ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Paradise Island : เกาะร้อน...รักร้าย [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 2 ผู้ทรงอิทธิพลแห่งกรีซ

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 58








                    บรรยากาศยามเย็นในกรุงเอเธนส์ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถือว่าไม่ร้อนมากนักกำลังเย็นสบายผิดกับบรรยากาศร้อนระอุภายในตึกสูงของเคกรุ๊ปสิ้นดี 

     

     

                    ปัง!

     

     

                    “จัดการอย่าให้มันแข็งข้อขึ้นมาได้อีก!”เสียงแฟ้มเอกสารเล่มหนากระแทกลงบนโต๊ะไม้อย่างดัง  ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของห้องพูดเสียงเข้มกับคนที่ยืนรอรับคำสั่งตรงหน้า ใบหน้าคมคายรับกับดวงตาสีเขียวเข้มแล้วยังเรือนกายแกร่งไม่ว่าใครก็ลงความเห็นว่าดูดีเป็นที่สุด

     

     

                    “ครับนาย”คนรับคำสั่งโค้งหัวอีกครั้งก่อนจะถอยเท้าออกจากห้องเงียบๆ แต่ยังไม่ทันจะพ้นประตูผู้เป็นนายก็เอ่ยเรียกไว้ซะก่อน

     

     

                    “เดี๋ยวคังอิน...”ร่างใหญ่หันกลับมาค้อมหัวแล้วยืนนิ่งอยู่ข้างบานประตูอีกครั้งรอรับคำสั่งที่จะตามมาอีก

     

     

                    “บอกพี่ลีทึกขออะไรร้อนๆสักแก้วสิ”เจ้าของชื่อคังอินโค้งหัวรับคำสั่งผู้เป็นนายแล้วออกจากห้องไปอย่างเงียบกริบ  สมกับเป็นมือขวานายใหญ่แห่งเคกรุ๊ปทิ้งไว้แต่เจ้านายที่นั่งหน้าขรึมอ่านเอกสารในแฟ้มใหญ่ๆภายในห้องทำงานกว้างต่อไป

     

     

                    ก๊อกๆ

     

     

                    หลังจากลับร่างคังอินไปไม่นานประตูห้องก็ถูกเคาะอีกครั้ง   คราวนี้เป็นอีกคนซึ่งตัวเล็กกว่าคนที่ออกไปก่อนหน้านี้  ใบหน้าสวยเรียบนิ่งขณะที่มือประคองถาดใบเล็กมาวางถ้วยเซรามิกไว้บนโต๊ะแล้วบรรจงเทชาสีอ่อนลงแก้วช้าๆ

     

     

                    “ผมอยากได้กาแฟดำ”พูดทั้งที่ไม่มองหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ มือก็เปิดพลิกหน้าเอกสารไปมาจนกระทั่งความเงียบของอีกคนทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง

     

     

                    “ผมจำได้แต่ว่าบอสสั่ง อะไรร้อนๆ ”ลีทึกก้มหน้าลงเมื่อเห็นเจ้านายเงยหน้าขึ้นมาแล้วจึงตอบคำ  เจ้าของคำสั่งอะไรร้อนๆหน้าตึง มือหนาปิดแฟ้มดังฉับแล้วนั่งยืดตัวตรงสบตาคนเป็นลูกน้องมือซ้ายคนสนิทแต่ว่าอายุกลับมากกว่าซึ่งคนตรงหน้าก็มีแต่ใบหน้านิ่งๆตอบกลับมา

     

     

                    “นี่มันอะไร...”เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็จำต้องถามอย่างเสียไม่ได้แล้วก็ดูเหมือนจะเป็นคำถามที่ดีทำให้ลีทึกค่อยๆจุดรอยยิ้มตรงมุมปากขึ้นมา

     

     

                    “ชาคาโมมายล์ครับ”สีชาตัดกับสีขาวของแก้วเซรามิกทำให้ร่างสูงต้องเขม่นมองก่อนจะเหลือบตาขึ้นไปหาใบหน้าสวยอีกครั้ง

