คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 3 เคน คอนเดล
สนามบินขาออกในวันนี้เกิดความวุ่นวายพอสมควรจนบอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำต้องเข้ามาเคลียร์พื้นที่ เนื่องจากคุณชายชเวและพี่สะใภ้คนงามมาส่งนางแบบสาวขึ้นเครื่องลัดฟ้าไปถ่ายแบบยังเกาะที่ได้ชื่อว่าสวรรค์แห่งกรีซ พ่วงด้วยนักร้องคนดังที่ขอตามมาส่งเพื่อนสาวด้วย ทำให้เวลาเย็นๆแบบนี้สนามบินกลับมีคนคับคั่งแออัดจนแทบแตก
“ไปถึงแล้วต้องโทรรายงานพี่ด้วย...”
“ห้ามดื้อห้ามซน ต้องเชื่อฟังเพื่อนพี่ชาย ค่ะ! น้องมินจำได้หมดแล้วค่ะ!”ซีวอนยังพูดไม่ทันจบเสียงใสๆก็ดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางเสียงชัตเตอร์ของผู้คนรอบข้างที่ไม่ค่อยได้เห็นดาราดังใกล้ๆแบบนี้ดังถี่รัวอย่างต่อเนื่องแต่ว่าคนทั้งหมดก็ไม่ได้สนใจจะว่าชินแล้วก็คงไม่ผิดนัก
ทั้งสี่คนยืนอยู่กลางวงล้อมของบอดี้การ์ดชุดดำนับสิบคนที่ยืนล้อมวงดูแลผู้เป็นนายให้คนไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงตัวได้
“เดินทางดีๆนะเพื่อน แล้วเอาเบอร์ติดต่อคุณเคนกลับมาด้วยนะ”ร่างบางว่าแล้วขยิบตาแถมให้จนฮยอนมินอดจะหมั่นไส้เพื่อนไม่ได้ มือเล็กๆฟาดลงบนต้นแขนเพื่อนแต่ไม่ได้ลงแรงอะไรนัก
“จะบ้าเหรอจูเนียล! นั่นเพื่อนพี่ชายนะ!”ฮยอนมินถลึงตาใส่แทบจะเข้าไปบีบคอเพื่อน ตั้งแต่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างซีวอนกับเคน คอนเดลว่าเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ตอนไปเรียนที่อังกฤษด้วยกันแค่นั้นแหละ หญิงสาวก็กลายเป็นตัวตั้งตัวตีแทบจะประเคนเพื่อนให้ชายหนุ่มแห่งกรีซไปเสียอย่างนั้น
“เพื่อนพี่ชายแล้วไง!? เพื่อนพี่ชายสิยิ่งดี เธอเป็นน้องสาวของคนที่ทั้งเอเชียต้องเกรงใจนะ แล้วเค้าคนนั้นก็ต้องเกรงใจเธอด้วย ที่สำคัญเพราะเป็นน้องสาวของชเวซีวอนเธอถึงเข้าถึงตัวเค้ามากกว่าใคร”เหตุผลของจูเนียลทำให้ฮยอนมินต้องเลิกคิ้วก่อนความคิดอะไรบางอย่างแล่นแวบเข้ามาในสมอง ร่างเล้กแย้มยิ้มหวานก่อนจะโผเข้ากอดเพื่อนรักที่จูเนียลเองก็ทำหน้าเหวอตกใจไม่น้อย ก็จู่ๆฮยอนมินเล่นโถมตัวเข้าใสขนาดนี้
“ขอบคุณนะ รักเธอที่สุดเลย”กับประโยคที่จูเนียลพูดทั้งหมดมันทำให้ซองมินมีแผนการอะไรดีๆที่จะรั้งตัวเองให้อยู่ในเกาะนั้นนานๆ
ที่นี้จะได้รู้สักทีว่าในอดีตมันเกิดอะไรขึ้น!
