็นฝ่ายผลักอกกว้างแรงๆแล้วพลิกตัวจะหย่อนขาลงจากเตียง
“คุณยังไม่ได้ขอบคุณผมเลย”คยูฮยอนคว้าคนที่กำลังจะหนีไว้จนร่างเล็กหน้าหันมาตามแรงดึงตรงต้นแขน
อีตาบ้านี่เป็นอะไรทำไมชอบดึงแขนจัง!
“ทำไมต้องขอบคุณ”ใบหน้าสวยลอยไปลอยมายั่วอารมณ์กลับแบบสุดๆ ซองมินยังนึกไม่ออกสักนิดว่ามีเรื่องอะไรที่ตนต้องเอ่ยปากขอบคุณคนตรงหน้าด้วย
“แล้วคุณคิดว่าคุณขึ้นมานอนบนเตียงนี้ได้ยังไงล่ะ”รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนมุมปากหยักทำเอาซองมินเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง
อย่าบอกนะว่า...
“เค้าเห็นกันทั้งตึกแล้วล่ะ...”บอกอย่างไม่แคร์อะไรใดๆทั้งสิ้น ซองมินแทบจะตบหน้าผากดังฉาด แต่ที่จะตบน่ะต้องไม่ใช่หน้าผากตัวเองนะ ต้องเป็นหน้าผากของคนหน้านิ่งแต่ยิ้มทีไรทำเอาเสียวใส้ทุกที
“ไม่ได้ขอให้อุ้มขึ้นมานี่”แค่นยิ้มแล้วตอกกลับเสียจนคนใจดีหน้าตึง ดวงตาสีเขียวเข้มฉายแววดุจัดซึ่งถ้าเป็นคนอื่นๆคงกลัวจนหัวหดแต่ไม่ใช่กับซองมินแน่ๆ
“ขอบคุณ”กระชากร่างเล็กเข้ามาใกล้จนระยะห่างเท่าเดิมก่อนที่ซองมินจะผละหนีไป ร่างสูงกระซิบเสียงแข็งมือก็บรบต้นแขนเรียวไว้แน่นกะไม่ให้คนตัวเล็กมีสิทธิสะบัดตัวหนีแม้แต่นิดเดียว แต่คนโดนสั่งหรือจะยอมในเมื่อร้ายมาก็จะแรงกลับให้ดู!
“ไม่!”จะว่าเพราะซีวอนตามใจจนเคยตัวก็ว่าได้ แต่ซองมินไม่ชอบให้ใครมาสั่ง ยิ่งมาพูดทวงคำขอบคุณแบบนี้ยิ่งไม่อยากพูดให้ฟัง
“อย่าให้ผมต้องเป็นคน ‘เปิดปาก’ คุณนะ”เน้นย้ำคำด้วยเสียงแล้วยังบอกด้วยสายตาที่จ้องมองกลีบปากอิ่มเขม็งจนซองมินต้องเม้มปากแน่น ใบหน้าคมเขยิบเข้ามาใกล้ขึ้นอีกจนซองมินหลับตาปี๋แล้วย่นคอหนีลมหายใจที่ลดระยะห่างลงเรื่อยๆอย่างน่าหวาดเสียว
“ขะ...ขอบคุณ”ร่างเล็กละล่ำละลักบอกก่อนที่ร่างสูงจะจัดการ ‘เปิดปาก’ ซองมินด้วยปากตัวเองอย่างที่ว่าไว้ คำขอบคุณของซองมินที่คยูฮญอนยิ้มกริ่ม
“ดีมาก...เด็กดี”แต่มีหรือจะหนีพ้น...มือหนาดึงร่างเล็กเข้าไปใกล้ ข้อนิ้วแกร่งเชยคางมนให้เชิดขึ้นก่อนจะแนบริมฝีปากประทับลงมาอย่างเร่าร้อนหนักหน่วงจนซองมินแทบสำลัก
เรียวปากหยักบดเบียดลงมาพร้อมกับฝ่ามือหนาที่ช้อนเข้ายังท้ายทอยเล็กบังคับให้ซองมินเงยหน้ารับจูบ คยูฮยอนงับกลีบปากล่างซองมินอย่างเย้ายวนก่อนจะแทรกปลายลิ้นเข้าหาเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มเคลิ้มตาม
