ตอนที่ 15 : 15 | Think about Us
15 | Think about Us
รอยเท้าเล็กๆ บนพรมหญ้าสีเขียว
กับการเริ่มต้นเรื่องราวระหว่างเรา
Secrets of Garden
เป็นเวลากว่าสองวันแล้วที่เรือนไม้หลังงามของพ่อเลี้ยงชานยอลมีแต่ความเงียบเหงา เนื่องจากเด็กซนที่มักมีรอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้าขังตัวเองอยู่ในห้องหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น เช่นเดียวกันกับคนที่เป็นสาเหตุของเรื่องที่ไม่ลงมาชั้นล่างของเรือนอีกเลย
โต๊ะทานอาหารตัวใหญ่จึงเหลือเพียงแค่เจ้าของปางไม้และว่าที่แม่นางคนใหม่ของปางเท่านั้น บรรยากาศชวนอึดอัดที่ไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่ทำให้ทั้งสองได้แต่ปลอบโยนกันและกันด้วยการอยู่เคียงข้างอีกฝ่าย แม้ว่าภายในใจจะกังวลกับการเก็บตัวของบุคคลอีกสองคนที่อาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันก็ตาม
กลิ่นหอมปนขมของกาแฟดำที่ไร้ซึ่งความหวานของน้ำตาลช่วยดึงห้วงจิตใจของคนที่กำลังจมดิ่งอยู่กับมันให้หันกลับมามอง – ชานยอลมองแก้วกาแฟร้อนที่วางลงตรงหน้าก่อนจะหันไปสบตากับคนที่นั่งลงข้างกาย และรอยยิ้มบางๆ ก็เกิดขึ้นในเวลาถัดมาบนใบหน้าของทั้งคู่
“ขอบคุณ”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาแผ่วเบาพร้อมกับฝ่ามือหนากร้านที่กอบกุมหลังมือเรียวของคนที่อยู่เคียงข้างกายมาตลอด ความอบอุ่นแผ่วจางที่แม้จะรับรู้ได้เพียงนิดจากสัมผัส ทว่ากลับลึกล้ำในความรู้สึกเรียกรอยยิ้มน้อยๆ บนดวงหน้าหวาน ก่อนที่เสียงนุ่มราวกับผืนน้ำที่เงียบสงบจะเอ่ยออกมา
“อย่าคิดมากนะครับ, ผมเชื่อว่าคุณเล็กจะเข้าใจในสิ่งที่คุณทำ”
รอยยิ้มอ่อนโยนของคนตรงหน้าทำให้ต้นอะไรสักอย่างที่หยั่งรากลึกอยู่ภายในหัวใจค่อยๆ ชุ่มฉ่ำ ราวกับว่ากลีบใบที่เคยแห้งกรอบของมันได้รับการปลอบโยนจากหยาดฝนที่ชุ่มเย็น
“คุณเล็กเป็นเด็กร่าเริง แต่เพราะเขามีปมบางอย่างในใจทำให้บางครั้งก็ไม่เข้าใจการกระทำของผู้ใหญ่อย่างเรา คุณต้องค่อยๆ อธิบายด้วยเหตุผล ห้ามใช้อารมณ์นะครับ”
“ฉันจะพยายามไม่ใจร้อน”
“คุณทำได้อยู่แล้วครับ”
ชานยอลยิ้มรับรอยยิ้มเยียบเย็นที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหน็บหนาวเหมือนกับเกร็ดของหิมะ ฝ่ามือสองข้างยังคงกอบกุมกันและกันราวกับจะส่งผ่านทุกความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ความรู้สึกที่บอกให้รู้ว่าเมื่อใดก็ตามที่หันมาจะยังเห็นกันอยู่ตรงนี้เสมอ
“ผมจะไม่ไปไหน จะอยู่ข้างๆ พ่อเลี้ยงนะครับ”
“คุณใหญ่”
“ครับ?”
“เรียกฉันว่าคุณใหญ่สิ”
สรรพนามที่ไม่เคยคุ้นทำให้คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันด้วยความฉงน นอกจากปาร์ค เซฮุนที่เรียกคนตรงหน้าว่าพี่ใหญ่แล้วแบคฮยอนก็ไม่เคยได้ยินใครเรียกเจ้าตัวแบบนั้นมาก่อน แล้วทำไมถึงอนุญาตให้เขาเรียกกัน
“มีแค่แม่กับน้องที่เรียกฉันด้วยชื่อนั้น”
“…”
“แม่บอกว่ามันเป็นชื่อสำหรับคนสำคัญ และฉันอยากให้นายเรียก”
ฝ่ามือสองข้างที่เคยกอบกุมกันแผ่วเบาค่อยๆ กระชับแน่นเฉกเช่นความสัมพันธ์ แบคฮยอนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเต็มแก้มจนเรียวตารีสวยหยีลงอย่างน่าเอ็นดู ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกันท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นที่โอบล้อมอยู่รอบกาย
“ครับคุณใหญ่”
บันทึกหน้าใหม่บนกระดาษสีหม่นได้เริ่มต้นขึ้นจากปลายปากกาของคนบนฟ้า สายลมอ่อนโยนของฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านยอดหญ้าริมรั้วสีขาว ฤทัยเหมันต์ค่อยๆ เบ่งบานท่ามกลางผืนป่า เฉกเช่นบุปผางามที่ผลิบานใจกลางเกร็ดหิมะบนเทือกเขาแอลป์