“ไฟนอลคอลล์แล้ว ไปได้แล้วล่ะ”เป็นฮีชอลที่จับแยกสองเพื่อนรักซึ่งกอดกันกลมให้แยกออกจากกัน ขาเรียวในรองเท้าส้นสูงก้าวเดินอย่างมั่นใจเข้าไปในเกจโดยมีพี่ชายและพี่สะใภ้ตามมาส่ง ส่วนจูเนียลต้องรีบกลับไปทำงานทำให้ไม่ได้ไปส่งเพื่อนจนถึงหน้าปากทางขึ้นเครื่อง
“ถ้ามีอันตรายอะไรเกิดขึ้นต้องกลับทันทีเลยเข้าใจนะ!”ซีวอนกำชับน้องสาวอีกรอบ เค้าไม่ชอบจริงๆที่จะให้ซองมินกลับไปยังที่นั้น ถึงเวลาจะผ่านมานานถึงยี่สิบแล้วแต่ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าทุกอย่างปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็น
“นี่ใครคะ!? ชเวฮยอนมินนะค่ะ!”บอกชื่อเสียงเรียงนามให้อีกคนฟังเต็มเสียงชัดถ้อยชัดคำราวกับตอกย้ำคนเป็นพี่ให้เข้าใจว่าเพราะอะไร
เพศสภาพกับชื่อที่เปลี่ยนไปมันก็พอจะเป็นเกราะป้องกันชั้นเยี่ยมที่จะทำให้ซองมินรอดพ้นหูตามาเฟียพวกนั้นไปได้แน่นอน
“แล้วฮยอนมินจะกลับมาค่ะ รักพี่ชายนะคะ”ร่างเล็กเขย่งขาจุ๊บที่แก้มสากของพี่ชายทิ้งรอยยิ้มไว้ให้ซีวอนเห็นเป็นอย่างสุดท้ายก่อนจะก้าวเดินขึ้นเครื่องไปหาทีมงานที่คงเข้าไปนั่งรอในเครื่องเรียบร้อยแล้วอย่างมั่นใจ
“เฮ้ออออ ผมคงคิดมากไปใช่ไหม”กว่าร่างสูงจะได้สติอีกครั้งก็ลับร่างน้องสาวคนสวยไปแล้ว ซีวอนถอนหายใจแล้วเหลือบสายตามาทางคนรัก ฮีชอลยกมือขึ้นตบบ่าซีวอนเบาๆ
“นายควรห่วงเคน คอนเดลคนนั้นมากกว่า ฮ่าๆ”เสียงหัวเราะสดใสของคนรักดึงซีวอนให้หลุดออกมาจากความกังวลทั้งหลายทั้งปวงนั่นพลางเหล่ตาไปที่บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำที่เดินตามน้องสาวคนสวยของตนเข้าไปยังภายในเครื่องแทบจะติดๆกัน
นั่นสินะ...มีคนอย่างเคน คอนเดลเป็นคอยดูแลทั้งที่ใครจะทำอะไรชเวฮยอนมินควรต้องกลับไปคิดใหม่!!!
จากสนามบินอินชอนของเกาหลีมาถึงสนามบินนานาชาติกรุงเอเธนส์ประเทศกรีซนั้นฮยอนมินต้องงนั่งอยู่บนเครื่องเกินครึ่งวันจนปวดก้นไปหมด เนื่องด้วยระยะทางทีต้องบินกันข้ามครึ่งซีกโลกเลยทีเดียวไหนจะต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ลอนดอนอีก กว่าจะถึงร่างเล็กทั้งปวดทั้งเมื่อยถึงจะได้นั่งเฟริสคลาสก็ตามที
ร่างเล็กเดินตามทีมงานออกมาจากงวงช้างแล้วก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับวิวทิวทัศน์อันแปลกตาภายในสนามบินขาเข้า ไม่ได้ตกใจนานขาเรียวบนรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วก็ต้องก้าวเดินต่อเพื่อไปรับกระเป๋า ในทริปนี้ซองมินจะมีบอดี้การ์ดที่ตามมาจากเกาหลีหนึ่งคนด้วยคำสั่งของพี่ชายที่ซองมินไม่สามารถขัดได้ ซึ่งตอนนี้ร่างสูงก็ตรงไปรับกระเป๋าแทนคนที่ยืนแหงนคอตั้งบ่ามองรอบข้างเก็บทุกรายละเอียด ดวงตาคู่สวยอดจะมองอย่างระแวดระวังไม่ได้ ถึงการกลับมาสู่จุดเริ่มต้นของเรื่องราววุ่นวายมันจะอันตรายมากแค่ไหนแต่ซองมินก็พร้อมจะเสี่ยง
“ของคุณหนูครับ”กระเป๋าเป้ใบใหญ่สีชมพูใบหนึ่งถูกยื่นมาให้ซองมินมองอย่างงงๆ
“นายก็ถือสิ”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ในเมื่อเป็นคนที่พี่ซีวอนส่งมาตามประกบเพื่อคอยดูแลดังนั้นซองมินก็จะใช้ให้ทำทุกอย่างเลย!
