ตอนที่ 21 : 21 | Hollowing Souls
21 | Hollowing Souls
แม้แต่ดวงวิญญาณอันลึกล้ำ
ก็ยังถูกกลืนกินด้วยซาตานในตัวตน
Secrets of Garden
บรรยากาศตอนกลับจากสวนไฮยาซินธ์แตกต่างจากตอนมาอย่างสิ้นเชิง เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่เคยมีถูกแทนที่ด้วยความเงียบงัน หากแต่ความอึดอัดที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากคนสองคนที่ซ้อนจักรยานกันกลับเรือน
แบคฮยอนทอดมองเจ้าของแผ่นหลังกว้างตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง การพบเจอโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวคงทำให้คนที่แม้จะเข้มแข็งสูญเสียความเป็นตัวตนไปบ้าง ไม่มากก็น้อย
อาทิตย์อัสดงยอแสงสีส้มทอง ผืนนภาค่อยๆ ถูกย้อมด้วยเฉดสีหลากหลายสีสัน วิหคฝูงใหญ่โผบินกลับคืนรัง เป็นสัญญาณบอกว่าอีกวันกำลังจะผ่านพ้น
ดอกไฮยาซินธ์ในตะกร้าสานใบเล็กยังคงบานสะพรั่ง กลิ่นหอมของมันยังคงโชยอ่อน ทุกสิ่งยังคงงดงามแม้ว่าจะถูกเจือจางด้วยกาลเวลา
“อาทิตย์ตกดินสวยจังเลยนะครับ”
เสียงทุ้มหวานที่ดังแว่วช่วยปลุกให้ใครบางคนหลุดพ้นจากความทรงจำ หน่วยตาคมกริบที่เคยเลื่อนลอยกลับมามีแววสดใสอีกครั้ง เช่นเดียวกับหัวใจที่ไม่ได้จมอยู่กับความรู้สึกในอดีต
“ชอบหรือไง” เสียงทุ้มที่ถามกลับมาทำให้แบคฮยอนอมยิ้มจนแก้มพอง อย่างน้อยๆ ก็ขอให้อีกคนเลิกเศร้าแค่ในตอนนี้ก็ยังดี
“ครับ, ชอบมากๆ”
หลังจากจบประโยคนั้นของแบคฮยอนล้อรถจักรยานก็หยุดลงทันที เรียวตารีสวยฉายแววสงสัยกับการกระทำของใครอีกคน ทว่าก็ไม่คิดจะเอ่ยถามให้มากความ
“ไปนั่งตรงนั้นกันเถอะ” แบคฮยอนทำเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามแรงจูงของคนตัวโตกว่าไปยังเนินกว้างที่ถูกโอบล้อมด้วยผืนหญ้า
ช่วงขาเรียวพาเจ้านายทั้งสองมาหยุดยืนอยู่ตรงปลายสุดของเนินสูง พื้นที่ที่ราบลงไปมองเห็นแม่น้ำสายยาว ลำแสงสีส้มทองยามอาทิตย์อัสดงตกกระทบลงบนผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ
พ่อเลี้ยงแห่งปางไม้เติมฝันทิ้งตัวลงนั่งบนผืนหญ้าพร้อมกับดึงเรียวแขนเล็กของอีกคนให้นั่งตาม ซึ่งแบคฮยอนก็ยอมโอนอ่อนตามอย่างไม่อิดออด
ความเงียบงันยังคงโอบกอดพวกเขาเช่นเดียวกับสายลมหนาว นัยน์ตาหนึ่งคู่ทอดมองอาทิตย์ตกดินด้วยแววตาว่างเปล่า ผิดกับนัยน์ตาอีกคู่ที่ทอดมองใบหน้าคมเข้มด้วยความรู้สึกเป็นห่วง
“ฉันรู้สึกผิดกับเขา”
แม้ความรู้สึกในอดีตคือรักหมดหัวใจ ทว่าเมื่อกาลเวลาเคลื่อนผ่านความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้หลงเหลืออีกต่อไปแล้ว ทุกวันนี้ชานยอลเพียงแค่รู้สึกผิดกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น และเขาเพียงอยากรับผิดชอบในความผิดของตนเท่านั้น
“ฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาพิการ อย่างน้อยก็เป็นหนึ่งในนั้น”
หน่วยตาคมกริบปิดลงอย่างคนอ่อนแอ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงแรงโอบกอดที่แผ่นหลังและความอ่อนโยนที่ทาบทับลงบนหน้าผาก
