ตอนที่ 17 : 17 | A Thousand Miles
17 | A Thousand Miles
แม้จะเป็นพันๆ ไมล์
หากแค่เพียงได้พบคุณ
Secrets of Garden
แสงดาวเลือนหายแทนที่ด้วยนภากว้างที่เปิดรับแสงสีทองของรุ่งอรุณ นกฮัมมิ่งเบิร์ดส่งเสียงเจื้อยแจ้วดูดดมน้ำหวานจากเกสรของดอกบลูซัลเวีย คลอเคล้าไปกับเสียงไหวเอนของทิวสนสลับกับเสียงยอดหญ้าที่พัดลู่ไปตามสายลม
สัมผัสแผ่วเบาของธรรมชาติปลุกคนที่หลับใหลให้ตื่นจากห้วงนิทรา แบคฮยอนกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อภาพเบื้องหน้าเริ่มแจ่มชัด เช่นเดียวกันกับแก้มใสที่ค่อยๆ เจือสีแดงระเรื่อ
ปลายจมูกรั้นผ่อนลมหายใจให้อยู่ในจังหวะปกติโดยที่ริมฝีปากก็เม้มแน่นจนดันแก้มเป็นก้อนกลม ฝ่ามือเรียวค่อยๆ แกะกรงขังอ้อมแขนออกจากเอวของตัวเองอย่างพยายามให้เบาที่สุดเพราะกลัวว่าใครอีกคนจะตื่น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว
“อืมม”
สัมผัสผละแผ่วที่ปัดป่ายไปตามหลังคอระหงทำให้แบคฮยอนเผลอเกร็งตัวจนคนขี้แกล้งหัวเราะเสียงต่ำ จมูกโด่งคมกดลงบนขมับบางเสียงดังฟอดด้วยความเอ็นดู ก่อนที่ปลายนิ้วยาวจะเชยใบหน้าหวานของคนในอ้อมกอดให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน
“อรุณสวัสดิ์ครับแม่นาง”
สรรพนามที่แม้จะได้ยินกี่ครั้งก็ยังไม่ชินทำให้เรียวตารีสวยหลุบต่ำอย่างเขินอาย ยิ่งในยามที่เสียงทุ้มของคนตรงหน้าเอ่ยเรียกแล้วด้วย หัวใจดวงน้อยที่เต้นตุบๆ อยู่ใต้แผ่นอกมันยิ่งสั่นระรัวราวกับว่าเกิดแผ่นดินไหวอยู่ภายในนั้น
“อะ อรุณสวัสดิ์ครับคุณใหญ่”
เสียงนุ่มหวานที่เอ่ยแผ่วเบาอย่างขัดเขินเรียกรอยยิ้มบางบนใบหน้าคมเข้มได้เป็นอย่างดี ชานยอลนึกเอ็นดูท่าทางน่ารักของภรรยาตัวน้อยจนอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่จนเสียงดังก้องไปทั่วห้องนอนกว้าง
“ฮื่อ..” แบคฮยอนที่เขินอายจนแก้มแทบระเบิดซุกใบหน้ากับอกกว้างเพื่อหนีคนขี้แกล้ง ซึ่งท่าทางเช่นนั้นก็เรียกเสียงหัวเราะจากชานยอลได้เป็นอย่างดี
“อย่าหลบหน้ากันสิแบคฮยอน”
“ฮื่ออ”
“หวงแก้มกับสามีตัวเองนี่ใจร้ายเกินไปหรือเปล่าหืม”
แบคฮยอนรู้ดีว่าอีกคนน่ะตั้งใจจะแกล้งกันให้เขินอายและเขาก็ทำมันสำเร็จทุกครั้ง แม้ว่าจะแต่งงานกันมาร่วมเดือนแล้วแต่แบคฮยอนก็ยังทำตัวไม่ถูก โดยเฉพาะอ้อมกอดอุ่นๆ ที่ โอบรอบกายอยู่ในตอนนี้ที่ไม่ว่าจะถูกกอดกี่ครั้งก็ยังไม่ชินเสียที
“ปล่อยได้แล้วครับ, เดี๋ยวผมจะลงไปเตรียมมื้อเช้า”
“ไว้ไปทานที่นู่นก็ได้”
“หิวจนแสบท้องก่อนพอดีครับ”
แบคฮยอนยู่หน้าใส่คนที่ยังกอดกันไม่ปล่อยอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้กับคำพูดของอีกฝ่าย วันนี้พ่อเลี้ยงปาร์คมีแพลนเดินทางไปออสเตรียเพื่อเข้าร่วมสัมมนาเรื่องการทำไวน์ และถือโอกาสพาภรรยาตัวน้อยไปฮันนีมูนหลังแต่งงานด้วย
“ที่นั่นมีคาเฟ่ขึ้นชื่ออยู่ร้านนึง ฉันอยากพานายไปทาน”