“แต่นี่มันของคุณหนู อีกอย่างยังมีกระเป๋าอีกตั้งสองใบที่ผมต้องแบกนะครับ”ร่างเล็กงับริมฝีปากเข้าหากันขณะที่มือก็รับเป้มาอย่างไม่เต็มใจ ซองมินไม่กล้าเรื่องมากกับคนตรงหน้ามากนักเพราะกลัวถ้าเอาแต่ใจมากๆจะถูกรายงานว่าทำตัวไม่ดีแล้วก็ถูกส่งกลับเกาหลีทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย
ดวงตาคู่สวยมองค้อนคนตรงหน้าที่ยังสวมแว่นตาดำอำพรางดวงตาไว้ทำให้ซองมินไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ขนาดอยู่บนเครื่องตั้งสิบกว่าชั่วโมงก็ยังไม่ยอมถอดไอ้แว่นบ้าๆนั่นออกเลยด้วยซ้ำ
คิดไปถึงตอนอยู่ข้างบนเครื่องก็ยิ่งขัดใจ...บอดี้การ์ดภาษาอะไรขัดใจคนเป็นคุณหนูอย่างซองมินที่สุด!!!
ซองมินก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูเอาแต่ใจอะไรมากมาย ออกจะเป็นคนง่ายๆสบายๆอะไรก็ได้ด้วยซ้ำ แต่เพราะอีกคนบอกแกมสั่งกลายๆมันก็เลยทำให้ซองมินที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่งโดยไม่มีเหตุผลดื้อแพ่งขึ้นมา เลยพาลไม่ฟังที่อีกคนพูดไปโดยปริยาย
ถ้านายนั่นสั่งให้ไปทางขวา...มินจะก้าวเท้าซ้ายแล้วพร้อมจะเดินไปทางซ้ายทันที!
ร่างสูงแอบมองคนที่ยืนทำหน้าง้ำตรงหน้าแล้วก็ลอบยิ้มในใจ ถึงใบหน้าจะไม่ยิ้มแต่ใครจะรู้ว่าภายใต้แว่นตาสีดำที่ปิดบังใบหน้าหล่อเหลานนั้นฉายแววเอ็นดูหญิงสาวมากแค่ไหน
"ครบทุกคนนะครับ ตามผมมาครับ คุณเคนเตรียมรถมารอรับตรงด้านนอกแล้ว"เสียงทุ่มว่าดังๆให้ทีมงานทุกคนเดินตามตนมา ซองมินกรอกตาขึ้นฟ้าเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ แค่คิดว่าจะต้องได้เจอหน้าใครบางคนที่ถูกส่งมาดูแลตนเองแล้วก็อยากจะเบ้ปาก
วีรกรรมของใครคนนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม...
ไหนจะคอยแกล้งเวลาที่ซองมินโทรมาหาพี่ชายบ้าง กีดกันไม่ให้ซองมินบินมาหาพี่ชายบ้าง ร้ายที่สุดก็คือหลอกซองมินว่าพี่ชายจะกลับบ้านมาหาซองมินแน่ๆ สุดท้ายก็ดันชวนพี่ซีวอนไปเที่ยวจนหมดปิดเทอมจนพี่ซีวอนไม่ได้กลับบ้าน
"จะได้เจอตัวจริงแล้วสินะ หึๆ คอยดูเถอะจะป่วนให้หัวหมุนเลย!"อีกเหตุผลหนึ่งที่ซองมินอยากมาทำงานที่นี่ก็เพราะจะได้ล้างแค้นใครบางคนที่ทำกับซองมินไว้เจ็บแสบเมื่อสิบปีที่แล้ว
แค้นนี้สิบปีค่อยชำระก็ยังไม่สาย!!!