ถาดไม้ขนาดไม่ใหญ่นักแต่เต็มไปด้วยอาหารหน้าตาน่าทานถูกยกขึ้นมายังปีกซ้ายของเรือน ประตูไม้ขัดเงาที่มีแผ่นป้ายเล็กๆ สลักชื่อเจ้าของห้องทำให้ชานยอลเผยยิ้มบาง ถ้าเขาจำไม่ผิดป้ายชื่อแผ่นนี้คืองานวิชาศิลปะตอนที่เจ้าของห้องอยู่ชั้นอนุบาล
รอยยิ้มอ่อนโยนที่น้อยคนนักจะได้เห็นจากพ่อเลี้ยงแห่งผืนป่าทว่ามีให้คนในครอบครัวเสมอปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม ฝ่ามือหนายกขึ้นเคาะประตูห้องของน้องชายเพียงคนเดียวที่ขังตัวเองอยู่ในนั้นมาร่วมสองวัน ซึ่งสาเหตุก็คือโกรธพี่ชายคนนี้
ร่วมห้านาทีที่ชานยอลยืนผ่อนลมหายใจอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งบานประตูค่อยๆ ถูกเปิดออกจากคนด้านใน วินาทีแรกที่เจ้าของห้องเห็นใบหน้าของเขาเจ้าตัวก็รีบดันประตูปิดทันที แต่มีหรือที่คนน้องจะทันคนพี่ที่รู้จักนิสัยของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีเพราะเลี้ยงดูมาตั้งแต่อ้อนแต่ออด
“เคยสัญญาอะไรกับพี่เอาไว้ลืมไปแล้วหรือไงปาร์ค เซฮุน”
ฝ่ามือหนาที่กั้นบานประตูเอาไว้กับใบหน้าจริงจังยามที่คนตัวสูงเอ่ยประโยคนั้นออกมาทำให้เด็กน้อยเริ่มน้ำตาคลอเบ้า ก่อนที่เสียงสะอื้นเบาๆ จะเล็ดลอดออกมาจากกลีบปากหยักสวยที่ขบกันแน่นจนห้อเลือด
“พี่ขอเข้าไปในห้องได้ไหม”
“…”
“นะครับเด็กดี”
เด็กหนุ่มตัวสูงที่แม้จะอายุสิบเก้าแล้วแต่ก็ยังติดพี่ชายเหมือนกับตอนเด็กๆ กระโดดกอดคนตัวสูงกว่าทันทีก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย – ชานยอลหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดูคนในอ้อมกอดก่อนจะกระเตงลูกลิงที่เกาะหนึบไม่ยอมปล่อยเดินเข้ามาในห้อง จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องและวางคนเป็นน้องนั่งลงข้างๆ
เซฮุนเหมือนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้งที่ร้องไห้งอแงอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นพี่หลังจากที่หกล้มจนได้แผล ถึงจะดื้อจะซนไปบ้างแต่คนที่เซฮุนเชื่อฟังที่สุดก็คือชานยอล ผู้ที่เปรียบเสมือนพ่อและแม่ เป็นทุกความหมายในชีวิตของเซฮุน
“เราเคยสัญญากันไว้ว่าไง, ไม่ว่ามีเรื่องอะไรจะต้องบอกกันทุกครั้งใช่ไหมคนเล็ก”
“ฮึก.. ครับ”
“แล้วทำไมคนเล็กถึงไม่คุยกับพี่ ไม่ยอมลงไปกินข้าวและเอาแต่เก็บตัวอยู่ในนี้ล่ะหืม”
พอได้ยินน้ำเสียงเหมือนตัดพ้อของพี่ชาย เด็กน้อยที่เอาแต่ใจกับทุกคนบนผืนป่าแห่งนี้ก็รู้สึกผิดจนน้ำตาไหลพราก ไหล่กว้างที่แทบจะเท่ากับคนเป็นพี่เข้าไปทุกทีสะอื้นฮักจนสั่นเทาไปหมด ก่อนที่เด็กแสบจะสั่งน้ำมูกออกมาฟืดใหญ่และยีลงบนบ่ากว้างของพี่ชายที่เจ้าตัวซบอยู่
“เนียนเช็ดเลยนะเด็กดื้อ” ชานยอลว่าให้อย่างเอ็นดูผสมกับความมันเขี้ยว ซึ่งนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะจากคนที่หยุดร้องไห้ไปแล้วได้เป็นอย่างดี
“เล็ก อึก.. ขอโทษนะครับที่ทำตัวเป็นเด็กนิสัยไม่ดี”
เซฮุนถอนใบหน้าจากไหล่กว้างก่อนจะสบตากับพี่ชายที่ตนรักสุดหัวใจด้วยแววตาสำนึกผิด แน่นอนว่าชานยอลไม่เคยโกรธน้องชายเพียงคนเดียวของตนอยู่แล้ว เพราะนอกจากความรักที่ชานยอลมีให้เซฮุนก็คือความเข้าใจไม่ว่าน้องชายจะดื้อจะซนแค่ไหนก็ตาม
“พี่เองก็ต้องขอโทษที่ทำให้เล็กเสียใจ แต่ระหว่างพี่กับลู่หานมันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว นับจากนี้ไปคนที่พี่จะรักและให้เกียรติคือพี่แบคฮยอนคนโปรดของเราเท่านั้น”
