ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

ลำดับตอนที่ #7 : เทคนิคสร้าง\"ไม้ตาย\"

                                   หมายเหตุ เขียนวันที่ 25 มี.ค. 48     หนัก 87.5 กิโลกรัม





                                   ผู้ที่ติดตามมาตลอดอย่าเพิ่งงงนะครับว่าเมื่อวานยัง 88.5 กิโลอยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงกลายเป็น 87.5 กิโลไปได้ นี่ก็เป็นครั้งแรกนะครับที่ผมลดได้วันละ 1 กิโลกรัม เพราะทุกทีโดยเฉลี่ยจะลดวันละครึ่งกิโลกรัม วันนี้ก็เลยอยากพูดเรื่องนี้ ส่วนเรื่องแก้ปัญหาอยากข้าวของวันที่ 21 ก.พ. 48 ขอเป็นตอนหน้านะครับ



                                   น้ำหนักตัวหายไป 1 กิโลกรัมภายในหนึ่งวันก็เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกกับผมเหมือนกันถ้าจะนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 48 ที่ผมเข้าโปรแกรมมา ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยครับว่าเมื่อวานนี้ผมทำอะไรมาบ้าง



                                   เมื่อวานตื่นมาประมาณ 9.30 น. ผมก็ชั่งน้ำหนักเลย ตอนนั้นผมหนัก 88.5 กิโลกรัม ก็ยังคิดอยู่ว่าทำไมใกล้กับเมื่อวานเลย เพราะเมื่อวันก่อน ( 23 มี.ค.48) ผมก็หนักประมาณนี้คือ 88.4 กิโลกรัม ผมก็เลยวางแผนสำหรับเมื่อวานคือ พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จตอน 10 โมง ผมก็ออกจากบ้าน มาถึงที่ทำงานประมาณเที่ยง ผมก็มากินมื้อแรกที่นี่ มื้อนั้นผมกินเกาเหลาโฟ 1 ชามกับน้ำส้มปั่น 1 แก้ว หลังจากนั้นตอน 13.30 น.-16.30น. ผมมีประชุม ระหว่างที่ประชุมผมก็กินกาแฟ 1 แก้ว กับขนมปัง 2 ชิ้น ( กินได้นะครับโดยผมใช้หลักทฤษฎี The Whole and The Part ซึ่งผมจะพูดถึงในตอนหน้า) แล้วผมก็กลับมาทำงานต่อ



                                   พอเลิกงานผมก็ออกกำลังกายโดยวิธีเดิน ผมทำงานอยู่แถวสุขุมวิท ผมตั้งต้นเดินจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เพชรบุรี เดินมาตามถนนเพชรบุรี โดยเดินทางฝั่งซ้าย พอถึงคลองตันก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรามคำแหง แล้วเดินต่อไปจนถึงหน้า ม.ราม สนามกีฬาหัวหมาก พอถึงลำสาลีผมก็เลี้ยวซ้ายแล้วก็เดินตรงไปที่ตลาดบางกะปิ ผมหยุดเดินตรงตลาดบางกะปิพอดี หลังจากนั้นก็ขึ้นรถกลับบ้าน เพราะบ้านผมอยู่แถว ถ.สุขาภิบาลสอง สาเหตุที่ตั้งใจเดินจากสถานีรถไฟใต้ดินเพชรบุรีจนถึงตลาดบางกะปินั้น ผมกะว่าถ้าออกกำลังกายประมาณนี้น่าจะลดลงจาก 88.5 ได้ เส้นทางเดินจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพชรบุรีจนถึงตลาดบางกะปินั้นผมเอาเป็น\"ไม้ตาย\"สำหรับกรณีที่เปลี่ยนพฤติกรรมการกินกับออกกำลังกายทั่วไปโดยการเต้นแอโรบิกแล้วมันยังไม่ลดลงอีก