“อะไร!?”แขนเรียวถูกอีกฝ่ายคว้าไว้ก่อนที่ซองมินจะได้ก้าวขาขึ้นไปยังรถตู้ที่จอดรออยู่ ทีมงานทุกคนขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วแต่ซองมินกลับถูกบอดี้การ์ดของพี่ซีวอนรั้งตัวไว้
“คุณต้องไปคันนู้นกับผมครับ คุณเคนรออยู่”ใบหน้าสวยๆหงิกลงอีกรอบทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ซองมินเกลียดคนเอาแต่ใจแบบไม่มีเหตุผลที่สุด
“ฉันเดินไปเองได้!”สะบัดมือออกจากการเกาะกุมจากคนตรงหน้าได้แล้วก็ด้าวขาฉับๆไปเปิดประตูรถเบนซ์คันหรูขึ้นไปนั่งเองทิ้งให้อีกคนแอบยิ้มมุมปากเริ่มถูกใจกับความน่ารักน่าปราบให้อยู่หมัดของสาวแสบจริงๆ
“หึๆ ชอบคุณจริงๆนะซองมิน”พึมพำเสียงเบากับตนเองก่อนจะก้าวเท้าตรงไปขึ้นรถตรงฝั่งด้านหลังคนขับตามร่างเล็กที่ป่านนี้คงนั่งกอดอกหงุดหงิดไปแล้วที่เค้าทำอะไรชักช้า
“นี่นาย! คุณเคนอะไรเนี่ยนิสัยเป็นยังไง”รถแล่นออกมาจากสนามบินได้พักหนึ่งซองมินก็เอ่ยขัดความเงียบในรถขึ้นมา บอดี้การ์ดร่างใหญ่สัญชาติยุโรปเหลือบมองซองมินจากกระจกมองหลังแตหญิงสาวก็หาได้สนใจยังคงส่งสายตาคาดคั้นคนที่นั่งมองออกไปนอกรถสบายๆผิดกับวิสัยบอดี้การ์ดปกติที่ต้องคอยระวังภัยตลอดเวลา
“ก็...ฉลาด สมาท เก่งกาจเรื่องธุรกิจ มีหญิงสาวติดพันมากมาย”ถ้อยคำที่ออกมาจากปากผู้ชายตรงหน้ายิ่งทำให้ซองมินเบะปาก
“แหวะ! ผู้ชายพรรณนั้นอ่านะ ให้ตายก็มีฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่หลงไปติดกับแน่ๆ”ซองมินว่าปาวๆอย่างไม่สนใจ มือก็กอดอกยกขาขึ้นไขว้จนกระโปรงร่นขึ้นเผยให้เห็นเรียวขาขาววับๆแวบๆ ท่าทางไม่แคร์ใครของซองมินมันทำให้คนฟังต้องหรี่ตามอง
“ผู้ชายพรรณนั้นที่คุณว่า...หมายถึงอะไร”คนถามก็คงถามอย่างใจเย็น ในตอนที่ตนเองยังเป็นต่ออยู่แบบนี้เค้าก็อยากจะเก็บข้อมูลจากคนตรงหน้าให้หมดเสียก่อน อีกฝ่ายที่ยังไม่รู้ตัวอะไรก็ยกยิ้มน้อยๆแล้วตอบคำ
“ก็ผู้ชายที่หลงตัวเองไง!”ซองมินโคลงหัวตอบเย้ยๆ มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกแต่คำตอบที่ทำเอาคนฟังสะดุ้งไม่น้อย
“ทำไมคุณคิดแบบนั้น”คิ้วคมเริ่มขมวดเข้าหากันนิดๆ แต่ว่าอีกคนก็คงไม่ได้เห็นในเมื่อแว่นตาสีดำยังบดบังมันไว้ ใบหน้าคมหันมาทางหญิงสาวที่นั่งคู่กันอยู่ตรงเบาะด้านหลังของตัวรถ
“ผู้ชายที่มั่นหน้ามั่นใจ...ขนาดที่เมินผู้หญิงทั้งโลกขนาดนั้นจะไม่หลงตัวเองเหรอ?”ซองมินหันหน้ามาทางอีกคนถอนหายใจนิดๆ ส่ายหน้าน้อยๆแล้วเอ่ยประโยคที่คนฟังขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