“อึก!”กลืนน้ำลายลอยคอกับปลายลิ้นร้อนผ่าวที่สอดลึกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็ก ชั้นเชิงที่มีมากกว่าของคยูฮยอนชักนำให้ซองมินคล้อยตามได้ไม่ยาก เสียงจูบดูดดื่มดังก้องห้องกว้างคลอกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่
แผ่นหลังบางแนบสนิทกับหมอนใบนุ่มขณะที่ร่างสูงเบี่ยงใบหน้าปรับองศาการจูบให้แนบแน่นขึ้น แผ่นอกอิ่มกระเพื่อมขึ้นลงกับลมหายใจที่ถูกริดรอนลงทุกทีๆ มือบางกำจิกเสื้อเชิ้ตตัวหนาของคนตรงหน้าแน่น คยูฮยอนละเลียดจูบจนซองมินแทบขาดใจ แต่มือหนาที่ไล้เข้าไปยังชายกระโปรงตัวสั้นก็เรียกสติซองมินให้กลับมา
“ไม่!”คนตัวเล็กสะบัดใบหน้าหนีไปด้านข้างทันที มือบางผลักคนตรงหน้าออกห่างเต็มแรง คยูฮยอนก็ตกใจตัวเองเหมือนกันที่ทุกอย่างมันแทบจะเตลิดไปไกล อดจะยอมรับในใจไม่ได้ว่าคนตรงหน้ามีแรงกระตุ้นและดึงดูดได้มากกว่าหลายๆคนที่ตนเคยนอนร่วมเตียงมา
“ขอโทษ”มือหนาแตะเบาๆลงบนแก้มใสที่ซองมินสะดุ้งน้อยๆด้วยความตกใจ เอ่ยคำขอโทษจากใจที่ล่วงเกินคนตรงหน้าไปมากมาย เพียงแค่เห็นซองมินที่นอนสั่นระริกอยู่ใต้ร่างแล้วยังหวาดกลัวตอนที่คยูฮยอนยื่นมือไปหาแค่นี้คยูฮยอนกลับเจ็บปวดในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ว่า...
โครกกกกกก...
เสียงท้องร้องของคนเด็กกว่าที่มันทำให้บรรยากาศแปลกๆแตกกระจายไปอย่างรวดเร็ว ซองมินพลิกตัวหนีคว้าหมอนยกขึ้นมาปิดบังใบหน้าตัวเองด้วยความอับอาย ทั้งที่เกือบจะเสียตัวเมื่อครู่แต่ก็ยังมามีอารมณ์หิวข้าวได้เนี่ย
“หึๆ ไปทานข้าวกัน”ร่างสูงก้าวลงจากเตียงไปก่อนจะเดินอ้อมมาอีกฝั่งเตียงที่มีร่างบอบบางม้วนตัวกลมอยู่ใต้ผ้าห่ม ออกแรงดึงนิดเดียวหมอนใบเล็กก็หลุดจากมือเรียว ร่างสูงวางหมอนลงข้างตัวแล้วสอดแขนทั้งสองข้างเข้าไปใต้ผ้าห่มอุ้มร่างคนตัวเล็กขึ้นมาแนบอก
“ฉันเดินเองได้!!!”ซองมินร้องเสียงเมื่อถูกอีกฝ่ายช้อนอุ้มขึ้นมา ร่างเล็กเองก็เพิ่งสังเกตว่ากระดุมเสื้อคนตรงหน้ามันหลุดหมดทั้งแผง เผยให้เห็นแผ่นอกแข็งแรงจนเลือดลมพากันสูบฉีดจนร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้าจนต้องหันหน้าหนีไปอีกทางไม่กล้ามองเต็มสายตา
“ทีตอนผมอุ้มขึ้นมาไม่เห็นคุณว่าอะไรเลย”ร่างเล็กได้แต่เม้มปากแน่น มือบางก็คล้องแน่นอยู่ที่ลำคอแกร่งอย่างกลัวตก เกิดอาการหมั่นไส้กับรอยยิ้มมุมปากของคนตัวสูงเสียจริงๆ
ไหนในนิตยสารบอกว่าเป็นนักธุรกิจผู้เงียบขรึมฉายาคาสโนว่าหน้าตายไง...ที่มินเห็นเนี่ยมันไม่ใช่เลยนะ!!!
