ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Paradise Island : เกาะร้อน...รักร้าย [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 12 ทางเลือกที่ไม่ต้องเลือก 100%

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 59










                    “พอแค่นั้นแหละ!

     

               

                เสียงตวาดดังมาจากทางหน้าประตูที่เปิดออกกว้าง  ไฟในห้องถูกเปิดจนสว่างเห็นใบหน้าทุกคนได้อย่างชัดเจน  และเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้หนุ่มนักฆ่าต้องเปลี่ยนเป้าหมายโดยการกระชากร่างเล็กบนเตียงขึ้นมาตรงหน้าแล้วเอามีดอีกเล่มขึ้นมาจ่อตรงลำคอสวย

     

     

                ร่างเล็กถลาไปตามแรงของชายหนุ่มโดยที่ไม่อาจฝืนได้  ดวงตาคู่สวยปิดปรือใจดวงน้อยเต้นรัวเร็วเพราะจำเสียงของคนที่เข้ามาช่วยตนเองได้เป็นอย่างดี   เสียงที่ต่อให้เป็นเสียงตวาดเสียงตะคอกซองมินก็ไม่มีทางลืม

     

     

                “เลือกเอา ระหว่างมีดกับปืนอะไรมันเร็วกว่ากัน...”เคน คอนเดลว่าเสียงเย็นอย่างที่เล่นเอานักฆ่าหนุ่มเหงื่อผุดตามริมขมับเพราะอีกฝ่ายพูดจริงทำจริงแน่นอน 

     

     

                มือบางพยายามดึงแขนอีกฝ่ายออกจากลำคอตัวเองแต่เรี่ยวแรงที่หายไปไม่อาจทำได้โดยง่าย  อย่าว่าแต่ขยับตัวเลยแค่หายใจยังลำบาก  ซองมินพยายามปรือตามองคนที่โผล่เข้ามาช่วยตัวเองอย่างไม่คาดคิด  ในจังหวะสุดท้ายที่เกือบหมดลมหายใจก็ยังเป็นคนคนนี้ที่เข้ามาได้ถูกเวลา

     

     

                คุณเคน...ซองมินขอโทษ

     

     

                แววตาวูบไหวของซองมินที่คยูฮยอนไม่ยอมสบตาเพราะตอนนี้สิ่งที่เค้าต้องจัดการคือคนที่ล็อกคอซองมินอยู่  ยิ่งอีกฝ่ายรัดคอแน่นเข้าไปอีกคยูฮยอนก็ยิ่งต้องใจเย็นให้มาก  ใจจริงอยากจะกระโจนเข้าไปกระชากมันออกมาแล้วเอาด้ามปืนตบเอาเลือดหัวมันออกนัก

     

     

                แต่เค้าใจร้อนไม่ได้...

     

     

                ด้านหลังคยูฮยอนมีแทคยอนยืนคุมเชิงอยู่ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือทัน แต่เวลานี้คยูฮยอนคิดว่าแค่เค้าคนเดียวก็เอาอยู่

     

     

                “หลับตา...”เสียงทุ้มว่าเรียบเย็นแถมยังแววตานิ่งสนิทที่ไม่แม้แต่จะสบตาซองมินด้วยซ้ำ  ชายหนุ่มที่ล็อคคอซองมินอยู่หน้าตื่นเมื่อคิดว่าผู้ชายตรงหน้าคนนี้กำลังจะทำอะไร

     

     

                “มึงไม่กล้าหรอก  อยากให้สาวน้อยคนนี้กลัวนายงั้นเหรอ?”นักฆ่าหนุ่มว่าอย่างเป็นต่อ เพราะถ้าคยูฮยอนลั่นไกไม่มีทางเลยที่ซองมินจะไม่หวั่นกลัว  ซองมินก็พอจะเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรทำเอาตัวเล้กสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ซึ่งคยูฮยอนเองก็เห็น

     

     

    แต่ทางเลือกของคยูฮยอนก็ไม่ได้มีมากนัก...