แบคฮยอนจุมพิตหน้าผากสวยเพียงแผ่วเบาพร้อมกับเอนหัวกลมให้ซบลงบนไหล่เล็กๆ ของตน การกระทำเหล่านั้นส่งผลให้ชานยอลปลดเปลื้องความอ่อนแอ และถึงแม้จะไร้ร่องรอยของหยดน้ำตา ทว่าสิ่งที่แบกเอาไว้บนบ่าก็หนักหนามากเหลือเกิน
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรือความผิดของใครทั้งนั้น ผมเชื่อว่าทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นคือลิขิตของคนบนฟ้า”
“แต่ฉันก็ผิด, ฉันรู้สึกเหมือนทอดทิ้งใครสักคนไว้ข้างหลัง”
“ไม่เลยครับ คุณใหญ่ทำดีที่สุดแล้วครับ”
ชานยอลกำลังอ่อนแอ – ความรู้สึกผิดที่เกาะกินอยู่ในหัวใจของเขามันเหมือนกับกำแพงน้ำแข็งบนเทือกเขาแอลป์ เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปรอบแล้วรอบเล่า น้ำแข็งเหล่านั้นก็ไม่มีวันหลอมละลาย
พวกเขานั่งมองอาทิตย์ตกดินอยู่ที่เนินกว้างจวบจนท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีดำ แสงไฟประดิษฐ์ตามรายทางเริ่มส่องสว่าง หากแต่มิอาจกลบแสงสีนวลของดวงดาราที่กระจัดกระจายอยู่บนทะเลรัตติกาล
จักรยานคันเล็กค่อยๆ ลัดเลาะไปตามเส้นทางกลับบ้าน เสียงหรีดหริ่งดังระงมคลอเคล้าเสียงพงไพรไหวเอน ปลายยอดหญ้าถูกน้ำค้างโลมเลียเพราะมวลความกดอากาศที่ต่ำลง ลมหนาวหวีดหวิวพัดผ่านผิวกาย
“หนาวหรือเปล่า” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่เบาะหลังอย่างเป็นห่วง ซึ่งคนถูกถามก็ตอบกลับเป็นสัมผัสแนบแน่นที่ทาบทับลงบนช่วงเอวหนา
“แค่นี้ก็ไม่หนาวแล้วครับ”
“เด็กดี”
คำพูดที่ไม่เคยได้ยินส่งผลให้แก้มนิ่มเห่อแดง แบคฮยอนเอนแก้มซบแผ่นหลังกว้างเพื่อซ่อนร่องรอยความเขินที่แสนน่าอาย หากแต่รอยยิ้มเต็มแก้มกลับไม่อาจซ่อนมิดแม้มีเพียงแสงไฟสลัว
พวกเขาเลือกที่จะลบลืมความเศร้าหมองเพื่อปกป้องหัวใจดวงนี้ ยอมที่จะถูกตราหน้าว่าเห็นแก่ตัวเพื่อเยียวยากันและกัน ยอมที่จะถูกคนทั้งโลกเกลียดชังเพียงเพื่อรักษาคนที่รักเอาไว้
“แบบนี้อุ่นกว่า”
ฝ่ามือหนากอบกุมหลังมือบางขึ้นมาจุมพิตก่อนจะซุกเข้าไปในเสื้อตรงตำแหน่งหัวใจ ก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นสั่นระรัวระริกไหว ท่ามกลางลมหนาวของเหมันต์ที่พัดผ่านทิวไม้สน
แสงแดดอ่อนๆ ในยามสายพัดพาหมอกหนาให้หลบหายไปจากผืนฟ้า อุณหภูมิที่หนาวเหน็บเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาค่อยๆ อุ่นขึ้นเมื่อรุ่งอรุณหวนคืน ทว่าเกร็ดหิมะสีขาวยังคงปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ
เตาผิงตรงมุมห้องเป็นสิ่งที่สร้างความอบอุ่นให้กับเรือนไม้หลังใหญ่ เปลวไฟสีส้มยังคงลุกโชนอยู่ในนั้น กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้โอ๊คที่ใช้ทำฟืนลอยฟุ้งในอากาศ ผสมปนเปไปกับกลิ่นหอมหวานของมาร์ชเมลโล่ที่ถูกย่างเอาไว้
“ไหม้แล้วหรือเปล่า”
เสียงทุ้มเข้มที่ดังขึ้นทำให้คนที่จดจ่ออยู่กับการต่อเลโก้สะดุ้งจนไหล่สั่น นัยน์ตาเรียวหันขวับไปมองก้อนขนมสีขาวที่ตอนนี้กลายเป็นสีน้ำตาลไหม้ไปแล้ว ก่อนที่เสียงใสจะร้องลั่นเมื่อเห็นสภาพขนมสุดโปรดของตน
“ทำไมพี่ใหญ่ไม่กลับด้านให้เล็ก!”