“จริงนะครับ, พี่ใหญ่ต้องเกี่ยวก้อยสัญญา”
นิ้วก้อยเรียวที่คนน้องยื่นมาตรงหน้าทำให้ชานยอลหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยื่นนิ้วก้อยของตนไปเกี่ยวกับน้องไว้แน่น ก่อนที่ทั้งคู่จะผละออกมาและใช้ฝ่ามือข้างนั้นทุบลงบนอกซ้ายดังปึกเหมือนอย่างที่พวกเขาเคยทำสมัยยังเด็ก
“สัญญาใจนะครับปาร์ค ชานยอล” เซฮุนเอ่ยด้วยรอยยิ้มจนตาหยีก่อนจะจุ๊บลงบนแก้มของพี่ชายหนึ่งที ซึ่งชานยอลก็ทำแบบเดียวกัน
“สัญญาใจครับปาร์ค เซฮุน”
สายใยของครอบครัวไม่ว่าจะพบเจอกับเรื่องเลวร้ายมากแค่ไหนแต่มันก็ไม่เคยขาดออกจากกัน เพราะคำว่าครอบครัวเปรียบเสมือนบ้านหลังใหญ่ที่มีไว้ให้เราได้พักพิงในยามที่กายและใจอ่อนล้า และบ้านจะยังรอเราอยู่ที่เดิมเสมอเพื่อให้เรากลับไปหาอ้อมกอดที่แสนคุ้นเคย
ใบไม้เปลี่ยนสีในผืนป่าเริ่มผลัดใบมากขึ้นทุกวันเมื่อสายลมหนาวใกล้จะกลับมาเยือนอีกครั้งในรอบปี ธารน้ำบนเทือกเขาแอลป์เริ่มจับตัวแข็งกลายเป็นเกร็ดหิมะสีขาวบริสุทธิ์ มีลมเฟิร์นที่เกิดขึ้นในทุกช่วงเวลาของปีพัดผ่านมาตามช่องเขา
BMW สีขาวปลอดวิ่งตัดผ่านแนวเขาสูงแบบเขาพับผ้าเข้าสู่ตัวเมืองเฮลเวเทียในยามบ่ายของวัน เสียงร้องหวานๆ ของนักร้องสาว Christina Perri ในเพลง A Thousand Years ดังแว่วออกมาจากเครื่องเล่นเพลงในรถคันหรู คลอเคล้าไปกับเสียงใสๆ ที่ร้องไม่ตรงคีย์ของเด็กแสบปาร์ค เซฮุน
‘How can I love when I'm afraid to fall..’
‘ฉันจะมีความรักได้อย่างไร หากฉันยังกลัวที่จะตกหลุมรัก’
ท่อนหนึ่งของเพลงที่ไหลผ่านเข้ามาในห้วงคำนึงเรียกรอยยิ้มบางจากคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับ ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนพวงมาลัยรถในจังหวะเดียวกันกับท่วงทำนอง มันก็จริงอย่างที่คริสติน่าบอก – ถ้ายังกลัวที่จะตกหลุมรักแล้วจะได้พบกับเรื่องราวแสนวิเศษที่เรียกว่าความรักได้ยังไง
“แบคยิ้มอะไรอ่ะ?” เสียงใสที่ดังขึ้นข้างกายทำให้คนที่จมดิ่งอยู่ในห้วงอารมณ์หลุดจากภวังค์ รอยยิ้มน้อยๆ ยังคงประดับอยู่บนกลีบปากบางโดยที่ใบหน้าหวานส่ายเบาๆ แทนคำตอบ
“ไม่มีอะไรได้ไง ก็เล็กเห็นว่าแบคยิ้มอ่า”
“ก็แค่ยิ้มไปกับเพลงน่ะครับ”
“จริงนะ, ห้ามโกหก”
แบคฮยอนเพียงพยักหน้ารับและกลับไปให้ความสนใจเส้นทางข้างหน้าที่บีเอ็มคันหรูกำลังเคลื่อนผ่าน เสียงใสที่ร้องผิดคีย์ยังคงดังคลอไปกับเสียงเพลงที่ถักทอด้วยตัวโน้ตสูงต่ำ บรรยากาศยามบ่ายที่สายลมจางๆ พัดผ่านทำให้เซฮุนอดไม่ได้ที่จะลดกระจกฝั่งข้างคนขับลง
หลังจากที่คุณเล็กของป้าแมรี่หายงอนพี่ชายตัวสูงเจ้าตัวก็กลับมาเป็นเด็กดื้อจอมซนอีกครั้ง และคนที่ต้องคอยรับมือกับความซนของปาร์คคนเล็กก็คือแบคฮยอนเพราะเด็กแสบเกาะติดไม่ยอมห่าง
โดยอ้างเหตุผลว่าไม่ได้กอดแบคฮยอนมาสองวันแล้วจึงคิดถึงมากๆๆ
และด้วยเหตุนั้นทำให้ในช่วงบ่ายที่แบคฮยอนมีนัดกับร้านเวดดิ้งในตัวเมืองเฮลเวเทียเรื่องชุดแต่งงาน เด็กดื้อของป้าแมรี่ก็ติดสอยห้อยตามมาด้วยราวกับลูกลิงที่ยังไม่หย่านม ซึ่งพ่อเลี้ยงชานยอลก็เห็นดีเห็นงามด้วยเพราะไม่อยากให้ว่าที่แม่นางของตนขับรถเข้าเมืองเพียงลำพัง
“งานแต่งของพี่ใหญ่กับแบคใกล้เข้ามาแล้วใช่ไหม เล็กตื่นเต้นมากเลยนะเนี่ย” เสียงเจื้อยแจ้วของปาร์ค เซฮุนยังคงดังขึ้นตลอดการเดินทาง ซึ่งแบคฮยอนก็คอยตอบคำถามของเด็กขี้สงสัยอย่างใจเย็น
“ปลายเดือนหน้าน่ะครับ, รอคุณใหญ่เคลียร์งานที่ปางให้เรียบร้อยก่อน”
แบคฮยอนเอ่ยออกมาอย่างไม่คิดอะไรทว่าสรรพนามที่คนตัวเล็กใช้เรียกพ่อเลี้ยงแห่งผืนป่าอย่างลืมตัวกลับไปสะดุดหูของเด็กดื้อเข้าเต็มๆ ใบหน้าคมจึงปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับหัวเราะหึๆ ในลำคอ