     

     

                ใบมีดสีเงินกดลงบนลำคอขาวผ่องจนซองมินสัมผัสได้ถึงความเจ็บนิดๆ เลือดในกายเย็นเชียบ  ดวงตาคู่กลมสั่นระริกเหลือบไปทางแทคยอนที่ยังยืนอยู่ตรงข้างประตูไม่ขยับเขยินเลยสักนิด 

     

     

                และใช่เค้าเสี่ยงให้ซองมินเกลียดตัวเองดีกว่ายอมให้เป็นอันตราย

     

     

                “ฉันสั่งให้หลับตา!!!”เพียงคยูฮยอนตะคอกอีกครั้งซองมินก็หลับตาแน่นหูได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวเร็วอยู่ในอก

     

     

                “เลือกสิ  ถ้าฆ่ากู...มึงจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครสั่งกูมา...”คำนี้ที่ทำเอาร่างเล็กตัวแข็งทื่อ  และไม่ทันที่จะคิดอะไรต่อจากนี้  คนเลือกก็ได้เลือกแล้ว...

     

     

                 ปัง!

     

     

                จังหวะเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ปลายคมมีดจะกดลงบนเส้นเลือดใหญ่ตรงต้นคอขาวผ่องเสียงปืนก็ดังลั่น  ซองมินรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่มันกระเด็นมาติดใบหน้าแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาตามที่โดนสั่ง  ร่างเล็กสั่นสะท้านเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกดทับจากอีกฝ่ายด้านหลังที่ตอนนี้คงไม่มีลมหายใจอยู่แล้ว

     

     

                คยูฮยอนส่งปืนในมือที่ลั่นไกสังหารคนที่บังอาจมาทำให้ดอกไม้งามต้องบอบช้ำในเพียงแค่นัดเดียวเข้ากลางหน้าผากอย่างแม่นยำไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ร้องขอชีวิตแม้แต่นิดให้กับแทคยอนรับไปถือก่อนขายาวจะก้าวเข้าไปหาคนที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียง 

     

     

                “ฮึก!”แค่ตัวเล็กๆถูกอ้อมกอดอบอุ่นทาบทับหยดน้ำใสก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่  มือหนาปาดเช็ดวงหน้าสวยอย่างไม่มีคำว่าอ่อนโยนสักนิดแต่ซองมินก็รู้ว่านั่นมันคือทั้งหมดที่คยูฮยอนทำได้

     

     

                เลือดเย็น...โหดร้าย...ไม่มีความอ่อนโยน...แต่ก็ช่วยซองมินทุกครั้ง...

     

     

                “จัดการที่เหลือด้วย...”ในตอนที่ร่างเล็กถูกช้อนอุ้มออกมาจากห้อง  เสียงทุ้มก็เอ่ยสั่งกับคนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วอย่างคังอิน  เรือนร่างสูงใหญ่ของคนเป็นนายก้าวผ่านอีกคนที่ยืนหน้าซีดเผือดอยู่ข้างๆคังอินอย่างลีทึกไปไม่แม้แต่มีหางตาเหลือบมอง  ให้คนมองรู้ได้เลยว่างานนี้ตัวเองตายแน่

     

     

                “นายหญิงไม่ปล่อยให้นายโดนเล่นงานหรอก”มือใหญ่ตบบ่าคนที่เป็นทั้งเพื่อนและคนรักเบาๆ จากนั้นจึงชวนกันเข้าไปจัดการซากที่เหลือในห้องให้เรียบร้อย

     

     

                แน่ล่ะว่าถ้าลีทึกไม่แจ้งไปหาคังอินว่ามีการนอกแผนเกิดขึ้นคุณเคนคงโผล่มาไม่ทันแน่นอน...

     

     

                หลังจากจบเรื่องวุ่นวายได้แล้วซองมินก็ถูกคยูฮยอนจับยัดใส่รถ  ร่างสูงนั่งเงียบมาตลอดทางขณะที่ขับรถ ใบหน้าคมคายเรียบนิ่งจนซองมินไม่กล้าถามว่าอีกคนมาช่วยได้ยังไง

     

     

                “คุณรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป!” คยูฮยอนจับลากร่างเล็กลงมาจากรถเข้ามาในอพาร์ทเม้นท์ขนาดใหญ่โดยไม่พูดอะไรแต่พอเข้ามาถึงในห้องได้พายุอารมณ์ก็ระเบิดเปรี้ยง 

     

     

    ร่างเล็กถูกเหวี่ยงลงกลางเตียงอย่างแรง  ก่อนจะตะเกียดตะกายลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ใบหน้ายังอาบไปด้วยน้ำตา  ไม่มีเค้าความอ่อนโยนเหลืออยู่บนใบหน้าคมเลยแม้แต่นิดให้ซองมินกัดริมฝีปากจนเจ็บ

