ตอนที่ 2 : 02 | Note to God
02 | Note to God
จรดหมึกสีเข้มลงบนกระดาษสีขาว
พับเป็นรูปนกกระสา ส่งถึงพระเจ้าในสวนเอเดน
Secrets of Garden
อุณหภูมิในเช้าวันนี้ของเฮลเวเทียดูจะลดลงมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา ไอหมอกจางยังคงปกคลุมอยู่ในอากาศถึงแม้ว่าแสงอาทิตย์จะส่องผ่านมาเยือนแล้วก็ตาม ทว่ามวลความกดอากาศต่ำก็ยังคงแผ่กระจายไปทั่วทุกอณู ไม่เว้นแม้แต่ใต้ผ้าห่มผืนหนาในห้องนอนอันอบอุ่น
ความเย็นของอากาศที่ลดต่ำลงทำให้คนที่เกลียดชังมันยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจมากขึ้นกว่าเดิม ปลายจมูกรั้นแดงเรื่อกว่าทุกวันและมันก็ส่งผลให้ผู้เป็นเจ้าของรู้สึกแสบคันคล้ายจะมีน้ำมูก อีกทั้งอาการคั่นเนื้อคั่นตัวที่เป็นมาตั้งแต่เมื่อเย็นวานก็ดูจะแสดงอาการมากขึ้นกว่าเดิม
ทว่าถึงแม้ร่างกายจะเหมือนไม่สมบูรณ์ครบร้อย แต่คนที่มีฐานะเป็นเพียงผู้อาศัยก็ฝืนตัวเองลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างคนหยิ่งในศักดิ์ศรี แบคฮยอนจะไม่ยอมให้ใครมากล่าวว่าๆ เขานอนกินบ้านกินเรือน ถึงแม้ว่าจะมีสิทธิ์ทำแบบนั้นก็ตาม
ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆๆ
เสียงรัวประตูที่ได้ยินจนคุ้นเคยมาตลอดสองวันส่งผลให้คนเพิ่งตื่นยกยิ้มบาง กลีบปากอิ่มกดยิ้มเอ็นดูเจ้าของเสียงเคาะที่หาเรื่องซนได้ทุกวัน และทั้งๆ ที่เคยบอกหลายครั้งแล้วว่าถ้าเคาะแรงแบบนั้นอาจจะทำให้มือเจ็บได้ ทว่าเด็กดื้อของป้าแมรี่ก็ไม่เคยคิดจะฟังเลยแม้แต่นิดเดียว
“แบคฮยอนนนนน แบคคคคคคค~”
แบคฮยอนส่ายหัวน้อยๆ ให้กับความซนของปาร์ค เซฮุน ก่อนที่เรือนกายบางจะลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปเปิดประตูให้กับเด็กน้อยที่ว่างสุดๆ เพราะอยู่ในช่วงปิดเทอม ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าตัวมาป่วนเขาทุกวันจนป้าแมรี่เหนื่อยที่จะดุ
ก๊อกๆๆๆ
“อย่าเคาะแรงสิครับเดี๋ยวก็เจ็บมือหรอก” เสียงแหบหวานตามประสาคนเพิ่งตื่นเอ่ยดุคนเด็กกว่าทันทีที่บานประตูเปิดออกกว้าง และนั่นก็ทำให้คนที่ไม่ชอบโดนดุมุ่ยหน้าทันทีอย่างแง่งอน
“แบคฮยอนต้องติดเชื้อดุมาจากแมรี่แน่ๆ”
“พูดอะไรแบบนั้นล่ะครับ”
“ก็เนี่ย, เมื่อกี้แบคฮยอนดุเล็กอ่ะ” แบคฮยอนทำเพียงแค่ยิ้มบางอย่างไม่คิดจะเถียงเจ้าเด็กดื้อ ก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายเข้ามาในห้องของตัวเอง
“ทำไมวันนี้ลงไปข้างล่างช้ากว่าทุกวันอ่ะ ไม่สบายหรือเปล่า”
ใบหน้าน่ารักที่แสดงออกว่ากำลังเป็นห่วงพร้อมกับฝ่ามือที่แนบลงบนหน้าผากทำให้แบคฮยอนอดยิ้มไม่ได้เพราะเอ็นดูคุณเล็กของป้าแมรี่เข้าไปทุกวัน แบคฮยอนไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าไม่มีเซฮุนเขาจะเหงามากแค่ไหนที่ต้องอยู่ที่นี่เพียงลำพัง
“ตัวร้อนอ่ะ!”