     

     

                    “มีสมุนไพรที่ช่วยคลายเครียด บรรเทาภาวะวิตกกังวล ช่วยให้จิตใจสงบนิ่ง และยังช่วยย่อยอาหารได้ดีอีกด้วย”บรรยายชาถ้วยเล็กตรงหน้าที่สรรพคุณไม่เล็กตามไปด้วยให้คนที่ต้องกินขมวดคิ้วก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้แล้วยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ 

     

     

    กลิ่นหอมอ่อนๆทำให้ผ่อนคลายได้ดีเยี่ยมแถมรสชาติก็ขมหวานกำลังดีส่งผลใบหน้าคมดูสดชื่นขึ้นไม่น้อย...

     

     

    “เลือกได้ดี”พูดแค่นั้นก่อนจะจิบชาต่อ ปล่อยให้คนที่นำชาเข้ามาให้ประคองกาใบเล็กวางลงบนโต๊ะตรงด้านข้างกองเอกสารแล้วเตรียมจะถอยออกจากห้องไปอีกคน

     

     

    “เฮ้อออออ”งานที่คร่ำเคร่งส่งผลให้ร่างสูงไม่ค่อยได้ผ่อนคลายนัก  และปัญหาที่วิ่งเข้ามาได้ไม่เว้นในแต่ละวันก็ยิ่งทำให้เคร่งเครียด 

     

     

    RRRrrr

     

     

    เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นที่ลีทึกหยุดขาไว้ตรงหน้าบานประตูราวกับเห็นมือของผู้เป็นนายที่ยกขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อบอกให้อยู่ด้วยกันก่อน  ร่างเพรียวยืนกอดถาดก้มหน้านิ่งรอฟังคำสั่ง

     

     

    “บอสค่ะ  นายทุนจากอิตาลี่ขอเข้าพบค่ะ”เสียงโอเปอร์เรเตอร์สาวดังขึ้นเมื่อคนเป็นนายกดรับ  คิ้วคมที่เพิ่งคลายออกเมื่อครู่ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง  มือหนาวางถ้วยชาลงกับจานรองแล้วตอบคำ

     

     

    “ผมไม่ว่าง...”ตัดบทสั้นๆ ทั้งยังเตรียมจะยกถ้วยชาขึ้นจิบต่อแต่ว่าเสียงโอเปอร์เรเตอร์สาวก็ขัดขึ้นอีกครั้ง

     

     

    “ดิฉันเรียนแล้วว่าบอสไม่ว่างให้เข้าพบค่ะ”นับว่าเป็นพนักงานที่เข้าใจการทำงานของคนเป็นนายดีอีกคนหนึ่งเลยทีเดียว  เพราะนอกจากจะแค่นั่งรับหน้ากับผู้คนที่มาติดต่อแล้วยังรอบรู้เรื่องภายในเป็นอย่างดี

     

     

    “คุณเคนงานนี้ต้องเป็นคุณเท่านั้น!”เสียงดังแว่วๆที่ลอดเข้ามาตามสายแล้วก็ทำให้คิ้วเข้มขมวดฉับ เสียงหนึ่งในกลุ่มนายทุนฝั่งอิตาลี่ที่เค้าจำได้ 

     

     

    กล้ามากที่มาถึงถ้ำเสือแบบนี้!

