ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Paradise Island : เกาะร้อน...รักร้าย [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 3 เคน คอนเดล

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 58








                    สนามบินขาออกในวันนี้เกิดความวุ่นวายพอสมควรจนบอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำต้องเข้ามาเคลียร์พื้นที่  เนื่องจากคุณชายชเวและพี่สะใภ้คนงามมาส่งนางแบบสาวขึ้นเครื่องลัดฟ้าไปถ่ายแบบยังเกาะที่ได้ชื่อว่าสวรรค์แห่งกรีซ พ่วงด้วยนักร้องคนดังที่ขอตามมาส่งเพื่อนสาวด้วย ทำให้เวลาเย็นๆแบบนี้สนามบินกลับมีคนคับคั่งแออัดจนแทบแตก

     

     

                    “ไปถึงแล้วต้องโทรรายงานพี่ด้วย...”

     

     

                    “ห้ามดื้อห้ามซน ต้องเชื่อฟังเพื่อนพี่ชาย ค่ะ! น้องมินจำได้หมดแล้วค่ะ!”ซีวอนยังพูดไม่ทันจบเสียงใสๆก็ดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางเสียงชัตเตอร์ของผู้คนรอบข้างที่ไม่ค่อยได้เห็นดาราดังใกล้ๆแบบนี้ดังถี่รัวอย่างต่อเนื่องแต่ว่าคนทั้งหมดก็ไม่ได้สนใจจะว่าชินแล้วก็คงไม่ผิดนัก 

     

     

                    ทั้งสี่คนยืนอยู่กลางวงล้อมของบอดี้การ์ดชุดดำนับสิบคนที่ยืนล้อมวงดูแลผู้เป็นนายให้คนไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงตัวได้

     

     

                    “เดินทางดีๆนะเพื่อน  แล้วเอาเบอร์ติดต่อคุณเคนกลับมาด้วยนะ”ร่างบางว่าแล้วขยิบตาแถมให้จนฮยอนมินอดจะหมั่นไส้เพื่อนไม่ได้  มือเล็กๆฟาดลงบนต้นแขนเพื่อนแต่ไม่ได้ลงแรงอะไรนัก

     

     

                    “จะบ้าเหรอจูเนียล! นั่นเพื่อนพี่ชายนะ!”ฮยอนมินถลึงตาใส่แทบจะเข้าไปบีบคอเพื่อน  ตั้งแต่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างซีวอนกับเคน คอนเดลว่าเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ตอนไปเรียนที่อังกฤษด้วยกันแค่นั้นแหละ หญิงสาวก็กลายเป็นตัวตั้งตัวตีแทบจะประเคนเพื่อนให้ชายหนุ่มแห่งกรีซไปเสียอย่างนั้น

     

     

                    “เพื่อนพี่ชายแล้วไง!? เพื่อนพี่ชายสิยิ่งดี เธอเป็นน้องสาวของคนที่ทั้งเอเชียต้องเกรงใจนะ แล้วเค้าคนนั้นก็ต้องเกรงใจเธอด้วย ที่สำคัญเพราะเป็นน้องสาวของชเวซีวอนเธอถึงเข้าถึงตัวเค้ามากกว่าใคร”เหตุผลของจูเนียลทำให้ฮยอนมินต้องเลิกคิ้วก่อนความคิดอะไรบางอย่างแล่นแวบเข้ามาในสมอง  ร่างเล้กแย้มยิ้มหวานก่อนจะโผเข้ากอดเพื่อนรักที่จูเนียลเองก็ทำหน้าเหวอตกใจไม่น้อย ก็จู่ๆฮยอนมินเล่นโถมตัวเข้าใสขนาดนี้

     

     

                    “ขอบคุณนะ รักเธอที่สุดเลย”กับประโยคที่จูเนียลพูดทั้งหมดมันทำให้ซองมินมีแผนการอะไรดีๆที่จะรั้งตัวเองให้อยู่ในเกาะนั้นนานๆ

     

     

                    ที่นี้จะได้รู้สักทีว่าในอดีตมันเกิดอะไรขึ้น!

