ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 : โคโลนี 9
1 ปีผ่านไปหลังเหตุการณ์ที่ซอร์ด วอลเลย์...
ณ กลางหุบเขา พื้นดินมีหญ้าสีเขียวงอกปกคลุมไปทั่ว ที่ดูแปลกธรรมชาติคงจะเป็นซากจักรกลที่พังกระจัดกระจายอยู่ที่มุมหนึ่งของหุบเขานี้
ณ กลางหุบเขา พื้นดินมีหญ้าสีเขียวงอกปกคลุมไปทั่ว ที่ดูแปลกธรรมชาติคงจะเป็นซากจักรกลที่พังกระจัดกระจายอยู่ที่มุมหนึ่งของหุบเขานี้
"เมคอน M71!"
เด็กหนุ่มผมบลอนด์ผู้หนึ่งร้องขึ้นเมื่อค้นพบซากเมคอนรุ่นหนึ่งขณะที่เขากำลังนั่งรื้อหาบรรดาซากจักรกลบริเวณนั้น
"ระบบแสกนของเจ้านี่เอาไปใส่ในแอนตี้แอร์ แบตเตอรี่ได้!"
ซักพักต่อมาเขาต้องบ่นด้วยความเสียดาย
"ว้า...มันพังแล้วนี่นา"
ว่าแล้วเขาก็มองดูชิ้นส่วนอื่นๆที่กระจัดกระจายข้างๆ
"ส่วนข้อต่อ...อืม..งอซะนี่"
เด็กหนุ่มโยนชิ้นส่วนเครื่องจักรทิ้ง ก่อนลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย
"เฮ้อ! ไร้ประโยชน์สิ้นดีเล้ย...."
เขายืดแขนขึ้นก่อนล้มตัวลงนอนบนพื้นหญ้านุ่ม มองท้องฟ้าเหนือหุบเขา สายลมเบาๆปะทะมา เด็กหนุ่มเหม่อมองไปอีกทางหนึ่ง ก่อนเบิกตากว้าง
"นั่นมัน M69!!"
จักรกลอีกรุ่นหนึ่งนอนนิ่งห่างไปไม่ไกล เขารีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหามันทันที ดูเหมือนว่าสภาพซากนั้นยังดูสมบูรณ์อยู่ เด็กหนุ่มรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
"เกราะของเจ้านี่เอาไปทำโล่เจ๋งๆได้แน่ๆ!"
มือทั้งสองจับเข้าที่เกราะของซากเครื่องจักร ก่อนออกแรงดึงขึ้น
"ขอแค่...เอามันออกมาได้...เหวอ!!"
ไม่ทันขาดคำ เจ้าซากเครื่องจักรที่น่าจะพังไปแล้วกลับเคลื่อนไหว เด็กหนุ่มตกใจจนล้มลงไปข้างหลัง
"ชูล์ก!!"
เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับปรากฏร่างของชายร่างใหญ่ผู้มีผมสีน้ำตาลออกส้มวิ่งเข้ามา เขาใช้โล่ที่ติดไว้กับแขนขวาผลักเกราะเมคอนขยับได้ออกไปให้พ้นจากร่างเด็กหนุ่มผมบลอนด์
"ไรน์!!"
เด็กหนุ่มนามชูล์กเอ่ยชื่อเพื่อนของเขาที่เข้ามาช่วย ก่อนหันไปมองร่างที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ใต้เกราะของเมคอน M69
"นี่ไม่ใช่เมคอน นี่มันปูยักษ์แกรปเปิลต่างหาก! มันใช้เกราะเมคอนเป็นกระดอง!"
"เอาล่ะ เดี๋ยวฉันจะล่อมันไว้ นายก็รีบจัดการมันซะล่ะ!"