ชานยอลกระชับกอดคนที่ยังไม่ล้มเลิกความคิดจะลุกไปทำมื้อเช้าให้แน่นขึ้น พร้อมกับเอ่ยเสียงอ่อนเพื่ออ้อนให้คนตัวเล็กนอนให้ตนกอดอีกสักสิบนาที
“คุณใหญ่ไม่ชอบทานของหวานไม่ใช่เหรอครับ”
“อืม, แต่ถ้าทานกับนายก็ได้อยู่”
แบคฮยอนอมยิ้มจนแก้มตุ่ยกับความน่ารักของพ่อเลี้ยงแห่งปางไม้เติมฝันที่เมื่อก่อนเคยเย็นชาทว่าในตอนนี้ภูเขาน้ำแข็งที่เกาะกินอยู่ภายในใจค่อยๆ หลอมละลายจางหาย ซึ่งแบคฮยอนก็แอบเข้าข้างตัวเองว่าตนมีส่วนช่วยละลายน้ำแข็งก้อนนั้นอยู่ไม่มากก็น้อย
“แต่ว่าทานข้าวต้มร้อนๆ รองท้องสักนิดก็ยังดีนะครับ นะๆ นะครับ”
แบคฮยอนยังคงไม่ล้มเลิกความตั้งใจ และเสียงหวานๆ ที่อ้อนออกมาอย่างไม่รู้ตัวก็ทำให้คนที่ใจอ่อนแต่กับคนตรงหน้ายอมแพ้ในที่สุด
“ก็ได้ครับแม่นาง”
“ขอบคุณครับ”
แบคฮยอนยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ได้รับอนุญาต ก่อนที่ร่างเล็กจะประทับจูบลงบนปลายคางมนเพื่อแทนคำขอบคุณ โดยที่ไม่รู้เลยว่าทำให้หัวใจของคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงและทำได้แค่มองแผ่นหลังเล็กแคบหายเข้าไปในห้องน้ำสั่นรัวแค่ไหน มันกระเด้งกระดอนจนคนเป็นเจ้าของต้องยกมือลูบแผ่นอกของตัวเองพร้อมกับเอ่ยปรามให้มันสงบลงเสียที
แบคฮยอนที่จัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วลงมาที่ครัวก่อนชานยอลเพื่อเตรียมมื้อเช้าให้กับอีกฝ่าย เรือนกายเล็กบางในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีอ่อนก้าวเข้ามาในห้องครัว และก็บังเอิญได้เห็นภาพความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตรงหน้าพอดี
“เล็กไม่ชอบมะเขือเทศ ทำไมแมรี่ต้องใส่ลงไปด้วย”
“ทานมะเขือเทศเยอะๆ จะทำให้ผิวสวยนะคะ”
“เล็กไม่ได้อยากผิวสวยสักหน่อย”
ใบหน้าของแมรี่เผยความอ่อนใจ ทว่าเธอคงไม่รู้ว่าในจังหวะที่เธอหันไปหยิบจานเด็กแสบที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แอบตักมะเขือเทศทิ้งไปเกือบครึ่ง แน่นอนว่าแบคฮยอนที่เห็นการกระทำนั้นก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวยิ้มๆ
“ทำอะไรอยู่เหรอครับคุณป้า” แบคฮยอนเลือกเอ่ยถามคุณป้าแม่บ้านและแอบลอบมองท่าทีของเด็กซน ซึ่งคนที่มีชนักติดหลังก็รีบโกยซากมะเขือเทศใส่กลับลงไปในกระทะแทบไม่ทัน
“ก็เด็กดื้อแถวนี้น่ะสิคะไปปลุกป้าตั้งแต่เช้าให้มาทำข้าวกล่องให้ บอกว่าจะเอาไว้ทานตอนไปเที่ยวกับคุณหมอคิม”
คำบอกเล่าของป้าแมรี่ทำให้เจ้าของเรื่องหน้าแดงระเรื่อ มือไม้ก็โบกไปมาราวกับจะปฏิเสธ ทั้งๆ ที่หลักฐานที่ปรากฏบนใบหน้าก็แทบจะปิดเอาไว้ไม่มิด
“จะไปเที่ยวที่ไหนเหรอครับ” แบคฮยอนเบนสายตาจากคุณป้าร่างท้วมมายังเด็กซนประจำบ้านพร้อมกับเอ่ยถามเสียงนิ่ม ทว่านั่นกลับทำให้คนขี้อายยิ่งหน้าแดงแข่งกับมะเขือเทศที่ตนแสนชัง
“ไป ไป..”
