ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Paradise Island : เกาะร้อน...รักร้าย [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 9 ความจริงในใจ

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 58


        



            ยามเช้าที่มาถึงไม่ได้ทำให้คนที่ได้ครอบครองเตียงนอนที่หญิงสาวเกือบครึ่งโลกใฝ่ฝันมีความสุขเลยสักนิด  ซองมินยังมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา เรือนร่างสวยนอนหงายแผ่เต็มเตียงโดยไม่กลัวว่าเจ้าของห้องจะเข้ามาเห็นแต่กับคำพูดทิ้งท้ายที่คุณเคนพูดต้องมาส่งซองมินถึงหน้าห้องมันก็ทำเอาคนที่ควรจะหลับสบายข่มตาไม่หลับ

     

     

                “ถ้าผมนอนห้องเดียวกับคุณอีกผมคงห้ามตัวเองไม่ได้เพราะงั้นกันไว้ดีกว่าแก้”

     

                ซองมินได้แต่ก้มหน้างุดไม่ยอมสบตาคนที่พูดกับตนเองตรงๆ ไม่ใช่ซองมินไม่รู้ว่าเรือนร่างตัวเองมันกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายได้มากแค่ไหน  แต่ก็ขอบคุณที่อีกคนที่ยอมหักห้ามความรู้สึกไม่อย่างนั้นซองมินคงตกเป็นของคุณเคนตั้งแต่คืนแรกที่เรานอนกอดกันไปแล้ว

     

                และเพราะซองมินไม่ยอมเงยหน้านั่นแหละอีกฝ่ายถึงได้โอกาสขโมยหอมแก้มนุ่มไปฟอดใหญ่พร้อมคำอวยพรให้ฝันดีแล้วเดินเร็วๆหายไปตรงบันไดทางลงชั้นล่าง ปล่อยให้ซองมินยืนกุมแก้มหน้าแดงอยู่หน้าห้องพักใหญ่กว่าจะได้สติเดินเข้าห้อง

     

     

                “เฮ้อออออ ทำยังไงดี”ถอนหายใจแรงๆแล้วเกลือกกลิ้งไปทั่วเตียง  ขาเรียวสวยโผล่ออกมานอกผ้าห่มข้างหนึ่งอีกข้างก็ม้วนอยู่กับผ้าห่มผืนหนาไม่ได้รับรู้ว่ามีใครบางคนมาแง้มประตูแอบดูนานแล้ว

     

     

                ก๊อกๆ

     

     

                เสียงเคาะประตูทำเอาคนที่กลิ้งไปกลิ้งมาต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่ง  แต่พอเห็นสายตาวาวๆของอีกฝ่ายก็เพิ่งรู้ตัว

     

     

                “มองอะไร!”มือบางจับรวบคอเสื้อยืดย้วยๆของตัวเองเข้าหากันไม่ให้อีกฝ่ายมองเห็นเนินเนื้อนวลบนแผ่นอกของตน  ก็เพราะเสื้อยืดเก่าๆของพี่ซีวอนมันใส่สบายมากจนซองมินเคยชินจึงเอามันติดมาด้วย 

     

     

                ก็ใครจะไปรู้ว่าตัวเองจะได้นอนร่วมห้องกับคนอื่นด้วย!

     

     

                “ผมมาตามคุณไปทานข้าวเช้า...แต่ถ้าคุณช้า...”ร่างสูงแกล้งทอดเสียงออกไปจนซองมินใจเต้นรัว  ดวงตาคู่คมก็เต็มไปด้วยประกายบางอย่างที่ซองมินไม่อยากจะมอง

     

     

                “ทำไม?”แต่มีหรือซองมินจะกลัว  ร่างเล็กเชิดหน้าตอบทั้งที่ยังนั่งอยู่กลางเตียงสู้กับเจ้าของห้องเค้าอยู่นี่ล่ะ

     

     

                “ผมจะกินอย่างอื่นก่อนกินข้าวเช้า...”

     

     

                ตุ๊บ!