     

     

    “ผมเข้าใจแล้ว...ใช้ห้องประชุมหนึ่งแล้วกัน”ฟังจากเสียงของหญิงสาวปลายสายแล้วก็ไม่สู้ดีนัก  มือหนากดวางสายแล้วถอนหายใจเล็กน้อย  ใบหน้าเหนื่อยล้าเมื่อครู่จากภาระงานอันหนักหน่วงก็แปรเปลี่ยนเป็นคมเข้มดุจัด

     

     

    “คุณเคนจะรับอะไรเพิ่มก่อนไหมครับ”รับรู้ว่าเรื่องงานที่มารออยู่คงใช้เวลานานกว่าจะเคลียร์จบเลยต้องรีบถามไว้ก่อน

     

     

    “ไม่ล่ะ เสร็จงานค่อยกินทีเดียว”คำตอบที่ทำให้ลีทึกถอยเท้าออกจากห้องเพื่อไปจัดการกับคนที่อยู่ทางด้านล่างประวิงเวลาให้ผู้เป็นนายหาอะไรดีๆไปจัดการกับคนที่พูดแล้วไม่ฟัง  มีอย่างที่ไหนดำเนินธุรกิจผิดพลาดเองแล้วต้องการยืมมือคนอย่างเคน คอนเดลเพื่อให้ธุรกิจตนเองอยู่รอด 

     

     

    ใช่ว่าขึ้นชื่อว่าเก่งกาจแล้วจะต้องเสนอหน้าเข้าไปยุ่งกับทุกเรื่อง  แค่นี้ที่ทำอยู่ก็แทบจะอยากโยนทิ้งจะแย่...อีกอย่างมาเฟียอิตาลี่เยอะแยะทำไมไม่ไปขอความช่วยเหลือจากทางนั้นก่อน ทำไมต้องเจาะจงเป็นเคน คอนเดลด้วย...

     

     

    มือหนาขยับเสื้อสูทหรูให้เข้าที่  ปิดหน้าแฟ้มเอกสารที่อ่านค้างอยู่แรงๆด้วยความหงุดหงิด  หยิบโทรศัพท์เตรียมหย่อนลงในกระเป๋าเสื้อแต่ว่าชื่อของคนปลายสายที่โทรเข้ามาตอนนี้ทำให้เคนเปลี่ยนใจ

     

     

    “ว่าไง...”จุดรอยยิ้มกริ่มมุมปากขณะเอ่ยเสียงก่อกวนอวัยวะเบื้องล่าง

     

     

    “เชี่ย!”เสียงสบถด่าดังขึ้นมาก่อนในเมื่อระหว่างคนทั้งคู่มันไม่จำเป็นต้องมีการแนะนำตัวด้วยซ้ำ

     

     

    “คยูฮยอน...กู....มีเรื่องจะให้ช่วยหน่อย...”และเป็นชเวซีวอนที่เข้าเรื่องเลยโดยไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป 

     

     

    เรื่องของนางแบบสาวสุดฮอตอันดับหนึ่งของเกาหลีใช่ว่าคนอย่างเคน คอนเดลหรือชื่อในเกาหลีคือโจวคยูฮยอน...จะไม่รู้จัก  แล้วยิ่งเป็นน้องสาวของเพื่อนรักด้วยแล้ว  ถึงคยูฮยอนจะไม่เคยเจอตัวจริงชเวฮยอนมินหรืออีกชื่อคือซองมินแต่อย่างใด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยินชื่อเลย

     

     

    “จะให้กูดูแลเด็กแสบนั่นน่ะเหรอ?”วีรกรรมแสบสันต์ในวัยเด็กของเด็กคนนั้นที่เพื่อนเล่าให้ฟังยังติดหูไม่จาง  คยูฮยอนแค่นหัวเราะในลำคอ  แม้ว่าอีกฝ่ายจะเติบโตจนได้ชื่อว่าสวยสุดๆในเกาหลีตอนนี้แล้วก็ตาม...