     

     

                “ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมจะมีหน้าไปเจอพี่ชายคุณได้ยังไง!”ถอยคำทิ่มแทงที่ได้ยินมาทำเอาซองมินยิ่งเจ็บลึก  ร่างเล็กก้มหน้าลงจนคางแทบชิดอก  กลั้นก้อนสะอื้นไม่ยอมร้องไห้ให้อีกคนเหนื่อยใจไปมากกว่านี้

     

     

                “พวกนั้นเป็นนักฆ่ามืออาชีพนะ ไม่ใช่พวกกระจอก! ผมขอเตือน...วันหลังคุณอย่ามายุ่งกับงานของผมอีก!”สุดท้ายเสียงทุ้มก็ตวาดลั่นห้องแล้วเดินหนีออกไปจากห้องนอนทั้งยังปิดประตูเสียงดัง ทิ้งไว้แต่ร่างเล็กกับอากาศหนาวเหน็บรอบตัวที่เจ้าตัวเหลือไว้ให้ซองมินได้แต่นั่งกอดตัวเองร้องไห้เงียบๆในห้องนอนกว้าง

     

     

                และคืนนั้นทั้งคืนซองมินก็ได้แต่นอนกอดตัวเอง เมื่อเจ้าของห้องที่นอนร่วมเตียงกันมาหลายคืนไม่กลับมา...

     

     

                “บอสครับ  จะไม่กลับห้องจริงๆเหรอครับ”ร่างสูงใหญ่ของบอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยเตือนผู้เป็นนายที่บัดนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังในห้องทำงาน  ตั้งแต่จัดการเรื่องเมื่อคืนจบนายไปส่งนายหญิงเรียบร้อยที่คังอินคิดว่าคงน่าจะอยู่ปลอบใจกันกลับเข้ามาที่ออฟฟิตหน้าตาเฉยจนกระทั่งเช้าแล้วก็เพียงแค่อาบน้ำในห้องพักที่อยู่ด้านหลังแล้วก็ออกมาทำงานต่อราวกับเมื่อคืนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น

     

     

                “นายอยากจะพูดอะไรกันแน่คังอิน...”เสียงทุ้มว่าเข้มทั้งที่ไม่มองหน้าคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆเลย  ดวงตาคู่คมกวาดมองแต่เอกสารที่ต้องการการอนุมัติตรงหน้า

     

     

                ได้ยินแบบนี้คนเป็นลูกน้องจะว่าอะไรได้  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนเป็นนายทำงานโต้รุ่งเสียด้วย และเค้าก็รู้ว่าร่างกายบอสเค้าแข็งแรงมากขนาดไม่นอนติดกันสามคืนยังไหว  แล้วจะไปพูดอะไรได้นอกจาก...

     

     

                “ลีทึกรายงานมาครับ เห็นว่าพาหมอมาตรวจแล้ว ร่างกายคุณฮยอนมินอ่อนเพลียให้พักผ่อนมากๆ ก็พอ  ส่วนรอยที่คอทายาไม่กี่วันก็น่าจะหาย  ตอนนี้คุณฮยอนมินทานอาหารได้เป็นปกติครับ”จบประโยคในห้องก็เกิดความเงียบขึ้นครู่ใหญ่  ให้คังอินเพียงยักไหล่แล้วก้าวถอยหลังออกไปที่บานประตู  แต่ก่อนที่ประตูไม้หนาหนักจะปิดลง

     

     

                “ขอบใจ...”เพียงแค่นี้จากคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะไม้ราคาแพงก็ทำให้คนตัวใหญ่ยิ้มกว้างแล้วงับประตูปิดอย่างเบามือ

     

     

                ประตูบานใหญ่ปิดลงไปแล้วแต่คนที่พลิกเอกสารอยู่หลังโต๊ะไม้ตัวใหญ่กลับไม่มีอะไรผ่านเข้าสมองได้เลยสักนิด  ภาพที่วิ่งวนในหัวมีแต่ใบหน้าบอบช้ำของซองมินเมื่อคืน  และที่ทิ้งมาก็เพราะกลัวตัวเองจะอดใจไม่ไหวแล้วทำอะไรรุนแรงลงไป

     

     

                บอกแล้วว่าเคน คอนเดลไม่ใช่คนดีนัก...