     

     

                ไม่รอให้คนตัวสูงพูดอะไรไปมากกว่านี้หมอนใบนุ่มใกล้มือก็ถูกเหวี่ยงจากคนบนเตียงปะทะเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลาเต็มแรงเล่นเอาคยูฮยอนมึนไปเลย  เห็นตัวเล็กๆแต่แรงเยอะใช่เล่น พอดึงหมอนออกได้ก็เห็นแผ่นหลังเล็กไวๆหายลับไปหลังบานประตูห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

     

     

                “หึๆ”รอยยิ้มมุมปากแสนมีเสน่ห์ที่คนอื่นไม่วันได้รับจากคนหน้านิ่งแต่คนที่ควรจะได้เห็นก็ไม่อยู่ดู

     

               

                เสียงลมทะเลพัดหวีดหวิวประสานกับคลื่นที่สาดซัดเข้าหาฝั่งอย่างทุกๆวัน  แต่คนที่ควรจะชินวันนี้กลับไม่ชินเอาเสียเลย  ร่างสูงเดินตามหลังคนตัวเล็กไปบนชายหาดมีลูกน้องหนุ่มหิ้วกระเป๋าเดินตามมาห่างๆ ปล่อยให้คนเป็นหัวหน้าได้ใช้เวลากับใครบางคนที่จะต่อจากนี้อาจจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกแล้วก็ได้

     

     

                ผลึกสีมรกตรับภาพคนตัวเล็กที่เดินกึ่งกระโดดอย่างร่าเริงไปบนหาดทราย  ถึงจะเห็นซองมินดูเหมือนมีความสุขนั้นจริงๆแล้วไม่ใช่เลย  ซองมินแกล้งทำเป็นร่าเริงที่จะได้กลับไปหาพี่ซีวอน  ทั้งที่ใจนั้นอยากจะอยู่กับคนหน้านิ่งเสียมากกว่า

     

     

                แต่ไม่เหตุผลในการจะรั้งตัวเองไว้ที่นี่อีกต่อไป...

     

     

                เพราะเหตุผลที่ซองมินมีมันจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายผลักไสให้ซองมินไปให้ห่าง...

     

     

                “ขอบคุณนะคะ...”เดินมาจากถึงท่าเรือน้ำตื้นแล้วคนตัวเล้กก็หันกลับมาวาดรอยยิ้มให้กับคุณเจ้าของเกาะ  ถึงใบหน้าจะยิ้มแต่คยูฮยอนกลับรู้สึกว่าในดวงตาของซองมินนั้นไม่มีความสดใสเลยแม้แต่นิด

     

     

                “หวังว่า เรา คงมีโอกาสได้เจอกันอีก”คำพูดของอีกฝ่ายที่มันกระตุกใจคยูฮยอนอย่างที่สุด  ร่างสูงยืนอึ้งไปเมื่อคนตัวเล็กกว่าเอื้อมมือมาจับไหล่แล้วเขย่งขาขึ้นจูบปาก  ถึงมันจะไม่ได้เร่าร้อนอย่างที่คยูฮยอนเคยจูบกับซองมินแต่มันก็อ่อนหวาน ทำเอาใจดวงแกร่งเต้นระรัว

     

     

                ซองมินตัดใจแล้วว่าคงไม่ได้อยู่ที่นี่อีก  ดวงตาคู่สวยทอดมองด้านหลังอย่างอาลัย  สายตาเศร้าๆของซองมินมันทำเอาคยูฮยอนไม่อยากปล่อยร่างเล็กจากไป  ซองมินทำเหมือนว่าจะไม่มีวันได้กลับมาที่เกาะแห่งนี้อีก

     

     

                “ไม่ต้องกลับแล้ว...”คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเมื่อหูได้ยินเสียงทุ้มแว่วๆ แต่เพราเสียงคลื่นกับเสียงลมมันดังพอสมควรเลยกลบเสียงของอีกฝ่ายจนได้ยินแค่แผ่วๆ

     

     

                “เอ๊ะ? คุณว่าไงนะ?”ซองมินเอียงคอถามอย่างสงสัย  ร่างเล็กเข้าไปยืนชิดอีกฝ่ายเพียงเพื่อจะฟังว่าอีกคนอยากจะพูดว่าอะไร

     

     

                เห็นคุณเคนยืนเงียบราวกับกำลังชั่งใจซองมินก็ยอมยืนรอเงียบๆ หางตาเหลือบมองไปยังทีมงานคนอื่นๆกำลังทยอยขึ้นเรือไปทีละคนๆ  ได้ยินเสียงคุณคังอินถามลูกเรือวัยรุ่นคนหนึ่งเหมือนจะเป็นเด็กใหม่ที่มาแทนพ่อที่ป่วย  มองเห็นยุนจีเฮยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่เป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับจับหมวกใบสวยใบเดียวกับที่ซองมินขโมยไปใส่เมื่อวานกันลมทะเลพัดปลิวหายไป 