“ก็เรามัวแต่ห่วงเล่น”
“ฮึ่ย!”
เจ้าเด็กแสบกอดอกด้วยท่าทางเอาแต่ใจพร้อมกับสะบัดหน้าใส่พี่ชายของตนอย่างแสนงอน ใบหน้าที่บางมุมก็น่ารักทว่าบางมุมกลับหล่อเหลางองุ้มจนยับยู่ ปากเล็กๆ เบะออกจนแทบจะย้อยติดกับปลายคาง
“เล็กจะฟ้องแบค!”
“งอแงใหญ่แล้วนะคนเล็ก”
“ก็พี่ใหญ่—”
“ปาร์ค เซฮุน”
น้ำเสียงที่เริ่มจริงจังของคนเป็นพี่ทำให้เด็กซนของป้าแมรี่เริ่มเลิ่กลั่ก อาการงอแงเมื่อครู่แทบจะหายไปในพริบตาเพราะต่อให้ดื้อแค่ไหนแต่ก็กลัวพี่ชายเป็นที่สุด ปาร์คคนเล็กจึงทำได้แค่ยู่ปากอย่างแสนงอนเป็นจังหวะเดียวกับที่ใครบางคนเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพอดี
“ทะเลาะอะไรกันอีกครับสองพี่น้อง”
เป็นแม่นางของปางที่เดินเข้ามาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นข้างคนเด็กสุดในห้อง พร้อมทั้งวางเค้กส้มที่เพิ่งอบใหม่ลงบนโต๊ะ
“ถามเจ้าแสบดูสิ” คำตอบจากผู้เป็นสามีทำให้แบคฮยอนหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้างองุ้มของเจ้าแสบที่พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยเรียก
“งอนอะไรคุณใหญ่ครับ”
ฝ่ามือบางที่ลูบลงบนกลุ่มผมนิ่มทำให้เซฮุนเบะปากหนักกว่าเดิม ก่อนที่เด็กซนของทุกคนในปางจะซุกหน้าลงบนแผ่นอกเล็กของแบคฮยอนโดยลืมไปว่าตัวเองตัวใหญ่กว่าอีกคนตั้งเป็นเท่า
“มาร์ชเมลโล่ที่แบคให้มาไหม้หมดแล้ว”
“อ่า”
“ก็พี่.. พี่ใหญ่ไม่ดูให้เล็กอ่ะแบค”
ทั้งๆ ที่เหลือบตาไปมองพี่ชายอย่างเกรงกลัวแต่ปากกลับเอ่ยฟ้องพี่ชายอีกคนที่ตามใจกันตลอด และแน่นอนว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน
“งั้นเราไปเอาถุงใหม่กันดีไหมหืม”
“ตามใจกันจนเคยตัวแล้ว”
หลังจากที่แบคฮยอนพูดจบ เสียงทุ้มเข้มก็เอ่ยปรามขึ้นมาทันที ทว่าเมื่อเรียวตาคู่สวยหันไปมองคนที่เป็นใหญ่ที่สุดบนผืนป่าแห่งนี้กลับกระแอมไอออกมาเบาๆ
“คุณใหญ่จะไม่ให้ทานหรือครับ”
“ก็เปล่า”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปหยิบมาให้หน่อยสิครับ, ผมจะตัดเค้กให้คุณเล็กทานรอก่อน”
ริมฝีปากอิ่มที่อ้าออกเหมือนอยากจะพูดอะไรแทบจะหุบลงไม่ทันเมื่อได้รับรอยยิ้มหวานที่ไม่ได้ส่งถึงเรียวตาคู่สวย สุดท้ายพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ทำเพียงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกไปหยิบขนมถุงใหม่ตามคำสั่งของผู้เป็นภรรยา
