ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

    ลำดับตอนที่ #11 : \"ความอร่อย\"ที่ตามมาหลอกหลอน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.67K
      5
      29 มี.ค. 48







                                     หมายเหตุ   เขียนวันที่  29 มี.ค. 48     หนัก  86.0   กิโลกรัม







                                     ตั้งใจไว้แล้วนะครับว่า วันที่ 30 และ 31 มี.ค.นี้ ผมจะทำน้ำหนักให้คงที่ 2 วันคือ 86.0 กิโลกรัม แล้ววันที่ 1 เม.ย. 48 ถึงจะเริ่มลดใหม่ ถือว่าเป็นเดือนที่สามแล้วครับ  บอกตรงๆว่าตอนแรกที่ตั้งใจจะลดน้ำหนัก ผมไม่คิดว่าผมจะลดได้เดือนละ 10 กิโลฯเลย แค่เดือนละ 5 กิโลฯผมก็พอใจแล้ว แต่พอผมทำได้เดือนละ 10 กิโลฯและรู้สึกว่าไม่เหนื่อยเกินไปและยังทำให้ชีวิตประจำวันดำเนินไปได้ด้วยดี ผมจึงยึดเดือนละ 10 กิโลฯเป็นหลัก อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่เดือนที่สามแล้ว มีคำทำนายต่างๆนานา บางคนบอกว่าเดือนที่สามนี่จะยากกว่าสองเดือนแรก บางคนบอกว่าการลดน้ำหนักจาก 86 เป็น 76 ในเดือนที่สามนี้ถ้าจะทำได้ต้องมีเทคนิคที่มากกว่าเก่า ผมเองยังไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าการคิดแค่ว่า เอาไว้วันที่ 1 เม.ย. ก่อนแล้วค่อยว่ากัน เรื่องแบบนี้มันต้องทำจริงๆครับ แล้วมันจะรู้ว่ายากง่ายแค่ไหน





                                     อย่างที่เคยเกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้วครับว่า วันนี้มีสิ่งที่สำคัญจะบอก จริงๆควรบอกตั้งแต่เมื่อวาน แต่เมื่อวานนี้ผมอยากให้ เรื่อง ทฤษฎี The Whole and The Part มันจบไปซะก่อน แล้วค่อยมาว่ากันถึงเรื่องนี้แบบเต็มๆ แต่ก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกันว่า เรื่องทฤษฎี The Whole and The Part ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกเยอะ แต่ยังไงเรื่องที่จะเล่าวันนี้มันก็แซงขึ้นหน้ามาอย่างเห็นได้ชัด และมันก็เป็นเรื่องสดๆร้อนๆที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง แล้วมันก็ทำให้ผมรู้ว่าอะไรมันคืออะไร ผมแน่ใจนะครับ ว่าผมเพิ่งรู้บางสิ่งบางอย่างเพิ่มเติมมา และนั่นอาจจะเป็นสิ่งสำคัญที่คนที่กำลังวางแผนที่จะลดน้ำหนักจำเป็นต้องรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยากลดน้ำหนักประมาณ 20-40 กิโลกรัมอย่างผม เอาเป็นว่าผมจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันอาทิตย์ให้ทุกท่านทราบกันเลยนะครับ