     

     

                    “ไฟนอลคอลล์แล้ว ไปได้แล้วล่ะ”เป็นฮีชอลที่จับแยกสองเพื่อนรักซึ่งกอดกันกลมให้แยกออกจากกัน  ขาเรียวในรองเท้าส้นสูงก้าวเดินอย่างมั่นใจเข้าไปในเกจโดยมีพี่ชายและพี่สะใภ้ตามมาส่ง  ส่วนจูเนียลต้องรีบกลับไปทำงานทำให้ไม่ได้ไปส่งเพื่อนจนถึงหน้าปากทางขึ้นเครื่อง

     

     

                    “ถ้ามีอันตรายอะไรเกิดขึ้นต้องกลับทันทีเลยเข้าใจนะ!”ซีวอนกำชับน้องสาวอีกรอบ  เค้าไม่ชอบจริงๆที่จะให้ซองมินกลับไปยังที่นั้น  ถึงเวลาจะผ่านมานานถึงยี่สิบแล้วแต่ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าทุกอย่างปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็น

     

     

                    “นี่ใครคะ!? ชเวฮยอนมินนะค่ะ!”บอกชื่อเสียงเรียงนามให้อีกคนฟังเต็มเสียงชัดถ้อยชัดคำราวกับตอกย้ำคนเป็นพี่ให้เข้าใจว่าเพราะอะไร

     

     

                    เพศสภาพกับชื่อที่เปลี่ยนไปมันก็พอจะเป็นเกราะป้องกันชั้นเยี่ยมที่จะทำให้ซองมินรอดพ้นหูตามาเฟียพวกนั้นไปได้แน่นอน

     

     

                    “แล้วฮยอนมินจะกลับมาค่ะ รักพี่ชายนะคะ”ร่างเล็กเขย่งขาจุ๊บที่แก้มสากของพี่ชายทิ้งรอยยิ้มไว้ให้ซีวอนเห็นเป็นอย่างสุดท้ายก่อนจะก้าวเดินขึ้นเครื่องไปหาทีมงานที่คงเข้าไปนั่งรอในเครื่องเรียบร้อยแล้วอย่างมั่นใจ

     

     

                    “เฮ้ออออ ผมคงคิดมากไปใช่ไหม”กว่าร่างสูงจะได้สติอีกครั้งก็ลับร่างน้องสาวคนสวยไปแล้ว  ซีวอนถอนหายใจแล้วเหลือบสายตามาทางคนรัก  ฮีชอลยกมือขึ้นตบบ่าซีวอนเบาๆ

     

     

                    “นายควรห่วงเคน คอนเดลคนนั้นมากกว่า ฮ่าๆ”เสียงหัวเราะสดใสของคนรักดึงซีวอนให้หลุดออกมาจากความกังวลทั้งหลายทั้งปวงนั่นพลางเหล่ตาไปที่บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำที่เดินตามน้องสาวคนสวยของตนเข้าไปยังภายในเครื่องแทบจะติดๆกัน

     

     

                    นั่นสินะ...มีคนอย่างเคน คอนเดลเป็นคอยดูแลทั้งที่ใครจะทำอะไรชเวฮยอนมินควรต้องกลับไปคิดใหม่!!!