“แล้วคุณมั่นใจได้ยังไงว่าคุณเคนเค้า...เอ่อ...มั่นหน้า”ร่างสูงหาทางลงประโยคคำถามไม่ถูกเลยทีเดียว ท่าทางราวกับคนไม่รู้อะไรเลยของคนตรงหน้าให้ซองมินจิปากขัดใจ มือน้อยๆนั่นยกขึ้นมาแล้วส่ายนิ้วชี้ไปมา
“นายไม่เคยอ่านนิตยสารเลยหรือไง...เค้าขึ้นชื่อเรื่องเป็นเสือผู้หญิงจะตาย สาวๆหลายคนที่โดนฟันแล้วทิ้งเยอะแยะจะตาย ไหนจะอีกหลายๆคนที่สิ้นคิดอยากจะตกเป็นของผู้ชายพรรณนั้น”วนกลับมาที่สรรพนามเดิมจนร่างสูงตงิดๆในหัวใจ
ข่าวที่ปล่อยออกมาคนอย่างคยูฮยอนไม่เคยสนใจใครอยากจะพูดอะไรก็พูดไป ตัวเค้าจริงๆเป็นยังไงคนในวงการธุรกิจต่างรู้ดี ฉะนั้นเค้าก็ไม่จำเป็นต้องไปตามแก้ข่าวอะไรใดๆทั้งสิ้นในเมื่อตนเองยังเป็นผู้นำแห่งวงการธุรกิจอยู่และทุกคนยังต้องให้ความเกรงใจ
“เหรอ...แต่ผมว่าเพราะว่าคุณเคนเค้าเร้าใจและลีลาร้อนแรง เด็ดจนผู้หญิงหลายคนต้องร้องครางอยู่ใต้ร่างมากกว่า”บทสนทนาที่พาลงใต้สะดือแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเล่นเอาซองมินรู้สึกถึงผิวแก้มที่ร้อนวาบขึ้นมา
“จะ...จะบ้าเหรอ! ใครจะไปอยากรู้ว่าอีตาบ้านั่นลีลาเป็นยังไง!”เสียงหวานเริ่มสั่นนิดๆขณะโต้ตอบกลับ ดวงตาคู่สวยเบิกโตจนรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนเรียวปากหยัก
“แต่ผมอยากให้ลองกับคุณนะ รับรองได้ว่าคุณจะลืมไม่ลงเลยเชียวล่ะ”มือหนาปลดแว่นกันแดดสีดำสนิทออกไปแล้ว เผยให้เห็นดวงตาคู่คมสีเขียวทรงเสน่ห์ที่สะกดให้ซองมินนั่งนิ่ง กลีบปากอิ่มอ้าค้างนิดๆอย่างตกใจ
นี่มินด่าอีตาบ้านั่นให้อีตาบ้าฟังเนี่ยนะ!!!
จุ๊บ!
“มัดจำไว้ก่อน คุณหนีผมไปไหนไม่ได้หรอก”รอยยิ้มกรุ่มกริ่มบนใบหน้าหล่อเหลาหลังจากขโมยจูบแรกของซองมินไปอย่างหน้าด้านๆ ร่างเล็กตกใจตาโตยิ่งกว่าเดิม สติที่ปลิวหายเพราะความตกใจเมื่อครู่กลับมาอย่างรวดเร็ว มือบางยกขึ้นมาปิดบนริมฝีปากอิ่มแล้วถอยกรูดจนติดริมประตูอีกฝั่ง ท่าทางตกใจกลัวราวกระต่ายตัวน้อยนั้นมันก็น่าเอ็นดูสำหรับคยูฮยอนเป็นที่สุด
ชักติดใจคุณเสียแล้วสิ...
“นี่นาย!”ซองมินพูดอะไรไม่ออกเลยนาทีนี้ เจ็บใจตัวเองที่เผลอพูดนินทาอีกฝ่ายไปเสียมากมาย ยิ่งเห็นดวงตาสีเขียวเข้มนั่นมองมาราวกับขบขันร่างเล็กก็ยิ่งตัวสั่น...แต่สั่นเพราะความโกรธไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลย
“ถึงแล้วครับคุณเคน”ยังไม่ทันที่สงครามในรถรอบสองจะปะทุ เสียงคนขับอย่างคังอินก็ขัดขึ้นมาได้จังหวะพอดิบพอดี มือใหญ่หักพวงมาลัยจอดเทียบข้างฟุตบาทได้ระยะอย่างสวยงาม
ปัง!