     

     

                เอาเป็นว่าสงบจิตสงบใจได้เมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน  ยังไงเรื่องที่เกิดเมื่อคืนเค้าก็ยังมีอะไรให้ต้องจัดการต่ออยู่ดี

     


                เช้าแล้วที่ซองมินลืมตาตื่นขึ้นมา  ท้องฟ้าภายนอกที่มองจากกระจกบานใหญ่ของห้องพักหรูแจ่มใสไร้เมฆหมอกผิดกับใจของซองมินที่ราวกับมีฝนตกฟ้ารั่วอยู่ข้างใน  หางตาเหลือบไปทางด้านข้างตัว มือบางก็ลูบไปตามผ้าปูเตียงเย็นเฉียบช้าๆ เหมือนใจซองมินที่มันหนาวเหน็บไม่แพ้ร่างกาย  ผ้าปูไร้รอยยับย่นบ่งบอกได้ว่าใครอีกคนคงไม่ได้กลับเข้ามาเลย

     

     

                แกร๊ก!

     

     

                เสียงเปิดประตูดึงความสนใจคนที่นั่งนิ่งอยู่กลางเตียงโดยมีผ้าห่มผืนหนาพันอยู่รอบกาย  เห็นหน้าบอดี้การ์ดร่างเพรียวที่คอยดูแลตนมาตลอดแล้วซองมินน้ำตาจะร่วง  เพราะใบหน้าสวยนั้นมีรอยบอบช้ำ แก้มบวมมุมปากแตกเห็นรอยได้อย่างเด่นชัด

     

     

                แล้วจะเป็นความผิดใครถ้าไม่ใช่เพราะฮยอนมินเอง...

     

     

                “พี่ลีทึก...ฮยอนมินขอโทษ”เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาอยู่ข้างเตียงในระยะที่เอื้อมมือถึงฮยอนมินไม่ลังเลเลยที่จะยื่นฝ่ามือไปหา ปลายนิ้วแตะลงยังแก้มนิ่มแผ่วเบากลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ็บซึ่งนอกจากลีทึกจะไม่ว่าอะไรแล้วยังยิ้มให้ฮยอนมินเสียด้วยซ้ำทำเอาคนผิดยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก

     

     

                “อาบน้ำก่อนนะครับ  ผมให้คุณหมอมาตรวจ”จริงๆจะเรียกหมอมาตรวจตั้งแต่เมื่อคืนเลยก็ย่อมได้ อำนาจของเคน คอนเดลบันดารได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ติดที่ว่าพอลีทึกเข้ามาดูฮยอนมินก็หลับไปแล้ว  เรียกว่าร้องไห้จนหลับก็ว่าได้  ตื่นมาก็ยังมีร่องรอยคราบน้ำตาให้เห็น แต่ไม่ได้ลดความน่ามองจากคนคนนี้ลงไปได้เลยสักนิด

     

     

                “คะ...”และฮยอนมินก็ยอมตามใจ  ไม่ว่าลีทึกพูดอะไรมาฮยอนมินจะทำตามทั้งหมด  ไม่ให้อีกฝ่ายเจ็บตัวได้อีกแล้ว  แต่ก่อนที่ร่างเล็กจะผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ

     

     

                “เอ่อ...คุณเคน...”เสียงหวานเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนัก ตอนนี้ฮยอนมินก็ไม่รู้แล้วว่าตัวเองยังมีสิทธิถามอยู่อีกไหมหลังจากทำเรื่องไปเมื่อคืน

     

     

                “เดี๋ยวบอสก็มาครับ”ลีทึกก็ตอบด้วยรอยยิ้มไม่ต่างจากเคยให้ฮยอนมินพอจะยิ้มออกมาได้บ้าง 

     

     

                อย่างน้อยเค้าก็ไม่ทิ้งเธอล่ะ...