ก่อนจะมาที่นี่ซองมินไปกวาดทุกนิตยสารที่มีข่าวเกี่ยวเคน คอนเดลมาอ่านตั้งหลายร้อยเล่ม ไหนจะข่าวในโลกออนไลน์นั่นอีก ไม่มีใครเคยบอกเลยว่าเคน คอนเดลจะเป็นคนที่กวนอารมณ์ได้มากมายขนาดนี้
กวนอารมณ์คือเรื่องที่หนึ่ง ส่วนเรื่องที่สองคือเค้าบอกว่าคาสโนว่าหน้านิ่งอย่างเคน คอนเดลเป็นหมาป่ายิ้มยากมากแทบจะนับครั้งได้เลย แต่ตั้งแต่ซองมินมาอยู่ที่กรีซนี่เห็นคยูฮยอนยิ้มไปกี่ครั้งแล้วนะ…
ก้าวเท้าออกมาจากห้องนอนแล้วซองมินก็เห็นว่าตนเองกำลังอยู่ในห้องทำงานของชายหนุ่ม มีโต๊ะทำงานอยู่ขวามือของบานประตูที่ซองมินเพิ่งถูกอุ้มออกมา ด้านหนึ่งของห้องติดริมผนังเป็นชุดโซฟาขนาดใหญ่ที่ดูแล้วคงไว้ใช้รับรองแขก อีกมุมหนึ่งติดริมกระจกใสเป็นโต๊ะที่ดูแล้วก่อนหน้านี้มันคงเป็นโต๊ะประชุมขนาดแปดที่นั่ง แต่ตอนนี้กลายสภาพเป็นโต๊ะอาหารสำหรับดินเนอร์มื้อค่ำนี้ของโจวคยูฮยอนและลีซองมินไปแล้ว
โต๊ะตัวยาวถูกปูด้วยผ้าปูโต๊ะสีครีมมีผ้าลูกไม้สีขาวคลุมเฉียงอีกชั้น ด้านบนมีทั้งแจกันดอกไม้และเชิงเทียน ที่สำคัญคือกลิ่นอาหารที่มันหอมยั่วน้ำลายคนท้องร้องมากๆ
ครืดดดดด
ลีทึกเป็นคนเลื่อนเก้าอี้ให้เจ้านายตนเองวางร่างซองมินลงบนเก้าอี้อย่างนุ่มนวลก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินไปฝั่งตรงข้ามแล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดยทีลีทึกเป็นคนเลื่อนเก้าอี้ให้เช่นกัน
ซุปเห็ดร้อนๆตรงหน้ามันยั่วน้ำย่อยในกระเพาะเสียจนซองมินแทบจะทนไม่ไหว แต่จะให้เริ่มเปิดฉากตักอาหารเข้าปากก็คงจะดูไม่ดีนักในเมื่อเจ้าบ้านยังนั่งนิ่งอยู่แบบนี้
คยูฮยอนเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ทอดสายตามองคนที่นั่งกลืนน้ำลายเอื้อกๆอยู่ตรงหน้าแล้วก็ได้แต่ลอบขำในใจ ซองมินจะได้ทุกอย่างที่ใจต้องการเพียงแค่พูดมันออกมา คยูฮยอนคนนี้พร้อมจะบันดาลทุกอย่างให้ตามแต่ใจ เพียงแต่ว่าคนตัวเล็กติดจะปากแข็งและเอาแต่ใจไปสักหน่อย
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองคนที่นั่งมองตัวเองตาไม่กระพริบแล้วก็ได้แต่ขัดใจ อยากจะกินจะแย่...