ยังไม่ทันที่คังอินจะลงไปเปิดประตูให้ด้วยซ้ำ ซองมินกลับพุ่งตัวลงจากรถแล้วก้าวเร็วๆไปตามทางโดยไม่ได้ดูเลยว่าตนกำลังเดินไปทางไหน
“เจ็บนะ!”เสียงหวานแว๊ดลั่นเมื่อโดนกระชากกลับมาแรงๆ มือหนาออกแรงบีบราวคีมเหล็กจับอยู่บนท่อนแขนของซองมิน นี่ก็ไม่รู้แล้วว่าวันนี้ซองมินโดนบีบแขนไปกี่รอบแล้ว
“ไม่อยาก ‘เจ็บ’ ก็ตามผมมา”คำพูดส่อความนัยบางอย่างกับดวงตาคู่คมที่มองกวาดช่วงตัวบอบบางของซองมินก็ทำให้หญิงสาวเสียวสันหลังวาบขึ้นมา ความรู้สึกร้อนวูบวาบเพียงแค่สายตาคมลากผ่านมันทำให้ร่างเล็กหนาวๆร้อนๆอย่างบอกไม่ถูก ซองมินยอมก้าวตามคนที่ลากตนเองเข้าไปยังภัตตาคารหรูตรงหน้า กลีบปากอิ่มเม้มแน่นด้วยความขัดใจ หงุดหงิดเป็นที่สุด
“ไม่มีงานมีการทำรึไง”เมื่อทำอะไรคนตรงหน้าไม่ได้มากขอแค่แขวะกลับก็ยังดีซองมินจึงไม่ลังเลที่จะทำ
หลังจากโดนลากมานั่งยังโต๊ะสี่เหลี่ยมริมกระจกบนตึกสูงมองเห็นเมืองเอธนส์ได้ทั้งเมืองแบบนี้แต่ซองมินก็ไม่อยากจะสนใจมากนัก เดี๋ยวคนพามาจะได้ใจ!
“คุณไม่เห็นเหรอว่านี่มันเที่ยงแล้ว”ข้อมือหนายื่นมาตรงหน้าให้ซองมินต้องชะโงกหน้าเข้าไปดู
เข็มสั้นชี้เลขสิบสองกับเข็มยาวชี้เลขสามนั้นก็ทำให้ซองมินต้องยิ้มแหยแล้วถอยตัวลงไปนั่งพิงพนักเก้าอี้ตามเดิม แถมท้ายด้วยการยกเอาเมนูที่บริกรนำมาวางไว้ให้ยกขึ้นปิดบังใบหน้า ซ่อนใบหน้าร้อนผ่าวๆไว้หลังเมนูเล่มใหญ่อย่างเนียนๆ
“คุณอยากทานอะไร”เสียงลอยมาตามลมแต่คนที่ซ่อนใบหน้าตัวเองอยู่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ถามมากๆเข้าแต่ไม่ได้คำตอบคนถามเลยต้องคว้าเอาเมนูออกไปจากใบหน้าหวานเสียซึ่งซองมินก็ไม่ได้รั้งไว้ปล่อยให้ร่างสูงหยิบไปอย่างง่ายดาย
“คุณเป็นคนพามาคุณก็สั่งสิ”ว่าแล้วก็ยักไหล่ง่ายๆ ผินใบหน้ามองออกไปนอกกระจกทิ้งให้คยูฮยอนกัดกรามแน่น
แสบนัก!
แน่ละ...ซองมินปล่อยให้คยูฮยอนสั่งอาหารก่อนแล้วร้องเรียกตนอยู่นานจนบริกรยืนมองกระพริบตาปริบๆอยู่หลายนาทีแล้ว
ยังดีที่มื้ออาหารจบลงด้วยดีไม่มีการขว้างระเบิดใส่กันอีกเป็นรอบที่สาม...