     

     

    เทียบกับคยูฮยอนแล้วเมื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเคกรุ๊ปอย่างเป็นทางการย่อมได้พบเจอของสวยๆงามๆมากมาย  แต่ว่าก็ยังไม่มีใครเลยที่จะดึงดูดสายตาและตรึงใจได้  ก็ไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะได้ชื่อว่าคาสโนว่า และดวงตาสีเขียวเข้มก็สามารถทำให้สาวๆตกหลุมเสน่ห์ของชายหนุ่มเสียทุกราย

     

     

    “นอกจากมึงกูก็ไม่มีใครแล้ว”เนื่องจากสถานที่ที่น้องสาวสุดที่จะรักจะต้องไปมันก็อยู่ในส่วนของเคกรุ๊ปเรียกง่ายๆว่ามันเป็นพื้นที่ใต้การปกครองของคยูฮยอน  คงไม่มีใครสามารถทำอะไรซองมินได้แม้ว่ามันจะเป็นเกาะเกาะเดิมที่เคยเกิดเรื่องก็ตาม

     

     

                    “ไม่ต้องห่วง  แถวนี้น่ะถิ่นกู เดี๋ยวกูดูแลน้องมึงให้”รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะให้เพื่อนรักวางใจว่าจะไม่มีอะไรมาทำอันตรายน้องสาวได้อย่างแน่นอน

     

     

                    “เออ...แต่กูลืมบอกมึงไป...”อีกหนึ่งประโยคจากชเวซีวอนที่คยูฮยอนต้องเงี่ยหูฟัง

     

     

                    “น้องสาวกูจะไปใช้เกาะของมึงเป็นโลเกชั่นในการถ่ายแบบนะ”พูดจบก็ชิงวางสายไปก่อนไม่ให้คยูฮยอนได้เถียงอะไรสักคำ

     

     

                    จริงอยู่ที่ว่าในปัจจุบันเกาะพาราไดซ์ไม่ใช่เกาะแบบส่วนตัวร้อยเปอร์เซ็นต์ดั่งเช่นในอดีตอีกต่อไปเมื่อคยูฮยอนตัดสินใจเปิดรีสอร์ทเล็กๆอยู่บนชายหาดหนึ่งของเกาะ และมีบ้านพักเพียงแค่เจ็ดหลังรองรับนักท่องเที่ยวได้ไม่เกินสิบห้าคนซึ่งตอนนี้เรียกได้ว่าใครต้องการห้องพักที่ราคาแพงหูฉีกแล้วยังต้องรอคิวกันแทบจะข้ามปีด้วยกว่าจะได้ไปยลโฉมความสวยงามที่สมกับชื่อของเกาะแห่งนี้

     

     

                    “แม่ง!”ได้แต่สบถามหลังไปอย่างทำอะไรไม่ได้  เค้าพอจะจำได้คร่าวๆว่ามีทีมงานของหนังสือนิตยสารอะไรสักอย่างติดต่อมาขอเข้าพักที่รีสอร์ทแถมขออนุญาตใช้พื้นที่ในการถ่ายแบบลงปกนิตยสารด้วยซึ่งคยูฮยอนไม่คิดว่านางแบบจะกลายเป็นคนที่มาจากประเทศบ้านเกิดของเลือดครึ่งหนึ่งในตัวคยูฮยอนแบบนี้

     

     

                    “ช่วยหาประวัติเค้ามาให้ผมที”ร่างสูงสั่งงานไว้กับลูกน้องก่อนจะก้าวยาวๆไปทางห้องประชุมเพื่อจัดการกับอีกธุรกิจที่น่าเวียนหัว  แต่ลับหลังคุณเคนหายไปแล้วรอยยิ้มจางๆก็จุดอยู่บนใบหน้าของลูกน้องคนสนิทอย่างลีทึกทันที

     

     

                    มือบางยกกระดาษขึ้นมาดูรูปใบหน้าสวยที่ปรากฏอยู่บนแผ่นกระดาษอีกครั้ง  ลายมือหวัดๆเป็นชื่อใต้รูปนั่นก็เป็นคำตอบได้อย่างดีว่าเจ้านายของลีทึกคงสนใจคนในรูปนั่นไม่น้อยเลยทีเดียว

     

     