     

     

                และเพราะเชื่อว่ายังไงเค้าก็ต้องมาถึงได้ต้องมานอนน้ำตาซึมอยู่บนเตียงทั้งที่รอบด้านมืดสนิทไปแล้ว  ดวงตาคู่กลมเบนไปทางนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาห้าทุ่มแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าของห้องที่พี่ลีทึกบอกว่าจะมาเลยสักนิด

     

     

                ตลอดทั้งวันที่ซองมินยอมเชื่อฟังลีทึกทุกอย่างเพราะคิดไว้แล้วว่ายังไงลีทึกก็ต้องไปรายงานเจ้านายตัวเองอยู่แล้ว  ถ้าซองมินทำตัวดีคุณเคนก็คงจะหายโกรธซองมินได้

     

     

                จวบจนยาแก้ปวดออกฤทธิ์ซองมินถึงได้นอนหลับไปทั้งใบหน้าที่ยังเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำหยดใสไหลเปียกจนหมอนชุ่ม 

     

     

                ในเวลาที่ซองมินหลับไปได้เกือบชั่วโมงเจ้าของห้องที่เพิ่งเคลียร์งานเสร็จถึงได้ฤกษ์กลับเข้าห้องมา  จะเพราะกันใครที่ทำให้คยูฮยอนไม่มีสมาธิจนอ่านเอกสารแทบไม่รู้เรื่องเลยนอกจากคนที่ยึดเตียงเค้านอนอยู่ในตอนนี้

     

     

                ร่างสูงรูดเนกไทออกจากลำคอแล้วเหวี่ยงไปพาดไว้ลวกๆกับราวใกล้ๆ ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อตรงลำคอออกง่ายๆสองสามเม็ด จากนั้นก็กระดุมข้อมือออกแล้วพับแขนเสื้อทบขึ้นไป  ขายาวก้าวตรงเข้าไปหาร่างที่นอนนิ่งหลับสนิทอยู่บนเตียงแต่กลับไม่ยอมห่มผ้าทั้งที่เปิดแอร์เสียเย็นเชียบ

     

     

                แสงไฟจากโคมไฟดวงเล็กที่เปิดราวกับรอคอยใครอีกคนให้กลับมาสาดมากระทบกับใบหน้านวลทำให้มองเห็นหยดน้ำวาวใสบนแก้มอิ่มที่คนมองถอนหายใจเฮือกใหญ่ทิ้งกายลงนั่งที่ข้างเตียง  

     

     

    มือหนาแตะลงบนแก้มใสแผ่วเบาเหมือนกลัวว่าถ้าตัวเองใช้แรงมากกว่านี้อีกฝ่ายจะช้ำคามือ  ปลายนิ้วแข็งแกร่งเกลี่ยบนผิวแก้มเย็นๆ นั้น  ให้คนโหยหาไออุ่นยิ่งซุกหน้าลงกับฝ่ามืออุ่นที่คยูฮยอนก็ไม่ชักมือหลบแต่ใบหน้ากลับปรากฏยิ้มจางๆขึ้นมาแทนที่

     

     

                “ถ้าอยู่ข้างผมแล้วเจ็บทำไมคุณไม่หนีไป...”เป็นคำถามที่ไม่มีคนตอบ  เพราะคนที่ต้องตอบก็หลับสนิทอยู่ตรงหน้าทำตัวเป็นลูกแมวซุกฝ่ามือเจ้านายอยู่  พอคยูฮยอนทำท่าจะดึงมือออกร่างเล็กก็ส่งเสียงครางครือในลำคอซะอย่างนั้น

     

     

                “เดี๋ยวผมมา...”ราวกับร่างเล็กจะรับรู้ได้ เพียงแค่คยูฮยอนลูบศีรษะเบาๆพร้อมโน้มใบหน้าไปกระซิบชิดริมใบหู  ซองมินก็นอนนิ่งไปอีกครั้งให้เจ้าของห้องเดินเข้าไปยังห้องน้ำชำระร่างกายก่อนกลับออกมากอดลูกแมวน้อยที่ทำตัวอ้อนเสียเจ้าของแทบจะทนไม่ไหว

     

     

                คยูฮยอนสอดตัวลงในผ้าห่มผืนเดียวกับที่ตัวเองห่มคลุมให้ลูกแมวน้อย  ชะโงกศีรษะไปมองใบหน้านวลเพียงแค่นั้นซองมินก็พลิกตัวกลับมานอนซุกอกตัวเองเสียอย่างนั้น  แขนเรียวโอบเข้าที่รอบเอวเบียดกายเข้ามาจนคยูฮยอนได้กลิ่นกรุ่นหอมอ่อนๆอยู่ตรงปลายจมูกจนอดจะก้มหน้าลงไปสูดความหอมจากแก้มนิ่มไม่ได้