“ถึงแล้วครับคุณเคน แล้วนี่จะพาคุณฮยอนมินขึ้นตึกไปยังไงครับ”คังอินเหลือบมองคนปากเก่งที่ตอนนี้หลับคอพับคออ่อนอยู่บนเบาะรถด้านหลังหน้าผากมนอิงอยู่กับกระจกรถ แนบสนิทเสียจนคังอินต้องขับให้นิ่มที่สุดไม่ให้ใบหน้าสวยๆนั่นต้องกระแทกเข้ากับกระจกจนได้แผล...ไม่อย่างนั้นบอสคงฆ่าเค้าตาย
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายมีอะไรก็ไปทำเถอะ”ว่าจบก็เปิดประตูรถลงไป ก่อนจะเดินอ้อมตัวรถมาเปิดประตูอีกฝั่ง
มือหนาช้อนเข้าใต้ศรีษะรับไว้ได้ทันก่อนที่หญิงสาวจะเอาหัวโหม่งพื้น คยูฮยอนช้อนมืออีกข้างเข้าใต้ข้อพับขาแล้วออกแรงอุ้มซองมินขึ้นมา ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจับอุ้มขนาดนี้แล้วยังไม่ตื่นเค้าคงรั้งใบหน้าสวยให้มาซบกับไหล่ตนแทนที่จะเป็นกระจกรถแล้วล่ะ
“ทำไมตัวเบา...กินเยอะขนาดนั้นแท้ๆ”พึมพำกับตัวเองยิ้ม นึกถึงตอนเที่ยงที่ทานอาหารกันมาหมาดๆ ร่างเล็กร้องจะต่อของหวานหลายต่อหลายอย่างจนคยูฮยอนแปลกใจ กินไปตั้งเยอะแต่ไปเก็บไว้ตรงไหนของร่างกายกัน
ภาพท่านประธานบริษัทอุ้มหญิงสาวตัวเล็กผมสีน้ำตาลอ่อนผ่านหน้าไปทางลิฟท์ผู้บริหารก็ทำเอาเกิดเสียงฮือฮาขึ้นในบริษัทไม่น้อย เพราะไม่ว่าใครก็ไม่เคยเห็นมุมนี้ของเคน คอนเดล ทุกทีมีแต่หญิงสาวที่เดินเข้ามา ไม่มีสักคนที่จะถูกอุ้มอย่างถนุถนอมแบบนี้
“อื้มมมม”แผ่นหลังบางแตะลงกับฟูกนุ่มได้ที่ก็พลิกเข้าหาหมอนเองโดยที่คยูฮยอนไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากดึงผ้าห่มขึ้นมาให้จนถึงแผ่นอกอิ่ม
ร่างสูงหมุนตัวเดินออกไปยังห้องทำงานด้านหน้าห้องนอนส่วนตัวที่สร้างไว้เผื่องานเยอะจนไม่สามารถกลับบ้านได้จนต้องค้างที่บริษัท
“ไม่มีงานทำหรือ...”เป็นคำพูดไล่กลายๆที่ลีทึกลอบยิ้มมุมปากแล้วถอยออกจากห้องทำงานกว้างไปเงียบๆไม่คิดจะอยู่รบกวนเวลาส่วนตัวกึ่งเวลาทำงานของผู้เป็นนายอีก
คยูฮยอนหยิบเอกสารและคอมพิวเตอร์เครื่องบางเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง ดึงโต๊ะที่มีล้อเลื่อนเข้ามาข้างเตียงแล้วเอนหลังกับหมอนนั่งทำงานไปโดยที่ข้างกายก็มีคนตัวเล็กนอนหลับลมหายใจสม่ำเสมออยู่
ถ้าทำงานไปแล้วมีอะไรให้มองเพลินๆแบบนี้ทุกวันคงดี...
หุๆ จูบแรกโผล่มาอย่างรวดเร็ว คุณเคนเริ่มรวนบ้างแล้วเจอความน่ารักของมินทำพิษ ต่อปากต่อคำอยู่ดีๆไปขโมยจุ๊บเค้าเฉยเลย เรื่องนี้ก็คงอารมณ์ประมาณนี้ เถียงกันไปกัดกันมาจบด้วยหวานๆฟินๆ ซองมินแสบมาก ก็ไม่รู้ว่าคยูฮยอนจะปราบอยู่มั้ย อิอิ ดีกรีความแสบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแน่นอน จะพยายามมาอัพให้บ่อยขึ้นนะคะ ^ ^
ทวิตติดแท็ค #ฟิคเกาะรัก นะคะ
ความคิดเห็น