“เอ? เมื่อกี้เหมือนเล็กได้ยินอะไรคุณใหญ่ๆ นะ”
“เอ่อ.. ไม่มีอะไรนี่ครับ”
“อย่ามาโกหกกันซะให้ยาก ฮื่อออ~ เล็กเขินอ่า~”
เด็กน้อยที่ไม่ประสีประสาในเรื่องความรักอดเขินจนหน้าเห่อแดงไม่ได้ยามที่จินตนาการไปถึงตอนที่พี่ชายตัวเล็กเอ่ยเรียกพี่ชายของตนว่าคุณใหญ่ ฝ่ามือเรียวยกขึ้นมาปิดหน้าตัวเองพร้อมกับบิดกายไปมาอย่างน่าเอ็นดู ซึ่งท่าทางเหล่านั้นก็เรียกรอยยิ้มจากแบคฮยอนได้เป็นอย่างดี
“จะแซวผมแต่ตัวเองดันเขินเหรอครับคุณเล็ก”
“งื้อออ เรียกพี่ใหญ่ว่าคุณใหญ่แล้วก็แทนตัวเองว่าพี่กับเล็กเดี๋ยวนี้เลย เร็วๆ สิแบคคค~”
น้ำเสียงงอแงของเด็กหนุ่มตัวสูงทำให้แบคฮยอนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ เรียวตารีสวยผละสายตาจากถนนหันมามองเด็กน้อยข้างกายเสี้ยววินาที และได้เห็นท่าทางกอดอกอย่างเอาแต่ใจสมกับเป็นคุณเล็กของป้าแมรี่ ก่อนจะหันกลับไปจดจ่อกับเส้นทางที่ทอดยาวอยู่ข้างหน้าตามเดิม
“โอเคครับ, อย่างอแงนะครับคนเก่ง”
“ถ้าเล็กได้ยินแบคแทนตัวเองว่าผมอีกนะ เล็กจะงอนสามวันเลยคอยดู”
“ครับๆ”
เซฮุนยกยิ้มกว้างอย่างพอใจเมื่อพี่ชายคนโปรดยอมตามใจตน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่บีเอ็มคันหรูเคลื่อนเข้าสู่ตัวเมืองเฮลเวเทีย ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินขวักไขว่อยู่ตามท้องถนนที่คราคร่ำไปด้วยร้านรวงต่างๆ มากมาย ตึกรามบ้านช่องประดับประดาไปด้วยไฟหลากสีเพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขที่กำลังจะมาถึง .. เทศกาลคริสต์มาสที่ใกล้เข้ามาทุกที
รถยนต์คันหรูเคลื่อนผ่านลานน้ำพุขนาดใหญ่ใจกลางเมืองมาหยุดลงที่หน้า wedding studio ชื่อดังของเฮลเวเทีย ทันทีที่ร่างเล็กบางของแบคฮยอนก้าวลงจากรถ พนักงานของร้านก็รีบกุลีกุจอมาต้อนรับเพราะเป็นลูกค้าวีไอพี อีกทั้งยังมีฐานะเป็นแม่นางของพ่อเลี้ยงปาร์คที่ครอบครองผืนป่ากว่าครึ่งของเมืองในหุบเขาแห่งนี้
“น้องแบคฮยอน~”
ทันทีที่ประตูร้านถูกเปิดเข้ามาด้านในเสียงหวานๆ ของครีเอทีฟมือหนึ่งของร้านก็ดังแหวกม่านอากาศมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างโปร่งบางของแคทเธอรีนที่วิ่งเข้ามารวบตัวแบคฮยอนเข้าไปกอดจนจมอ้อมแขน
“สวัสดีครับพี่เคธ”
“สวัสดีจ้ะ คนสวยของพี่”
แคทเธอรีนที่ปลื้มคนตัวเล็กในอ้อมกอดนักหนาตั้งแต่ที่ได้พบกันตอนที่เข้าไปดูสถานจัดงานที่ปางไม้เติมฝันตอบรับเสียงหวาน ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเด็กหนุ่มตัวสูงที่เธอรู้สึกคุ้นหน้าซึ่งยืนอยู่ด้านหลังแบคฮยอนและกำลังมองนู่นมองนี่ด้วยความสนใจ
“แล้วนั่นใครกันจ๊ะน้องแบคฮยอน” คำถามของพี่สาวตรงหน้าเรียกรอยยิ้มบางๆ จากแบคฮยอน ก่อนที่ฝ่ามือบางจะเอื้อมไปแตะไหล่กว้างของคนที่ยืนอยู่ข้างหลังให้ขยับมายืนอยู่ข้างกายตนแทน
“นี่ปาร์ค เซฮุนครับ, น้องชายของพ่อเลี้ยงชานยอล”
แบคฮยอนเอ่ยแนะนำเด็กหนุ่มข้างกายให้แคทเธอรีนได้รู้จัก ก่อนจะหันมาเอ่ยกับคนตัวสูงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณเล็กครับ คนนี้คือพี่แคทเธอรีน, เป็นหัวหน้าทีมเวดดิ้งที่รับผิดชอบการจัดงานให้พี่”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ, แหมหน้าตาดีทั้งคนพี่คนน้องเลยนะคะเนี่ย”
หญิงสาวร่างโปร่งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้ออย่างเป็นกันเอง ซึ่งเซฮุนก็ยิ้มรับจนตาหยีให้สาวสวยวัยสามสิบอย่างแคทเธอรีนอดไม่ได้ที่จะเอ็นดู