     

     

     

                    จากสนามบินอินชอนของเกาหลีมาถึงสนามบินนานาชาติกรุงเอเธนส์ประเทศกรีซนั้นฮยอนมินต้องงนั่งอยู่บนเครื่องเกินครึ่งวันจนปวดก้นไปหมด  เนื่องด้วยระยะทางทีต้องบินกันข้ามครึ่งซีกโลกเลยทีเดียวไหนจะต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ลอนดอนอีก  กว่าจะถึงร่างเล็กทั้งปวดทั้งเมื่อยถึงจะได้นั่งเฟริสคลาสก็ตามที

     

     

     ร่างเล็กเดินตามทีมงานออกมาจากงวงช้างแล้วก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับวิวทิวทัศน์อันแปลกตาภายในสนามบินขาเข้า  ไม่ได้ตกใจนานขาเรียวบนรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วก็ต้องก้าวเดินต่อเพื่อไปรับกระเป๋า  ในทริปนี้ซองมินจะมีบอดี้การ์ดที่ตามมาจากเกาหลีหนึ่งคนด้วยคำสั่งของพี่ชายที่ซองมินไม่สามารถขัดได้ ซึ่งตอนนี้ร่างสูงก็ตรงไปรับกระเป๋าแทนคนที่ยืนแหงนคอตั้งบ่ามองรอบข้างเก็บทุกรายละเอียด ดวงตาคู่สวยอดจะมองอย่างระแวดระวังไม่ได้  ถึงการกลับมาสู่จุดเริ่มต้นของเรื่องราววุ่นวายมันจะอันตรายมากแค่ไหนแต่ซองมินก็พร้อมจะเสี่ยง

     

     

    “ของคุณหนูครับ”กระเป๋าเป้ใบใหญ่สีชมพูใบหนึ่งถูกยื่นมาให้ซองมินมองอย่างงงๆ

     

     

    “นายก็ถือสิ”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน  ในเมื่อเป็นคนที่พี่ซีวอนส่งมาตามประกบเพื่อคอยดูแลดังนั้นซองมินก็จะใช้ให้ทำทุกอย่างเลย!

     

     

    “แต่นี่มันของคุณหนู อีกอย่างยังมีกระเป๋าอีกตั้งสองใบที่ผมต้องแบกนะครับ”ร่างเล็กงับริมฝีปากเข้าหากันขณะที่มือก็รับเป้มาอย่างไม่เต็มใจ  ซองมินไม่กล้าเรื่องมากกับคนตรงหน้ามากนักเพราะกลัวถ้าเอาแต่ใจมากๆจะถูกรายงานว่าทำตัวไม่ดีแล้วก็ถูกส่งกลับเกาหลีทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย

     

     

    ดวงตาคู่สวยมองค้อนคนตรงหน้าที่ยังสวมแว่นตาดำอำพรางดวงตาไว้ทำให้ซองมินไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่  ขนาดอยู่บนเครื่องตั้งสิบกว่าชั่วโมงก็ยังไม่ยอมถอดไอ้แว่นบ้าๆนั่นออกเลยด้วยซ้ำ

     

     

    คิดไปถึงตอนอยู่ข้างบนเครื่องก็ยิ่งขัดใจ...บอดี้การ์ดภาษาอะไรขัดใจคนเป็นคุณหนูอย่างซองมินที่สุด!!!

     

     

    ซองมินก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูเอาแต่ใจอะไรมากมาย  ออกจะเป็นคนง่ายๆสบายๆอะไรก็ได้ด้วยซ้ำ แต่เพราะอีกคนบอกแกมสั่งกลายๆมันก็เลยทำให้ซองมินที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่งโดยไม่มีเหตุผลดื้อแพ่งขึ้นมา  เลยพาลไม่ฟังที่อีกคนพูดไปโดยปริยาย

     

     

    ถ้านายนั่นสั่งให้ไปทางขวา...มินจะก้าวเท้าซ้ายแล้วพร้อมจะเดินไปทางซ้ายทันที!