     

     

    ผมยาวสลวยถูกรวบไว้ใต้หมวกใบเล็กเช่นเดียวกันที่ซองมินทำเมื่อวาน เห็นแล้วก็ใจกระตุกแปลกๆ แต่เพราะมือหนาของอีกฝ่ายที่เอื้อมมาจับข้อมือซองมินไว้ทำให้คนตัวเล็กเลิกสนใจคนอื่นๆไป

     

     

    “คุณอยู่ที่นี่แหละ...”คุณเคนก็ยังคือคุณเคน  ไม่มีเสียล่ะที่ชายหนุ่มจะอ้อนวอนขอร้องให้ซองมินอยู่ 

     

     

    ตอนซองมินอยากอยู่ก็ไล่ให้กลับแต่พอซอมินจะกลับจริงๆก็ออกคำสั่งไว้ให้อยู่...

     

     

    นี่คุณเคนต้องการอะไรจากซองมินกันแน่!!!

     

     

                “ยังไงของคุณ เดี๋ยวไล่ให้กลับ เดี๋ยวบอกให้ฉันอยู่...”ซองมินถามด้วยความสงสัย  ข้อมือบางก็ยังถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือใหญ่แน่นหนาเสียจนซองมินไม่อาจขัดขืนได้

     

     

                “ออกเรือไปเลย!!!”เห็นคังอินโผล่หน้ามาถามความเห็นจากบนเรือเพราะลูกน้องหนุ่มถูกสั่งให้ขนกระเป๋าขึ้นไป  คังอินเข้าใจว่าเดี๋ยวคุณเคนร่ำลากับคุณหนูฮยอนมินเรียบร้อยแล้วก็คงใช้ฮอล์บินไปส่งสาวเจ้าที่สนามบินเองเลยหันไปบอกคนขับเรือให้ออกจากท่า

     

     

                ซองมินยืนเงียบๆอยู่เคียงข้างกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเกาะอย่างไม่เข้าใจ...

     

     

                ตู้ม!!!

     

     

                แต่เพียงพักเดียวที่เรือออกไปถึงกลางทะเลซึ่งคนทั้งคู่ยังมองเห็น  เสียงระเบิดก็ดังสนั่นน้ำทะเลแตกกระจาย เรือสีขาวลำขนาดกลางไฟลุกท่วม  ซองมินยืนปิดปากกรีดร้องอยู่ในลำคอหยาดน้ำใสไหลบ่าออกมาเปียกข้างแก้มเต็มไปหมด

     

     

                “เอาเรือออกไปช่วยคนเจ็บ!”จากที่เห็นไกลๆคยูฮยอนเห็นมีคนกระโดดจากเรือลงน้ำ  ร่างสูงสั่งการไปทั้งยังกอดปลอบคนตัวเล้กในอ้อมกอดไปด้วย

     

     

                “พี่กอนฮี...ฮืออออ”ซองมินร่ำไห้แทบขาดใจ  เพื่อนและทีมงานคนสนิทที่อยู่ในเรือลำนั้นหลายสิบคนเป็นตายร้ายดียังไงก็ยังไม่รู้  มือบางกำจับเสื้อของชายหนุ่มไว้แน่น

     

     

                “คนที่อยู่บนเรือควรเป็นมิน  เพราะมินเอง....ฮืออออ”ซองมินยังร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจ  ร่างเล็กสะกิดใจตั้งแต่เห็นเด็กใหม่มาทำงานในการออกเรือเที่ยวนี้แล้วไหนจะยังจีเฮที่แต่งตัวเหมือนซองมินเมื่อวานราวกับพิมพ์เดียวกัน

     

     

                “ไม่เอาๆ ไม่ร้องนะ ถ้าเสียคุณไปผมจะทำยังไง”ร่างสูงกดใบหน้าสวยให้จมลงกับอกแกร่ง ใช่แผ่นอกตนเองเป็นที่ซับน้ำตา  ผลึกสีมรกตก็ยังคอยมองดูลูกน้องตัวเองเอาเรืออกไปช่วยคนเจ็บ

