ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

ลำดับตอนที่ #37 : ปรากฏการณ์น้ำหนักตัวคงที่

                            หมายเหตุ     เขียนวันที่ 30 เม.ย. 48        หนัก 80.5 กิโลกรัม







                           เรื่องที่จะพูดในวันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ เพราะเคยทำให้หลายๆคนท้อต่อการลดน้ำหนักในลักษณะที่ผมทำอยู่มาแล้ว ผมเองเจอมันเข้าอย่างจังมา 3 ครั้ง แล้วก็สามารถแก้ปัญหามาได้ทั้ง 3 ครั้ง ครั้งแรกตอนที่หนัก 96 หลายคนคงจำได้ว่าผมหนัก 96 อยู่นาน นั่นเป็นประสบการณ์ครั้งแรกครับ ผมเลยยังไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงดี เท่าที่จำได้คือออกกำลังกายหนักขึ้น ส่วนครั้งที่ 2 ตอนที่หนัก 88 แต่จำไม่ได้แล้วครับว่าแก้ปัญหายังไง สงสัยต้องกลับไปอ่านตอนเก่าๆ ส่วนครั้งที่ 3 ตอนที่ลดเหลือ 82 ครั้งนี้ผมใช้วิธีเปลี่ยนเมนูจากที่กำลังกินอยู่กลับมาเป็นเกาเหลาโฟอีกครั้ง นอกนั้นแทบจะไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย มันก็ลดเอา ลดเอา จนเหลือประมาณ 80.5 กิโลกรัมในวันนี้ พรุ่งนี้แล้วนะครับที่จะรู้ว่าเดือนนี้ผมจะลดได้กี่กิโลฯ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พรุ่งนี้เช้าผมน่าจะหนักประมาณ 80 กิโลกรัม และสรุปได้ว่าเดือนเมษายนที่ผ่านมาผมลดไปได้อีก 7 กิโลกรัม ขอให้เป็นอย่างนั้นด้วยเถอะครับ



                          กลับมาคุยเรื่องปรากฏการณ์น้ำหนักตัวคงที่กันต่อดีกว่า ปรากฏการณ์นี้ถึงขนาดกลายเป็นศัพท์วิชาการที่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนักเทียบเท่ากับโยโย เอฟเฟ็กเลยทีเดียว หลายคนรู้จักมันในนาม Hit the Plateau เมื่อมันกลายเป็นศัพท์ในระดับนี้ก็แสดงว่าต้องเกิดขึ้นบ่อยและเกิดกับคนเป็นจำนวนที่มากพอสมควร ไม่งั้นแล้วก็ไม่น่าที่จะมีศัพท์เฉพาะนะครับ สาเหตุจริงๆน่าจะมีหลากหลายนะครับ แต่ขอตัดไปเลยครับเพื่อความสั้นและกะทัดรัด เรามาว่ากันถึงการแก้ไขกันดีกว่า ว่ากันเป็นข้อๆไปเลยนะครับ หลายๆท่านที่กำลังประสบปัญหาอยู่จะได้นำไปประยุกต์ใช้ได้



1. ออกกำลังกายหนักขึ้นอีกนิด เพราะอาจเป็นไปได้ว่าการที่น้ำหนักตัวคงที่ เพราะการใช้พลังงานกับการได้พลังงานจากอาหารมันสมดุลกันพอดี



2. ถ้าใครกินคาร์โบไฮเดรตอยู่ ก็อาจลดคาร์โบไฮเดรตลงตามส่วน



3. ปรับทั้งกินอาหารและออกกำลังกายคู่กันไป โดยกินอาหารแคลอรี่ต่ำลงมาหน่อยนึง และออกกำลังกายมากขึ้นอีกนิดนึง



4. คนที่กินอาหารเล็กๆน้อยๆระหว่างมื้อควรงดไปเลย



5. บางทีคุณอาจกะแคลอรี่ในอาหารผิด เช่น ไปเข้าใจว่าเส้นใหญ่ผักซีอิ๊วมีแคลอรี่ไม่สูง เลยเอามาเป็นอาหารมื้อหลัก แต่จริงๆแล้วมันมีแคลอรี่สูงกว่าข้าวมันไก่อีกครับ