“แค่นิดหน่อยเองครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก” เซฮุนมุ่ยหน้าทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยตอบกลับมาด้วยคำพูดที่ขัดกับใจของตน นิดหน่อยอะไรกันตัวร้อนจี๋ขนาดนี้
“เอาไว้ไปวันหลังก็ได้ วันนี้แบคฮยอนไม่สบายอ่า”
“แต่วันนี้ซูซูจะตกลูกไม่ใช่หรอครับ”
“มันก็ใช่..” เซฮุนกัดริมฝีปากล่างอย่างคิดไม่ตกเพราะตัวเองก็อยากไปดูซูซูตกลูกเอามากๆ แต่อีกใจก็เป็นห่วงคนตัวเล็กตรงหน้า
“ผมไหวครับ อีกอย่างผมก็อยากเห็นแม่วัวตกลูกเหมือนกัน”
คุณเล็กที่ป้าแมรี่ชอบดุว่าเอาแต่ใจตัวเองกำลังเป็นห่วงคนอื่นจนลืมความเอาแต่ใจที่อยากได้อะไรก็ต้องได้อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นัยน์ตาเรียวคมเอาแต่จดๆ จ้องๆ ใบหน้าขึ้นสีของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างชั่งใจว่าจะเอายังไงดี ทว่าพอเห็นอีกคนเอ่ยย้ำว่าไม่ได้เป็นอะไรด้วยท่าทางจริงจังก็ยอมพยักหน้ารับในที่สุด
“ถ้างั้นผมขอเวลาอาบน้ำสิบห้านาทีนะครับ”
“โอเค~ เล็กจะนั่งรออยู่ตรงนี้นะ”
ใบหน้าหวานของแบคฮยอนเปื้อนด้วยรอยยิ้มอีกครั้งในเช้าวันนี้เมื่อเห็นร่างโปร่งของเด็กซนเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงหลังกว้างดังตุบ ก่อนที่เจ้าตัวจะนอนคว่ำลงบนนั้นพร้อมกับแกว่งขาไปมาในอากาศ เรียกได้ว่าเป็นภาพน่ารักๆ ในยามเช้าที่สดใสไม่แพ้แสงของวันใหม่ที่โผล่พ้นเหนือเส้นขอบฟ้า
เสียงวิ่งตึงตังดังแว่วออกมาจากห้องครัวในยามสายของวัน ซึ่งผู้ที่ทำให้เกิดเสียงโครมครามนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากเด็กซนประจำบ้าน โดยที่ร่างโปร่งบางรีบวิ่งผ่านหน้าร่างท้วมของแมรี่ไปอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะถูกดุ
“อย่าพาคุณแบคฮยอนซนนะคะคุณเล็ก!”
“ครับ~”
แบคฮยอนอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันไปโค้งให้กับคุณป้าร่างท้วมที่กำลังบ่นตามหลังคุณหนูตัวแสบของเธออย่างอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะรับเอาตะกร้าใส่แซนวิชที่เป็นมื้อกลางวันของพวกเขาที่อีกฝ่ายเตรียมเอาไว้ให้
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะช่วยดูแลเองครับ”
“ฝากด้วยนะคะคุณแบคฮยอน” แบคฮยอนทำเพียงยิ้มรับ ก่อนที่เรือนกายบางจะรีบเดินตามเด็กซนไปเพราะเสียงตะโกนเรียกที่ดังแว่วมาจากหน้าเรือน
หลังจากที่ทานมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้ว เซฮุนกับแบคฮยอนก็ตกลงกันว่าจะออกไปฟาร์มโคนมทันทีเพื่อให้ทันเวลาที่แม่วัวซูซูตกลูก เนื่องด้วยระยะทางจากเรือนใหญ่ไปยังฟาร์มโคนมค่อนข้างไกลจึงต้องใช้เวลาในการเดินทางอยู่พอสมควร
“เราจะไปที่ฟาร์มกันยังไงครับคุณเล็ก”
“เจ้านี่ไง”
รอยยิ้มแฉ่งพร้อมกับนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังเจ้านี่ที่ว่าทำให้แบคฮยอนเริ่มเข้าใจความรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจของป้าแมรี่ ควอดไบค์คันใหญ่ที่จอดอยู่หน้ารั้วบ้านบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงความซนของเด็กแสบ และดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะเตรียมการมาเป็นอย่างดีเพราะจอดแอบๆ เอาไว้ไม่ให้คุณป้าแม่บ้านผู้เคร่งครัดในมารยาทออกมาเห็น
“ไปเอามาจากไหนครับ”
“เล็กให้คนงานในปางไปขับมาไว้ให้น่ะ”
“ขออนุญาตคุณป้าแมรี่แล้วใช่ไหมครับ”
“แหะ” แบคฮยอนหรี่ตามองเด็กซนที่ส่งยิ้มแหยมาให้อย่างรู้ทัน มาอีหรอบนี้คือไม่ได้ขอแน่นอน
“อย่าซนแล้วกันนะครับ”
“อื้ม!”
เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยแล้วว่าจะไม่มีเด็กซนให้ป้าแมรี่ต้องเป็นห่วง ทั้งคู่ก็ขับควอดไบค์ออกไปคนละคันมุ่งหน้าสู่ฟาร์มโคนม ซึ่งเป็นสถานที่อันโปรดปราณที่สุดในปางของปาร์ค เซฮุน
สายลมเย็นพัดผ่านเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่โผล่พ้นจากหมวกสานใบเล็กที่สวมไว้กันแดด ทุ่งหญ้ากว้างเขียวขจีที่ทอดยาวอยู่สองข้างทางเรียกสายตาของแบคฮยอนให้หันไปมองอย่างสนอกสนใจ ด้วยเพราะเป็นเด็กที่เกิดและเติบโตในเมืองหลวงทำให้คนตัวบางไม่ค่อยได้สัมผัสกับธรรมชาติบ่อยนัก
ควอดไบค์สองคันขับตามกันไปบนเส้นทางที่ปูด้วยคอนกรีตอย่างดีตัดกับสีเขียวของเงาไม้สูงที่ยืนต้นให้ร่มเงา แบคฮยอนกวาดสายตามองสิ่งรอบกายอย่างตื่นเต้นก่อนจะไปสะดุดกับทิวไม้เขียวขจีที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีม่วงเข้ม ซึ่งถ้ามองไม่ผิดแบคฮยอนคิดว่ามันคือไร่องุ่นที่ทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา
“สนใจไร่องุ่นเหรอแบค!” เสียงตะโกนจากคนที่ขับควอดไบค์อยู่ข้างหน้าทำให้แบคฮยอนเร่งเครื่องไปตีคู่กับอีกฝ่าย ก่อนที่ใบหน้าหวานจะพยักหน้ารับแทนคำตอบ
“อีกสองอาทิตย์ก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้วน่ะ เดี๋ยวเล็กพามาดูเอาไหม”
คำพูดของเซฮุนเรียกรอยยิ้มหวานจากแบคฮยอนได้เป็นอย่างดี คนตัวบางรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกและเฝ้ารอวันที่จะได้เก็บผลองุ่นจากต้นเป็นครั้งแรกในชีวิต
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ขับผ่านไร่ส้มซึ่งอยู่ถัดมาจากไร่องุ่นหรือจะเรียกได้ว่าอยู่บนที่ดินผืนเดียวกัน ผลส้มสีเหลืองทองที่แต่งแต้มอยู่เต็มต้นตัดกับสีเขียวสดของพุ่มใบได้อย่างลงตัว โดยในบริเวณนั้นมีคนงานเดินอยู่เต็มไปหมดเพื่อตัดแต่งกิ่งของต้นส้มนับพันต้น
ก่อนจะออกมาตะลุยปางไม้เติมฝันไกด์เฉพาะกิจอย่างเซฮุนได้เล่าให้แบคฮยอนฟังว่าพื้นที่ปางทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน – ส่วนแรกคือพื้นที่ 100 ไร่ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเพื่อปลูกองุ่นหลายสายพันธุ์และส้มสายน้ำผึ้ง
ส่วนที่สองคือฟาร์มโคนม ซึ่งมีแม่วัวพันธุ์ดีที่สามารถผลิตน้ำนมได้ถึง 5,000 ลิตรต่อวัน ส่วนที่สามคือโรงบ่มไวน์ที่เพิ่งจะถูกสร้างขึ้นเมื่อสองปีที่แล้วหลังจากที่พ่อเลี้ยงสนใจจะทำไวน์อย่างจริงจัง และส่วนที่สี่ยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่าซึ่งในอนาคตอาจจะต่อยอดเป็นรีสอร์ทท่ามกลางธรรมชาติ
หลังจากขับผ่านไร่ส้มมาได้ไม่ไกลก็ถึงสถานที่หมายที่ทั้งคู่ตั้งใจจะมาในวันนี้ เซฮุนกระโดดลงจากควอดไบค์ทันทีที่ล้อจอดสนิทใต้ร่มไม้ใหญ่ ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบวิ่งหน้าตั้งไปที่คอกวัวโดยลืมที่จะรอใครอีกคนที่ตนพามาด้วยอย่างแบคฮยอน
“ซูจังงงงง~”
เสียงแหลมแป้นแล่นกับร่างสูงโปร่งที่วิ่งเข้ามาใกล้คอกวัวที่สร้างแยกเอาไว้สำหรับวัวที่ใกล้จะตกลูก เรียกให้คนงานที่กำลังเตรียมเบาะฟางไว้รับลูกวัวเกิดใหม่สะดุ้งไปตามๆ กัน สายตาทุกคู่มองมาที่คุณเล็กของปางด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะเป็นหัวหน้าคนงานของฟาร์มโคนมที่หันมาทักทายเจ้านายคนเล็กที่ชอบมาวิ่งเล่นในฟาร์มตั้งแต่ตัวสูงเพียงเอว
“สวัสดีครับคุณเล็ก”
“สวัสดีครับลุงชาร์ลี~”
เสียงใสที่เอ่ยทักทายกลับมาอย่างเป็นกันเองทำให้หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบกว่าอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มเอ็นดู ก่อนที่นัยน์ตาคมจะฉายแววสงสัยเมื่อกรอบสายตาเห็นใครบางคนที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตากำลังเดินตรงมาทางนี้
“วันนี้พาแขกมาด้วยหรือเปล่าครับคุณเล็ก”
“โอ๊ะ!”