     

     

    ร่างสูงแอบมองคนที่ยืนทำหน้าง้ำตรงหน้าแล้วก็ลอบยิ้มในใจ  ถึงใบหน้าจะไม่ยิ้มแต่ใครจะรู้ว่าภายใต้แว่นตาสีดำที่ปิดบังใบหน้าหล่อเหลานนั้นฉายแววเอ็นดูหญิงสาวมากแค่ไหน

     

     

    "ครบทุกคนนะครับ  ตามผมมาครับ คุณเคนเตรียมรถมารอรับตรงด้านนอกแล้ว"เสียงทุ่มว่าดังๆให้ทีมงานทุกคนเดินตามตนมา  ซองมินกรอกตาขึ้นฟ้าเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ  แค่คิดว่าจะต้องได้เจอหน้าใครบางคนที่ถูกส่งมาดูแลตนเองแล้วก็อยากจะเบ้ปาก

     

     

    วีรกรรมของใครคนนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม...

     

     

    ไหนจะคอยแกล้งเวลาที่ซองมินโทรมาหาพี่ชายบ้าง  กีดกันไม่ให้ซองมินบินมาหาพี่ชายบ้าง ร้ายที่สุดก็คือหลอกซองมินว่าพี่ชายจะกลับบ้านมาหาซองมินแน่ๆ สุดท้ายก็ดันชวนพี่ซีวอนไปเที่ยวจนหมดปิดเทอมจนพี่ซีวอนไม่ได้กลับบ้าน

     

     

    "จะได้เจอตัวจริงแล้วสินะ หึๆ คอยดูเถอะจะป่วนให้หัวหมุนเลย!"อีกเหตุผลหนึ่งที่ซองมินอยากมาทำงานที่นี่ก็เพราะจะได้ล้างแค้นใครบางคนที่ทำกับซองมินไว้เจ็บแสบเมื่อสิบปีที่แล้ว

     

     

    แค้นนี้สิบปีค่อยชำระก็ยังไม่สาย!!!

     

     

    “อะไร!?”แขนเรียวถูกอีกฝ่ายคว้าไว้ก่อนที่ซองมินจะได้ก้าวขาขึ้นไปยังรถตู้ที่จอดรออยู่  ทีมงานทุกคนขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วแต่ซองมินกลับถูกบอดี้การ์ดของพี่ซีวอนรั้งตัวไว้

     

     

    “คุณต้องไปคันนู้นกับผมครับ  คุณเคนรออยู่”ใบหน้าสวยๆหงิกลงอีกรอบทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น  ซองมินเกลียดคนเอาแต่ใจแบบไม่มีเหตุผลที่สุด 

     

     

    “ฉันเดินไปเองได้!”สะบัดมือออกจากการเกาะกุมจากคนตรงหน้าได้แล้วก็ด้าวขาฉับๆไปเปิดประตูรถเบนซ์คันหรูขึ้นไปนั่งเองทิ้งให้อีกคนแอบยิ้มมุมปากเริ่มถูกใจกับความน่ารักน่าปราบให้อยู่หมัดของสาวแสบจริงๆ

     

     

    “หึๆ ชอบคุณจริงๆนะซองมิน”พึมพำเสียงเบากับตนเองก่อนจะก้าวเท้าตรงไปขึ้นรถตรงฝั่งด้านหลังคนขับตามร่างเล็กที่ป่านนี้คงนั่งกอดอกหงุดหงิดไปแล้วที่เค้าทำอะไรชักช้า

     

     

     

    “นี่นาย! คุณเคนอะไรเนี่ยนิสัยเป็นยังไง”รถแล่นออกมาจากสนามบินได้พักหนึ่งซองมินก็เอ่ยขัดความเงียบในรถขึ้นมา  บอดี้การ์ดร่างใหญ่สัญชาติยุโรปเหลือบมองซองมินจากกระจกมองหลังแตหญิงสาวก็หาได้สนใจยังคงส่งสายตาคาดคั้นคนที่นั่งมองออกไปนอกรถสบายๆผิดกับวิสัยบอดี้การ์ดปกติที่ต้องคอยระวังภัยตลอดเวลา

     

     

    “ก็...ฉลาด สมาท เก่งกาจเรื่องธุรกิจ มีหญิงสาวติดพันมากมาย”ถ้อยคำที่ออกมาจากปากผู้ชายตรงหน้ายิ่งทำให้ซองมินเบะปาก

