ถ่ายความคิด

ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 ยอมรับสิ่งที่ตนรู้สึก จุดเริ่มต้นของการหาที่มาของความคิด

เราจะใช้เครื่องมือชนิดใด สำหรับการหาที่มาของความคิด

สิ่งที่เราใช้ได้ก็ คือ ความคิดของเราเอง

 

การตั้งคำถามกับตนเองว่า “เราคิดทำไม”

ทำไมเราคิดเช่นนั้น ทุกๆ ครั้ง ที่เกิดเหตุการณ์ ใดๆขึ้น

 

ไม่ว่าจะเรา พูด เราทำ การพูด หรือ ทำ ก็เป็นผลจากความคิด ทั้งสิ้น

บางครั้งเวลา เราพูด เราทำอะไรออกไป เราเองยังไม่รู้ด้วย ว่าเราคิดอะไร

 

หากชีวิตเราส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น คงต้องศึกษาเรื่องนี้ให้มากขึ้น

เพราะกว่าจะเข้าใจไปถึงที่มาของความคิดได้ ต้องใช้เวลา

 

เราเองต้องช้า ลง จน รู้ว่า ที่เราพูด เราทำ สิ่งใด ๆ ลงไป ในหัวเราคิดอะไร

หลายๆ คน อาจบอกว่า ไม่ได้คิดอะไร

 

อันนี้ เป็นไปไม่ได้ พูด ทำ ลงไปโดยไม่ได้คิดอะไร

เป็นไปไม่ได้ เราคิด แต่เราไม่เห็นความคิดตนเอง

 

ในทางวิทยาศาตร์  สมองทำงานตลอดเวลา สำหรับคนที่มีชีวิต

และในทางการแพทย์ คนตายเท่านั้น ที่สมองไม่ทำงาน

 

ดังนั้น ทุกครั้ง ที่เราทำอะไร ลงไป พูดอะไร ลงไป

แล้วเราไปอ้างว่า เราไม่ได้ คิด ทำไป ไม่ได้คิด ให้นึกไว้ก่อนเสมอว่านั้น คือข้อแก้ตัว

 

อาจเพราะสิ่งที่เราทำนั้น ไปผิดต่อผู้ใด เราจึงอ้างว่า ทำไปพูดไป โดยไม่ได้คิด

ดังนั้น ความรู้ที่เราต้องมีตอนนี้ สมองเราทำงานตลอดเวลา

 

ผลของการทำงานของสมองอย่างหนึ่งคือ “การคิด”

และการที่เราพูดทำอะไร ลงไปแล้วนั้น เกิดผล จากการที่เรา คิดแล้ว

 

ถ้าเราไม่เคยเห็นสิ่งที่เราคิด เราจะสามารถเห็นได้อย่างไร

เริ่มต้น ง่ายๆ โดยการทบทวน สิ่งที่เราพูด ทำ ลงไป นั้น

ว่า เรา ทำ ทำไม พูด ทำไม

 

สังเกต ความคิดตนเอง ดู เหตุผล ที่สมอง สังเคราะห์มาให้เรา

หลากหลาย มากมาย แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่า ความคิดอันไหน จริง

 

สำหรับ ลุง ความคิด แทบจะไม่มีความจริง หากเราไม่รู้ที่มาของความคิดนั้น

หรือ อีกความหมายหนึ่ง ความคิดเชื่อถือไม่ได้ หากเราไม่รู้ที่มาของความคิด

แม้แต่ความคิด ของตนเอง เราจะเชื่อความคิดเราได้อย่างไร

 

เพราะบ้างครั้ง เหตุผลที่เราให้ คือ ข้ออ้าง ข้อแก้ตัว ของเรา

 

ลุง ขอยกตัวอย่างเพื่อให้เราเห็น ได้ชัดยิ่งขึ้น

 

เอาเป็นตอนพวกเราเด็กๆ สมมติว่า แม่ต้องให้เราอาบน้ำก่อนเข้านอนทุกวัน แล้วเราเองไม่ชอบอาบน้ำก่อนเข้านอน เราโกหก พ่อแม่ โดยการเปลี่ยนชุดนอนแล้วเข้านอนเลย เราทำเช่นนี้มาหลายครั้ง จนในที่สุด พ่อแม่ รู้ทัน