“คุณเคธคะ, ชุดเจ้าสาวพร้อมแล้วค่ะ” เสียงของพนักงานในร้านที่เดินเข้ามาบอกทำให้บทสนทนาระหว่างทั้งสามหยุดลง แคทเธอรีนหันไปพยักหน้ารับคำพูดของลูกน้องก่อนจะเอ่ยชวนแบคฮยอนและเซฮุนไปยังห้องลองชุด
“คราวก่อนที่มาวัดตัวทำไมผมไม่เจอพี่เคธล่ะครับ” ในระหว่างที่เดินไปยังห้องลองชุดแบคฮยอนก็อดเอ่ยถามพี่สาวข้างกายอย่างสงสัยไม่ได้ ซึ่งแคทเธอรีนก็หันมายิ้มตอบอย่างใจดี
“ตอนนั้นพี่ไปคุมงานที่สาขาที่เวียนนาน่ะ พอดีว่าร้านนี้เป็นร้านของเพื่อนสนิทพี่มันก็เลยใช้งานพี่คุ้มเลย”
“อย่างนั้นเองเหรอครับ”
“ใช่แล้วจ้ะ” แคทเธอรีนยิ้มเอ็นดูคนตัวเล็กที่เดินอยู่ข้างกายของเธอ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ทั้งสามเดินมาถึงห้องลองชุดพอดี ก่อนจะเป็นครีเอทีฟสาวที่เดินเข้าไปด้านในก่อนตามด้วยแบคฮยอนและเซฮุน
“Wow~”
ทันทีที่ทั้งสามเดินเข้ามาในห้องลองชุด เสียงอุทานที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นระคนประหลาดใจของคนเด็กสุดก็ทำให้แคทเธอรีนและแบคฮยอนหัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะทอดมองมายังร่างสูงโปร่งของปาร์คคนเล็กด้วยแววตาเอ็นดู
“ตื่นเต้นเหรอครับคุณเล็ก”
“อื้อ! เล็กไม่เคยเห็นชุดแต่งงานเยอะเต็มห้องขนาดนี้มาก่อนเลยแบค”
เด็กน้อยในสายตาของแบคฮยอนเดินเข้ามากอดเอวคอดพร้อมกับเอ่ยเจื้อยแจ้วอย่างตื่นเต้น แบคฮยอนที่เห็นท่าทางน่ารักนั้นก็อดไม่ได้ที่จะลูบกลุ่มผมนิ่มอย่างเอ็นดู โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของพวกเขาตกอยู่ในสายตาของหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องนี้ตลอดเวลา
ซึ่งนั่นก็ทำให้แคทเธอรีนได้รู้ว่าไม่ใช่แค่ปาร์คคนพี่หรอกที่หลงรักความอ่อนโยนและใจดีของพยอน แบคฮยอน .. เพราะปาร์คคนน้องเองก็ไปไหนไม่รอดเหมือนกัน
ชุดราตรีสีขาวยาวกรอมเท้าแต่งลายลูกไม้ช่วงบนลำตัวถูกสวมลงบนเรือนกายเล็กบางของแบคฮยอน กลุ่มผมนิ่มถูกสวมทับด้วยวิกผมสีน้ำตาลอ่อนดัดเป็นลอนยาวถึงกลางหลัง ประกอบกับเวลคลุมผมสีขาวโปร่งแต่งลวดลายลูกไม้ที่ทิ้งตัวสยายคลอเคลียไปกับแผ่นหลังเล็กบาง
แม้ว่าแขกเหรื่อที่ได้รับการ์ดเชิญงานมงคลสมรสของพ่อเลี้ยงปาร์คจะทราบกันดีว่าเจ้าสาวของพ่อเลี้ยงหนุ่มเป็นบุรุษเพศ ทว่าเพื่อเป็นการให้เกียรติแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแบคฮยอนจึงจำเป็นต้องแต่งชุดเจ้าสาวแทนชุดสูท อีกทั้งชื่อเสียงของชานยอลที่เป็นที่รู้จักของทุกคนในแถบนี้ที่ต้องรักษาเอาไว้
ซึ่งตัวของแบคฮยอนเองก็ไม่ได้อึดอัดอะไรเพียงแต่ไม่ชินเท่านั้นที่ต้องใส่ชุดกระโปรงของผู้หญิงแถมยังต้องสวมรองเท้าส้นสูงที่สูงตั้งสามนิ้ว ในตอนแรกแบคฮยอนขอว่าสวมแค่รองเท้าหุ้มส้นธรรมดาได้ไหม แต่แคทเธอรีนกลับบอกว่าถ้าเจ้าสาวเตี้ยกว่าเจ้าบ่าวเกินไปจะถ่ายรูปออกมาไม่สวย
เรือนกายเล็กบางในชุดราตรียาวค่อยๆ เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างทุลักทุเล ชายกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ถูกฝ่ามือบางทั้งสองข้างรวบขึ้นสูงเพื่อให้เดินถนัดขึ้น ทว่ารองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่ก็ไม่ได้ช่วยให้เดินง่ายขึ้นกว่าเดิมเลย
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ดังขึ้นเรียกสายตาของคนที่นั่งอยู่ในห้องลองชุดให้หันไปมองเป็นตาเดียว เรือนกายบางในชุดเจ้าสาวที่ปรากฏแก่สายตาทำให้พนักงานหญิงสองคนที่เข้ามาบริการเบิกตากว้างอย่างอึ้งๆ ไม่ต่างอะไรกับครีเอทีฟสาวอย่างแคทเธอรีนและปาร์ค เซฮุนที่อ้าปากค้างไปตามๆ กัน
“เอ่อ..”