     

     

    “แหวะ! ผู้ชายพรรณนั้นอ่านะ ให้ตายก็มีฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่หลงไปติดกับแน่ๆ”ซองมินว่าปาวๆอย่างไม่สนใจ  มือก็กอดอกยกขาขึ้นไขว้จนกระโปรงร่นขึ้นเผยให้เห็นเรียวขาขาววับๆแวบๆ ท่าทางไม่แคร์ใครของซองมินมันทำให้คนฟังต้องหรี่ตามอง

     

     

    “ผู้ชายพรรณนั้นที่คุณว่า...หมายถึงอะไร”คนถามก็คงถามอย่างใจเย็น  ในตอนที่ตนเองยังเป็นต่ออยู่แบบนี้เค้าก็อยากจะเก็บข้อมูลจากคนตรงหน้าให้หมดเสียก่อน  อีกฝ่ายที่ยังไม่รู้ตัวอะไรก็ยกยิ้มน้อยๆแล้วตอบคำ

     

     

    “ก็ผู้ชายที่หลงตัวเองไง!”ซองมินโคลงหัวตอบเย้ยๆ มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกแต่คำตอบที่ทำเอาคนฟังสะดุ้งไม่น้อย

     

     

    “ทำไมคุณคิดแบบนั้น”คิ้วคมเริ่มขมวดเข้าหากันนิดๆ แต่ว่าอีกคนก็คงไม่ได้เห็นในเมื่อแว่นตาสีดำยังบดบังมันไว้  ใบหน้าคมหันมาทางหญิงสาวที่นั่งคู่กันอยู่ตรงเบาะด้านหลังของตัวรถ

     

     

    “ผู้ชายที่มั่นหน้ามั่นใจ...ขนาดที่เมินผู้หญิงทั้งโลกขนาดนั้นจะไม่หลงตัวเองเหรอ?”ซองมินหันหน้ามาทางอีกคนถอนหายใจนิดๆ ส่ายหน้าน้อยๆแล้วเอ่ยประโยคที่คนฟังขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

     

     

    “แล้วคุณมั่นใจได้ยังไงว่าคุณเคนเค้า...เอ่อ...มั่นหน้า”ร่างสูงหาทางลงประโยคคำถามไม่ถูกเลยทีเดียว  ท่าทางราวกับคนไม่รู้อะไรเลยของคนตรงหน้าให้ซองมินจิปากขัดใจ มือน้อยๆนั่นยกขึ้นมาแล้วส่ายนิ้วชี้ไปมา

     

     

    “นายไม่เคยอ่านนิตยสารเลยหรือไง...เค้าขึ้นชื่อเรื่องเป็นเสือผู้หญิงจะตาย  สาวๆหลายคนที่โดนฟันแล้วทิ้งเยอะแยะจะตาย  ไหนจะอีกหลายๆคนที่สิ้นคิดอยากจะตกเป็นของผู้ชายพรรณนั้น”วนกลับมาที่สรรพนามเดิมจนร่างสูงตงิดๆในหัวใจ

     

     

    ข่าวที่ปล่อยออกมาคนอย่างคยูฮยอนไม่เคยสนใจใครอยากจะพูดอะไรก็พูดไป  ตัวเค้าจริงๆเป็นยังไงคนในวงการธุรกิจต่างรู้ดี  ฉะนั้นเค้าก็ไม่จำเป็นต้องไปตามแก้ข่าวอะไรใดๆทั้งสิ้นในเมื่อตนเองยังเป็นผู้นำแห่งวงการธุรกิจอยู่และทุกคนยังต้องให้ความเกรงใจ

     

     

    “เหรอ...แต่ผมว่าเพราะว่าคุณเคนเค้าเร้าใจและลีลาร้อนแรง เด็ดจนผู้หญิงหลายคนต้องร้องครางอยู่ใต้ร่างมากกว่า”บทสนทนาที่พาลงใต้สะดือแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเล่นเอาซองมินรู้สึกถึงผิวแก้มที่ร้อนวาบขึ้นมา