                    “นางแบบฝั่งยุโรปมีเยอะแยะที่พร้อมพลีกายให้นายใหญ่แห่งเคกรุ๊ป แต่บอสกลับสนนางแบบจากเกาหลีมากกว่างั้นหรือ...ก็นะในเมื่อสวยสะดุดตาขนาดนี้”มือบางตบแผ่นกระดาษลงกับมือรู้สึกว่าอนาคตกำลังจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น

     

     

    คนที่ทำให้ดวงตาสีเขียวมรกตนั่นจับจ้องมาที่ตนเองได้  อยากเจอตัวจริงของคุณแล้วสิ...ชเวฮยอนมิน

     

     
     

    บรรยากาศหมองๆด้านนอกกระจกกับท้องฟ้าสีเทาหม่นบ่งบอกได้ว่าอีกไม่น่าฝนคงเทลงมาอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียว  แต่มันก็คงไม่เท่ากันบรรยากาศอึมครึมจากใครบางคนที่นั่งนิ่งมานาน

     

     

    "เฮ้ออออ"เสียงถอนหายใจดังลอยออกมาเป็นรอบที่สิบของเช้าวันนี้แล้วก็ได้  จูเนียลได้แต่มองเพื่อนรักที่นั่งนิ่งอยู่ตรงโต๊ะริมกระจกร้านกาแฟของตนมานานนับชั่วโมงได้แล้ว 

     

     

    จูเนียลรู้จักกับฮยอนมินตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่แม่ของทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน จึงให้ลูกๆเข้าเรียนพร้อมกันกระทั่งโตขึ้นมาก็เข้าวงการเหมือนกัน แต่ว่าเพราะจูเนียลเล่นกีตาร์เก่งและร้องเพลงเพราะเธอจึงไปเอาดีทางด้านการร้องเพลง ต่างจากฮยอนมินที่ถึงจะร้องเพลงดีแต่เจ้าตัวกลับไม่ชอบความวุ่นวายและขอเป็นแค่นางแบบตัวเล็กๆก็เพียงพอ แต่ใครจะรู้ว่าต่อมาไม่นานชื่อของชเวฮยอนมินจะขึ้นแท่นเป็นที่หนึ่งของวงการนางแบบแบบนี้

     

     

    แสงสีส้มสาดส่องตกกระทบกับพื้นหญ้าด้านนอกกระจกของตัวร้าน  ฮยอนมินมาเปิดร้านด้วยตัวเองตั้งแต่เช้า  ร้านกาแฟร้านนี้เป็นสิ่งที่ฮยอนมินกับเพื่อนรักลงทุนร่วมกันมา  จนลูกน้องเริ่มทยอยมาทำงานตัวเจ้าของร้านคนสวยกลับไปนั่งซึมเหม่อมองท้องฟ้าสลับกับคนแก้วโกโก้เย็นจนมันละลายหมดแก้วได้แล้วละมั้ง

     

     

    "มีอะไรรึเปล่า เล่าให้ฉันฟังได้นะ"ร่างที่บอบบางไม่ต่างกันของเพื่อนสนิททิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับที่ฮยอนมินนั่งอยู่  ใบหน้าสวยหันมาหาเพื่อนช้าๆ มือเรียวที่ปลายเล็บเคลือบสีชมพูสวยก็ยังคนแก้วต่อไปอย่างไร้จุดหมาย

     

     

    "ทะเลาะกับพี่ชายนิดหน่อยนะ"แต่จากที่เห็นอาการของฮยอนมินแล้วจูเนียลว่ามันไม่นิดแล้วล่ะ

     

     

    "ตาจะกลายเป็นหมีแพนด้าแล้วเนี่ยนะที่เรียกว่านิดหน่อย"หญิงสาวเท้าเอวตีหน้าดุใส่เพื่อนที่นั่งเม้มปากจนเป็นเส้นตรงอยู่ตรงข้าม

     

     