     

     

                ทุกคนทำงานเร่งรีบ หลังจากเรือลำเล็กอีกลำเข้าถึงเรือตำรวจน้ำก็โผล่เข้ามาในน่านน้ำของเกาะพอดี  คนเจ็บถูกลำเลียงขึ้นเรือไปทีละคนๆ คนไหนอาการหนักคยูฮยอนก็สั่งให้เอาเฮลิคอปเตอร์ขึ้น

     

     

                พอเคลียร์ทุกอย่างภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที  ลีทึกที่เข้ามาสั่งการแทนคนรักที่บาดเจ็บเป็นภาพที่สะเทือนใจชายหนุ่มมาก  เพราะลูกน้องตัวบางน้ำตาไหลไม่หยุดแต่ก็ยังทำหน้าที่อย่างแข็งขัน

     

     

                “นายไปดูคังอินเถอะ ทางนี้ปล่อยให้แทคยอนจัดการ”คำสั่งของเจ้านายหนุ่มทำเอาลีทึกอยากจะปล่อยโฮ  เพราะคยฮูยอนเป็นแบบนี้ลูกน้องทุกคนถึงได้ทำงานให้แบบถวายหัว

     

     

                เรือลำเล็กและตำรวจถอยห่างออกมาแล้วเรือก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง  ทิ้งให้ทุกอย่างเป็นปริศนาว่ามันเกิดอะไรขึ้น  เรือของเคกรุ๊ปถึงเกิดระเบิดขึ้นได้...

     

     

                คุณเคนอุ้มคนตัวเล็กกลับมาที่บ้านพักหลังสีขาวอีกครั้ง  ใบหน้าสวยยังนองเต็มไปด้วยน้ำตาที่คยูฮยอนไม่อยากเห็นเลย

     

     

                ซองมินนั่งอยู่บนตักคุณเคนในห้องนั่งเล่นดวงตาคู่สวยแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนักจมูกก็แดงจนน่ากลัวว่าจะขาดใจตายไปซะก่อน

     

     

                “...”ไร้คำพูดใดๆจากคุณเคน  มีแต่เพียงมือหนาที่คอยปาดเช็ดหยดน้ำใสตรงข้างแก้มให้อย่างอ่อนโยน  ซองมินช้อนตามองคนตัวสูงที่สละตักตนแทนเบาะรองให้ซองมินนั่งอยู่ในขณะนี้

     

     

                “นายครับ...”เสียงแทคยอนเรียกความสนใจคุณเคนจากคนบนตักออกมา  ยิ่งได้ยินเสียงคนอื่นซองมินยิ่งมุดหน้าตัวเองลงกับอกแกร่ง  มือบางกำเสื้อคนตัวสูงแน่น

     

     

                “คนเจ็บถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเรียบร้อยหมดแล้วครับ”พูดจบก็ทำเอาคนฟังโล่งใจไม่น้อย  ซองมินหยุดร้องไห้ได้แล้วในตอนนี้ อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าพี่กอนฮีถึงมือหมอแน่ๆ  และเรื่องบางเรื่องที่แล่นผ่านเข้ามาในสมองก็ทำให้ซองมินเผลอพูดอะไรออกมาบางอย่าง

     

     

                ในตอนที่ซองมินกำลังให้ความสนใจคนที่เอ่ยรั้งตัวเองเอาไว้  ภาพที่ผ่านตรงหางตาก็แวบเข้ามา  ราวกับภาพเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วย้อนกลับมาอย่างช้าๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนที่เรือลำสีขาวจะลอยออกไปที่กลางทะเลแล้วควันสีดำก็คละคลุ้งลอยขึ้นมาเต็มไปหมดจนน่ากลัว

     

     

                “ลูกเรือคนใหม่...”เสียงหวานว่าแผ่วเบาแต่คนฟังก็ไม่ได้ปล่อยมันผ่านเลยไป

     

     

                “คุณว่าไงนะ...ลูกเรือคนใหม่อะไร”เสียงทุ้มว่าเข้มเสียจนซองมินต้องเม้มปากแน่น 

     

     