คล้อยหลังของเจ้าของเรือนที่เดินหายไปทางห้องครัว เด็กแสบที่เคยทำหน้างองุ้มซุกอกแบคฮยอนกลับส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ก่อนที่ใบหน้าทะเล้นจะผละออกมาจากอกนุ่มๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“แบคโครตเจ๋ง พี่ใหญ่นี่หงอไปเลยอ่ะ”
เสียงหัวเราะชอบใจของเด็กหนุ่มตรงหน้าเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากแบคฮยอนได้เป็นอย่างดี ก่อนที่ฝ่ามือบางจะตัดแบ่งเค้กส้มที่ตนเพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ ให้เด็กซนที่บ่นว่าหิวจนไส้กิ่วไปหมดแล้ว
“แบคอบเองใช่ไหมเนี่ย” เซฮุนที่ตักเค้กเข้าปากคำโตร้องถามเมื่อรสชาติที่คุ้นเคยคลุ้งอยู่ในปาก ซึ่งคนถูกถามก็พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม
“พี่อบให้คุณจงอินปอนด์นึงด้วยครับ คุณเล็กอย่าลืมเอาไปด้วยล่ะ”
“หมอนั่นต้องชอบแน่ๆ”
แบคฮยอนยิ้มรับ ก่อนจะนึกไปถึงสัตวแพทย์หนุ่มที่อายุกำลังจะครบ 34 ปีในวันนี้ ซึ่งเจ้าตัวจะจัดงานวันเกิดที่สวนข้างฟาร์มโคนมในตอนเย็น เป็นปาร์ตี้เล็กๆ ที่เชิญเพียงคนสนิทเท่านั้น
“แล้วแบคจะไปปาร์ตี้หรือเปล่า”
“ไปครับ, แต่คงช่วยคุณใหญ่เคลียร์งานก่อนแล้วจะตามไปทีหลัง”
เซฮุนพยักหน้าหงึกหงึกพร้อมกับเคี้ยวเค้กส้มในปากจนแก้มตุ่ย ก่อนที่เสียงใสจะเอ่ยบอกเรื่องสำคัญที่ห้ามลืมเด็ดขาด
“ธีมชุดนอนนะ”
“พี่นึกว่าคุณจงอินพูดเล่น”
“พูดจริงเลยล่ะแบค, จะว่าไปก็เหมาะกับคนขี้เซาแบบหมอนั่นนะ”
เซฮุนพยักหน้าให้กับคำพูดของตัวเองโดยมีสายตาของแบคฮยอนทอดมองด้วยความเอ็นดู ทุกเรื่องราวของความรักที่เกิดขึ้นมักสวยงามเสมอ – เรื่องราวความรักของคุณหมอคิมกับคุณเล็กของป้าแมรี่ก็เหมือนกัน
อุณหภูมิที่เคยสูงขึ้นในตอนกลางวันค่อยๆ ลดต่ำลงเมื่อแสงแดดเริ่มรำไร ปาร์ตี้ฉลองครบรอบวันเกิดของสัตวแพทย์คิมจะเริ่มขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ใกล้ลาลับ และมันก็คืออีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
สวนเล็กๆ ด้านข้างฟาร์มโคนมในเวลาบ่ายคล้อยจึงดูวุ่นวายกว่าทุกวัน เสียงตะโกนของใครบางคนดังลั่นจนลูกวัวที่เดินเล่นอยู่แถวนั่นพากันถอยหนี ไม่ต่างจากคนงานในฟาร์มซึ่งถูกเรียกมาช่วยงานที่ต่างก็เกี่ยงกันว่าใครจะเข้าไปช่วยคนเจ้าอารมณ์
“พี่ติดให้มันตรงๆ ได้ไหมเนี่ย ไปทางซ้าย!”
