ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

ลำดับตอนที่ #69 : ข้อมูลเพิ่มเติม

                     เขียนวันที่ 11 ก.ค. 48                              หนัก 73.5 กก.





                    การลดครั้งใหม่นี้ดูๆว่ามันจะค่อยๆลดนะครับ ช่วงนี้ผมอาจจะทำสถิติเหมือนเดิมไม่ได้คือวันละครึ่งกิโล แต่ก็ยังทำให้น้ำหนักค่อยๆลดลงมาได้ แต่จะได้ระดับนี้ไปตลอดเดือนรึเปล่าก็ยังไม่ทราบครับ ต้องลองดูกันต่อไป ช่วงนี้ที่ลดก็ยังกินวันละ 3 มื้อและออกกำลังกายโดยการเดินวันละ 1-2 ชั่วโมงอยู่ครับ ตั้งแต่วันเสาร์เป็นต้นมาผมก็เริ่มเพิ่มคาร์โบไฮเดรตในมื้อเช้าแล้ว โดยวันเสาร์ก็กินข้าวเช้าประมาณครึ่งจานครับ ส่วนกับข้าวก็เน้นพวกเต้าหู้กับผัดผักกับหมู โชคดีครับที่ผมเป็นคนที่ชอบกินผักพอสมควร ก็เลยพอใจกับเมนูพวกนี้ ถ้าเป็นคนที่ไม่ชอบกินผักล่ะก็คงมึนตึบเหมือนกันนะครับ



                   วันอาทิตย์ตอนเช้าก็กินหมี่กะทิไปครึ่งจานครับ ไม่ได้กินมานานมากก็ยังอร่อยเหมือนเดิม ส่วนมื้อเที่ยงกับเย็นผมก็กินสลัดน้ำฟักทองครับ หมายถึงว่าน้ำสลัดทำมาจากฟักทอง ไปซื้อมาจากร้านแถวสันติอโศก อร่อยมากครับ...ขอบอก ไปเจอเพื่อนๆยังชวนให้มากินมังฯเลย แต่ผมเองต้องขอตัวครับ เพราะช่วงนี้ยังไงก็ยังอยากทานเนื้อสัตว์อยู่ครับ คือลดปริมาณการทานลงให้สมดุลได้ แต่ก็ยังไม่อยากตัดขาดจากมัน อย่างเนื้อปลาก็ทานอยู่บ่อยๆครับ ส่วนพวกไก่ก็จะเป็นสลัดไก่ ทานไก่กับผักเยอะๆนี่อร่อยดีครับ เป็นสีสันแก่วันได้ดีทีเดียว



                   จากประสบการณ์การลดน้ำหนักในช่วงแรกเปรียบเทียบกับช่วงนี้ ผมว่าช่วงแรกร่างกายของผมเอื้อต่อการลดน้ำหนักนะครับ เพราะน้ำหนักตัวเกินไปเยอะมาก แต่ที่ยากในช่วงแรกๆก็จะเป็นความเคยชินในการกินของเรามากกว่าที่ต้องพยายามปรับให้เข้าที่เข้าทาง ช่วงแรกก็ตรงนี้แหละครับ ต้องหาอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารและไม่มีแคลอรี่สูง ทั้งยังต้องอร่อยด้วย บอกตามตรงครับว่า ตอนแรกๆก็มืดแปดด้านเหมือนกันว่าจะไปหาอาหารเหล่านี้มาจากไหน แล้วยังต้องกินทั้ง 3 มื้อเป็นเดือนๆอีก แต่พอค่อยๆเสาะหาไปก็เจอมากขึ้นเรื่อยๆครับ จนผมต้องไปเขียนตอน เมนูที่มองไม่เห็นเลย เพราะเจอเยอะมากครับ และมีทุกร้านที่เคยเข้าไปกิน สมกับชื่อเมนูที่มองไม่เห็นจริงๆ