คำถามของคุณลุงหัวหน้าคนงานทำให้เด็กดื้อของป้าแมรี่อุทานเสียงดังเพราะเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้มาคนเดียว ใบหน้าค่อนไปทางน่ารักจึงรีบหันกลับไปมองข้างหลังทันที ก่อนจะยิ้มเผล่ออกมาอย่างเด็กที่กลัวความผิดและเอารอยยิ้มเข้าอ้อน
“ไหนบอกจะไม่ซนไงครับ”
“งื้อ~ เล็กรีบวิ่งมาหาซูจังอ่าครับ”
คำพูดออดอ้อนทำให้แบคฮยอนที่เพิ่งเดินตามมาถึงคอกวัวส่ายหัวเบาๆ อย่างไม่ได้คิดจะดุอีกฝ่ายจริงจังนัก ไหนจะรอยยิ้มอ้อนนี่อีกที่ทำเอาแบคฮยอนดุไม่ลง
“คราวหลังไม่ซนแล้วนะครับ”
“ครับ~”
เรียวตาคมหยีลงอย่างน่ารักยามที่เจ้าตัวยกยิ้มกว้าง ก่อนที่ร่างโปร่งจะเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กกว่าและสวมกอดเอวเล็กบางอย่างออดอ้อน ซึ่งท่าทางเหล่านั้นก็ทำเอาคนงานที่อยู่ในบริเวณนั้นอดไม่ได้ที่จะเอ็นดูเจ้านายคนเล็กของปางยิ่งกว่าเดิม
“ใช่แขกของปางหรือเปล่าครับคุณเล็ก”
ชาร์ลีที่เห็นว่าเจ้านายของตนอ้อนคนแปลกหน้าเสมือนคนในครอบครัวเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย ซึ่งนั่นก็ทำให้เซฮุนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหัวหน้าคนงานของฟาร์มยังยืนอยู่ไม่ไกลจากตน
“อ่า, นี่แบคฮยอนแขกของพี่ใหญ่ครับลุงชาร์ลี” เซฮุนเอ่ยแนะนำคนตัวบางที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้กับหัวหน้าคนงานได้รู้จัก ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยประโยคหลังกับแบคฮยอน “ส่วนนี่ลุงชาร์ลี, เป็นหัวหน้าคนงานของฟาร์ม”
“สวัสดีครับ” แบคฮยอนโค้งให้กับชายร่างกายกำยำตรงหน้าอย่างมีมารยาท ซึ่งชาร์ลีก็รีบโค้งรับเพราะรู้ดีว่าคนตัวเล็กต้องเป็นแขกคนสำคัญของเจ้านายทั้งสองอย่างแน่นอน
“ซูจังใกล้คลอดหรือยังครับลุงชาร์ลี”
หลังจากที่แนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้ว, เซฮุนก็รีบเอ่ยถามถึงแม่วัวพันธุ์ดีที่ตนคอยป้อนหญ้าป้อนนมมาตั้งแต่ยังเป็นลูกวัวตัวเล็กๆ ทันที ซึ่งในวันนี้ซูจังของเขากำลังจะกลายเป็นแม่วัวที่มีลูกน้อยคอยเดินตามเสียแล้ว
“ใกล้แล้วครับคุณเล็ก ตอนนี้สัตวแพทย์ของเราเตรียมฉีดยาแล้วครับ”
ช่วงขาเรียวที่กำลังจะก้าวเข้าไปใกล้ๆ คอกที่มีซูซูอยู่ในนั้นเป็นอันต้องชะงักเพราะได้ยินคำพูดไม่เข้าหู นัยน์ตาเรียวคมตวัดมามองคุณลุงหัวหน้าคนงานทันทีจนแบคฮยอนที่เดินตามหลังมาเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ ทว่ายังไม่ทันที่แบคฮยอนจะได้เอ่ยถามคุณเล็กของป้าแมรี่ว่ามีอะไรหรือเปล่า เจ้าตัวก็แหวออกมาเสียงดังลั่นจนทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นหันมามองด้วยความตกใจ
รวมทั้งเจ้าของผิวสีแทนน้ำผึ้งภายใต้ชุดกาวน์สีขาวคนนั้นด้วย
“เมื่อกี้ลุงชาร์ลีพูดถึงสัตวแพทย์งั้นเหรอ!”