สายตาสี่คู่ที่จ้องมองมาที่ตนตาไม่กะพริบทำให้แบคฮยอนเริ่มทำตัวไม่ถูก และมันก็ทำให้คนตัวเล็กอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ที่ผู้ชายอย่างตนมาใส่ชุดกระโปรงแบบนี้
“แบคสวยจัง”
ทว่าเสียงใสของเซฮุนที่เอ่ยออกมาอย่างเพ้อๆ หลังจากนั้นก็ทำให้แก้มใสปรากฏริ้วแดงด้วยความขัดเขิน เรียวตารีสวยกะพริบปริบๆ อย่างคนทำอะไรไม่ถูก ซึ่งนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะจากแคทเธอรีนที่ตื่นจากภวังค์ความสวยตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
“สวยมากเลยจ้ะน้องแบคฮยอน น่าเสียดายที่วันนี้พ่อเลี้ยงปาร์คไม่ได้มาด้วย พี่จะได้ถามความเห็นของเจ้าบ่าวว่าเขาชอบหรือเปล่า”
น้ำเสียงหยอกล้อของแคทเธอรีนยิ่งทำให้แก้มใสเห่อแดงมากกว่าเดิม ทว่ากลับมีคนนึงที่ไม่ได้สนใจแก้มแดงๆ ของแบคฮยอนเพราะสะดุดกับคำพูดของครีเอทีฟสาว ก่อนที่กลีบปากหยักสวยจะกดยิ้มมุมปากเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“แบคหันมาทางเล็กหน่อยสิครับ”
เสียงอ้อนหวานของเด็กแสบที่ไม่บ่อยนักจะลงท้ายประโยคด้วยคำสุภาพทำให้คนถูกเรียกขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าหวานก็หันมาหาพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่บนโซฟา
“มีอะไรเหรอครับคุณเล็ก”
“เปล่า~” ตอบปฏิเสธทว่าใบหน้าคมกลับยกยิ้มร่าอย่างมีพิรุธ และก่อนที่แบคฮยอนจะได้ตั้งตัว เสียงชัตเตอร์ของสมาร์ทโฟนเครื่องบางที่อยู่ในมือเรียวก็ดังขึ้นรัวๆ
“ถ่ายรูปทำไมครับ?”
“เล็กไม่บอกแบคหรอก คิก~”
เสียงหัวเราะสดใสของเด็กน้อยตรงหน้าทำให้แบคฮยอนได้แต่ยิ้มบางๆ และไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่แคทเธอรีนเรียกให้แบคฮยอนเดินไปหาเพื่อตวรจดูความเรียบร้อยของชุด ส่วนคนที่นั่งอยู่บนโซฟามุมห้องก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากดมือถือยิกๆ พร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ไปด้วย
อีกฝั่งหนึ่ง ณ ปางไม้เติมฝัน – เรือนกายกำยำของพ่อเลี้ยงหนุ่มเพิ่งได้ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องทำงานหลังจากเดินตรวจงานในปางมาตลอดทั้งวัน ใบหน้าคร้ามเข้มเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวและความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน เพราะเจ้าตัวไม่ได้แค่เดินตรวจความเรียบร้อยเหมือนกับเจ้านายบางคน แต่ชายหนุ่มลงมือทำเองแทบทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งล้างคอกวัว
แผ่นหลังกว้างเอนราบไปกับพนักเก้าอี้ก่อนที่หน่วยตาคมกริบจะค่อยๆ ปิดลงอย่างเหนื่อยล้า เสียงกระดิ่งลมขยับไหวเป็นจังหวะไพเราะเรียกรอยยิ้มน้อยๆ เหนือกลีบปากอิ่ม สองใบหูสดับฟังเสียงใบไม้ร่วงหล่นกระทบผืนน้ำ รับฟังเสียงของธรรมชาติที่ช่วยบำบัดร่างกายให้คลายความเมื่อยล้า
ครืด~
ทว่าเสียงแห่งพงไพรที่ช่วยขับกล่อมให้เคลิ้มหลับก็ถูกแทรกด้วยเสียงสั่นครืดของเทคโนโลยีการสื่อสารในปัจจุบัน สมาร์ทโฟนเครื่องบางที่ส่วนใหญ่เอาไว้แค่โทรติดต่อลูกค้าถูกหยิบขึ้นมาจากโต๊ะ โดยที่เปลือกตาสีอ่อนยังคงหลับพริ้มราวกับว่าไม่อยากตื่น
ครืด~
แรงสั่นจากวัตถุทรงเหลี่ยมในฝ่ามือบังคับให้หน่วยตาคมปรือเปิดในที่สุด ชานยอลเลื่อนปลดล็อกหน้าจออย่างไม่ได้ใส่ใจนักทว่าก็ต้องขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งเข้ามา และหลังจากที่เปิดอ่านเนื้อความด้านในรอยยิ้มบางก็จุดขึ้นเหนือกลีบปากอิ่มอย่างห้ามไม่อยู่
Se_HuN : sent you a photo – 2:47 p.m.
Se_HuN : Your Bride, bro ;) – 2:49 p.m.
ภาพถ่ายและข้อความที่เจ้าน้องชายตัวแสบส่งเข้ามาทำให้ชานยอลหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง กลีบปากอิ่มกดยิ้มกว้างยามที่ทอดมองใบหน้าหวานที่ถูกล้อมกรอบด้วยวิกผมสีน้ำตาลอ่อนของคนในภาพถ่าย ก่อนที่หัวใจซึ่งเคยเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักจะค่อยๆ พองโตอย่างมีความสุขเมื่อเห็นชุดราตรียาวที่สวมอยู่บนกายเล็ก
Park.cy : So Beautiful – 2:52 p.m.