เมื่อไรน์เอ่ยจบ สองเพื่อนซี้จึงร่วมมือกันจัดการปูยักษ์ ปูที่น่าสงสาร(?)จึงต้องมีอันเป็นไป ชูล์กรู้สึกโล่งอกที่รอดพ้นจากการจู่โจมอย่างหวุดหวิด
"ขอบใจมากนะ ไรน์"
"นายเนี่ยน้า ชอบมาทำอะไรคนเดียวอยู่เรื่อย อยู่ในที่ๆฉันมองเห็นนายได้สิ! มันอันตรายนะเวลาที่อยู่นอกโคโลนีน่ะ มีแต่มอนสเตอร์เต็มไปหมด"
ไรน์เอ่ย
"อื้ม แต่ไงก็ขอบใจนะ เราได้กระดองเกราะของมันมา ทุกคนที่โคโลนีต้องดีใจแน่!"
ชูล์กหันไปมองกระดองเกราะของเมคอนที่เจ้าปูเหลือทิ้งไว้ดูต่างหน้า
"ฉันเป็นห่วงนายมากกว่ากระดองนั่นอีกนะ เอ้อ ช่างเหอะ"
ไรน์มองเพื่อนซี้ของเขาอย่างเหนื่อยใจนิดๆ
"รู้อยู่แล้วว่านายเป็นงี้ อย่างน้อยนายก็คงสร้างอาวุธดีๆได้อีกชิ้นล่ะนะ จะว่าไปงานสร้างอาวุธนี่เจ๋งชะมัด"
"ฉันเรียนรู้จากการที่ดูดิ๊กสันประดิษญ์อาวุธเท่านั้นเอง"
ชูล์กเอ่ย
"แหงล่ะ อาวุธของดันบันยังทำลายเจ้าพวกเมคอนได้เลยนี่"
ไรน์พูดถึงดาบสีแดงชื่อดัง
"โมนาโดะ..."
ชูล์กยกมือจับคาง ทำท่าครุ่นคิด
"ฉันหวังว่าซักวัน จะค้นพบความลับของมันให้ได้"
"นายทำได้อยู่แล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้เรากลับโคโลนีกันก่อนเถอะ"
ไรน์ชวน
"ขืนฉันกลับไปฝึกสายล่ะก็ ตาแก่นั่นมีหวังฆ่าฉันแน่"
"ตาแก่...อ๋อ! พันเอกแห่งกองทัพน่ะเหรอ? น่ากลัวจะตาย..."
ขนาดชูล์กเองยังขยาด แต่เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าไรน์มาอยู่นอกโคโลนีไกลขนาดนี้กับอาจจะทำให้กลับไม่ทันเลยรู้สึกผิดขึ้นมา
"ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะลากนายมาถึงนี่ ทั้งๆที่นายพักอยู่"
ทว่าไรน์กลับไม่ได้กังวลอะไรมากนัก
"อย่าคิดมากน่า กลับกันเหอะ"
ทั้งคู่เดินออกจากหุบเขา เดินไปตามเส้นทางที่รายล้อมด้วยผืนหญ้า ไม่กี่อึดใจ ชูล์กและไรน์ก็เดินทางมาถึงหน้าทางเข้า "โคโลนี 9" เมืองของชาวฮอมส์ตั้งอยู่บริเวณข้อเท้าของยักษ์ไบโอนิส ตัวเมืองตั้งอยู่บนเกาะรายล้อมด้วยทะเลสาป
"ถึงซะที ฉันจะไปที่ศูนย์บัญชาการก่อนล่ะ ส่วนนายก็ไปที่แล็ปวิจัยอาวุธสินะ?"