     

     

    “จะ...จะบ้าเหรอ! ใครจะไปอยากรู้ว่าอีตาบ้านั่นลีลาเป็นยังไง!”เสียงหวานเริ่มสั่นนิดๆขณะโต้ตอบกลับ  ดวงตาคู่สวยเบิกโตจนรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนเรียวปากหยัก

     

     

    “แต่ผมอยากให้ลองกับคุณนะ  รับรองได้ว่าคุณจะลืมไม่ลงเลยเชียวล่ะ”มือหนาปลดแว่นกันแดดสีดำสนิทออกไปแล้ว  เผยให้เห็นดวงตาคู่คมสีเขียวทรงเสน่ห์ที่สะกดให้ซองมินนั่งนิ่ง กลีบปากอิ่มอ้าค้างนิดๆอย่างตกใจ

     

     

    นี่มินด่าอีตาบ้านั่นให้อีตาบ้าฟังเนี่ยนะ!!!

     

     

    จุ๊บ!

     

     

    “มัดจำไว้ก่อน คุณหนีผมไปไหนไม่ได้หรอก”รอยยิ้มกรุ่มกริ่มบนใบหน้าหล่อเหลาหลังจากขโมยจูบแรกของซองมินไปอย่างหน้าด้านๆ  ร่างเล็กตกใจตาโตยิ่งกว่าเดิม สติที่ปลิวหายเพราะความตกใจเมื่อครู่กลับมาอย่างรวดเร็ว  มือบางยกขึ้นมาปิดบนริมฝีปากอิ่มแล้วถอยกรูดจนติดริมประตูอีกฝั่ง  ท่าทางตกใจกลัวราวกระต่ายตัวน้อยนั้นมันก็น่าเอ็นดูสำหรับคยูฮยอนเป็นที่สุด

     

     

    ชักติดใจคุณเสียแล้วสิ...

     

     

    “นี่นาย!”ซองมินพูดอะไรไม่ออกเลยนาทีนี้  เจ็บใจตัวเองที่เผลอพูดนินทาอีกฝ่ายไปเสียมากมาย  ยิ่งเห็นดวงตาสีเขียวเข้มนั่นมองมาราวกับขบขันร่างเล็กก็ยิ่งตัวสั่น...แต่สั่นเพราะความโกรธไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลย

     

     

    “ถึงแล้วครับคุณเคน”ยังไม่ทันที่สงครามในรถรอบสองจะปะทุ เสียงคนขับอย่างคังอินก็ขัดขึ้นมาได้จังหวะพอดิบพอดี  มือใหญ่หักพวงมาลัยจอดเทียบข้างฟุตบาทได้ระยะอย่างสวยงาม

     

     

    ปัง!

     

     

    ยังไม่ทันที่คังอินจะลงไปเปิดประตูให้ด้วยซ้ำ  ซองมินกลับพุ่งตัวลงจากรถแล้วก้าวเร็วๆไปตามทางโดยไม่ได้ดูเลยว่าตนกำลังเดินไปทางไหน

     

     

    “เจ็บนะ!”เสียงหวานแว๊ดลั่นเมื่อโดนกระชากกลับมาแรงๆ  มือหนาออกแรงบีบราวคีมเหล็กจับอยู่บนท่อนแขนของซองมิน  นี่ก็ไม่รู้แล้วว่าวันนี้ซองมินโดนบีบแขนไปกี่รอบแล้ว

     

     