                                  ขอพูดเรื่องออกกำลังกายแบบนี้นิดนึงว่าตอนที่ผมเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมการกินใหม่ๆนั้น (1-4 ก.พ. 48 ) ผมไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเต็มที่สักเท่าไหร่ ผมมาเริ่มออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยในวันที่ 7 ก.พ.48 โดยผมใช้วิธีการเดินก่อน วันที่ 7 ผมเดินจากสถานีรถไฟใต้ดินเพชรบุรีจนไปถึงเดอะมอลล์รามที่เขาเรียกกันว่า \"เดอะมอลล์สาม\" พอวันที่ 8 ผมก็เดินจากสถานีรถไฟใต้ดินเพชรบุรีไปถึงหน้าสนามกีฬาหัวหมาก พอวันที่ 9 ผมเดินตั้งแต่สถานีรถไฟใต้ดินเพชรบุรีจนไปถึงตลาดบางกะปิ คือผมค่อยๆเพิ่มระยะการเดินมากขึ้นเรื่อยๆ



                                   ตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 48 ใน 1 สัปดาห์ ผมจะเริ่มออกกำลังกายโดยใช้การเดินจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินถึงหน้าสนามกีฬาหัวหมาก 3 วัน ส่วนอีก 4 วันจะเต้นแอโรบิกที่บ้านประมาณ 1 ชั่งโมงครึ่ง อย่างเต้นแอโรบิกนี่ ตอนที่เต้นครั้งแรกผมก็เริ่มจากครึ่งชั่วโมงก่อน แล้วเพิ่มเป็น 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นจึงค่อยเพิ่มเป็นชั่วโมงครึ่ง ส่วนการเดินจากสถานีรถใต้ดินถึงตลาดบางกะปิ ถือเป็น\"ไม้ตาย\"ที่ต้องงัดออกมาใช้ในช่วงที่น้ำหนักตัวคงที่หลายวัน ครั้งแรกเลยตอนที่หนัก 96 อยู่หลายวัน ส่วนครั้งที่ 2 ก็ใช้เมื่อวานนี้ เพราะก่อนหน้านั้นมันจะอยู่ประมาณ 88.5 มาสามวัน



                                   พอเดินถึงตลาดบางกะปิเมื่อวานนี้ฝนตกลงมาด้วย ผมจึงหยุดพัก แล้วกินโค้ก light ไปกระป๋องนึง แล้วก็นั่งแท็กซี่เข้าบ้าน พอพักจนหายเหนื่อยผมก็มาชั่งน้ำหนักปรากฏว่าเหลือ 87.9 กิโลกรัม ผมดีใจมาก หลังจากนั้นผมก็เต้นแอโรบิกต่ออีกประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วก็พักให้หายเหนื่อย พออาบน้ำเสร็จก็นอนเลย ตื่นมาอีกทีก็ประมาณตีห้า ผมก็ออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็มาชั่งน้ำหนักก่อนที่จะแต่งตัวไปทำงาน ปรากฏว่าน้ำหนักลดลงมาเหลือ 87.5 กิโลกรัม เบื้องลึกเบื้องหลังก็ประมาณนี้ล่ะครับ



                                   ขอพูดเรื่องออกกำลังกายนิดนึงว่าจำเป็นมากและต้องทำควบคู่ไปกับการเปลี่ยนพฤติกรรมการกินจึงจะเห็นผล การออกกำลังกายนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะทำอย่างไร หนักเบาแค่ไหน จะออกกำลังช่วงเช้าหรือเย็น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวก อย่างผมเองเลือกตอนเย็นและก็เลือกเดินกับเต้นแอโรบิก สาเหตุที่ไม่เลือกเดินทุกวันก็เพราะว่าควันพิษมันเยอะ อย่างไรก็ตามผมก็จะใช้วิธีเดินแบบนี้จนกว่าผมจะออกจากโปรแกรมในวันที่ 31 พฤษภาคม 48 นี้ (ผมกะอยู่ในโปรแกรม 4 เดือน) หลังจากนั้นคงเปลี่ยนไปออกกำลังกายด้วยวิธีอื่น