ท่าทางอึกอักของเด็กแสบทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองลอบมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ความสัมพันธ์ระหว่างสัตวแพทย์หนุ่มกับคุณหนูเล็กอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ตลอดมา และมันงดงามเหมือนดั่งต้นไม้ที่ค่อยๆ เติบโต
“ไป เอ่อ.. ไปเที่ยวทะเลสาบครับ”
ปาร์ค เซฮุนเอ่ยตอบอ้อมแอ้มอย่างเขินอาย ภายในใจก็นึกไปถึงตอนที่คุณหมอผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยชวนไปเที่ยวทะเลสาบ – แหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ซึ่งกินเนื้อที่เกือบสิบไร่ทางตอนเหนือสุดของปาง
“แล้วนี่เตรียมตัวหรือยังครับ, คุณจงอินจะมารับกี่โมงหืม”
คำถามของพี่สะใภ้คนโปรดทำให้เซฮุนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนยังไม่ได้อาบน้ำเตรียมตัวเลย เด็กแสบเบิกตากว้างก่อนจะหันหลังวิ่งออกมาจากห้องครัวทันทีโดยไม่ฟังเสียงใคร แน่นอนว่ามีเสียงของแมรี่ที่ดังแว่วตามมาว่าให้ระวังเพราะกลัวว่าคุณหนูเล็กของเธอจะหกล้มได้แผล
คล้อยหลังปาร์คคนเล็กที่หายไปจากกรอบสายตา แบคฮยอนก็หันมายิ้มให้กับคุณป้าแม่บ้านก่อนจะขอตัวไปเตรียมมื้อเช้าให้กับผู้เป็นสามี และถึงแม้ว่าจวบจนวันนี้จะยังไม่มีพันธะลึกซึ้งต่อกัน แต่ในทางนิตินัยพวกเขาสองคนก็ถือว่าเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แล้ว
ข้าวต้มกุ้งร้อนๆ โรยหน้าด้วยพาสลีย์ถูกจัดวางลงบนโต๊ะยังตำแหน่งประจำของพ่อเลี้ยงแห่งปางไม้ ตามด้วยกาแฟสดชงเข้มจากเมล็ดกาแฟคั่วชั้นดี และน้ำส้มคั้นอีกหนึ่งแก้วซึ่งถูกวางลงคู่กัน
กลิ่นหอมฟุ้งของข้าวต้มกุ้งแตะปลายจมูกของบางคนที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร นัยน์ตาคมกริบทอดมองเจ้าของร่างบางที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมมื้อเช้าอย่างแข็งขัน ซึ่งนั่นจุดรอยยิ้มเล็กๆ เหนือกลีบปากอิ่มได้เป็นอย่างดี
“หอม”
เสียงทุ้มนุ่มที่กระซิบข้างหูทำให้พ่อครัวตัวน้อยสะดุ้งตกใจ แบคฮยอนหันมาค้อนให้กับคนขี้แกล้งทว่าชานยอลกลับหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะลูบลงบนกลุ่มผมนิ่มด้วยสัมผัสที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู
“ถ้าผมตกใจจนเผลอเอาถาดฟาดคุณใหญ่ขึ้นมาจะทำยังไงครับ”
“ขู่เก่งเป็นคุณโชเลยนะ”