    ใช่ว่าเธอจะดูไม่ออก ใบหน้าของเพื่อนเรียกได้ว่าเหมือนคนอดนอนไม่มีผิด ถึงจะใช้เครื่องสำอางปกปิดแค่ไหนแต่ดวงตาที่แดงก่ำราวกับคนอดนอนนั้นก็ยังเห็นได้ชัด  เธอไม่อยากคิดเลยว่าถ้าลบเครื่องสำอางออกฮยอนมินจะดูโทรมแค่ไหนกัน

     

     

    "เฮ้อออออ"ใจอยากจะถามมากกว่านี้ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนแต่ฮยอนมินกลับฟุบหน้าลงกับท่อนแขนเลี่ยงการตอบคำถามไปเสียอย่างนั้น  จูเนียลที่ไม่รู้จะทำยังหางตาก็เหลือบไปเห็นตัวช่วยคนสำคัญเดินเข้าร้านมาพอดี

     

     

    "พี่ซินค่ะ ยัยนี่เป็นอะไรของเค้ากัน หนูไม่เข้าใจเลย"เบะปากใส่ว่าที่พี่สะใภ้ของเพื่อนแล้วเป่าลมออกจากปากด้วยความเหนื่อยใจ  เค้าอยากช่วยเพื่อนแต่เมื่อเพื่อนไม่บอกตนก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน

     

     

    "เดี๋ยวพี่จัดการเอง จูเนียลมีอะไรก็ไปทำเถอะ"ว่ายิ้มๆแล้วหย่อนตัวลงนั่งแทนที่ผู้ที่เปรียบเสมือนน้องสาวเค้าอีกคน  จูเนียลเห็นอย่างนั้นก็หนีไปอยู่หลังเคาเตอร์เตรียมเคลียร์บัญชีของร้านแต่ดวงตาก็คอยเหลือบมองเพื่อนอยู่เนื่องๆ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เธอก็ยังเป็นห่วงเพื่อนอยู่ดี

     

     

    "น้องมิน..."เสียงคุ้นหูเรียกให้คนที่นั่งฟุบหน้าอย่างไม่กลัวเครื่องสำอางจะเลอะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมานิดหนึ่งซึ่งพอเห็นว่าเป็นใครฮยอนมินก็ทิ้งใบหน้าลงกับท่อนแขนอีกครั้ง

     

     

    "ฮื่ออออออ"ฮยอนมินเป็นคนดื้อไม่ว่าใครในบ้านก็รู้ดี  ถ้าหญิงสาวอยากได้อะไรก็จะเอาให้ได้ ก็เพราะชเวซีวอนเป็นคนตามใจน้องมาเสมอคราวนี้เลยทำให้ทะเลาะกันจนแทบมองหน้ากันไม่ติด  และฮีชอลก็รับหน้าที่มาประสานรอยร้าวระหว่างพี่น้อง

     

     

    "ฟังพี่ก่อนสิ  ฟุบแบบนั้นหน้าสวยๆพังหมด"มือเรียวเอื้อมมางัดหน้าน้องสาวขึ้นซึ่งซองมินก็ไม่กล้าขัดขืน อีกอย่างสู้แรงคนเป็นพี่ไม่ได้ด้วย ใบหน้าสวยบอบช้ำที่ฮีชอลเห็นแล้วใจหล่นวูบ  ไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าซีวอนเห็นชายหนุ่มจะโกรธตัวเองมากแค่ไหน

     

     

    "พี่ชายน้องมินอนุญาตแล้ว"ดวงตาคู่สวยแดงก่ำเบิกกว้างแต่สมองยังอืออึงคิดตามไม่ทันเป็นผลจากการอดนอนทั้งคืน

     

     

    "งานถ่ายแบบอันนั้น น้องมินไปทำได้แล้วนะ..."ร่างเล็กอยากจะลุกขึ้นดีใจติดที่ว่าคนตรงหน้ายังพูดไม่จบและดวงตาคู่สวยที่กดดันซองมินอยู่ตอนนี้ก็ให้คนตัวเล็กไม่กล้า

     

     

    "แต่ว่า...น้องมินต้องอยู่ภายใต้การดูแลของเพื่อนพี่ชายอย่างเคร่งครัด"ร่างเล็กกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ

     

     

    เพื่อนพี่ชาย...ใคร?