นี่จะแกล้งกันไปถึงไหนนะ!
“แค่พูดว่าขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ผมก็จะมองเมินเรื่องมารยาทบนโต๊ะไปแล้วให้คุณทานได้ตามสบาย”คำพูดที่บ่งบอกว่ารู้เท่าทันในสิ่งที่ซองมินคิดทุกอย่าง ถึงร่างเล็กจะเอาแต่ใจขนาดไหนแต่ความมีมารยาทที่พี่ซีวอนปลูกฝังมาก็ทำให้ซองมินต้องมานั่งตาละห้อยต่อหน้าอาหารน่าทานอยู่แบบนี้
ถ้าไม่ติดว่าโจวคยูฮยอนอายุเท่าชเวซีวอน...ลีซองมินคนนี้คงไม่เกรงใจไปแล้ว!!!
“ขอบคุณค่ะ!”กระแทกเสียงด้วยความขัดใจอย่างถึงที่สุดแล้วจัดการหยิบช้อนมาตักซุปเข้าปากโดยไม่เงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจนซุปหมดถ้วยเลยแม้แต่นิดเดียว
คยูฮยอนยังไม่ได้หยิบช้อนขึ้นชิมอาหารแต่เพียงแค่เห็นว่าคนตัวเล็กกินอย่างเอร็จอร่อยและดูมีความสุขขนาดนี้เค้าก็อิ่มใจแทนแล้ว
“อีกถ้วยไหม?”ดันถ้วยซุปไปตรงหน้าให้คนตัวเล็กถลึงตามอง รู้ๆอยู่ว่าโดนแซวแต่ไม่มีเสียหรอกที่จะปฏิเสธ ซองมินงับช้อนอยู่ครู่หนึ่งอย่างตัดสินใจว่าควรจะรักษาหน้าหรือรักษากระเพาะก่อนดี สุดท้ายจึงเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาจัดการดึงถ้วยใบเล็กไปตรงหน้าตั้งหน้าตั้งการกินจนหมด
ซุปสองถ้วยตามด้วยเมนคอร์สจานใหญ่จบด้วยของหวานน่าตาน่าทานที่หลายๆคนบอกว่าขนมเค้กของที่กรีซขึ้นชื่อเรื่องความหวานมากๆ ขนาดคยูฮยอนที่อาศัยอยู่ที่นี่มาเกือบทั้งชีวิตยังทานได้แค่ชิ้นเดียวแต่นางแบบสวยหุ่นผอมเพรียวกลับสามารถกินไปได้ถึงสามชิ้น!