“ผมไม่ใช่แมวนะครับ”
ดวงหน้าหวานยับยู่อย่างแสนงอนก่อนจะวางถาดไม้ลงบนโต๊ะ จากนั้นก็หันมาสบตากับคนที่ยืนอยู่ข้างกายพร้อมกับเอ่ยเสียงนิ่ม “ทานข้าวได้แล้วครับ”
ชานยอลทิ้งตัวลงนั่งยังตำแหน่งหัวโต๊ะอย่างไม่อิดออด ก่อนที่มื้อเช้าแสนอร่อยจะดำเนินไปอย่างเรียบง่ายเคล้าคลอไปด้วยรอยยิ้ม ภายใต้บรรยากาศอบอุ่นของฤดูใบไม้ร่วง
มื้อเช้าของสองสามีภรรยาจบลงพอดีกันกับที่เข็มนาฬิกาตีบอกเวลาแปดโมงตรง พ่อเลี้ยงหนุ่มที่ขึ้นไปหยิบของในห้องทำงานกลับลงมาพร้อมกับกระเป๋าเอกสารและเสื้อโค้ทตัวหนาที่พาดอยู่บนข้อแขน ก่อนที่เรือนกายสูงจะเดินเข้าไปหาแม่นางของตนซึ่งยืนรออยู่ที่สวนหน้าตัวเรือน
อุณหภูมิของเฮลเวเทียในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงเริ่มลดต่ำลงเมื่อย่างเข้าใกล้เหมันต์ เสื้อโค้ทสีน้ำตาลอ่อนจึงย้ายจากท่อนแขนแกร่งและสวมลงบนเรือนกายเล็กที่มีเพียงเสื้อยืดตัวบาง ซึ่งการกระทำนั้นก็ทำให้คนที่ถูกเอาใจใส่สะดุ้งเล็กน้อยและช้อนตามองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย
“ใส่เอาไว้เดี๋ยวไม่สบาย”
“ขอบคุณครับ”
รอยยิ้มเปี่ยมสุขประดับอยู่บนใบหน้าของทั้งคู่ ก่อนที่พวกเขาจะจูงมือกันไปขึ้นรถเพื่อออกเดินทางสู่เส้นทางทอดยาวที่มีปลายทางรออยู่ และต่อให้เส้นทางข้างหน้าจะยาวไกลนับพันๆ ไมล์ ตราบใดที่มือสองคู่ยังกุมกันไว้พวกเขาก็พร้อมจะก้าวไปด้วยกัน
Mercedes-Benz G65 AMG ยานยนต์เอสยูวีรูปทรงบึกบึนทะยานอยู่บนเส้นทางลาดยางที่ถูกปูด้วยใบเมเปิลแห้ง สองข้างทางคือแนวสนซึ่งทอดตัวยาวจนสุดลูกหูลูกตา ไอหมอกจางๆ ลอยตัวอยู่ในอากาศ ปะปนไปกับกลุ่มเมฆน้อยใหญ่สีขาวอมฟ้า
บนรถคันใหญ่เหมาะสำหรับขาลุย – จังหวะสนุกๆ ของเพลง Sugar ดังลั่นไปทั่วห้องโดยสาร เสียงทรงเสน่ห์ของอดัมแทบจะถูกกลบไปจนหมดด้วยเสียงทุ้มนุ่มที่ผิดคีย์ของเด็กแสบปาร์ค เซฮุน ทว่านั่นกลับไม่ได้สร้างความรำคาญแต่อย่างใดให้กับสารถีที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย
คิม จงอินทำเพียงยกยิ้มด้วยความเอ็นดูกับเสียงร้องเพี้ยนๆ ของเจ้าเด็กแสบ หัวกลมๆ ภายใต้หมวกสแนปแบคโยกไปมาตามจังหวะดนตรี ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มสนุกแบบที่ทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
‘I need your loving, loving.
I need it now.’