     

     

    "เพื่อนพี่ชายที่ว่า...ใครเหรอคะ"ใบหน้าสวยเอียงน้อยๆด้วยความสงสัย  ฮีชอลละมือออกจากใบหน้าของน้องดึงกลับไปประสานนิ้วกันไว้บนโต๊ะ

     

     

    "เคน  คอนเดล..."

     

     

    "กรี๊ด! ที่เค้าว่าเป็นนักธุรกิจที่หล่อและทรงอิทธิพลที่สุดในยุโรปนั่นเหรอคะ!"ก่อนที่ฮีชอลจะได้พูดอะไรต่อก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นมา  จูเนียนที่ยกกาแฟมาให้คนเป็นพี่ได้ยินชื่อชายหนุ่มเต็มสองหูก็หลุดกรี๊ดออกมาไม่ได้  ใครจะรู้ว่าชเวซีวอนรู้จักกับคนคนนั้นได้ยังไง 

     

     

    ถ้าบอกว่าเคน คอนเดลหรือโจวคยูฮยอนเป็นคนคุมธุรกิจฝั่งยุโรป ทางฝั่งเอเชียก็คือชเวซีวอน...

     

     

    "ก็ทำนองนั้น..."ฮีชอลรับคำยิ้มๆ ใช่ว่าฮีชอลจะไม่รู้ เพราะน้องสาวคนนี้ได้ชื่อว่าเห็นเรือนกายหนุ่มๆแน่นๆหน่อยไม่ได้ จ้องซะจนน้ำลายหกตลอด นั่นคือเหตุผลที่ทำให้จูเนียลเลือกเป็นนักร้องมากกว่านางแบบ  ไม่งั้นภาพลักษณ์นักร้องผู้แสนน่ารักราวน้องสาวตัวน้อยของประเทศคงเหลือแต่ชื่อ

     

     

    "รับปากไปซิฮยอนมิน โอกาสแบบนี้หาไม่ง่ายนะ"วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะได้เสร็จจูเนียลก็นั่งลงไปเบียดเพื่อนบนโซฟาก่อนจะเขย่าแขนจนฮยอนมินหัวสั่นหัวคลอน

     

     

    “ใจเย้นนนนน!!!”คนโดนเขย่ารีบเบรกเพื่อนทันทีก่อนที่ตัวเองจะมึนหัวไปมากกว่านี้  ฮยอนมินตีหน้ายุ่งใส่เพื่อนที่ดวงตาคู่สวยของจูเนียลเป็นประกายดีใจมากมายราวกับจะได้เป็นคนไปถ่ายแบบขึ้น

     

     

    “ข้อตกลงมีอะไรบ้างค่ะ น้องมินไม่เชื่อว่ามีแค่นั้นแน่ๆ”สมกับที่เป็นน้องสาวของชเวซีวอนจริงๆ ฮีชอลแสยะยิ้มน้อยๆ มือบางยกขึ้นกอดอกรู้สึกดีไม่น้อยที่น้องสาวที่ตนช่วยคนรักเลี้ยงมากับมือถอดแบบนิสัยของตนกับคนรักไปได้อย่างเต็มเปี่ยม

     

     

    “เค้าสั่งอะไรก็ทำตามแค่นั้น...”พูดเหมือนง่ายแต่ฮยอนมินส่ายหัวขวับๆทันทีที่ได้ยิน  เกิดตาบ้านั่นเรียกร้องอะไรที่ฮยอนมินทำไม่ได้ขึ้นมาไม่โดนจับโยนออกนอกเกาะรึไง

     

     

    ให้ตายซองมินก็ไม่ยอมถูกส่งกลับง่ายๆแน่!