    “ไม่อยาก เจ็บ ก็ตามผมมา”คำพูดส่อความนัยบางอย่างกับดวงตาคู่คมที่มองกวาดช่วงตัวบอบบางของซองมินก็ทำให้หญิงสาวเสียวสันหลังวาบขึ้นมา  ความรู้สึกร้อนวูบวาบเพียงแค่สายตาคมลากผ่านมันทำให้ร่างเล็กหนาวๆร้อนๆอย่างบอกไม่ถูก  ซองมินยอมก้าวตามคนที่ลากตนเองเข้าไปยังภัตตาคารหรูตรงหน้า  กลีบปากอิ่มเม้มแน่นด้วยความขัดใจ หงุดหงิดเป็นที่สุด

     

     

    “ไม่มีงานมีการทำรึไง”เมื่อทำอะไรคนตรงหน้าไม่ได้มากขอแค่แขวะกลับก็ยังดีซองมินจึงไม่ลังเลที่จะทำ 

     

     

    หลังจากโดนลากมานั่งยังโต๊ะสี่เหลี่ยมริมกระจกบนตึกสูงมองเห็นเมืองเอธนส์ได้ทั้งเมืองแบบนี้แต่ซองมินก็ไม่อยากจะสนใจมากนัก  เดี๋ยวคนพามาจะได้ใจ!

     

     

    “คุณไม่เห็นเหรอว่านี่มันเที่ยงแล้ว”ข้อมือหนายื่นมาตรงหน้าให้ซองมินต้องชะโงกหน้าเข้าไปดู 

     

     

    เข็มสั้นชี้เลขสิบสองกับเข็มยาวชี้เลขสามนั้นก็ทำให้ซองมินต้องยิ้มแหยแล้วถอยตัวลงไปนั่งพิงพนักเก้าอี้ตามเดิม  แถมท้ายด้วยการยกเอาเมนูที่บริกรนำมาวางไว้ให้ยกขึ้นปิดบังใบหน้า  ซ่อนใบหน้าร้อนผ่าวๆไว้หลังเมนูเล่มใหญ่อย่างเนียนๆ

     

     

    “คุณอยากทานอะไร”เสียงลอยมาตามลมแต่คนที่ซ่อนใบหน้าตัวเองอยู่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป  ถามมากๆเข้าแต่ไม่ได้คำตอบคนถามเลยต้องคว้าเอาเมนูออกไปจากใบหน้าหวานเสียซึ่งซองมินก็ไม่ได้รั้งไว้ปล่อยให้ร่างสูงหยิบไปอย่างง่ายดาย

     

     

    “คุณเป็นคนพามาคุณก็สั่งสิ”ว่าแล้วก็ยักไหล่ง่ายๆ ผินใบหน้ามองออกไปนอกกระจกทิ้งให้คยูฮยอนกัดกรามแน่น

     

     

    แสบนัก!

     

     

    แน่ละ...ซองมินปล่อยให้คยูฮยอนสั่งอาหารก่อนแล้วร้องเรียกตนอยู่นานจนบริกรยืนมองกระพริบตาปริบๆอยู่หลายนาทีแล้ว

     

     

    ยังดีที่มื้ออาหารจบลงด้วยดีไม่มีการขว้างระเบิดใส่กันอีกเป็นรอบที่สาม...

     

     

    “ถึงแล้วครับคุณเคน  แล้วนี่จะพาคุณฮยอนมินขึ้นตึกไปยังไงครับ”คังอินเหลือบมองคนปากเก่งที่ตอนนี้หลับคอพับคออ่อนอยู่บนเบาะรถด้านหลังหน้าผากมนอิงอยู่กับกระจกรถ  แนบสนิทเสียจนคังอินต้องขับให้นิ่มที่สุดไม่ให้ใบหน้าสวยๆนั่นต้องกระแทกเข้ากับกระจกจนได้แผล...ไม่อย่างนั้นบอสคงฆ่าเค้าตาย

     

     

    “เดี๋ยวฉันจัดการเอง  นายมีอะไรก็ไปทำเถอะ”ว่าจบก็เปิดประตูรถลงไป  ก่อนจะเดินอ้อมตัวรถมาเปิดประตูอีกฝั่ง