     

     

                ฟอดดดดดด

     

     

                พอผละหน้าออกมาก็ต้องชะงักไปนิดหน่อยกับรอยมือรอบลำคอขาวที่มันขึ้นเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้มือหนากำแน่นอยู่ข้างลำตัว  โกรธจนอยากจะฆ่าใครสักคนและต้องเป็นตัวการที่ทำให้ซองมินต้องเจ็บด้วยถึงจะสาสม

     

     

                “ต่อให้เป็นในความฝันผมก็จะปกป้องคุณ  ฝันดีครับ...”

     

     

                เสียงที่ถ้าซองมินตื่นมาได้ยิน ร่างเล็กคงจะเข้าใจว่าที่คยูฮยอนทำอยู่ทั้งหมดนี่มันคืออะไร...

     


                    ทางด้านลูกน้องหนุ่มสองคนที่พอลับหลังเจ้านายก้าวเข้าไปยังห้องนอนแล้วทั้งสองคนก็เดินมายังห้องพักของตนเองที่อยู่ภายในห้องชุดสุดหรูชั้นบนสุดของคอนโด

     

     

                    เพราะคังอินกับลีทึกอยู่กับคยูฮยอนมานานจนร่างสูงไว้ใจจึงทำให้ทั้งสองคนมีห้องพักขนาดพอเหมาะสำหรับอยู่ด้วยกันสองคนภายในอาณาเขตห้องพักเดียวกับเจ้านาย  ส่วนลูกน้องที่เหลือก็จะอยู่ที่ชั้นถัดไป

     

     

                    “จะอาบน้ำเลยไหม?”ร่างเพรียวหันมาถามคนตัวใหญ่ยิ้มๆ ที่พอเข้าห้องมาได้คังอินก็ทิ้งตัวลงแผ่บนเตียงกว้างอย่างเหนื่อยๆ โดยไม่กลัวเลยว่าแขนที่เจ็บอยู่มันเจ็บเพิ่มเลยหรืออย่างไร

     

     

                    “ขอพักหายใจสักนิด  วันนี้บอสเล่นเอาใจหายใจคว่ำไปหมด”ใบหน้าเหยเกของคังอินเรียกเสียงหัวเราะจากลีทึกได้ไม่ยาก  รู้เลยว่าตัวการที่ทำให้คุณเคนอารมณ์แปรปรวนแบบนี้คงมีแค่คนเดียวที่ทำได้

     

     

                    แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเค้าจะรู้ตัวรึเปล่าว่าตนเองมีอิทธิพลกับเจ้านายของพวกเค้ามากแค่ไหน...

     

     

                    “อื้ม”แล้วลีทึกจะทำไงได้เลยต้องทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกับคนรักที่นอนแผ่เต็มเตียง  มือเรียวลูบแก้มคนที่นอนอยู่นิ่งๆแต่ถอนหายใจไปแล้วหลายเฮือก

     

     

                    “เหนื่อยขนาดนั้น”เลิกคิ้วถามยิ้มๆให้คังอินพยักหน้ารับคำทั้งยังกรอกตาไปมาให้ลีทึกหลุดหัวเราะออกมาอีก  ท่าทางของคังอินมันไม่ได้เหนื่อยกายหรอกแต่เหนื่อยใจอาจจะใช่

     

     

                    ซึ่งลีทึกก็เข้าใจได้โดยที่คังอินไม่ต้องพูดสักคำ...ระหว่างทั้งคู่ต่อให้บอสเครียดขนาดไหนหรือว่าอยู่ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแค่มองตากันก็รู้หมดแล้ว...

     

     

                    “คุณฮยอนมินเป็นไงบ้าง”ร่างใหญ่พลิกตัวตะแคงข้างแล้วเลื่อนศีรษะมาหนุนบนตักคนรักทั้งยังซบใบหน้าซุกไปกับแผ่นท้องที่มีกล้ามเนื้อนิดๆ อย่างคนที่ต้องฝึกร่างกายสม่ำเสมอ

     

     