ท่อนหนึ่งของเพลงที่อดัมร้องว่า ‘ผมต้องการความรักจากคุณ ผมต้องการมันเดี๋ยวนี้’ ทำให้หัวใจของบางคนสั่นระรัว สัตวแพทย์หนุ่มเบนสายตามองคนข้างกายก่อนจะยกยิ้มบาง และวินาทีหลังจากนั้นฝ่ามือหนาก็เอื้อมไปจับฝ่ามือของอีกคนมาวางแนบบนตัก
สัมผัสแผ่วเบาโดยไร้ซึ่งคำขออนุญาตทำให้เด็กซนที่กำลังสนุกชะงักไปเล็กน้อย หากแต่หลังจากนั้นรอยยิ้มเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม และมือสองคู่ก็กอบกุมกันเช่นนั้นตลอดการเดินทาง
ใช้เวลาเพียงสี่สิบนาทีทั้งจงอินและเซฮุนก็มาถึงจุดหมาย พื้นที่เหนือสุดของปางไม้เติมฝันกว่าสิบไร่คือแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ซึ่งจรดกับเทือกเขาสูง สายธารสีฟ้าใสสะท้อนเงาเมฆและภูผา คล้ายกับกระจกเงาบานใหญ่ที่ถ่ายทอดความงดงามของธรรมชาติ
แนวเขาสูงที่ทอดตัวยาวอยู่ปลายสุดของสายตาเริ่มถูกทาทับด้วยสีขาวโพลนของหิมะ เกร็ดน้ำแข็งเริ่มจับตัวเป็นก้อนเหนือพื้นดิน บ่งบอกให้รู้ว่าเหมันตฤดูใกล้จะมาเยือนในอีกไม่ช้า
ทันทีที่เสียงเครื่องยนต์ดับสนิท เจ้าของร่างสูงโปร่งก็พุ่งตัวลงจากรถและวิ่งไปยืนอยู่ริมทะเลสาบ นัยน์ตาเรียวคมหลับพริ้มเพื่อซึมซับสัมผัสอันบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ก่อนที่กลีบปากอิ่มจะยกยิ้มบางยามที่สายลมจางๆ พัดต้องผิวกาย
“สดชื่นจัง~”
น้ำเสียงสดใสที่ดังแว่วมาทำให้คุณหมอหนุ่มที่เพิ่งลงจากรถอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา จงอินยืนทิ้งสะโพกพิงหน้าตัวรถพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกทอดมองเด็กน้อยตรงหน้า และรอยยิ้มบนใบหน้าคมเข้มก็ค่อยๆ กว้างขึ้นเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมายิ้มจนตาหยีให้กัน
“มานี่สิ”
เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยเรียกแผ่วเบา และวินาทีที่ใบไม้ร่วงหล่นกระทบผืนน้ำเป็นวงกว้าง อ้อมแขนแกร่งก็โอบรับร่างของเจ้าของหัวใจเข้าสู่อ้อมกอด
คุณเล็กของป้าแมรี่ซุกใบหน้าเข้าหาอกอุ่นที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ใกล้ รอยยิ้มเล็กๆ ยังคงประดับอยู่บนใบหน้าของทั้งคู่ราวกับว่าจะไม่มีวันจางหายไป ดั่งเช่นสายธาราที่ไม่มีวันเหือดแห้งตราบใดที่หยาดฝนยังคงพร่างพรม
“ไอ้พ่อเลี้ยงฆ่าผมตายแน่ถ้ารู้ว่าผมลักพาตัวน้องชายสุดที่รักของมันมา”
“พี่ใหญ่ไม่อยู่ปางสักหน่อย”
“หึ เด็กแสบ”
จงอินหัวเราะในลำคอก่อนจะเชยคางมนของคนในอ้อมกอดให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน ริมฝีปากสีอ่อนคือสิ่งที่ชายหนุ่มไม่อาจละสายตา และระยะห่างระหว่างพวกเขาก็ค่อยๆ ลดลงเมื่อคนที่เคยเป็นผู้ใหญ่ใจนิ่งห้ามใจตัวเองไม่ไหว
