ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

    ลำดับตอนที่ #42 : ผู้หญิง กับ ความอ้วน ( 5 )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.03K
      2
      5 พ.ค. 48





                                       หมายเหตุ   เขียนวันที่ 5 พ.ค. 48         หนัก 78.4   กิโลกรัม



                        

                                       เมื่อวานหลายคนทราบผลเอ็นฯกันแล้ว ทราบว่าเมื่อคืนนี้บางคนก็ดีใจแบบสุดๆ บางคนก็นอนร้องไห้เกือบทั้งคืน ผมเข้าใจความรู้สึกของน้องๆทุกคนดีครับ เพราะผมเป็นเด็กยุคที่ค่านิยมเรื่องการสอบเทียบเฟื่องฟูที่สุดแล้ว ผมสอบเทียบ ม.6 ได้ตอนที่กำลังเรียนอยู่ ม.5 ครับ แล้วก็ลองเอ็นฯดู ปรากฏว่าเอ็นฯไม่ติด ก็จะซึมๆหน่อยครับ  กลับมาคิดครับว่าเราพลาดตรงไหนบ้าง อาจจะขยันน้อยไป เลือกอันดับที่สูงกว่าความสามารถของตนเอง เพราะสมัยก่อนเขาใช้คะแนนสอบ 100% ครับ แล้วก็ให้เลือก 6 อันดับ พอทราบจุดบกพร่องของตัวเองแล้วก็นำมาปรับ แล้วก็เอ็นฯใหม่ตอนจบ ม.6 ปรากฏว่าเอ็นฯติดในอันดับที่ 3 ดีใจมากเลยครับ เพราะไม่คิดว่าจะติด



                                      เพราะฉะนั้นคนที่เอ็นฯแล้วไม่ติดเนี่ยอาจมีทางเลือกได้ 2 ทางครับ คือ



    1. ลองเอ็นฯใหม่อีกสักปีนึง แล้วต้องวางแผนดีๆนะครับ อาจเรียนมหาวิทยาลัยเปิดไปด้วยหรืออาจเรียนกวดวิชาอย่างเดียวก็ได้ พยายามแก้ไขข้อบกพร่องในปีที่ผ่านมา ส่วนเรื่องเสียใจนั้นอาจจะเสียใจได้บ้าง แต่อย่านานเกินไป ท้อได้บ้าง แต่ต้องเป็นแบบ \"ท้อไม่แท้\"นะครับ แล้วก็มีความพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ได้ในเวลาอันใกล้นี้ื ตอนเริ่มใหม่ก็ต้องวางแผนให้ดีครับ เซ็ตโปรแกรมให้กับตัวเองซึ่งมันก็ไม่ต่างไปจากการเซ็ตโปรแกรมลดน้ำหนักหรอกครับ เซ็ตว่าแต่ละวันเราควรจะทำอะไรบ้าง และก็ไม่ควรลืมที่จะหาเวลาพักผ่อนและออกกำลังกายด้วย ลองเริ่มใหม่ดู ทำเหมือนที่พี่ทำตอนที่เอ็นฯไม่ติดตอน ม.5 อะครับ รับรองว่าปีหน้าต้องติดแน่นอน เพียงแต่ว่าอย่าเลือกในสิ่งที่เกินความสามารถของตัวเอง ควรเลือกเข้าเรียนในคณะและสถาบันที่เราชอบและเหมาะกับตัวเราครับ และอนาคตข้างหน้าก็จะสดใสแน่นอน พี่เป็นกำลังใจให้เสมอครับ



    2. ส่วนอีกหนทางหนึ่งก็คือ อาจมุ่งเรียนมหาวิทยาลัยเปิดหรือ ม.เอกชนไปเลย แล้วพยายามตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด ให้กำลังใจกับตัวเองให้เยอะๆครับ บางทีอาจไปเจอคนที่เก่งๆหรืออาจารย์ที่เก่งๆที่เขาอยู่ในมหาวิิทยาลัยเปิดหรือม.เอกชนก็ได้ อย่างพี่เองตอนนี้ที่กำลังทำงานเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปิดแห่งหนึ่ง เคยสมัครไปอบรมที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นการอบรมที่น่าประทับใจมากๆเลยครับ ยังเก็บความประทับใจต่างๆมาจนถึงทุกวันนี้เลย แล้วถ้าน้องๆเข้าไปเรียนและตั้งใจเรียนให้มากๆ พยายามเรียนตรีให้จบให้ไวที่สุด แล้วหาทางเรียนปริญญาโท ในสาขาที่เราชอบและถนัดที่สุด อนาคตก็จะสดใสเหมือนกันครับ ตอนนี้ก็มีเพื่อนร่วมงานของพี่ที่เขาจบตรีที่ ม.เอกชนแห่งหนึ่ง แล้วก็มาเรียนต่อโทที่ มศว ครับ แล้วก็ไปจบเอกที่ จุฬาฯ ตอนนี้อนาคตของเขาสดใสมากๆเลยครับ