                                     ขณะที่ผมกำลังนั่งรถกลับบ้าน ตอนนั้นประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ มันก็เกิดสิ่งที่มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ แต่เพิ่งจะมาเกิดเมื่อวันที่ 55 ของการเข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก คือผมอยากกินม่าม่าใจจะขาด ตลอด 55 วันเต็ม ผมไม่ได้กินม่าม่าเลย และที่สำคัญดันมาอยากเอาตอนที่ใกล้จะ 4 ทุ่มแล้วด้วย อยากไม่ใช่อยากเปล่านะครับ แต่อยากกินประมาณว่าเอาม่าม่า 4 ห่อลวกใส่ในชามเดียว คืออยากถึงขนาดนั้น ตอนที่กลับถึงบ้านแล้ว ความอยากมันยิ่งรุนแรงจนห้ามใจแทบไม่อยู่ ยังดีนะที่ทุกคนเขาขึ้นนอนกันหมดแล้ว ไม่งั้นคงเห็นพฤติกรรมแปลกๆของผม ผมเดินเข้าไปในครัว ภาวนาว่า\"ขออย่าให้มีม่าม่าอยู่ในครัวเลยแม้แต่ซองเดียว\" แต่ปรากฏว่า มันมีอยู่ในครัวทั้งหมด ...เออ...16 ซองครับ  เห็นแล้วผมผงะอย่างกับเห็นผีเลยทีเดียว ผมถอยออกมาตั้งหลัก และพยายามที่จะระงับความอยาก แต่มันก็ยากเอาการอยู่



                                      ใจนึงผมก็คิดว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ได้นะ ไม่เห็นเข้าใจเลย ตลอด 55 วันที่ผ่านมาไม่เห็นมันจะอยากถึงขนาดนี้เลย แต่ทำไมวันนี้มันถึงได้อยากรุนแรงขนาดนี้ คิดไปคิดมาผมก็เดินเข้าไปในครัวอีกครั้ง แล้วก็ไปยืนมองซองม่าม่า...อืม...เอาไงดีล่ะ กินทั้งดิบๆซองนึงคงไม่เป็นไร แต่...อืม...พฤติกรรมแบบนี้มันไม่น่าจะอยู่ในโปรแกรมนะ แล้วจะเอายังไงดี ผมก็เดินออกไปที่ห้องรับแขกแล้วก็เดินกลับเข้ามาข้างในอีก คิดในใจว่า \"หรือเราจะเลิกล้มโปรแกรมตั้งแต่วันนี้เลย แล้วลวกมัน 4 ซองนั่นแหละ แล้วก็กินให้มันหมดเรื่องไป หลังจากนั้นก็ไปนอน ทำใจให้มันสบายๆ\" แต่คิดไปคิดมา นี่มันก็วันที่ 55 แล้วนะ เราจะทำอย่างนั้นจริงๆเหรอ ขณะนั้นตาก็เหลือบไปเห็นส้มวางอยู่แถวนั้นประมาณ 3 ผล ผมก็หยิบส้มมาทั้งสามผล และรีบคิดวิธีแก้ปัญหา ผมคิดว่าต้องกินอะไรสักอย่างประทังความอยากม่าม่า ส้ม 3 ผลนี่แหละที่จะมาช่วยชีวิตเราได้ มันต้องช่วยเราได้แน่ๆ



                                      ผมค่อยๆปลอกส้มทีละผลและพยายามกินอย่างช้าๆ แล้วก็ดื่มน้ำตามเข้าไป เปิดเพลงที่ตัวเองชอบคลอตามไปด้วย หรี่ไฟลงนิดนึง แล้วมันก็ช่วยได้ ความอยากม่าม่าได้หายไปแล้วเป็นปลิดทิ้ง จนถึงขณะนี้ผมก็ยังไม่อยากม่าม่าขึ้นมาอีกเลย พอแก้ปัญหาได้แล้ว ผมกลับมานั่งคิดทบทวน

                                      วันที่ 11 ของโปรแกรม ผมอยากกินเบเกอรี่เป็นอย่างมาก

                                      วันที่ 21 ของโปรแกรม ผมอยากกินข้าวมันไก่จนต้องกินมันไปครึ่งจาน

                                      วันที่ 55 ของโปรแกรม ผมอยากกินม่าม่าแทบจะคลั่ง แต่มันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

                                      ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ อะไรมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในแบบที่เราทำนายไม่ได้ ผมนั่งคิดไปคิดมาไม่นาน ผมก็รู้สึกว่าผมได้คำตอบอะไรบางอย่างแล้ว ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหนเหมือนกัน แต่มันมีนัยสำคัญบางอย่าง ตอนหน้าผมจะมาวิเคราะห์ให้ฟังอย่างละเอียดครับผม



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×