ทว่าในเสี้ยววินาทีที่ริมฝีปากจะแตะสัมผัสกัน – เป็นเซฮุนที่เบี่ยงหน้าหลบและผลักอกแกร่งเบาๆ ก่อนที่เสียงทุ้มนุ่มจะเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
“หิวแล้ว”
ข้าวกล่องของแมรี่คือสิ่งที่ช่วยชีวิตปาร์คคนเล็กเอาไว้ ร่างสูงโปร่งค่อยๆ ผละออกจากอ้อมแขนแกร่งก่อนจะก้มหน้างุดและเดินเร็วๆ ไปที่ท้ายรถ แน่นอนว่ามีเสียงหัวเราะด้วยความเอ็นดูดังแว่วตามมาให้หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
มื้อเช้าในตอนสิบโมงกว่าๆ ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ ผ้าปูผืนนุ่มถูกวางลงบนพรมหญ้าตามด้วยหมอนเล็กๆ อีกสามสี่ใบ ตรงกลางถูกจับจองด้วยตะกร้าใบใหญ่ซึ่งอัดแน่นไปด้วยอาหารคาวหวาน
เซฮุนหยิบกล่องข้าวออกจากตะกร้าก่อนจะวางลงตรงหน้าคนโตกว่าพร้อมช้อนส้อม จากนั้นก็หันไปรินน้ำส้มคั้นใส่แก้วให้กับตัวเองและอีกฝ่าย ซึ่งการกระทำเหล่านั้นทำให้คนที่ทอดมองอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอีกครั้งในรอบวัน
“คุณหนูทำเองหรือเปล่าครับ”
“ถ้าฉันทำครัวคงไหม้ก่อนที่นายจะได้กิน”
“ค่อยๆ ฝึกสิครับเดี๋ยวก็เก่ง”
“ทำไม, อยากให้ฉันทำอาหารเป็นเหรอ”
จงอินส่ายหัวยิ้มๆ ให้กับคนที่หันมามองกันตาขวาง ชายหนุ่มรู้ดีว่าเด็กซนอย่างปาร์ค เซฮุนน่ะให้ไปล้างคอกวัวยังง่ายกว่าเข้าครัวเสียอีก เพียงแต่เขาอยากจะแกล้งแหย่อีกคนเล่นก็เท่านั้น
“เปล่าครับ”
“ถ้าไม่ใช่ก็กินเข้าไปซะ” ถึงจะเอ่ยเสียงดุแต่ฝ่ามือเรียวก็ตักสลัดใส่จานให้คนตรงข้าม เรียกรอยยิ้มจากคนถูกเอาใจได้เป็นอย่างดี
มื้อเช้าในยามสายของวันผ่านพ้นไปด้วยดีและตบท้ายด้วยของหวานอย่างมาการองซึ่งเป็นของโปรดของคุณหนูเล็ก รสชาติละมุนลิ้นของบัตเตอร์ครีมที่สอดไส้อยู่ตรงกลางยิ่งทำให้เด็กน้อยเอนจอยกับของว่างมากกว่าเดิม ดูได้จากคราบน้ำตาลไอซิ่งที่เลอะอยู่รอบกลีบปากบาง
“ปากเลอะแล้วครับคุณหนู”
เสียงทุ้มเข้มที่เอ่ยบอกยังไม่ทันได้รับเสียงตอบกลับ – กลีบปากบางที่เคยเลอะคราบสีขาวก็ถูกทาบทับด้วยอวัยวะชนิดเดียวกัน รสจูบและรอยสัมผัสที่เกิดขึ้นครั้งแรกระหว่างทั้งคู่พาให้หัวใจล่องลอย ภาพในหัวกลายเป็นสีขาวราวกับสายหมอกจางในเช้าวันแรกของเหมันต์
“อึก..”
จูบแรกที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานทำให้เด็กน้อยในวัยสิบเก้าปีตัวอ่อนจนแทบจะทรงตัวไม่ไหว จังหวะหัวใจสั่นรุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหวในอก และก่อนที่บางคนจะหมดลมหายใจริมฝีปากร้อนก็ผละออกไปอย่างแสนเสียดาย
“ฉันจะฟ้องพี่ใหญ่” เซฮุนเอ่ยเสียงพร่า ก่อนจะทิ้งหน้าผากลงบนลาดไหล่แกร่งอย่างคนหมดแรง
“ไม่กลัวเป็นหม้ายเหรอครับ”
“ไอ้บ้า..”