                                                      ก็เป็นกำลังใจให้กับน้องที่เอ็นฯไม่ติดทุกคนครับ

                                                                เสียใจได้ แต่อย่าเสียใจนานเกินไปนะครับ

                                                      แล้วก็ไม่ต้องคิดหนีหรือหลบหน้าใครด้วยครับ

                                                                ชีวิตของเราก็ต้องเดินต่อไปและอยู่ต่อไปครับ



                                                                อยู่เพื่อเรียนรู้ อยู่เพื่อยอมรับมัน

                                                         ตามความคิด สติ เราให้ทัน

                                                         อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน

                                                         และทำสิ่งนั้น ให้ดีที่สุด...



                                                                คืนนี้มืด ใช่มืดสนิท

                                                         เทียนดวงนิด ยังมีแสง

                                                         ขอเพียง ลมพัดแรง

                                                         แสงจะฉาย แข่งจันทร์งาม

                                                                ทุ่งนี้รก ใช่รกหมด

                                                         มีข้าวสด ขึ้นแทรกหนาม

                                                         ขอเพียงฝน จากฟ้าคราม

                                                         ข้าวจะงาม ท่วมหญ้าคา...



                                                                               เป็นกำลังใจให้ครับ...





                              หลายท่านคงจำได้เมื่อ 2 ตอนที่แล้วนะครับ ที่ผมเอาประสบการณ์ของเพื่อนที่กินยาลดน้ำหนักจนเข้าโรงพยาบาลมาเล่าให้ฟังกัน สำหรับคนที่ใช้สูตรลดน้ำหนักบางสูตร บางคนก็อาจจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน ผมมีข้อความของน้องที่เขาโพสต์ไว้ในบทความอื่นมาฝากครับ

                              \"คือว่า จากสูด3เลิกกิงปายแร้วอ่าค่ะ



    กิงได้2วัน เปงลม หน้ามืด มะมีแรง



    เข้ารพ.แม่เททิ้งหมดเยย >_< อุดส่าห์ต้ม\"



                              อันนี้ก็เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าร่างกายของคนเรา sensitive ไม่เหมือนกันครับ บางคนอาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง มีทั้งเป็นลม เกิดโยโยแบบนึกไม่ถึง ถ้าใครจะลดน้ำหนักด้วยวิธีเหล่านี้ก็ต้องระวังไว้ให้ดีครับ



                              ต่อมาเราจะมาดูตัวอย่างของผู้หญิงที่เขาประสบความสำเร็จกันบ้าง ตัวอย่างแรกที่ผมจะเล่าให้ฟังนี้ ผมเอามาจากรายการทีวีรายการหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้วครับ แต่ยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ รายการในวันนั้นเขาเชิญผู้หญิงคนหนึ่งมาร่วมในรายการ เธอเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมาก รูปร่างดีมากทีเดียว ตอนแรกผมนึกว่าเธออายุประมาณ 55 ปี แต่จริงๆแล้วเธออายุ 70 ปีแล้วครับ เธอเล่าให้ฟังว่าเธอเริ่มมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและออกกำลังกายตอนอายุประมาณ 30 กว่า ( เริ่มทำตอนอายุใกล้เคียงกับผมเลยครับ )