ปาร์ค เซฮุนยืนเท้าเอวอย่างหงุดหงิดโดยที่ปากเล็กๆ ก็ยังไม่หยุดออกคำสั่ง นัยน์ตาเรียวจ้องเขม็งไปที่ป้ายผ้าซึ่งตนเขียนเองกับมือว่าตรงกลางหรือยัง ก่อนที่เสียงใสจะสั่งให้พี่ๆ คนงานขยับซ้ายอีกนิดพร้อมกับพยักหน้าพอใจในที่สุด
“กว่าจะติดให้ตรงได้”
“ต้องเป็นพวกเขาหรือเปล่าที่พูดคำนี้น่ะ”
เสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้นทันทีที่เสียงบ่นอุบเอ่ยจบเรียกให้ใบหน้าขาวใสหันไปมอง เรือนกายโปร่งสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเมื่อหันมาก็พบกับระยะห่างที่มีเพียงปลายนิ้วกั้น แน่นอนว่ามันใกล้เกินไปจนหัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก
“ถอยออกไปเลยนะ”
“วันนี้วันเกิดผมนะครับคุณหนู”
“แล้วไงอ่ะ”
ใบหน้าทะเล้นที่หัวใจหลงใหลทำให้จงอินหัวเราะออกมาเบาๆ ฝ่ามือหนาปัดเศษใบไม้ออกจากกลุ่มผมนิ่มอย่างอ่อนโยนก่อนจะเกลี่ยปลายนิ้วลงบนแก้มใส ซึ่งคนที่ได้รับสัมผัสนั้นก็เอียงแก้มหนีด้วยความเคอะเขิน
“ขอบคุณนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มที่กระซิบแผ่วเรียกนัยน์ตาเรียวสวยให้หันกลับมา และเมื่อแววตาสองคู่สบมองกันและกัน พวกเขาเห็นเพียงความรู้สึกรักที่สะท้อนอยู่ในนั้น
“ขอบคุณอะไรเล่า..”
“ขอบคุณที่มาช่วยจัดงานวันเกิดให้ผม ขอบคุณที่นั่งเขียนป้ายน่ารักๆ นั่นให้ผมทั้งคืน ขอบคุณที่พยายามเข้าครัวเพื่อทำเค้กเบี้ยวๆ ก้อนนั้นให้ผม”
“นะ.. นี่”
“ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ ผมและยอมให้ผมได้ดูแลมือคู่นี้”
ฝ่ามือเรียวถูกกอบกุมขึ้นมาจุมพิตก่อนจะแนบลงบนแก้มสากของคนที่อายุครบสามสิบสี่ปีในวันนี้ สายลมอ่อนๆ พัดผ่านกายพวกเขาและมันไม่ได้นำพาความหนาวเหน็บเหมือนอย่างที่เคยเป็น เพราะมันถูกเจือจางด้วยความอบอุ่นของฝ่ามือที่กอบกุมซึ่งกันและกัน
“ยอมให้ดูแลแล้วก็ดูแลให้ดีละกัน”
“ผมจะทำมันให้ดีที่สุดครับ คุณหนูของผม”
แววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักทอดมองกันและกันเช่นเดียวกับรอยยิ้มที่จะมีให้กับแค่คนนี้เสมอ สองฝ่ามือยังคงกอบกุมกันแน่นเหมือนกับความผูกพันที่ก่อเกิดในหัวใจ ทว่าความรักมักทำร้ายใครสักคนที่ไม่ได้สมหวังในรักนั้นเสมอ
ไม่ไกลจากตรงนั้นมีใครบางคนที่ยืนมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาหมองเศร้า หยดน้ำตาค่อยๆ ไหลรินจากแก้วตาคู่สวยจนอาบไล้ใบหน้า และถึงแม้ว่าจะเตรียมใจมาเนิ่นนานแล้ว แต่เมื่อได้มาเห็นกับตาหัวใจกลับเจ็บจนเกินจะรับไหว
“ฮึก..”
จอยมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของคนที่ตนแอบรักมาตลอดหลายปีอย่างเจ็บปวด ภาพของสัตวแพทย์คิมกับคนที่ชายหนุ่มรักค่อยๆ พร่าเลือนเพราะม่านน้ำตา ก่อนที่ลูกสาวของหัวหน้าคนงานฟาร์มโคนมจะทนไม่ไหวจนต้องเบนหน้าหนีและตัดสินใจเดินออกมา
“ถ้าเป็นฉันจะไม่ทำแค่ยืนมองอยู่ตรงนี้”
ทว่าเสียงที่ดังขึ้นก็ทำให้จอยสะดุ้งก่อนจะหันกลับไปมองทางด้านหลัง และหญิงสาวก็ได้พบกับใบหน้าของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
“เธอหมายความว่ายังไง”
“หึ ถ้าเป็นฉัน..”