สวย .. แบคฮยอนของเขาสวยมากจริงๆ
ยามแสงตะวันโน้มต่ำ ณ ปลายขอบฟ้าด้านทิศประจิม – อเมริกันแซดเดิลสีดำนิลพุ่งทะยานมาจากด้านในปางไม้ด้วยความเร็วราวกับพายุ อาชาตัวเขื่องวิ่งผ่านสายลมในปลายฤดูใบไม้ร่วงที่อ่อนกำลังลงกว่าต้นฤดู เนื่องจากธรรมชาติใกล้ถึงเวลาปรับตัวอีกครั้งเพื่อให้กลมกลืนกับฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาเยือนในอีกไม่ช้า
ช่วงขาแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้ออย่างอาชาสุขภาพดีหยุดลงที่หน้าเรือนไม้หลังใหญ่ เหล่าเด็กรับใช้ที่กำลังตัดดอกไม้อยู่ที่สวนหน้าเรือนพากันผงะตกใจเมื่อจู่ๆ ม้าหนุ่มตัวใหญ่ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า พวกเธอตัวสั่นกันเหมือนลูกนกเพราะเกรงกลัวเจ้าสัตว์หน้าขน จนกระทั่งมีเรือนกายเล็กของบางคนเดินออกมาที่สวน เจ้าอาชาสีดำดูดุดันก็ย่อขาหน้าลงหนึ่งข้างอย่างนอบน้อม
พยอน แบคฮยอนที่เงยหน้าขึ้นมาจากตะกร้าใส่ดอกไม้และเห็นอาชาตัวโปรดของพ่อเลี้ยงหนุ่มเข้าพอดียกยิ้มออกมาเต็มแก้ม ฝ่ามือบางรีบวางของในมือแล้วเดินเข้าไปหาม้าหนุ่มที่ยืนจังก้าอยู่นอกรั้วบ้าน ก่อนจะลูบแผงคอหนาโดยที่เจ้าแบล็คก็เอียงคอรับสัมผัสอย่างเต็มใจ
“พ่อเลี้ยงรู้หรือเปล่าว่านายมาที่เรือนใหญ่น่ะหืม” เสียงหวานเอ่ยถามอาชาตัวใหญ่ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ซึ่งแบล็คก็โยกหัวตอบราวกับว่ามันรู้ความ
แบคฮยอนหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางเหมือนเข้าใจในสิ่งที่ตนพูดของม้าหนุ่ม ฝ่ามือบางเลื่อนไปลูบหัวของแบล็คก่อนจะชะงักเมื่อเห็นกระดาษอะไรสักอย่างสอดอยู่ใต้ผ้ารองอาน คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันด้วยความฉงนก่อนจะแกะมันออกมาดู
ลายมือหวัดๆ แต่เป็นระเบียบปรากฏแก่สายตาหลังจากที่คลี่กระดาษแผ่นนั้นออก เรียวตารีสวยกวาดอ่านเนื้อความด้านในก่อนที่รอยยิ้มหวานจะถูกจุดขึ้นเหนือกลีบปากบาง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ เพราะนึกขันกับการกระทำเด็กๆ ของใครบางคน
‘ฉันรออยู่นะ..’
C.
เรียวตารีสวยช้อนมองอาชาตัวใหญที่ใช้จมูกดุนมือของตนราวกับจะขอร้อง ดูเหมือนว่าจะถูกเจ้านายสอนมาดีจริงๆ เลยเชียว “เขาให้นายมารับฉันงั้นเหรอ”
ฮี่~
“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ”
รอยยิ้มหวานยังคงประดับอยู่บนดวงหน้าสวยในยามที่ก้มอ่านเนื้อความในกระดาษอีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่แบล็คย่อตัวลงต่ำเพื่อให้แบคฮยอนขึ้นมานั่งบนหลังได้สะดวก เสียงหวานเอ่ยขอบคุณม้าหนุ่มใจดีก่อนที่ช่วงขาแข็งแรงจะทะยานออกไปจากหน้าเรือน แต่ก็ในระดับความเร็วที่ช้ากว่าขามาเพื่อความปลอดภัยของคนสำคัญของเจ้านาย
แบล็คพาเจ้านายอีกคนของมันวิ่งตัดผ่านทุ่งหญ้ากว้างมายังเนินดอกไม้ที่ซึ่งเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ – ครั้งแรกที่มายังที่แห่งนี้คือวันที่พ่อเลี้ยงแห่งผืนป่าเอ่ยง้อกัน และมันก็เป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันกับ ณ ตอนนี้ในยามที่แสงสุดท้ายของวันอาบย้อมไปทั่วนภา
เจ้าของแผ่นหลังกว้างที่ยืนอยู่ท่ามกลางเนินสีเขียวที่ถูกระบายด้วยสีม่วงอ่อนของกลีบดอกไม้เรียกรอยยิ้มบางจากคนที่นั่งอยู่บนหลังอาชาได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนไม่ได้ส่งเสียงบอกว่าตนมาตามนัดแล้วเพราะอีกฝ่ายหันกลับมาพอดี และมันก็เป็นวินาทีนั้นที่สองนัยน์ตาสบมองกันด้วยประกายแห่งความสุข
“รู้ใช่ไหมครับว่าถ้าให้เจ้าแบล็คไปรับแล้วผมจะมา”
“ซึ่งนายก็มาจริงๆ”
“คุณใหญ่ขี้โกงนี่ครับ, รู้อยู่แล้วว่าผมต้องใจอ่อน”
ชานยอลหัวเราะเบาๆ อย่างนึกเอ็นดูใบหน้างอแงของร่างเล็กบนหลังเจ้าแบล็ค เรือนกายสูงใหญ่เดินเข้าไปหาคนตัวเล็กโดยที่สองมือไพล่อยู่ด้านหลัง .. เขาก็แค่ต้องการซ่อนบางอย่างไม่ให้อีกคนได้เห็นก่อนเวลาก็เท่านั้น
“ส่งมือมาสิ” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาพร้อมกับส่งฝ่ามือหนาข้างหนึ่งไปหาคนตัวเล็กกว่า ซึ่งฝ่ามือเรียวบางก็วางทาบลงมาทันทีอย่างไม่มีความลังเล
ร่างเล็กบางของแบคฮยอนค่อยๆ ขยับลงจากหลังม้าโดยมีชานยอลช่วยประคอง เจ้าแบล็คยังคงเป็นม้าใจดีด้วยการย่อตัวให้แบคฮยอนลงได้สะดวก ก่อนที่มันจะเดินหลบออกไปเล็มหญ้าไม่ไกลจากบริเวณนั้นเพื่อให้เจ้านายได้อยู่กันตามลำพัง
“มีอะไรหรือเปล่าครับถึงได้ให้เจ้าแบล็คพาผมมาที่นี่”
แบคฮยอนที่ปลิวไปตามแรงจับจูงของฝ่ามือหนากร้านเอ่ยถามคนที่เดินอยู่ข้างกาย ทว่าคนถูกถามกลับไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใดเพียงแต่ยกยิ้มบางเท่านั้น
“เราจะไปไหนกันครับ”
“อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้วล่ะ”
“ถึงไหนครับ? คุณใหญ่..”