                    “ก็...เหมือน...ตุ๊กตา...มั้ง”ที่ลีทึกว่าแบบนั้นก็เพราะไม่ว่าลีทึกจะพูดอะไรบอกอะไรฮยอนมินทำตามทุกอย่าง ไม่มีปากไม่มีเสียงราวกับเจ้าตัวรู้ว่าเค้าจะต้องรายงานเจ้านาย  หญิงสาวจึงไม่ทำตัวขัดใจหรือดื้ออะไรกับลีทึกเลยสักนิด

     

                   

                    “ขนาดนั้น”แล้วมีหรือคังอินจะไม่เข้าใจ  ก็จากที่ลีทึกเล่าให้ฟัง บอกให้กินข้าวก็กิน บอกให้ไปนอนก็ไป ไม่มีเสียงคัดค้านหรือโต้เถียงเลยสักนิดจนบอสเค้ายิ่งหงุดหงิด

     

     

                    ไม่รู้ว่าบอสเค้าเสพติดเวลาที่คุณฮยอนมินชอบขัดใจหรือยังไง  เพราะพอคุณฮยอนมินตามใจให้ทำอะไรก็ทำ...ก็เหมือนบอสเค้าจะไม่ชอบอย่างไงอย่างนั้น

     

     

                    “อื้ม  แบบถ้าจับให้นั่งตรงไหนก็ไม่ขยับไม่กระดุกกระดิกเลย”คังอินจับน้ำเสียงของคนรักได้ว่ามันมีแต่ความไม่สบายใจ

     

     

                    แน่ละจากคนร่าเริงก็กลับกลายเป็นเงียบสนิทไม่มีปากไม่มีเสียงเสียอย่างนั้น...

     

     

                    “เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ดีขึ้น”คังอินว่าง่ายๆ มือหนาก็เอมไปยกมือบางที่ลูบศีรษะตนเองไปมาเสียจนแทบจะเคลิ้มหลับมากดจูบที่กลางฝ่ามือ  มือของลีทึกไม่ได้นุ่มไม่ได้เรียวบางอย่างคุณฮยอนมิน  แต่มันเป็นฝ่ามือที่ทำให้คังอินอบอุ่นในใจทุกครั้งที่อีกฝ่ายสัมผัส

     

     

                    “ไปอาบน้ำกัน”คำเชิญชวนที่คนที่เป็นหมอนอยู่ก็เลิกคิ้วนิดๆก้มลงไปมองคนที่ใช้ดวงตาพราววิบวับมองมา

     

     

                    “เจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ”แล้วมีหรือที่ลีทึกจะขัดใจนอกจากถามยิ้มๆ พลางยกแขนข้างที่ยังมีเฝือกใส่อยู่ขึ้นมา  แต่คนตัวโตหรือจะสนใจแถมยังมีการยักคิ้วส่งให้อีก

     

     

                    “ออมแรงไว้ด้วยล่ะ พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีก”ว่าจบก็ประคองแขนคนรักขึ้นแล้วพากันเดินเข้าไปในห้องน้ำภายในห้องนอน

     

     

                    ด้านหนึ่งของห้องชุดสุดหรูก็หวานล้ำอีกด้านก็ร้อนแรงเสียจนห้องแทบระเบิด...

     

     

    ไหนใครขอคังทึกคลีนไว้ เค้าเขียนให้แล้วนะเออ อาจจะออกมาน้อยนิด (ค่าตัวไม่แพงหรอกแต่หมดเงินกะค่าตัวพระเอกเยอะ ฮ่าๆ) ว่าจะมาต่อๆไม่ได้มาสักที เรื่องนี้คลีนคงมาช้าถึงช้ามาก ไปปั่นพี่หมอกับน้องมินอยู่จะรีบๆรวมเล่มให้คะ ไม่รู้ยังมีคนอยากได้มั้ย  อีกอย่างคือเรื่องนี้คลีนวางพล๊อตยากเองด้วยเวลาเขียนมันก็เลยยากไปด้วย T^T จะพยายามมาต่อให้นะคะ

     

     


     

     


    Happy Birth Day LEE SUNGMIN

    สุขสันต์วันเกิดนะคะ ปีหน้าและปีต่อๆไปก็ขอให้มันดีขึ้นกว่านี้ อะไรที่มันแย่ๆก็ขอให้มันหายไปโดยเร็ว

    ถึงปีนี้มันจะมีอะไรแย่ๆเกิดขึ้นมากมายแต่ก็ยังรอพี่อยู่ตรงที่เดิมเสมอนะคะ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×