                คยูฮยอนเองแปลกใจไม่น้อย  แต่จะว่าเป็นความผิดตัวเองก็คงได้  ถ้าไม่เพียงแต่เค้าให้ความสนใจกับคนตรงหน้ามากมายจนเกินไปเค้าก็คงจับความผิดปรกติที่เกิดขึ้นตรงท่าเรือได้แล้วแท้ๆ

     

     

                “แทคยอน”เพียงแค่นี้คนรับคำสั่งก็รู้งาน  ร่างสูงถอยเท้าออกไปเงียบๆ จนภายในบ้านเหลือแต่เสียงคลื่นและเสียงลมทะเลเพียงเท่านั้น

     

     

                ซองมินไม่คิดว่าเพียงแค่ข้อสงสัยในใจที่แวบขึ้นมาชั่วครู่คนอย่างเคน คอนเดลจะยอมรับฟัง  ใบหน้าสวยซุกซบเข้ากับแผ่นอกกว้างอย่างหาที่พึ่งพิงแขนเรียวก็กอดเอวสอบแน่น 

     

     

                เห็นร่างเล็กๆในอ้อมแขนแล้วคยูฮยอนก็คิดว่าควรจะพาซองมินเข้าไปหลบลมในบ้าน  เพราะห้องนั่งเล่นตรงนี้มันเปิดโล่งเกินไป  แค่ร้องไห้หนักก็มากพอแล้วเกิดโดนลมจนล้มป่วยขึ้นมาอีกคยูฮยอนคงรู้สึกผิดกับซองมินมากกว่านี้

     

     

                “อย่าทิ้งมินไว้คนเดียว...”แค่คยูฮยอนขยับตัวจะลุกจากเก้าอี้ซองมินที่ยังผวาไม่หายก็คว้าแขนแกร่งมากอดไว้แน่น  ท่าทางน่าสงสารของร่างเล็กที่คยูฮยอนรู้สึกเจ็บร้าวไปหมดทั้งอก  เค้าไม่อาจปล่อยให้ร่างเล็กอยู่คนเดียวได้จริงๆ

     

     

                “ผมไปเอาของแปปเดียว”ว่าจบก็จัดการอุ้มร่างเล็กๆเดินลงไปยังห้องดูหนังชั้นล่าง  ปล่อยซองมินไว้ในห้องเพียงคนเดียว 

     

     

                ถึงคยูฮยอนจะหายไปไม่นานก็ตามแต่ซองมินที่สติยังกลับมาไม่ครบร้อย ดวงตาคู่สวยก็ดูตื่นกลัวประกอบกับน้ำหยดใสที่เอ่อคลอรอบดวงตา

     

     

                พอเห็นร่างสูงกลับมาแล้วด้วยความดีใจซองมินก็โผเข้ากอดอีกฝ่ายจนคยูฮยอนเกือบล้ม ยังดีว่าตั้งหลักทัน  มือหนาแข็งค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก  ถึงจะตกใจแต่คยูฮยอนกลับชอบความรู้สึกตอนโดนกอดอย่างบอกไม่ถูก  กับหญิงสาวคนอื่นๆที่เคยพยายามเอาตัวเข้ามาใกล้  ไม่มีใครเลยที่จะเหมือนซองมิน

     

     

                “ไม่เอาไม่ร้องแล้วนะ  ตาคุณช้ำหมดแล้ว”ใช้ข้อนิ้วไล้ตรงขอบตาล่างแดงจัดอย่างน่ากลัวนั้นเบาๆ

     

     

                คุณเคนอุ้มร่างเล็กขึ้นมานั่งบนโซฟาตัวยาว  จัดการให้ซองมินนั่งยืดขาสบายๆ แต่ไม่ว่ายังไงคนตัวเล็กก็ไม่ยอมปล่อยกอดแน่ๆ เค้าก็เลยยอมเสียสละตัวเองเป็นเบาะรองนั่งให้อีกครั้ง 

     

     

                ครู่เดียวที่คยูฮยอนนั่งลูบผมคนบนตัก  ก้มหน้าลงไปดูอีกทีร่างน้อยก็หลับพับไปเรียบร้อยแล้ว  ใบหน้าสวยซบอยู่ตรงไหล่แกร่ง ลมหายใจอุ่นรินรดลงบนต้นคอ  คยูฮยอนกระชับอ้อมกอดคนตัวเล็กอีกครั้ง

     

     

