ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

    ลำดับตอนที่ #53 : ตอนนี้ยกดัมเบลเพิ่มแล้วครับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.74K
      0
      29 พ.ค. 48





                           หมายเหตุ  เขียนวันที่ 29 พ.ค. 48                หนัก  73.7 กิโลกรัม





                           เป็นไงบ้างครับ ได้เห็นรูปที่เป็นผลงานเกือบ 4 เดือนกันเสียที ตอนแรกก็เกรงใจเหมือนกันนะครับที่มาเขียนบทความตั้ง 2 เดือนแต่ไม่มีรูปให้น้องๆเห็นกันเลย คิดว่าวันที่ลงรูปก็คงจะเป็นโอกาสเหมาะแล้วนะครับ แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นภาพก่อน-หลังที่สมบูรณ์ เพราะภาพปัจจุบันผมอยากใส่เสื้อยืดตัวเดียวกับภาพตอนหนัก 105 ครับ ก็จะนัดถ่ายอีกทีในวันที่ 14 มิ.ย.48 ครับ ภาพก่อนลดนั้นผมถ่ายวันที่ 15 ม.ค. 48 ที่สวนกล้วยไม้ที่เชียงใหม่ครับ ตอนก่อนลด 1 วันคือวันที่ 31 ม.ค. 48 ผมหนัก 107 คือเพิ่มจากวันที่ถ่ายรูปขึ้นมาอีก 2 โล



                           พอผมเห็นภาพเปรียบเทียบเป็นครั้งแรกนี่ก็ตกใจเหมือนกันครับว่า แตกต่างขนาดนี้เชียวเหรอ คือผมเองเวลาดูรูปกับมองที่กระจกมันก็จะรู้แค่ว่าผอมลง แต่ไม่เห็นถึงภาพเปรียบเทียบครับ พอเห็นก็ตกใจเหมือนกันครับ โดยเฉพาะภาพที่น้องเข้าโคลสเน้นที่หน้า ผมยังงงเลยว่าเมื่อก่อนหน้าผมกลมขนาดนี้เชียวเหรอ ภาพทางซ้ายมือก็เลยกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ของผมไปแล้วครับ เพราะคิดว่าหลังจากนี้ก็คงไม่ปล่อยตัวให้หนักขนาดนี้อีกแล้ว



                           วันที่ 26 ที่ผ่านมาก็เป็นวันแรกครับที่ผมเริ่มยกดัมเบลไปด้วย เรื่องมีอยู่ว่าหลายคนเริ่มทักว่าพอลดมาถึง 75 นี่ก็เริ่มเล่นเวทได้แล้ว แต่ผมเองยังมีปัญหาเรื่องตารางเวลาครับ เลยยังไม่สามารถไปสมัครเป็นสมาชิกของฟิตเนสหรือไปเล่นฟิตเนสกลางแจ้งแถวสวนสาธารณะได้ และที่สำคัญคือยังไม่อยากงดการเดินวันละ 2 ชั่วโมงครับเพราะยังสนุกอยู่ ก็เลยตัดสินใจซื้อดัมเบลมา 2 อัน หนักอันละ 8 กิโลครับ ก็ซื้อมาเล่นไปก่อน คิดว่าต่อไปก็คงจะซื้อบาร์เบลครับ ถ้าทำแบบนี้มันจะพอดีเลย ผมก็จะเดินประมาณ 1 ทุ่ม-3 ทุ่ม กลับถึงบ้าน 4 ทุ่ม ยกดัมเบลต่อถึง 5 ทุ่ม แล้วนอนประมาณเที่ยงคืน ตื่นประมาณ 6 โมงเช้า จัดตารางแบบนี้ทุกอย่างก็ลงตัวครับ ผมจัดตารางไว้ว่าจะยกดัมเบล 3 วันเว้น 1 วันเพื่อให้กล้ามเนื้อมีเวลาปรับตัวครับ



                           อย่างที่เล่นวันที่ 26 พอตื่นมาวันที่ 27 ช่วงแขนจะปวดแบบเกร็งๆครับ และจะรู้สึกเกร็งๆตรงท้องและช่วงหลังด้วย ที่เกร็งตรงท้องก็คงมาจากท่าที่นอนหงายแล้วยกดัมเบลพร้อมกัน 2 ข้างชูขึ้นแล้วก็ยกลง ตอนที่ยกขึ้นจะรู้สึกได้เลยว่ามีอาการเกร็งตรงหน้าท้อง ส่วนที่ผมได้ด้วยคืออาการเกร็งตรงต้นขา เพราะท่าส่วนใหญ่ที่ใช้จะเป็นท่ายืน พอเล่นแล้วมาเดินออกกำลังกายตอนเย็นจะรู้สึกว่าทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น นี่แค่วันแรกเองครับ ยังรู้สึกได้ ถ้าเล่นติดต่อกันสัก 4 เดือนคงแจ๋วเลย



                          วันนี้ผมก็อิ่มหนำสำราญอีก 1 วัน ช่วงนี้ถือว่าการกินกับการออกกำลังกายนั้นอยู่ตัวมากๆครับ เมื่อเช้าผมก็ทานข้าวราดลาบไกกับผัดผัก ต้มจืด 1 ชามกับน้ำเปล่า 1 ขวด ก็เน้นกับครับ กินกับข้าวหมดแต่ข้าวเหลือครึ่งจาน  ตอนเที่ยงก็ทานก๋วยเตี๋ยวไก่ชามเดียวกับน้ำเปล่า อิ่มมากๆเลยครับ เป็นหลักฐานว่าการปรับพฤติกรรมการกินนั้นได้ผลเกินคาด ตอนนี้ก็ใจจดใจจ่อรอออกกำลังกายตอนเย็นครับ เพราะเมื่อวานนี้เดินเหงื่อยังไม่ออกเลยฝนก็ตกซะแล้ว วันนี้ช่วงเที่ยงแดดเปรี้ยงเลย คาดว่าเย็นนี้ฝนคงไม่ตกนะครับจะได้มีเวลาออกกำลังกายได้นานๆหน่อย



                          ตอนนี้กลายเป็นว่าพอตกเย็นผมจะรอเวลาที่จะเดินออกกำลังกายและไปยกดัมเบลต่อที่บ้าน ผิดกับเมื่อก่อนครับ พอตกเย็นก็รอจะไปหาอะไรกินกันที่สยาม กินกันทีก็หลายอัฐอยู่ บางทีกินข้าวหมูเทมปุระจานเบ้อเร่อไปแล้ว ผมยังสั่งยากิโซบะมากินต่อ แล้วก็ยังต่อด้วยเสต็กไก่ราดซอสแอปเปิ้ล ส่วนของหวานไม่ต้องพูดถึงครับ เข้าคิวกันมาเลยตั้งแต่ ไอศกรีมสตรอเบอรี่ซันเดย์ ทีระมิสุ เครปกล้วยหอมราดไอศกรีมช็อคโกแล็ต วัฟเฟิลราดดับเบิ้ลไอศกรีม และปิดท้ายด้วยเค้กไวท์ช็อตโกแล็ตสุดโปรด ถึงวันนี้ผมมานั่งคิดย้อนแล้วก็มีความรู้สึกว่า \"กินเข้าไปได้ยังไงวะ\"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×