“ชู่ว~ เงียบก่อนนะเด็กดี”
แบคฮยอนจำต้องหุบปากฉับเพราะน้ำเสียงอ่อนโยนของอีกคนเรียกให้ความเขินมาแทนที่ความสงสัย เรือนกายเล็กเดินตามแผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้าไปเรื่อยๆ โดยที่สองฝ่ามือยังคงกอบกุมกันเอาไว้ และเพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงยังที่หมายในที่สุด
สายลมเย็นที่พัดโกรกใบหน้าทำให้แบคฮยอนที่ถูกแผ่นหลังกว้างบังจนเกือบมิดรีบเอียงหน้าออกมามองอย่างสนใจ ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้เรียวตารีสวยเบิกกว้างอย่างตะลึงงัน ก่อนที่เสียงหวานจะร้องว้าวออกมากับความมหัศจรรย์ตรงหน้าที่งดงามราวกับไม่ใช่ความจริง
ตรงบริเวณที่พวกเขายืนอยู่คล้ายกับเป็นสุดเขตของเนินดอกไม้ซึ่งลาดต่ำลงไปเป็นผืนป่าสีเขียวที่แต่งแต้มด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี ไกลออกไปหลายร้อยไมล์เป็นทะเลสาบกว้างที่มองจากตรงนี้เห็นเป็นเพียงเส้นยาวๆ สีขาว ตัดกับผืนฟ้าสีส้มทองของยามเย็นที่แทบจะจรดเป็นเนื้อเดียวกัน
“สวยไหม”
เสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูเรียกให้แบคฮยอนช้อนใบหน้าหวานขึ้นมองเจ้าของคำพูด ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับยกยิ้มกว้างจนตาหยี “สวยมากๆ เลยครับ”
“ฉันดีใจที่นายชอบ”
ชานยอลยกยิ้มบางตามรอยยิ้มหวานของคนตรงหน้า สายลมเย็นหอบเอากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าพัดผ่านมากระทบกับปลายจมูก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่บางสิ่งที่แอบซ่อนเอาไว้ได้อย่างแนบเนียนถูกสวมลงบนกลุ่มผมนิ่มด้วยฝ่ามือหนากร้าน
“ฉันอยากทำทุกอย่างให้ถูกต้อง”
“คุณใหญ่..”
“แต่งงานกันนะแบคฮยอน”
มงกุฎดอกหญ้าที่แม้ไม่มีราคาแต่ถูกถักทอด้วยฝ่ามือหนากร้านที่แข็งกระด้างจนแทบจะกลายเป็นเย็นชาคือสิ่งที่มอบแทนแหวนเพชรล้ำค่า เสียงลมหวีดหวิวแทนเสียงระฆังที่ดังกังวาน ผืนป่าสีเขียวกับทุ่งดอกไม้แทนโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์ และหยดน้ำตาที่ไม่ได้มาจากความเศร้าคือสิ่งที่เอ่ยแทนคำตอบ
“ขอบคุณนะครับ”
แบคฮยอนคล้องเรียวแขนกับลำคอแกร่งก่อนจะเขย่งปลายเท้าจากพื้นเพื่อจุมพิตลงบนปลายคางของคนตรงหน้า สัมผัสแผ่วเบาเพียงเท่านั้นทว่าเอ่ยแทนทุกความรู้สึกภายในใจ และความอบอุ่นจากสองมือที่กอบกุมกันไว้ที่บอกให้รู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง
เรื่องราวของความรักได้เริ่มต้นถักทอก่อเกิดเป็นสายใยแห่งความผูกพัน นกฮัมมิ่งเบิร์ดขยับปีกเล็กๆ จากกลีบเกสรน้ำหวานเพื่อคืนสู่รัง ฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะเคลื่อนผ่าน และเหมันต์ใกล้จะถึงเวลากลับมาเยือน
tbc.
หวาน~ (。♥‿♥。)
#ซคกด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โรแมนติกไปอี้กกกกกก เปนเขินนนนนนนนนนนน
เกียมตัวเปนฝั่งเปนฝาอย่างเปนทางการ
เป็นซีนขอแต่งงานที่หวานมาก อิจฉาา ~
น้ำตาลจะขึ้นละ
ในที่ไรต์เขียนอ่า จะแปลแบบ คุณของเจ้าสาว ถ้าเป็นเจ้าสาวของคุณ ไม่ใช้ว่า your bride,bro หรอคะ
มันจะแบบสุดๆ หวานมาก ฮือ~~~