     

     

    มือหนาช้อนเข้าใต้ศรีษะรับไว้ได้ทันก่อนที่หญิงสาวจะเอาหัวโหม่งพื้น  คยูฮยอนช้อนมืออีกข้างเข้าใต้ข้อพับขาแล้วออกแรงอุ้มซองมินขึ้นมา  ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจับอุ้มขนาดนี้แล้วยังไม่ตื่นเค้าคงรั้งใบหน้าสวยให้มาซบกับไหล่ตนแทนที่จะเป็นกระจกรถแล้วล่ะ

     

     

    “ทำไมตัวเบา...กินเยอะขนาดนั้นแท้ๆ”พึมพำกับตัวเองยิ้ม  นึกถึงตอนเที่ยงที่ทานอาหารกันมาหมาดๆ  ร่างเล็กร้องจะต่อของหวานหลายต่อหลายอย่างจนคยูฮยอนแปลกใจ  กินไปตั้งเยอะแต่ไปเก็บไว้ตรงไหนของร่างกายกัน

     

     

    ภาพท่านประธานบริษัทอุ้มหญิงสาวตัวเล็กผมสีน้ำตาลอ่อนผ่านหน้าไปทางลิฟท์ผู้บริหารก็ทำเอาเกิดเสียงฮือฮาขึ้นในบริษัทไม่น้อย  เพราะไม่ว่าใครก็ไม่เคยเห็นมุมนี้ของเคน คอนเดล  ทุกทีมีแต่หญิงสาวที่เดินเข้ามา  ไม่มีสักคนที่จะถูกอุ้มอย่างถนุถนอมแบบนี้

     

     

    “อื้มมมม”แผ่นหลังบางแตะลงกับฟูกนุ่มได้ที่ก็พลิกเข้าหาหมอนเองโดยที่คยูฮยอนไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากดึงผ้าห่มขึ้นมาให้จนถึงแผ่นอกอิ่ม

     

     

    ร่างสูงหมุนตัวเดินออกไปยังห้องทำงานด้านหน้าห้องนอนส่วนตัวที่สร้างไว้เผื่องานเยอะจนไม่สามารถกลับบ้านได้จนต้องค้างที่บริษัท

     

     

    “ไม่มีงานทำหรือ...”เป็นคำพูดไล่กลายๆที่ลีทึกลอบยิ้มมุมปากแล้วถอยออกจากห้องทำงานกว้างไปเงียบๆไม่คิดจะอยู่รบกวนเวลาส่วนตัวกึ่งเวลาทำงานของผู้เป็นนายอีก

     

     

    คยูฮยอนหยิบเอกสารและคอมพิวเตอร์เครื่องบางเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง  ดึงโต๊ะที่มีล้อเลื่อนเข้ามาข้างเตียงแล้วเอนหลังกับหมอนนั่งทำงานไปโดยที่ข้างกายก็มีคนตัวเล็กนอนหลับลมหายใจสม่ำเสมออยู่

     

     

    ถ้าทำงานไปแล้วมีอะไรให้มองเพลินๆแบบนี้ทุกวันคงดี...

     

     

    หุๆ จูบแรกโผล่มาอย่างรวดเร็ว คุณเคนเริ่มรวนบ้างแล้วเจอความน่ารักของมินทำพิษ ต่อปากต่อคำอยู่ดีๆไปขโมยจุ๊บเค้าเฉยเลย  เรื่องนี้ก็คงอารมณ์ประมาณนี้ เถียงกันไปกัดกันมาจบด้วยหวานๆฟินๆ ซองมินแสบมาก ก็ไม่รู้ว่าคยูฮยอนจะปราบอยู่มั้ย อิอิ ดีกรีความแสบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแน่นอน จะพยายามมาอัพให้บ่อยขึ้นนะคะ ^  ^

     

     ทวิตติดแท็ค #ฟิคเกาะรัก  นะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×