“ขอบคุณที่เลี้ยงนะคะ”พอท้องอิ่มแล้วอารมณ์ดีคำขอบคุณก็หลุดจากปากอย่างง่ายดาย ใบหน้าสวยแย้มรอยยิ้มจนตาหยีดูน่ารักเป็นที่สุด แต่คยูฮยอนกลับมองว่าไม่ว่าจะเวลาไหนคนตรงหน้าตนก็ดูดีตลอด ขนาดเมื่อครู่ตอนตื่นนอน ใบหน้างัวเงียของหญิงสาวก็ยังดูน่ารักเลย ซึ่งตอนนี้ซองมินคงไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าอ่อนใสกับหัวยุ่งๆตอนตื่นนอนของตนมันจะไปทำให้ใครตกหลุมเสน่ห์โดยไม่ตั้งใจ
“อิ่มแล้วงั้นก็ไปกันเถอะ”คยูฮยอนเช็ดปากเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากเมื่อครู่ยกน้ำขึ้นมาดื่มจนหมดแล้ว ร่างสูงลุกจากเก้าอี้เดินนำไปยืนรอตรงประตูห้องให้ซองมินมองตามอย่างงุนงงแต่ก็ยอมลุกเดินตามอีกฝ่ายไปเงียบๆ คยูฮยอนเดินไปกดลิฟท์ขึ้นที่ทำให้ซองมินต้องขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ
ชั้นบนสุดของตึกสูงระฟ้ากลางกรุงเอเธนส์และสายลมที่พัดกระหน่ำทำเอาคนตัวเล็กบนส้นสูงสี่นิ้วแทบจะทรงตัวไม่อยู่
“ว้าย!!!”เพียงแค่ก้าวเท้าออกมาจากประตูบานเล็กด้านหน้าของลิฟท์ สองมือน้อยก็ต้องตะครุบกระโปรงของตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว สายลมยามค่ำคืนมันกลายเป็นปัญหาที่ทำให้ซองมินก้าวขาไม่ออกอีกต่อไป
ร่างสูงที่ได้ยินเสียงร้องก็รีบหันขวับมาทันทีกลัวว่าคนตัวเล็กจะเป็นอะไรไป แต่พอเห็นเต็มสองตาแล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็แทบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ท่าทางของซองมินตอนนี้มันน่าขำเอามากๆ ผมเส้นเล็กที่ยาวสยายเต็มแผ่นหลังมันทำให้เรือนร่างดูบอบบางแต่ในตอนนี้มันกลับสร้างปัญหาให้ซองมินไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ ไหนจะกระโปรงที่มันคอยจะพองขึ้นๆเผยให้เห็นเรียวขาขาว
“หึๆ”เสียงหัวเราะในลำคอของคยูฮยอนที่เจ้าตัวพยายามกลั้นขำแล้วแต่ซองมินก็ยังได้ยินอยู่ ใบหน้าน่ารักบูดสนิทแต่จะให้ตรงเข้าไปจัดการทุบสักทีให้อีกฝ่ายหยุดหัวเราะก็ทำไม่ได้ แค่ก้าวขาสักก้าวยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“คุณหัวเราะอะไร! ยังไม่มาช่วยฉันอีก!”งวดนี้คยูฮยอนขี้เกียจจะต่อปากต่อคำด้วยอีก เห็นแล้วก็สงสาร ร่างสูงส่ายหัวน้อยๆก่อนจะเดินเข้าไปอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมา
“แล้วทำไมต้องอุ้มด้วย”ว่าเสียงอ่อนอ่อยเพราะตอนนี้ซองมินไม่ได้อยู่กับคยูฮยอนเพียงแค่สองคน ยังมีลูกน้องของชายหนุ่มอีกราวๆห้าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้คอยอำนวยความสะดวกให้คนทั้งคู่