จับได้ว่าเราโกหก ในวันหนึ่ง แม่ก็ถามเราว่า ทำไมไม่อาบน้ำก่อนนอน เราเองทำลงไปโดยที่เราบอกว่าไม่ได้คิดอะไร แต่พอแม่ถามเราว่าทำไม เราไม่อาบน้ำก่อนนอน ความคิดในหัวเราจะเริ่มออกมามากมาย ถ้าเรากลัวมาก เราอาจโกหกต่อว่า เราไม่สบายจึงไม่อยากอาบน้ำ หรืออีกหลายร้อยเหตุผล ที่จะออกมาจากความคิดเรา เพียงเพราะเราโดนแม่ตั้ง คำถาม ความคิด จึงเริ่มสังเคราะห์ออกมาให้เราเห็น ได้ทัน

 

หากเราอยากเห็นความคิดตนเอง เราต้องเริ่มตั้งคำถามกับตนเอง

 

การตั้งคำถาม “ทำไม” เป็นคำถาม หลัก ที่ทำให้เราเห็นความคิดตนเองได้ชัดขึ้น

ถามกลับเข้าไปใน การกระทำ คำพูด หรือ ความคิด ตน เราก็จะเริ่ม เห็นความคิด ได้ชัดขึ้น

 

ทำ ทำไม พูด ทำไม คิด ทำไม 3 คำถามนี้ ที่เราต้องถามตนเองบ่อยๆ

หากเราอยากเห็นความคิดตน และอยากใช้ สมองของตนเองให้เต็มที่ยิ่งขึ้น

 

แต่จากตัวอย่างข้างต้น แม้เราจะเริ่มเห็นความคิดของเรา แล้ว

หลังจากแม่มาถามเราว่า ทำไม ไม่อาบน้ำ แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าความคิด อันไหนของเราจริง

 

ความคิด ที่ไม่รู้ที่มา จึงเชื่อถือไม่ได้ แม้แต่ความคิดของเราเอง

ลุง จึงได้เขียน บอกเราไว้แล้ว ในหนังสือ อ่านก่อนที่ชีวิตจะหมดความหมายไปมากกว่านี้

 

ยาเม็ด สองเม็ดแรก ที่ต้องทาน เม็ด ที่ 1. อย่าโกหกตนเอง 2.อย่าปฏิเสธสิ่งที่ตนรู้สึก

 

แค่เรายอมรับสิ่งที่เรารู้สึกสะ เราก็จะเริ่มเห็นที่มาของความคิดตน

เรารู้สึก ไม่พอใจการต้องอาบน้ำก่อนนอน เราจึง คิดและตัดสินใจออกมาว่าจะไม่อาบน้ำ

กลัวแม่จะรู้ว่าไม่อาบน้ำเราเลยคิดและตัดสินใจ ใส่ชุดนอนหลอกแม่

พอเราโดนแม่จับได้ว่าเราโกหก เรารู้สึกกลัว

จึงคิดหาเหตุผลมาโกหกแม่ และพูดออกไป ว่า เราไม่สบาย

 

นี้คือ ความคิดของคน หากเรายอมรับสิ่งที่ตนรู้สึก

เราก็จะเห็นที่มาของความคิด

 

หนทางเริ่มต้น สู่ การปลุกความสามารถของสมองเรามาใช้อย่างเต็มที่

เมื่อเราใช้สมองได้เต็มที่ คำว่า อัจฉริยะ ก็ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเราต่อไป

 

ยอมรับสิ่งที่ตน รู้สึก ก็จะเห็นที่มาของความคิดเรา

ฝากไว้ให้ เป็น ความรู้ของพวกเรา ไม่ใช่ ความรู้ของลุง

 

ศึกษาให้เข้าใจ ปฎิบัติได้เมื่อไร ก็เป็นความรู้ของตนเองไม่ใช่ แค่ข้อมูลอีกต่อไป

 

ตอนนี้เราก็รู้ที่มาของความคิดเราแล้ว

ใกล้ๆ เราและรู้ได้ด้วยตน ความคิด มาจากสิ่งที่เรารู้สึก

 

เท่านี้ก่อน สำหรับ บทนี้ เห็น ที่มาของความคิดกันทุกคน

ลุงมัย