                             เธอบอกว่าสมัยสาวๆเธอไม่ค่อยแคร์เรื่องพวกนี้เหมือนกับผู้หญิงทั่วๆไป น้ำหนักตัวของเธอจึงคอยๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมจำไม่ได้นะครับว่าตอนที่เธอหนักสุดนั้น เธอหนักประมาณเท่าไหร่ แต่สิ่งที่สำคัญคือ พอรู้ตัวว่าเริ่มมีสัญญาณไม่ดีต่อสุขภาพ เธอก็ค่อยๆปรับเปลี่ยนเรื่องการกินอาหาร และก็ค่อยๆเริ่มออกกำลังกายทั้งๆที่การใช้ชีวิตที่ผ่านมา เธอไม่เคยบรรจุเรื่องการออกกำลังกายไว้ในตารางประจำวันมาก่อนเลย เท่าที่จำได้น้ำหนักของเธอจะคอยๆลดครับ เพราะพอมันลดได้สักระยะ เธอก็ยกดัมเบลเพื่อทำให้มันเฟิร์มไปด้วย เธอใจเย็นมากๆเลยครับ สำหรับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง รู้สึกว่าจะใช้เวลาป็นปีครับ กว่าเธอจะได้น้ำหนักและรูปร่างอย่างที่เธออยากได้



                            หลังจากนั้นเธอก็ยึดสิ่งที่เธอทำสำเร็จตั้งแต่อายุ 30 กว่าๆจนถึง 70 เลยครับ เธอปฏิบัติไม่เคยขาด เธอเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนที่ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลในตอนอายุมากๆเลย เพื่อนของเธอบางคนก็เข้าโรงพยาบาล แล้วก็ต้องเอาเงินที่สะสมมาทั้งชีวิตมารักษาตัวเองจนหมด บางคนใช้เงินหมดแล้วก็ยังไม่หาย บางครั้งต้องกู้หนี้ยืมสินมารักษาตัวจนตาย เป็นสภาพที่น่าเวทนามากๆ เพื่อนบางคนของเธอก็ตายก่อนวัยอันควร และหมดโอกาสที่จะใช้เงินไปท่องเที่ยวอย่างสบายอารมณ์ในช่วงที่เกษียณอายุ



                            ผมว่าเธอเป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่ปฏิบัติตนได้ดี น่าเสียดายที่ผมมีข้อมูลของเธอแต่เพียงเท่านี้และมันก็มาจากความทรงจำของผมล้วนๆด้วยครับ  แต่อย่างน้อยก็เป็นหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองจนสามารถสวยสมวัยได้ตลอดเวลาจนอายุ 70 ปี และเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากสำหรับผู้ที่พบเห็นครับ ผมยังจำได้ว่าพิธีกรในวันนั้นนั่งสัมภาษณ์เธอด้วยความตื่นเต้น สิ่งที่เธอพูดถึงนั้นเน้นแต่เรื่องสุขภาพเพียงอย่างเดียว แต่ในตอนหน้าผมจะมาเล่าถึงตัวอย่างของผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมน้ำหนักและชีวิตสมรส เธอมีคำแนะนำดีๆว่าผู้หญิงตั้งแต่อายุ 15 ถึง 40 กว่าๆ ควรดูแลตัวเองอย่างไร ตอนที่ผมพบเธอสมัยนั้น เธอเป็นผู้หญิงที่อายุประมาณ 40 ปีครับ มีลูกชายเรียนอยู่ ม.ปลาย 2 คน ผมเป็นคนที่ไปสอนพิเศษให้กับลูกชายทั้ง 2 คนที่บ้านของเธอครับ



                            ตอนแรกผมนึกว่าเธอเพิ่งจะ 30 กว่าๆ แต่พอมารู้ว่าเธอ 40 แล้ว คำถามหลายคำถามก็พรั่งพรูออกมาจากปากของผมครับ แล้วเธอก็เล่าให้ผมฟังว่าเธอดูแลตัวเองอย่างไร บังเอิญวันนั้นลูกชายของเธอติดซ้อมกีฬาฯสี ผมเลยมีเวลาคุยกับเธอนานหน่อย จนบัดนี้ผมก็ยังจำได้อยู่เลยครับ เอาไว้ตอนหน้าผมจะเล่าให้ฟังประกอบกับแทรกความคิดเห็นของผู้ชายอย่างผมลงไปด้วย เพราะเธอเล่าทั้งเคล็ดลับการควบคุมน้ำหนักและการบริหารชีวิตหลังสมรสไปพร้อมๆกัน ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้หญิงทุกคนมากๆเลยครับ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×