ซองมินถูกร่างสูงอุ้มไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่ด้านข้างมีตราเคกรุ๊ปแปะอยู่ ดวงตากลมโตกวาดตามองรอบข้างกระทั่งลูกน้องของชายหนุ่มปิดประตูเครื่องจนเรียบร้อยซองมินถึงเพิ่งสังเกตุได้ว่าคนขับฮอล์นี่มันคือคนที่อุ้มตนขึ้นเครื่องมาเมื่อครู่
“นี่คุณขับเป็นเหรอ?”ร่างเล็กจัดการหยิบหูฟังมาสวมก่อนจะหันไปถามคนด้านข้างที่กำลังเตรียมจะนำเครื่องขึ้น
“ไม่เป็น...”คำตอบกวนประสาทที่ซองมินอยากจะหาอะไรสักอย่างฟาดไปที่หน้าหล่อๆให้มันยับไปเสียบ้าง ไหนจะดวงตาสีเขียวเข้มที่มันทำเอาซองมินใจสั่นน้อยๆนั่นอีก ใบหน้าสวยสะบัดออกไปด้านข้างทันทีที่ได้ยินคำตอบอันแสนจะขัดใจ
“นี่คุณ!!!”ร่างเล็กร้องลั่นเมื่ออีกคนขับผาดโผดบินโฉบไปโฉมมาจนซองมินหัวใจจะวาย ดันแผ่นหลังจนติดกับเบาะพนักพิง ท่าทางหวาดกลัวของซองมินแล้วยังแววตาสั่นๆที่ดูน่าสงสารทำให้คยูฮยอนเลิกแกล้ง
“ดูนู้นสิ”ร่างสูงพยักเพยิดใบหน้าไปด้านหนึ่งให้ซองมินมองตาม พื้นที่บนเนินเขาสูงและแสงไฟที่ส่งทำให้มองเห็นซากอารยธรรมโบราณที่ในอดีตมันคงเคยรุ่งเรืองมาก่อน
“Acropolis เป็นสถานที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเอเธนส์”ร่างสูงขับเครื่องบินเข้าไปใกล้เพื่อให้คนตัวเล็กได้เห็นชัดๆ ความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์เห็นได้อย่างเด่นชัด นี่ขนาดเวลาผ่านมานานยังเห็นความงามได้ชัดขนาดนี้คงไม่ต้องบอกว่าในอดีตมันจะอลังการมากขนาดไหน
“มีส่วนที่เป็นโรงละคร หอประชุมแล้วก็วิหาร”ซองมินสามารถมองเห็นทุกสิ่งที่คยูฮยอนพูดให้ฟังได้หมดเลยเนื่องจากขนาดมหึมาที่ถึงจะอยู่สูงขนาดนี้ก็ยังมองเห็น
“สวยจัง...”เสียงหวานพึมพำเบาๆกับวิวของเกาะซานโตรินี่ พื้นที่สีขาวบนเกาะตัดกับสีน้ำทะเลยามค่ำคืนบวกกับแสงไฟสีนวลตามันก็ทำให้ทุกอย่างดูมีมนต์เสน่ห์จนละสายตาไม่ได้และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ซองมินไม่สามารถละความสนใจไปได้เลยคือดวงตาของคนข้างๆที่สะท้อนกับแสงไฟเห็นเป็นสีเขียวระยับราวมรตกชั้นดี
ระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆกับวิวทิวทัศน์อันน่าตื่นตาตื่นใจไม่ได้ทำให้คนที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางข้ามโลกเบิกตาดูได้นานนัก พอคยูฮยอนนำเครื่องลงจอดยังเกาะพาราไดซ์คนตัวเล็กก็หลับคอพับไปอีกครั้ง
“อ้าว...”คังอินที่เป็นคนมาเปิดประตูเครื่องให้ถึงกับหลุดร้องออกมา ร่างสูงยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก ทั้งที่จริงคิดว่าเพียงแต่ว่าตนจะเดินมาเปิดประตูให้คุณหนูลงจากเครื่องแค่นั้น