ไรน์หันมาถามชูล์ก
"อื้ม"
"โอเค แล้วเจอกัน"
เมื่อพูดจบ ไรน์ก็แยกไปอีกทางหนึ่ง
ชูล์กคิดว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่ เขาจึงเดินไปรอบๆบริเวณย่านการค้าที่เรียกว่า "อีเธอร์ ไลท์" ที่นี่มีร้านค้าต่างๆมากมาย ทั้งอาวุธ อุปกรณ์ อาหารของสด
ที่โคโลนีแห่งนี้นอกจากฮอมส์แล้ว ยังมีผู้อาศัยอีกเผ่าพันธ์หนึ่งที่เรียกว่า "นอปปอน" เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กประมาณลูกฟุตบอล ตัวกลมๆ ขนนิ่มฟู และมีหลายสีแตกต่างกันไป จุดเด่นคือมีใบหูที่ยาวและแข็งแรง สามารถใช้งานแทนมือได้เลย ขณะที่มือจริงๆของมันนั้นเล็กกว่ามาก
ที่โคโลนีแห่งนี้นอกจากฮอมส์แล้ว ยังมีผู้อาศัยอีกเผ่าพันธ์หนึ่งที่เรียกว่า "นอปปอน" เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กประมาณลูกฟุตบอล ตัวกลมๆ ขนนิ่มฟู และมีหลายสีแตกต่างกันไป จุดเด่นคือมีใบหูที่ยาวและแข็งแรง สามารถใช้งานแทนมือได้เลย ขณะที่มือจริงๆของมันนั้นเล็กกว่ามาก
เวลาผ่านไปได้ซักพัก ชูล์กตัดสินว่าเขาควรไปยังแล็ปวิจัยอาวุธเสีย เด็กหนุ่มจึงใช้เส้นทางเดินข้ามทะเลสาปไปอีกฝั่งหนึ่ง เป็นบริเวณที่เรียกว่า "เซนทรัล พลาซ่า" ก่อนเดินตรงเข้าไปยังส่วนของกองทัพ
"เจ้าพวกโง่!!! ทำบ้าอะไรของแกกันห๊าาา!!!"
ชูล์กหันไปทางต้นเสียงก่นด่านั้น และก็ไม่ใช่ใครอื่น...
...หวา...พันเอกกำลังเดือดจัดเลยแฮะ...
"พวกแก ขับหุ่นรบชนบ้านงั้นเรอะ!! นี่แกอยู่กองทัพมานานเท่าไหร่แล้วหา!!"
พันเอกแวนแกร์ผู้มีหนวดยาวแหลมสีส้มเป็นเอกลักษณ์กำลังเดือดใส่ทหารชั้นผู้น้อยอย่างเหลืออด
"ขออภัยด้วยครับท่าน พวกเราแค่พยายามรีบไปให้เร็วที่สุดตามที่ท่านสั่ง...."
ทหารนายหนึ่งตอบอย่างหวาดๆ
"แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับเข้าฐานภายใน 40 วินาทีนะครับ"
ทหารอีกคนพยายามหาเหตุผลมาตอบ แต่ทางด้านพันเอกก็ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น
"ไม่ต้องมาแก้ตัวอะไรทั้งนั้น!!"
"ครับท่าน...."
ทหารทั้งสองจ๋อยสนิท
"พวกแกทำให้เครื่องแบบทหารนี่เสื่อมเสีย! ลืมไปแล้วรึไงว่าทำเรื่องน่าอายแค่ไหนตอนที่ไปร่วมทัพกับโคโลนี 6 น่ะห๊า!!"
พันเอกหนวดเฟิ้มยังเทศนาต่อไป
"ไปเอาหุ่นรบกลับมายังฐานซะ! แล้วก็วิดพื้นล้านครั้งด้วย!! ห้ามหยุดจนกว่าแขนของพวกแกจะหักเลย!!"
"พันเอกครับ เรายังเอาหุ่นรบกลับมาไม่ได้ครับ"
"ห๊า!! บอกเหตุผลมาซิว่าทำไม!!"
"การชนนั่นทำให้ท่อส่งอีเธอร์ของเครื่องเสียหาย ตอนนี้อีเธอร์มันไหลออกมาหมดกระบอกแล้วน่ะสิครับ"
อีเธอร์คือพลังงานรูปแบบหนึ่งมีลักษณะเป็นของเหลวสีเขียว ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเดินเครื่องจักรต่างๆ
"เปลี่ยนกระบอกใหม่ซะ!! แค่นี้ทำไม่ได้รึไง"
พันเอกยังยั๊วะไม่เลิก
"กระบอกอีเธอร์มันหมดแล้วนี่ครับ ต้องรออีก 3 วันกว่าจะได้ล็อตใหม่"
"ก็บอกว่าให้เก็บสำรองไว้ไงเล่าาาา!!!"
"ขะ...ขออภัยครับ"
"ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง!!!"