“ทำไมครับ, สัตวแพทย์อย่างผมมันทำไมเหรอครับ”
คุณลุงชาร์ลีที่ถูกเอ่ยถามยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ – เสียงทุ้มของใครบางคนก็เอ่ยแทรกขึ้นมาพร้อมกับเรือนกายสูงสมส่วนที่เดินออกมาจากด้านในของคอกวัว ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งสามคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นหันไปมองแทบจะพร้อมกัน แต่ดูเหมือนว่าคนที่หันเร็วที่สุดคงจะเป็นเด็กดื้อของป้าแมรี่ที่หันขวับจนคอแทบเคล็ด
“คิม จงอิน!!”
“ครับคุณหนูเล็ก :)”
เสียงลมหายใจฟึดฟัดของคนที่ยืนอยู่ข้างกายทำให้แบคฮยอนหันมองอย่างนึกเป็นห่วง ลมหายใจร้อนที่ผ่อนออกมาจากปลายจมูกโด่งช่างไม่ต่างกับซูซูที่กำลังจะตกลูกเลยแม้แต่นิดเดียว ไหนจะท่าทางกอดอกอย่างเอาแต่ใจนั่นอีก ทำเอาแบคฮยอนเดาไม่ถูกเลยว่าคนข้างๆ หรือแม่วัวในคอกนั่นกันแน่ที่กำลังหงุดหงิดเพราะอาการตกลูก
หลังจากที่แบคฮยอนได้ทำความรู้จักกับสัตวแพทย์ประจำฟาร์มจากการแนะนำของคุณลุงชาร์ลี ท่าทางของเด็กดื้อก็เปลี่ยนไปเหมือนคนไม่พอใจอะไรสักอย่างเอามากๆ ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นเรื่องของสัตวแพทย์ผิวเข้มที่กำลังทำคลอดให้ซูซูอยู่ในคอก เพราะอีกฝ่ายเองก็หันมามองคนข้างกายแบคฮยอนแทบจะทุกห้านาทีเหมือนกัน
เรียกได้ว่าอีกคนก็เอาแต่มอง ส่วนอีกคนก็เอาแต่เมิน
มออออ
เสียงร้องของแม่วัวที่กำลังจะตกลูกทำให้แบคฮยอนละสายตาจากคุณเล็กของป้าแมรี่เพื่อหันกลับไปมองยังคอกวัวอย่างสนใจ ไม่ต่างอะไรกับคนที่เก๊กเมินมาตั้งนานที่แทบจะกระโจนเข้าไปในคอกเพราะเป็นห่วงแม่วัวที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ดีที่ว่าแบคฮยอนไหวตัวทันดึงแขนเรียวเอาไว้เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับทั้งเจ้าตัวและแม่วัวที่อารมณ์ไม่คงที่
“ซูซูจะไม่เป็นอะไรครับคุณเล็ก เขาจะปลอดภัย”
“แต่..”
“คุณจงอินก็อยู่ตรงนั้นไงครับ”
เด็กน้อยที่คล้ายจะดื้อในตอนแรกยอมอยู่นิ่งในที่สุดเพียงเพราะหันไปสบตากับเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งที่ยืนอยู่ในคอกวัว หน่วยตาคมคู่นั้นที่ทอดมองมามันบอกว่าให้เชื่อใจเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา และน่าแปลกที่เด็กดื้ออย่างเซฮุนยอมเชื่อทั้งๆ ที่เวลาเจอกันก็มักจะตั้งแง่ใส่กันทุกครั้งไป
“ซูซูจะคลอดแล้วครับคุณหมอ!”
เสียงของคนงานที่อยู่ในคอกวัวตะโกนดังลั่น ซึ่งมันก็ทำให้สองสายตาที่สอดประสานกันผละออกไปสนใจแม่วัวตามเดิม ก่อนที่วินาทีอันน่าตื่นเต้นจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น – ในยามที่ลูกวัวขนสีน้ำตาลอ่อนร่วงออกมาจากช่องคลอดของซูซูที่ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ทว่าก็เป็นวินาทีที่ความปลาบปลื้มแล่นสู่หัวใจในเวลาเดียวกัน
แบะ แบะ..