ไอรีนเดินเข้ามาหาเพื่อนสาวของตนก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนที่ดวงตากลมสวยจะทอดมองตรงไปข้างหน้าด้วยแววตาเกลียดชัง
“ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเป็นของฉัน”
“…”
“ทุกอย่างจริงๆ”
แสงสีนวลจากหลอดไฟดวงเล็กจิ๋วที่ประดับอยู่ทั่วบริเวณเริ่มส่องแสงเมื่ออาทิตย์อัสดง ดอกสวีทพีที่เลื้อยพันรั้วไม้ส่งกลิ่นหอมละมุนล่อเหล่าแมลง เสียงวิหคเจื้อยแจ้วยามโผบินคืนรัง แสงสุดท้ายของวันค่อยๆ ลาลับตามห้วงเวลา
อาหารทั้งคาวหวานถูกจัดวางลงบนโต๊ะไม้ตัวยาวที่ตั้งอยู่กลางสวนเล็กๆ เสียงพูดคุยของเหล่าคนสนิทที่ได้รับเชิญดังคลอไปกับเสียงดนตรี สายลมของเหมันต์พัดผ่านนำพาความหนาวเย็นลงมาจากยอดเขา
ไม่ไกลจากปาร์ตี้ฉลองวันเกิดของสัตวแพทย์หนุ่มประจำปางมีร่างของคนสองคนที่อยู่ในชุดนอนสีเดียวกัน คนตัวเล็กกว่านั่งยองๆ อยู่บนพื้น โดยที่ข้างกันมีเรือนกายสูงใหญ่ยืนอยู่ไม่ห่างพร้อมกับกล่องของขวัญในมือ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะตัวเล็ก” แบคฮยอนลูบฝ่ามือลงบนกลุ่มขนสีน้ำตาลอ่อนของลูกวัวที่โตขึ้นมากจากวันวาน ซึ่งเจ้าซันก็ขยับเข้ามาคลอเคลียราวกับคิดถึงผู้เป็นเจ้าของไม่ต่างกัน
“มันแข็งแรงขึ้นมากแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้มันไปอยู่กับแม่ได้แล้วใช่ไหมครับ”
ชานยอลทำเพียงพยักหน้ารับก่อนจะยื่นมือไปให้แบคฮยอนเพื่อพยุงคนตัวบางให้ลุกขึ้นจากพื้น ซึ่งแบคฮยอนก็ยอมลุกอย่างไม่อิดออดโดยที่สายตายังคงทอดมองเจ้าซัน, ลูกวัวตัวแรกที่ปาร์คคนเล็กมอบให้เป็นของขวัญต้อนรับการมาเยือนปางไม้แห่งนี้
“เข้าไปในงานกันเถอะ”
แบคฮยอนพยักหน้าก่อนจะยิ้มบางเมื่อคนตัวสูงกว่ายื่นท่อนแขนแกร่งมาให้ แน่นอนว่าท่อนแขนเรียวเล็กก็สอดเข้าไปคล้องทันทีโดยไม่ได้เอ่ยอะไร หากแต่ใบหน้าของทั้งคู่กลับประดับไปด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสุข
เสียงดนตรีเพราะๆ ชวนให้โยกกายตามดังกระทบหูเมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในบริเวณที่จัดงาน เสียงพูดคุยและรอยยิ้มของแขกที่ได้รับเชิญบอกให้รู้ว่าทุกคนกำลังสนุก เช่นเดียวกันกับใบหน้าคมคายของเจ้าของงานที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มจนเต็มแก้ม
“ไปหาคุณจงอินกันครับ” แบคฮยอนเงยหน้าบอกชานยอลด้วยรอยยิ้มหวาน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปหาเจ้าของวันเกิดที่กำลังแย่งมาการองในจานของคนข้างกาย
“เอ๊ะ, บอกให้ไปหยิบเองไงเล่า”
“ก็ในจานของคุณหนูมันอร่อยกว่า”
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละ!”