                   อีกอย่างหนึ่งที่ยากในช่วงแรกๆก็คือ การหาเวลาออกกำลังกายครับ คนไม่เคยออกก็ต้องยากเป็นธรรมดา ไม่เคยบรรจุมันลงไปในกิจวัตรประจำวันเลย แต่พอลองหาเวลาดูและปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ช่วงแรกๆนี่ฝืนมากเลยครับ ยังเคยบ่นกับตัวเองเลยว่า \"ตูจะมาเดินทำไมฟ่ะ หาเรื่องจริงๆเลย\" แต่เดี๋ยวนี้เลยบ่นไปแล้วครับ กลายเป็นบ่นแบบอื่นมากกว่า เช่น \"วันนี้ฝนจะตกทำไมฟ่ะ เลยเดินได้ไม่เต็มที่เลย\" อะไรทำนองนี้ครับ นั่นก็คือความยากในช่วงแรก คืออยู่ตรงที่การปรับพฤติกรรมของตัวเรา แต่ร่างกายพร้อมจะเอื้อให้เราเสมอครับ



                   พอมาถึงการลดในช่วงที่สอง บอกได้คำเดียวครับว่า พฤติกรรมต่างๆก็ถูกปรับจนเข้าที่เข้าทางแล้ว สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องฝืนเลย ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารและการออกกำลังกาย แต่ร่างกายเจ้ากรรมก็ดูท่าจะไม่ค่อยเอื้อเท่าไหร่ อาจเป็นได้ครับว่า พอน้ำหนักใกล้ถึงช่วงสมดุลย์การปรับการกินและการออกกำลังกายที่ทำอยู่ก็ได้แต่เพียงเท่านี้ เพราะถ้ากินน้อยกว่านี้หรือออกกำลังกายหนักกว่านี้ก็น่าที่จะเสี่ยงอยู่เหมือนกันครับ พอปรับได้เท่านี้น้ำหนักมันก็เลยต้องค่อยๆลดครับ การทำให้ได้ทุกวันอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นช่วงที่จำเป็นมากๆในช่วงนี้ เพราะต้องอาศัยลดลงวันละนิดวันละหน่อย แสดงว่าช่วงนี้ที่ยากเป็นเรื่องของร่างกายแทนที่จะเป็นเรื่องพฤติกรรมของเรา



                   ช่วง 10 วันที่ผ่านมาผมมีความรู้สึกเบื่อนิดๆครับ ตอนแรกก็งงเหมือนกันว่า พอมาลดอีกครั้งแล้วจะมาเบื่ออะไร เพราะเราก็ทำมาจนอยู่ตัวแล้ว แต่พอมาคิดอีกทีก็พบว่า ผมดันไปติดสุขในช่วงเดือน มิ.ย. 48 เข้าครับ ช่วงนั้นก็อย่างที่บอกล่ะครับว่า มีความสุขมากๆเพราะได้กินทุกอย่างที่อยากกิน แต่ในปริมาณที่ฝึกมาดีแล้ว กินในปริมาณที่เหมาะสม และทำให้มันสมดุลย์ได้ในช่วงวัน ผมอาจจะกินเยอะขึ้นมาหน่อยกว่าตอนที่ลดน้ำหนัก แล้วก็ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วงนั้นมีความสุขมากๆครับ ก็เลยคิดว่าต้องลดในเดือนนี้ให้ดีที่สุด เมื่อถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้แล้ว ก็จะอยู่ในช่วงที่ทำให้น้ำหนักตัวคงที่ครับ และตอนนั้นก็คงพบกับความสุขในการใช้ชีวิตในช่วงวันได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง แต่ตอนนี้ก็ต้องค่อยๆลดน้ำหนักไปก่อนครับ เย็นนี้เลยแก้เบื่อโดยการมากินมื้อเย็นที่ร้ายแบล๊คแครนยอนแถวมาบุญครอง มากินเมนูโปรดครับ คือสลัดปลาแซลมอนย่างพริกไทดำกับน้ำแตงโมปั่น ทานแล้วทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกเป็นกองครับผม แล้ววันศุกร์จะมารายงานใหม่ครับผม