“ลูกวัวเพศผู้ครับ สุขภาพแข็งแรงดี”
ประโยคของจงอินเรียกรอยยิ้มของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนที่เพิ่งเคยเห็นแม่วัวตกลูกเป็นครั้งแรกก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึมยามที่ได้เห็นสัญชาตญาณความเป็นแม่ของซูซูที่รีบเข้าไปเลียขนของลูกน้อย ก่อนที่รอยยิ้มกว้างจะแย้มยิ้มมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ ของลูกวัวเกิดใหม่ที่ร้องออกมาเบาๆ
ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจจริงๆ
“แบคตั้งชื่อให้ลูกวัวสิ” เสียงนิ่มที่กระซิบขึ้นข้างๆ หูส่งผลให้แบคฮยอนละสายตาจากลูกวัวตัวน้อยมามองหน้าคนพูด และแบคฮยอนก็ได้พบกับรอยยิ้มน่ารักของเด็กดื้อที่ส่งยิ้มแป้นมาให้กัน
“จะให้ผมตั้งจริงๆ เหรอครับ”
“อื้ม, เล็กยกลูกของซูซูให้แบคนะ ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับแบคไง”
แบคฮยอนอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มจนเต็มแก้มให้กับความน่ารักของเซฮุน ทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันแต่อีกฝ่ายกลับเอาใจใส่ความรู้สึกของเขาอยู่เสมอ ซึ่งนั่นก็ทำให้แบคฮยอนรู้สึกขอบคุณเซฮุนซ้ำๆ ที่ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่ไม่รู้จักแห่งนี้ได้อย่างมีความสุข
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”
แบคฮยอนเอ่ยอย่างจริงใจกับเด็กน้อยตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งเซฮุนก็ยิ้มรับอย่างน่ารักตามแบบฉบับของเจ้าตัว ก่อนที่ทั้งคู่จะผละสายตากลับไปมองลูกวัวเกิดใหม่ที่เหมือนมันจะรู้ตัวว่าตนถูกมองอยู่ เพราะเจ้าตัวเล็กก็มองมาที่พวกเขาเหมือนกัน
ดวงตากลมใสที่มองมาเรียกรอยยิ้มเล็กๆ จากกลีบปากสวยได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนทอดมองลูกวัวเกิดใหม่นิ่งก่อนจะแย้มยิ้มบางเมื่อคิดได้แล้วว่าจะให้เจ้าตัวเล็กชื่อว่าอะไร ซึ่งแบคฮยอนมั่นใจว่ามันเป็นชื่อที่เหมาะกับเจ้าตัวเล็กที่สุดแล้ว
“Sun”
“หือ?”
“เจ้าตัวเล็กชื่อว่าซันครับ”
‘Sun’ ที่แปลว่าพระอาทิตย์ – ดาวฤกษ์ดวงใหญ่ที่โผล่พ้นเหนือขอบฟ้าในช่วงเวลาเช้า ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เจ้าตัวเล็กลืมตาดูโลกพอดี อีกทั้งขนสีน้ำตาลอ่อนของมันก็เหมือนกับแสงสีทองของพระอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาบนผืนป่าแห่งนี้
“เล็กชอบมากๆ เลย แม่ชื่อซูซู ส่วนลูกชื่อเจ้าซัน” แบคฮยอนยิ้มบางเมื่อเจ้าของลูกวัวตัวจริงเห็นด้วยกับชื่อที่ตนตั้ง ซึ่งมันก็เหมาะกับเจ้าตัวเล็กจริงๆ
“คุณเล็กครับ”
เสียงทุ้มของคุณลุงชาร์ลีเรียกให้คนน่ารักทั้งสองที่กำลังยืนคุยกันอยู่ผละออกจากกันและหันไปมอง ก่อนจะเป็นคนที่ถูกเรียกอย่างเซฮุนที่เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามหัวหน้าคนงานว่ามีอะไรหรือเปล่า
“คุณเล็กจะเข้าไปดูลูกวัวไหมครับ”
“ซูจังยอมปล่อยลูกแล้วเหรอ” เซฮุนเอ่ยถามอย่างแปลกใจเพราะปกติแม่วัวจะหวงลูกของมันมากและไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ ซึ่งกว่าจะเข้าไปเล่นกับลูกวัวเกิดใหม่ได้ก็ต้องรอไปอีกเป็นอาทิตย์
“ครับ, ซูซูเป็นวัวสาวและเพิ่งมีท้องแรก พอตกลูกมันจะอ่อนแรงจนต้องฉีดยาสลบเพื่อไม่ให้มันช็อกน่ะครับ”
เซฮุนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจพร้อมกับบอกลุงชาร์ลีว่าตนจะเข้าไปดูลูกวัวเกิดใหม่ แต่ก่อนนั้นก็ไม่ลืมหันมาบอกกับแบคฮยอนที่ยืนอยู่ข้างกายว่าคงให้เข้าไปในคอกด้วยไม่ได้เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของอีกฝ่าย ซึ่งแบคฮยอนก็เข้าใจเป็นอย่างดี
“แบคไปรอที่รถก่อนก็ได้ เดี๋ยวเล็กเข้าไปดูเจ้าซันแป๊บนึงแล้วจะรีบตามไปนะ”
“อย่าซนนะครับ”
“อื้อ~” แบคฮยอนยิ้มบางให้กับท่าทางน่ารักของเซฮุนก่อนจะผละออกมา ส่วนเซฮุนก็ปีนรั้วกั้นเข้าไปในคอกวัวทันทีเพราะไม่อยากให้แบคฮยอนต้องรอตนนาน
เรือนกายสูงโปร่งเดินเข้าไปใกล้กลุ่มคนงานที่คอยดูแลทั้งแม่วัวและลูกวัวเกิดใหม่ด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นแม่วัวตกลูก แต่เซฮุนก็อดตื่นเต้นไม่ได้กับชีวิตเล็กๆ อีกหนึ่งชีวิตที่ลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้ มันเหมือนเป็นการย้ำเตือนให้เซฮุนรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาที่หมุนเดิน
นัยน์ตาเรียวคมกวาดมองหาแม่วัวที่ตนป้อนนมมากับมืออย่างนึกเป็นห่วง ก่อนจะโล่งใจเมื่อเห็นว่ามันกำลังหลับสนิทอยู่บนเบาะฟางที่พวกคนงานปูรองพื้นเอาไว้ก่อนหน้านี้ เรียวขายาวก้าวเข้าไปใกล้แม่วัวสาวก่อนจะลูบฝ่ามือลงบนหัวของมันด้วยความเอ็นดู ซึ่งภาพเหล่านั้นตกอยู่ในสายตาของสัตวแพทย์หนุ่มที่มองตามคุณเล็กของทุกคนในปางอยู่ตลอดเวลามาตั้งแต่ต้น
ช่วงขายาวภายใต้บูทสูงหุ้มเข่าก้าวเข้าไปหาเจ้าของเรือนกายโปร่งที่ยังคงให้ความสนใจแม่วัวที่หลับพริ้มอยู่บนเบาะฟาง เสียงส้นรองเท้าที่กระทบกับพื้นปูนดังกึกกึกเรียกให้คนที่เหมือนจะจมอยู่ในโลกส่วนตัวหันกลับมามองได้ไม่ยาก และปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็เรียกรอยยิ้มมุมปากจากคนผิวสีแทนได้เป็นอย่างดี
“กลัวผมหรือไงครับคุณหนูเล็ก ถึงได้ถอยไปตั้งหลักเสียไกลเชียว”
คนถูกปรามาสเชิดหน้าขึ้นทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าตนได้แสดงท่าทางเสียฟอร์มเช่นนั้นออกไป และทันทีที่ตั้งหลักได้ – เด็กดื้อของป้าแมรี่ก็กลับมาแผลงฤทธิ์เช่นเดิมทันที
“ฉันจะกลัวนายทำไมไม่ทราบ เหอะ!” ท่าทางชวนเอ็นดูนั้นเรียกรอยยิ้มของคิม จงอินให้กว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่านั่นกลับสร้างความไม่พอใจให้กับเด็กเอาแต่ใจให้ปะทุมากกว่าเดิม
“ยิ้มอะไรของนายห๊ะ!”
“ชู่ว.. อย่าเสียงดังสิครับ มันจะไปรบกวนซูซูเอานะ”
คนถูกขัดใจมุ่ยหน้าอย่างขุ่นเคืองทันทีตามประสาเด็กเอาแต่ใจ ก่อนจะกระแทกส้นเท้าใส่คนอายุเยอะกว่าและเดินออกไปจากตรงนั้นด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
จงอินที่เห็นท่าทางเอาแต่ใจของเด็กดื้อก็ได้แต่อมยิ้มมองอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินตามหลังไปติดๆ พรางในใจก็นึกไปว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนกันนะที่เด็กดื้อคนนี้ตั้งแง่ใส่กัน และจงอินก็ได้คำตอบว่ามันคงเป็นตั้งแต่วันแรกที่เขามาเหยียบปางไม้แห่งนี้เมื่อสามปีก่อน
หลังจากเรียนจบจงอินก็เป็นสัตวแพทย์อยู่ในโรงพยาบาลสัตว์ใจกลางเมืองหลวงของสวิส ก่อนจะย้ายมาประจำที่ฟาร์มโคนมของปางไม้เติมฝันเมื่อสามปีก่อนด้วยคำชวนกึ่งบังคับของพ่อเลี้ยง ซึ่งวันแรกที่เขามาถึงที่นี่ก็ได้พบกับเด็กแสบที่ตอนนั้นเพิ่งจะอายุสิบหกกำลังวิ่งซนไปทั่วฟาร์ม และการพบกันครั้งแรกของพวกเขาก็ดันเกิดเรื่องเข้าใจผิดที่ทำให้อีกฝ่ายตั้งแง่ใส่กันมาจนถึงทุกวันนี้
มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดที่ว่าเด็กดื้อกล่าวหาว่าเขาจะทำร้ายซูจังของเจ้าตัว ทั้งที่ตอนนั้นเขาแค่ตรวจอาการเท้าบวมของมันเพื่อที่จะรักษาเท่านั้นเอง
ทว่าพยายามจะอธิบายยังไงเจ้าเด็กดื้อก็ไม่ยอมฟัง แถมยังขู่ใส่กันทุกครั้งเวลาที่เขาเข้าใกล้ เหมือนอย่างเช่นตอนนี้ที่ใบหน้าน่ารักนั่นกำลังหันมาแยกเขี้ยวใส่เขาทันทีที่เห็นว่าเขาเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ
“ตั้งชื่อให้มันหรือยังครับ” จงอินเลือกที่จะมองผ่านท่าทางไม่เป็นมิตรของคนเด็กกว่าเพราะไม่อยากให้เด็กดื้ออารมณ์ขุ่นมัวไปมากกว่านี้ เจ้าของผิวสีแทนน้ำผึ้งจึงเลือกที่เปลี่ยนเรื่องคุยแทน
“ยุ่งไรด้วย”
“ผมแค่ถามครับ ไม่ได้จะยุ่งวุ่นวายหรือกวนใจคุณหนูเล็กเลยสักนิด”
คนเอาแต่ใจจิ๊ปากอย่างไม่พอใจพร้อมกับสะบัดหน้าหนีคนที่ตนไม่อยากคุยด้วย จงอินมองท่าทางเหล่านั้นด้วยความเอ็นดูซึ่งเขามีความรู้สึกเช่นนั้นทุกครั้งเวลาที่เห็นเด็กดื้องอแงใส่กัน มันดูน่ารักน่าแกล้งเหมือนกับลูกแมวตัวเล็กๆ ที่ทำใจกล้าต่อกรกับราชสีห์ไม่มีผิด
“ชื่อซัน”
“หืม? คุณหนูเล็กคุยกับผมหรือเปล่าครับ”
“คุยกับซูซูหรอกมั้ง!”
น่ารัก .. ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นในใจของจงอินในยามที่ได้พบคุณเล็กของป้าแมรี่ ปาร์ค เซฮุนไม่ใช่คนตัวเล็กน่าทะนุถนอมเหมือนกับเด็กผู้หญิง ทว่านิสัยเอาแต่ใจที่แสนดื้อรั้นนั่นต่างหากที่ทำให้เจ้าตัวน่ารักจนพาลให้หัวใจของใครหลายคนสั่นไหว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมถึงจงอินที่ใจกระตุกทุกครั้งจนน่ากลัวว่ามันจะหยุดเต้นเข้าสักวัน
ก็ได้แต่หวังว่าเด็กดื้อจะไม่ทำตัวน่ารักให้ใจเขาพังไปมากกว่านี้ก็พอ
ยามเย็นย่ำสนธยาหมุนเวียนมาถึงตามกลไกของธรรมชาติที่ผันเปลี่ยนจากกลางวันสู่กลางคืน ปลายปากกาเส้นเล็กจรดลงบนเนื้อกระดาษสีขาวในหน้าหนึ่งของไดอารี่เล่มบางที่วางอยู่บนตัก ก่อนที่หมึกสีเข้มจะค่อยๆ ซึมลงสู่เนื้อกระดาษจนเกิดเป็นตัวอักษรที่ถูกร้อยเรียงจากความรู้สึกในหัวใจ
หน้าแรกของไดอารี่เล่มเล็กคือวันแรกของการมาเยือนเมืองในหุบเขาซึ่งเขียนบรรยายถึงความเหงาในยามที่ต้องอยู่เพียงลำพัง หากแต่พอหน้าถัดมามันก็เริ่มถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสดใสเพียงเพราะมีเพื่อนแก้เหงาอย่างปาร์ค เซฮุนคอยป้วนเปี้ยนอยู่ข้างกาย
ทว่าในวันนี้ .. หน้ากระดาษที่เคยว่างเปล่ากลับถูกถักทอด้วยความเหงาอีกครั้งในยามที่หัวใจสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอ และน่าแปลกที่บนหน้ากระดาษนั้นปรากฏชื่อของใครบางคนที่ไม่ควรจะนึกถึงด้วยซ้ำไป
“ค่ะพ่อเลี้ยง เดี๋ยวป้าจะเป็นธุระให้นะคะ”
ประโยคที่แว่วผ่านเข้ามาในหูส่งผลให้ปลายปากกาที่จรดหมึกสีเข้มหยุดนิ่งจนน้ำหมึกซึมเป็นวงกว้างบนชื่อของใครบางคน ใครคนนั้นที่อยู่ในประโยคของคุณป้าร่างท้วมที่กำลังถือสายคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล .. ใครคนนั้นที่ไม่เคยได้พบหน้ากันจวบจนกระทั่งวินาทีนี้
ปลายปากกาเส้นเล็กเริ่มจรดหมึกอีกครั้งด้วยสองคำถามที่เกิดขึ้นในใจ – ว่าทำไมเขาต้องมาอยู่ที่นี่ และเขาคนนั้นเป็นคนยังไงกันแน่
tbc.
พี่พระเอกของเราค่าตัวแพงละเกินนนน
จ่ะ (´౪`)
#ซคกด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

5555ฮุนน่ารัก