เสียงเย้าแหย่ของคุณหมอหนุ่มกับคุณหนูจอมซนเรียกรอยยิ้มจากแบคฮยอนได้เป็นอย่างดี เรียวตาคู่สวยทอดมองภาพน่ารักๆ ตรงหน้าด้วยแววตายินดี ผิดกับใครอีกคนที่เหมือนอาการหวงน้องจะกำเริบ
“จะโอบเอวน้องกูอีกนานไหมคิม จงอิน”
เสียงเย็นๆ ที่ดังขึ้นส่งผลให้คนที่ยืนเถียงกันอยู่ผละออกจากกันราวกับแม่เหล็กขั้วเหมือน ทั้งจงอินและเซฮุนต่างก็เลิ่กลั่กและไม่กล้าสบตาบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้า มีเพียงแบคฮยอนคนเดียวเท่านั้นที่หัวเราะเบาๆ เพราะเอ็นดูคนทั้งคู่
“มีความสุขมากๆ นะครับคุณจงอิน”
กล่องของขวัญที่เคยอยู่ในมือพ่อเลี้ยงหนุ่มถูกแม่นางของเขาหยิบออกมาและยื่นไปให้เจ้าของวันเกิด ซึ่งจงอินก็ยื่นมือมารับไว้พร้อมกับยกยิ้มเจื่อน
“ขอบคุณนะครับคุณแบคฮยอน”
บรรยากาศกระอักกระอ่วนที่โอบล้อมพวกเขาเอาไว้ทำให้คนเด็กสุดในกลุ่มค่อยๆ ขยับออกจากวงสนทนา เด็กดื้อของป้าแมรี่คิดว่าไม่มีใครสนใจตนหรอกจึงยกยิ้มกริ่ม โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองนั่นแหละเป็นเป้าสายตาของทุกคน
“จะไปไหนคนเล็ก”
เรือนกายโปร่งถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินน้ำเสียงเข้มๆ ของผู้เป็นพี่ชาย ใบหน้าน่ารักจำเป็นต้องหันกลับมาก่อนจะยกยิ้มหวานเอาใจ และแน่นอนว่าคนที่แพ้รอยยิ้มนี้ที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากสัตวแพทย์ผิวสีน้ำผึ้งที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ละ เล็กจะไปเอาน้ำมาให้พี่ใหญ่กับแบคครับ”
“พี่ยังไม่หิว”
“แหะๆ”
แบคฮยอนที่เห็นใบหน้าเจื่อนๆ ของเด็กน้อยที่ตนเอ็นดูก็อดไม่ได้ที่จะตีแผ่นอกแกร่งของสามีเบาๆ ซึ่งชานยอลก็ก้มมองคนที่ยืนอยู่ข้างกายพร้อมกับคิ้วเข้มที่เลิกขึ้นเป็นเชิงถาม
“หยุดแกล้งคุณเล็กกับคุณหมอได้แล้วครับ”
“ฉันไม่ได้แกล้ง”
แบคฮยอนหรี่ตามองสามีตัวสูงซึ่งชานยอลก็กระแอมเบาๆ ก่อนจะหันหน้าหนี ท่าทางที่เหมือนเชื่อฟังภรรยาเช่นนั้นตกอยู่ในสายตาของจงอินกับเซฮุนเป็นอย่างดี และแน่นอนว่าเด็กแสบที่เคยหงอยเมื่อครู่กลับยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“เอ? ชุดนอนของพี่ใหญ่กับแบคนี่เหมือนกันเลยน้า~”
เพราะรู้ว่าถ้าแซวออกไปว่าพี่ชายเกรงใจภรรยาหรือไงจะต้องโดนดุแน่ เซฮุนเลยเลือกที่จะแซวเรื่องชุดนอนที่ทั้งคู่ใส่มาเหมือนกันแทน เพราะเจ้าตัวเชื่อว่านอกจากจะไม่ถูกดุแล้วยังจะมีคนเขินอีกต่างหาก
“กะ ก็ชุดนอนทั่วๆ ไปนี่ครับ”
“แบคหน้าแดงอ่า, ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย”
“หยุดแกล้งพี่สะใภ้ตัวเองได้แล้วเล็ก”
“ฮ่าๆ พี่ใหญ่ทำแบคหน้าแดงกว่าเดิมแล้ว~”
เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุขทำให้แขกคนอื่นที่ทอดมองภาพนั้นต่างก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นทำให้หัวใจของใครหลายคนล่องลอย
ผืนนภาที่ไม่ได้เงียบเหงาในค่ำคืนนี้ดูเหมือนว่าจะสวยกว่าทุกคืนที่ผ่านมา ดวงดาราดาษดื่นเต็มฟากฟ้า ล้อไปกับแสงของเปลวเทียนที่ถูกจุดขึ้นบนหน้าเค้กชิ้นเล็กที่บิดเบี้ยวไม่เป็นทรง
ขึ้นชื่อว่า ‘ความรัก’ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดหรือเกิดขึ้นกับใคร พวกเขาเหล่านั้นล้วนอยากให้มันงดงามเหมือนเช่นที่วาดหวัง บนโลกใบนี้ไม่มีใครหรอกที่อยากผิดหวังในรัก เพราะทุกคนต่างต้องการได้รับความรู้สึกกลับคืนเมื่อยื่นความรู้สึกของตัวเองให้กับใครสักคน
ทว่าบนโลกใบนี้ก็ไม่มีใครเหมือนกันที่ได้ในทุกสิ่งที่หวัง ทุกคนต้องพบเจอความผิดหวังเพราะมันคือบททดสอบของชีวิต หากแต่บางครั้งกลับมีบางคนที่ก้าวผ่านบททดสอบนี้ไปด้วยเส้นทางที่ผิดพลาด
สายลมหนาวของเหมันต์พัดชายกระโปรงสีครีมพลิ้วไหว ใบหน้าสะสวยไม่ปรากฏร่องรอยใดๆ นอกจากความเรียบนิ่ง ทว่าช่างผิดกับดวงตาคู่สวยที่อัดแน่นไปด้วยหลากหลายความรู้สึก
รอยยิ้มเปี่ยมสุขของผู้คนในงานปาร์ตี้ไม่ได้เฉียดใกล้หัวใจดวงน้อยที่ด้านชา ความสุขเหล่านั้นมิอาจต้านทานความเจ็บปวดที่สะท้อนอยู่ในอก ไอรีนทุบแผ่นอกข้างซ้ายของตัวเองเพราะเธอรู้สึกว่ามันเจ็บจนแทบจะขาดใจ
“อึก..”
ภาพของชายที่เธอหลงรักมานานโดยที่ข้างกายมีใครอีกคนทำให้เธอแทบกระอัก ที่ตรงนั้นที่เคยใฝ่ฝันทำให้เธอปวดใจเมื่อภาพตรงหน้าตอกย้ำว่ามันไม่ใช่ที่ของเธอ เขาคนนั้นไม่ได้เลือกเธอ เหมือนกับความจริงที่ว่าเขาไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอด้วยซ้ำ
แต่เธอรักเขา
เธอรักปาร์ค ชานยอลจนหมดหัวใจ!!
“ทำไมถึงไม่ใช่ฉัน”
ไอรีนพร่ำเพ้อกับสายลมที่พัดพาความหนาวเหน็บจนบาดผิวกาย ฝ่ามือเล็กกำแน่นบ่งบอกถึงความเคียดแค้นและเจ็บปวด และเมื่อใดที่หัวใจอ่อนแอ – ซาตานที่เคยหลับใหลอยู่ในตัวตนจะถูกปลุกให้ตื่นจากนิทรา
“มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”
เพื่อคร่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
“คุณลู่หาน?”
และเพื่อลิ้มรสความผิดบาปที่แสนหอมหวาน
tbc.
ที่หายไปนานเพราะเราเปลี่ยนงานใหม่ อะไรๆเลยยังไม่ค่อยลงตัว
ขอโทษทุกคนที่รอนะคะ และก็ขอบคุณที่ยังรอกันค่ะ
คิดถึงเสมอ :)
#ซคกด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุณมอร์แกนน่าจะพาหลานสาวไปตรวจสุขภาพจิตบ้างนะ นี่มันไม่ปกติเลย
ยิ่งมาโดนเสี้ยมจากลู่หานไปอีก หนักกกกกกกก กกกกกกกก
จะทำอะไรอีกหนอ ถถถถถ
รออยู่เสมอนะคะ รอๆๆๆ รอทุกเรื่องของไรท์เลยค่ะ งืออออ รอซื้อแล้ว
กลิ่นมาม่าลอยมาแต่ไกล
ปล.คิดถึงไรท์มากๆๆๆ ยินดีที่กลับมานะคะ สู้ๆค่ะ
คิดถึงมากๆเลยค่ะ