6. ออกกำลังกายแอโรบิคแบบสลับ เช่น ถ้าคุณวิ่งแบบความเร็วคงที่ประมาณ 40 นาที อาจเปลี่ยนเป็นวิ่งความเร็วเดิม 20 นาที แล้วเร่งให้เร็วขึ้นประมาณ 10 นาที แล้ววิ่งกลับมาเป็นความเร็วเดิมใน 10 นาทีสุดท้าย จะมีผลทำให้เผาผลาญมากขึ้น



7. เปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกายไปเลย



8. เปลี่ยนเมนูอาหาร แต่ยังเน้นแคลอรี่เท่าเดิม



9. ดื่มน้ำให้มากขึ้นกว่าเก่าเพื่อช่วยในการเผาผลาญ



10. ทานอาหารให้ช้าลงและเคี้ยวให้นานขึ้น เพื่อทำให้คุณอิ่มเร็วกว่าปกติ



11. ทานอาหารแค่ให้อิ่มประมาณ 80 % แล้วก็ดื่มน้ำตามเข้าไปมากๆคือให้อีก 20 % เป็นการอิ่มน้ำแทน



12. พักผ่อนให้เพียงพอประมาณวันละ 7 ชั่วโมง เพราะตอนนอนร่างกายมีส่วนช่วยเผาผลาญพลังงานไปด้วย



13. คนที่ตื่นสายก็ตื่นให้เช้าขึ้นกว่าเดิม จะได้มีเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆมากขึ้น



14. บริหารการทำกิจกรรมในช่วงวันให้มีแนวโน้มที่จะช่วยเผาผลาญพลังงานมากขึ้น เช่น ทำงานอยู่ชั้น 6 ทุกวันเคยขึ้นลิฟท์ แต่วันนี้จะเดินขึ้นบันไดแทน (ไม่รู้จะโหดไปรึเปล่า)



15. อย่าเครียดจนถึงกับท้อ พยายามคิดว่า น้ำหนักคงที่ ไม่เพิ่มขึ้นมาก็ดีถมไปแล้ว ทำใจให้สบายๆและยังปฏิบัติตามโปรแกรมต่อไป บางทีพอเราลืมไปแล้ว และมาชั่งน้ำหนักอีกครั้งปรากฏว่าน้ำหนักลดลง แล้วก็ต้องมาสงสัยอีกครั้งว่า \"ลดลงได้ไงวะ ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย\"



ถ้าใครกำลังประสบปัญหาอยู่ จะนำไปปรับใช้บางข้อหรือทุกข้อก็ไม่ว่ากันครับ ค่อยๆแก้ปัญหาไปทีละขั้นครับ แล้วน้ำหนักตัวของคุณก็จะลดลงไปเอง ท้ายนี้ขอใช้เป็นพื้นที่ในการรวบรวมคำขวัญเท่ๆนะครับ



ลดน้ำหนักไม่ใช่เป็นเพียงการทำให้น้ำหนักลด



ลดน้ำหนัก ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด



บางครั้งการอดอาหารก็ไม่เป็นการลดน้ำหนัก



เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน แต่ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมชีวิต



ลดน้ำหนักไม่ยากอย่างที่คุณคิด



ลดน้ำหนัก ลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ



ลดน้ำหนักให้ได้ผล ต้องอดทนและใจเย็น



ลดน้ำหนักในวันนี้จะสุขภาพดีในวันหน้า



กินแต่พอดี ชีวีมีสุข



ออกกำลังกายวันละนิด สุขภาพจิตดีวันละหน่อย



อย่าอดเพียงอาหาร ควรเร่งเผาผลาญไขมัน



ในระหว่างลด อย่าหมดกำลังใจ



ลดน้ำหนักให้ถูกวิธี สุขภาพจะดี จิตใจแจ่มใส