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายมาเอาเอกสารนี่ไปด้วย”คยูฮยอนโหนตัวลงจากเครื่องด้วยท้วงท่าสุดเท่ มือหนาก็ชี้ไปยังกองเอกสารที่ตนนำกลับมาด้วยก่อนจะเดินอ้อมตัวเครื่องไปปลดล็อกเข็มขัดแล้วอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาแนบอก
“ไม่ต้องจัดห้องเพิ่มหรอก ให้นอนห้องฉันไปก่อน”ทิ้งคำพูดไว้ให้กับมือขวาคนสนิทราวกับเดาใจคังอินได้ ร่างใหญ่โค้งหัวรับคำสั่งแล้วหันไปจัดการอุ้มกองเอกสารออกมาปิดประตูเครื่องแล้วหมุนตัวก้าวลงจากชั้นดาดฟ้าของบ้านพักหลังใหญ่ที่นายของเค้าเป็นคนมาสร้างไว้แทนบ้านหลังเก่าที่ถูกไฟไหม้หายไปเมื่อหลายสิบปีก่อน
เสียงคลื่นสาดซัดเข้าหาฝั่งอย่างต่อเนื่องบวกกับเสียงลมทะเลรื่นหูและบรรยากาศเงียบสงบทำให้ช่วงที่ไม่มีการประชุมอะไรคยูฮยอนจะชอบมาหมกตัวอยู่ที่เกาะนี้แล้วก็ให้ลีทึกหรือคังอินเป็นคนเทียวไปเทียวมาเรื่องเอกสารแทน ส่วนตัวเองก็ทำงานอยู่ที่เกาะอย่างสบายใจ
อย่างหนึ่งที่สบายใจคือคยูฮยอนไม่ต้องระวังตัวมากเพราะการที่คนจะเข้ามาถึงเกาะนี้ได้ก็ไม่ง่ายนัก ด้วยเพราะปรากฏทางด้านทะเลเป็นสำคัญ น่านน้ำที่ใครไม่รู้แนวโขดหินดีพอก็อาจมีสิทธิเรือแตกอยู่กลางทะเลได้
“อื้มมม”เสียงครางเครือกับเสียงผ้าปูเสียดสีกันทำให้คนที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ต้องเหลือบตามอง เรียวขาขาวผ่องโผล่พ้นผืนผ้าห่มออกมาท้าสายตาอยู่เล่นเอาคยูฮยอนนั่งนิ่งไปพักใหญ่ ร่างสูงรับรู้ถึงเสียงหัวใจตนเองที่เต้นหนักหน่วงขึ้น
“เฮ้อออ ไม่ระวังตัวแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เสียสาวก่อนหรอก”คยูฮยอนถอนหายใจก่อนจะจับผ้าห่มขึ้นคลุมปิดไว้ให้
บอกได้เลยว่ามีซองมินเป็นคนแรกที่คยูฮยอนทำแบบนี้ให้ ผู้หญิงคนอื่นไม่มีทางได้มานอนบนเตียงที่มีคยูฮยอนเป็นเจ้าของแบบนี้หรอก ถ้าได้ขึ้นเตียงกับคนอย่างเคน คอนเดลก็ไม่มีทางจะได้นอนเฉยๆแบบนี้แน่ ที่สำคัญก็มีแค่เตียงของโรงแรมด้วยที่คยูฮยอนจะยอมให้เจ้าหล่อนพวกนั้นขึ้น
แต่นี่ซองมินกลับได้ทุกอย่างที่ไม่มีใครเคยได้ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเหยียบที่เอเธนส์...
คุณมีอะไรเหนือจากที่ผมคาดไว้เยอะเหลือเกิน...ถ้าผมรักคุณขึ้นมา คุณไม่มีทางได้กลับเกาหลีแน่!
ช่วงนี้คลีนไปปั่นเรื่องอื่นเพื่อรวมเล่มอยู่อาจจะอัพช้าไปบ้างนะคะ อีกอย่างคือหนีเที่ยวทั้งเดือนเลย 4 ตอนแล้วปมเรื่องยังไม่โผล่มาเลย ค่อยเป็นค่อยไปเหมือนเดิมเนอะ เอาฉากหวานๆของคยูมินไปก่อน เรื่องนี้จะว่าหวานมั้ยก็แบบว่ากวนกันไปกวนกันมาอ่านะ ฮ่าๆ เปลี่ยนแนวบ้างเดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน กรุงเอเธนส์ยามค่ำคืนคือรูปที่แปะอยู่ตรงหัวตอนนะคะ ตอนหน้าเจอกันบนเกาะค่า ^ ^
ความคิดเห็น