     

     

    “น้องมินฟังแค่ครึ่งเดียวค่ะ  ถ้าเป็นทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยน้องมินจะยอมฟัง แต่ถ้าเรื่องอื่นละก็...ฝันไปเถอะ!”ยังไงก็ยังเป็นฮยอนมินผู้เอาแต่ใจอยู่วันยังค่ำ  อะไรที่เสียเปรียบฮยอนมินไม่เอาทั้งนั้นนั่นแหละ

     

     

    “แต่ว่าคุณเคนเค้าหล่อมากเลยนะ”จูเนียลว่าเสียงอ่อยใบหน้าก็หงอยสนิทเมื่อได้ยินเพื่อนพูดว่างั้น  ถ้าเป็นเธอละก็ไม่ว่าคุณเคนสั่งอะไรเธอก็จะเชื่อฟังทั้งหมดเลยขอแค่ได้เห็นหน้าหล่อๆนั่นก็พอแล้ว

     

     

    “หล่อแล้วไง? พี่ซีวอนหล่อกว่าตั้งเยอะเถอะ!”ร่างเล็กกอดอกเบะปากแล้วเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้เชิดหน้าอย่างมั่นใจว่าพี่ชายตนหล่อที่สุดในโลกนี้แล้ว

     

     

    “แน่นะ...ห้ามหลงเสน่ห์คุณเคนของฉันแล้วกัน”จูเนียลเอาศอกกระแซะสีข้างเพื่อนสนิทอย่างแกล้งๆ

     

     

    “อย่ามาเพ้อผู้ชายแถวนี้นะยัยบ้า!”ฮยอนมินสะบัดตัวหนีการกระแซะของเพื่อนทันที แถมยังพูดอย่างมั่นอกมั่นใจแต่คนที่มองอยู่วงนอกอย่างฮีชอลกระตุกยิ้มขึ้นมา

     

     

    เดี๋ยวก็รู้...

     

     

    การกระทำทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของใครบางคนที่แอบมาซุ่มดูอยู่แถมด้วยบทสนทนาทั้งหมดก็ถูกบันทึกไว้ให้ผู้เป็นนายได้ฟัง

     

     

    ร่างสูงโยนแฟ้มรายงานข้ามโลกนั่นลงบนโต๊ะอย่างแรง  ริมฝีปากคลี่ยิ้มร้ายกับการดูถูกของใครบางคน  คิดถูกจริงๆที่สั่งคนให้ไปติดตามดูพฤติกรรมของยัยเด็กแสบ แล้วในหัวก็มีความคิดดีๆอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา  ริมฝีปากก็ยิ่งคลายยิ้มกว้างขึ้นอย่างที่ลีทึกผู้ซึ่งเป็นคนเอารายงานฉบับนั้นมาให้ผู้เป็นนายเข้าใจดี

     

     

    กำลังจะได้เห็นอะไรดีๆแล้วสินะ...

     

     

    ร้ายอย่างนี้มันน่าปราบให้อยู่จริงเชียว!

     

     

    เพิ่มตัวละครเพื่อนนางเอกมาอีกคนนะคะ ^  ^


     
     

    งานนี้คุณนางแบบทำอะไรเจ้าของเกาะเค้ารู้หมดแหละ นินทาว่าร้ายอะไรระวังจะเข้าตัวหมดนะเออ ตอนนี้พระนางเราก็ยังไม่ได้เจอกัน แต่ตอนหน้าเจอกันแน่ๆ รับรองความแซ่บล่วงหน้าเลยคะ คนนึงก็ไม่ยอมใครง่ายๆ อีกคนก็เอาแต่ใจ ก็อยู่ที่ว่าใครจะร้ายได้มากกว่ากัน หุๆ เจอกันตอนหน้าค่า

     

     

    เมนท์ในทวิตติดแท็ค #ฟิคเกาะรัก  นะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×