                และโดยไม่รู้ตัว...รอยยิ้มเล็กๆก็ปรากฏขึ้นจางๆตรงมุมปาก

     

     

               

                ก๊อกๆ

     

     

                หกชั่วโมงที่ผ่านไปไม่ได้ทำให้คยูฮยอนทำงานได้เลยแม้แต่นิด  สติมันคอยแต่จะวอกแวกไปกับคนตัวหอมที่อยู่ในอ้อมกอด  เรือนร่างนุ่มแล้วยังกลีบปากสีเชอร์รี่ที่มันเผยอออกมานิดๆอย่างเย้ายวนนี่อีก

     

     

                “นายครับ...ผมตรวจสอบมาแล้ว  ลูกเรือคนใหม่ที่มาแทนพ่อของเค้าเสียชีวิตแล้วครับ  เค้าไม่ได้เสียชีวิตหลังจากเรือระเบิดแต่ว่าไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล  ตอนแรกหมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้วให้รอดูอาการในโรงพยาบาล  แต่ผมชะล่าใจเป็นความผิดผมเองที่ส่งคนไปเฝ้าเค้าช้าเกินไป  เค้าถูกฆ่าปิดปากไปเสียก่อนที่คนของเราจะตามไปถึง”แทคยอนโค้งหัวให้กับผู้เป็นนาย 

     

     

                ดวงตาคู่คมทอดมองคนที่นอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดแต่หูก็ฟังรายงานจากลูกน้องคนสนิทไปด้วยพร้อมๆกัน  อย่างน้อยก็โชคดีตรงที่คยูฮยอนรั้งซองมินไว้ไม่ให้ขึ้นเรือลำนั้นไป

     

     

                ถ้าเป็นคุณที่อยู่บนเรือลำนั้น...ผมคงขาดใจ

     

     

                “อีกอย่างคือคนที่เค้าอ้างว่าเป็นพ่อนั้นก็เสียชีวิตไปแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน  จากนั้นในบัญชีของเค้าก็มีเงินเข้ามาหนึ่งแสนยูโร”เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับการจ้างให้ทำอะไรสักอย่าง  ไม่ว่าใครก็คงหน้ามืดตอบรับอย่างไม่ทันคิดให้ถี่ถ้วน

     

     

                “หาต้นตอของเงินนั่นให้เจอ”คำสั่งสั้นๆที่แทคยอนเองก็เข้าใจดี  ร่างสูงใหญ่โค้งหัวอีกครั้งแล้วเตรียมถอยเท้าจะออกจากห้องไปแต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้เสียก่อน

     

     

                “คุณกอนฮีปลอดภัยอยู่ในห้องพักพิเศษแล้ว  ผมส่งคนไปดูแลที่ข้างเตียงเรียบร้อยครับ”อีกคำรายงานจากแทคยอนก่อนที่ลูกน้องร่างสูงจะหมุนตัวออกจากห้องไปเงียบๆ

     

     

    ร่างสูงลูบฝ่ามือไปบนเส้นผมนุ่มสลวยของคนในอ้อมกอดที่ร่างเล็กขยับตัวเล็กน้อยเหมือนหาที่สบายสำหรับตนในการนอน  ท่าทางราวลูกแมวน้อยอ้อนเจ้าของที่ทำเอาใบหน้าคมคายประดับไปด้วยรอยยิ้ม

     

     

    แต่ทว่าความจริงที่ลืมไม่ได้ก็เพราะคยูฮยอน  ซองมินถึงได้ร้องไห้หนักแบบนี้...

     

     

                “เฮ้ออออ”คยูฮยอนถอนหายใจยาว  ครั้งนี้เพราะเค้าที่นำอันตรายมาสู่คนตัวเล็กแท้ๆเลยเชียว  ไม่อย่างนั้นซองมินคงไม่ต้องร้องไห้หนักขนาดนี้  ว่าแล้วมือหนาก็ทาบลงบนแก้มใสเย็นเฉียบ  ไม่ต้องคิดเลยว่ายังไงคืนนี้ซองมินก็คงมีไข้อ่อนๆแน่ เล่นร้องไห้จนตาบวมจนแทบปิด

     

     