เสียงหัวเราะเบาๆ ของทั้งคู่ดังขึ้นพร้อมกัน จงอินก้มลงจูบขมับบางก่อนจะกระชับกอดให้แน่นขึ้น เหมือนเช่นความสัมพันธ์ของพวกเขาที่เริ่มต้นจากความผูกพันและแปรเปลี่ยนเป็นความรักในที่สุด
ในช่วงบ่ายคล้อยของวันเดียวกัน – ที่เรือนเล็กซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนท้ายสุดของปางไม้เติมฝัน ร่างของใครบางคนบนรถเข็นไฟฟ้านั่งชะเง้อมองไปยังหน้าตัวเรือนมาร่วมสองชั่วโมง ดวงตากลมสวยระริกไหวไปด้วยหยาดน้ำแห่งความผิดหวัง เมื่อค้นพบว่าคนที่ตนเฝ้ารอคงไม่มาแล้ว
กลีบกุหลาบสีขาวที่วางอยู่บนตักเริ่มเหี่ยวเฉาเพราะมันถูกพรากจากต้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ ความบอบช้ำของบุปผาไม่ต่างอะไรกับก้อนเนื้อในอก มันถูกเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากน้ำมือของผู้คน
รวมถึงด้วยมือของตัวเอง
ลู่หานทอดมองกลีบกุหลาบที่เริ่มช้ำด้วยความรู้สึกทั้งรักและชัง เหตุผลที่เขาชอบดอกกุหลาบสีขาวไม่ใช่เพียงเพราะว่ามันคือราชินีของบุปผาที่ทั้งงดงามและซ่อนหนาม แต่มันคือดอกไม้ที่ใครบางคนเคยบอกว่าเหมือนกับเขา
ดอกไม้ช่อแรกที่ปาร์ค ชานยอลมอบให้ลู่หานในวันวาเลนไทน์เมื่อสิบปีก่อนคือกุหลาบขาวช่อใหญ่ที่ไร้ซึ่งบุปผาชนิดใดแต่งเติม พร้อมกับคำพูดหนึ่งที่ตราตรึงอยู่ในใจของลู่หานนับตั้งแต่วันนั้น
‘ลู่หานคือกุหลาบสีขาวของเรา’
ทว่าหลายเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทำให้กุหลาบขาวกลายเป็นดอกไม้ที่ลู่หานทั้งหลงรักและแสนชัง เหมือนกับเจ้าของประโยคนั้น
“คุณลู่หานขา”
“…”
“เดี๋ยวคุณท่านก็มาค่ะ, วันนัดคุณหมอท่านไม่เคยไม่อยู่ข้างคุณลู่หานนะคะ รออีกนิดนะคะคุณหนูของเดล”
คำปลอบโยนของเด็กรับใช้คนสนิทอย่างอเดลไม่ได้รับความสนใจจากผู้เป็นนายเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับทุกประสาทการรับรู้ถูกปิดตายไปแล้ว เฉกเช่นหัวใจที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดยกเว้นความเกลียดชัง
“คุณลู่หานขา”
“ฉันจะเข้าห้องแล้ว”
ราชินีของมวลบุปผาถูกขย้ำจนกลีบบางบอบช้ำและถูกทิ้งขว้างอย่างไม่ไยดี กาลเวลาแปรเปลี่ยนสรรพสิ่งไม่เว้นแม้กระทั่งจิตใจของมนุษย์ จากร้ายกลายเป็นดี และจากดีกลายเป็นร้ายจนน่ากลัว
หลุมลึกดำของห้วงจิตใจยากแท้จะหยั่งถึง ไม่มีผู้ใดบอกได้ว่าใครกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะแม้นแต่ตัวเองบางครั้งเราก็ยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตน
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่หัวใจของใครสักคน .. แต่เป็นหัวใจของตัวเราเอง
tbc.
หัวใจของใครก็ดูแลของตัวเองนะคะ
ที่หายไปนานเพราะคิดว่าจะเลิกแต่งแล้ว
แต่สุดท้ายก็เป็นผู้ร้ายกลับใจค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ยังรอนะคะ
ร๊ากกกกกกก
#ซคกด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เอิ่บบบบบบ ลู่หานจะโกรธเกลียดใครค้าาาาาาา ก็ทำตัวเองทั้งน้านนนนนน
ปล่อยชานยอลให้มีความสุขอย่างที่ควรจะเปนเถอะค้าาาาาา
หลังกลับจากทริปไปฮันนีมูนนี่ต้องมีข่าวดีตามมาแล้วนะคะพ่อเลี้ยงแม่นาง อิอิ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 26 พฤษภาคม 2563 / 04:23
ไรท์อย่าทิ้งกันเลยยยย สนุกมากกกก ส่วนตัวเคยอ่านซ่อนรักมาก่อนและคิดถึงกลิ่นอายแบบนั้นมากกกก ไรท์แต่งได้ดีในฉบับของไรท์ มีเอกลักษณ์ สนุก ทุกอย่างมันดีๆไปหมด เรารู้สึกว่าซ่อนรักมันดียังไง ได้อ่านนิยายของไรท์มันก็ดีอย่างนั้น เราอ่านของไรท์ทุกเรื่องก็สนุกทุกเรื่องเลยิสนุกแบบมากๆด้วย อยากให้เขียนต่อไปเรื่อยๆเพราะจะตามซื้อตลอดเลย