                ถึงมันจะระเบิดไม่ใหญ่มากแต่ความเสียหายก็ไม่มีทางน้อย  ยังดีว่าพี่ชายที่นับถือของซองมินนั้นอยู่ไกลจากจุดเกิดระเบิดอยู่พอสมควรแถมยังยืนอยู่ที่กาบเรืออีก  แต่อาการอาจจะสาหัสจากการที่ร่วงจากเรือลงกระแทกกับพื้นน้ำ  คงช้ำในไม่ใช่น้อยเลย

     

     

                แต่ที่น่าเจ็บใจคือหลักฐานชิ้นสำคัญดันหลุดมือไปอย่างง่ายดาย...จะว่าพยานก็คงไม่ถูก  ต้องเรียกว่าเป็นคนร้ายแต่โดนใครจ้างมาก็ไม่รู้อีก  ถ้าสืบต้นตอของเงินไม่ได้งานนี้คงยากแน่  ความหวังทั้งหมดอยู่ที่เงินแสนยูโรในบัญชีที่เพิ่งถูกโอนเข้ามาเมื่อไม่กี่วันก่อน

     

     

                มือหนากดเปิดเครื่องฉายภาพลงบนผนังห้อง  ก่อนจะกดโปรแกรมในแทปแลตใส่รหัสผ่านเข้าสู่แผงคอนโทรลของเกาะนี้ 

     

     

                ใครว่าเกาะพาราไดซ์เป็นเพียงแค่เกาะที่มีวิวสวยงามเท่านั้น  หลายๆอย่างถูกเคน คอนเดลวางระบบใหม่ขึ้นมาหมดเมื่อตอนที่เริ่มสร้างบ้านพักหลังนี้แทนที่ของเก่าที่ถูกไฟไหม้ไปเมื่อสิบปีที่แล้ว 

     

     

                ไหม้ไปพร้อมกับครอบครัวของคยูฮยอน  เหลือแต่ชายหนุ่มเพียงคนเดียว...

     

     

                เพียงแค่คิดมือหนาก็กำแน่น  ดวงตาคู่คมรับภาพชายหาดด้านนอกตัดกับฟองคลื่นที่สาดซัดเข้าหาฝั่งอย่างไม่ขาดสาย  ความสวยงามในอดีตที่ติดตรึงใจเช่นเดียวกับความโหดร้ายที่ยังไงก็ไม่มีทางลืมไปจากสมองได้เลย  ที่แห่งนี้ที่ทำให้คยูฮยอนสูญเสียทุกอย่าง

     

     

                แต่เค้าจะไม่ยอม...ไม่ยอมเสียคนคนนี้ไปเด็ดขาด...

     

     

                ซองมิน...ถึงคุณจะไม่รู้ตัวก็ตาม...แต่ผมเสียคุณไปไม่ได้...

     

     

    เป็นครึ่งตอนหลังที่เขียนใหม่หมด *ร้องไห้* มันต่างจากเดิมที่เคยเขียนไว้เยอะมาก  แต่พล๊อตครบบแน่นอนไม่มีอะไรตกหาย ตรงไหนอ่านแล้วแปลกๆ ท้วงได้เลยนะคะ T^T

     

    เนื้อเรื่องมาแบบเนิบๆ ไม่ค่อยกระเตื้องเท่าไหร่ เน้นฟินๆคยูมินดีกว่าเนอะ ปมแรกโผล่มาแล้วนะคะ จะค่อยเฉลยไปเรื่อยๆ พร้อมกับความสัมพันธ์ของคยูมินที่พัฒนาขึ้น  เหมือนคยูจะยอมรับใจตัวเอง..เหรอ?  ทั้งที่ตอนที่แล้วยังไล่เค้าออกไปจากเกาะอยู่เลย  ตอนนี้ก็ปลอบกันไปก่อน  ตอนหน้ายังไม่รู้ยังปั่นไปไม่ถึงไหน ฮ่าๆ เนื้อเรื่องอาจจะช้าไปบ้างช่วงแรกคลีนพยายามเขียนให้ไม่ออกทะเลอยู่ แหะๆ เจอกันตอนหน้าคะ

     

    ในทวิตติดแท็ก #ฟิคเกาะรัก  นะคะ

     

     

    ตอนนี้คลีนเปิดจองและเปิดขายฟิคอยู่ ใครสนใจเล่มฟิคเรื่องอื่นๆ ก็เข้าไปดูได้นะคะ (จิ้ม)


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×