สิ้นเสียงพันเอกก็ตามมาเสียงผัวะดังๆ พร้อมกับหมัดที่เสยทหารผู้หน้าสงสารอย่างจัง แม้แต่ชูล์คที่ยืนมองเหตุการณ์นั้นห่างออกไปก็รู้สึกขนลุกไปด้วย
"พันเอกนี่ยังโหดเหมือนเดิมเลยแฮะ....ขืนเป็นงี้มีหวังทหารสองคนนั่นได้ตายก่อนแหงๆ"
ชูล์คเอ่ยพึมพำ แต่ก็ทำได้แค่ปล่อยให้ทหารผู้โชคร้ายทั้งสองรับชะตากรรมต่อไป เด็กหนุ่มหันไปทางด้านซ้ายมือ มีอาคารหนึ่งตั้งอยู่ นั่นคือแล็ปวิจัยอาวุธ ที่หมายของเขา
เด็กหนุ่มเดินตรงเข้าไปยังห้องแล็ป ตรงกลางห้องนั้นมีแท่นวางวัตถุชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่ง
....ดาบโมนาโดะนั่นเอง
ชูล์คจ้องมองดาบเลื่องชื่อสีแดงที่นอนนิ่งอยู่บนแท่นวางโดยไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่ามีใครคนหนึ่งอยู่ในห้องด้วย
"ไง ชูล์ก เป็นไงบ้าง?"
"ดิ๊กสัน!"
ชูล์กหันไปพบกับชายโพกหัวผู้มีรอยยิ้มเลศนัย นั่งอยู่บนขอบโต๊ะวิจัยของชูล์กที่อยู่มุมห้อง
"กลับมาโคโลนี 9 ตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ?"
เด็กหนุ่มถาม
"เพิ่งกลับมานี่แหละ"
ดิ๊กสันตอบ พร้อมกับยกเอกสารที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูผ่านๆ
"ดูเหมือนว่าการวิจัยเรื่องโมนาโดะของแกจะไปได้สวยนะ"
ชายแก่ลุกจากโต๊ะก่อนเดินตรงมาหาชูล์ก
"ฉันคิดถูกจริงๆที่ให้แกอยู่นี่"
ชูล์กเกาศีรษะพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
"เพราะว่าบันทึกวิจัยของคุณช่วยได้มากต่างหากล่ะครับ"
ดิ๊กสันเดินต่อไปยังแท่นวางโมนาโดะ
"แล้ว...แกทำให้มันใช้งานได้รึยังล่ะ?"
"เอ่อ...ไม่ว่าใครก็ใช้งานมันได้ แต่ปัญหาอยู่ที่การ "ควบคุม" มัน"
ชูล์กตอบ
"ใช่ ทุกๆคนยกเว้นเขาคนนั้น"
ดิ๊กสันเอ่ย
"ครับ ถ้าใครก็ตามนอกเหนือจากดันบันสามารถควบคุมโมนาโดะได้ล่ะก็...เราก็เหนือกว่ากองทัพใดๆบนโลกเลยล่ะ"
ชูลก์เอ่ยต่อ
"แกคิดงั้นเรอะ? แล้วอะไรคือฟังก์ชั่นซ่อนเร้นของดาบที่แกเขียนไว้ในนี้ล่ะ?"
ดิ๊กสันชี้ไปยังเอกสารของชูล์กในมือของเขา
"นั่นเป็นแค่การคาดเดาน่ะครับ"
ชูล์กตอบ
"แต่ดูเหมือนว่าโมนาโดะน่าจะเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าอาวุธที่ใช้ต่อสู้พวกเมคอน"
"งั้นเรอะ..แล้วหลักฐานสนับสนุนทฤษฎีของแกล่ะ?"
"สัญลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นที่วงตรงกลางเวลาที่ใช้โมนาโดะไงครับ เท่าที่รู้ วงตรงกลางดาบนี่สร้างจากแก้วหลายชั้น สัญลักษณ์จะปรากฏขึ้นที่ชั้นนอกสุด ส่วนชั้นอื่นๆก็ถูกสร้างขึ้นมามีลักษณะแตกต่างกันไป"
"งั้นก็เป็นไปได้ว่า จะมี"สัญลักษณ์อื่น"สามารถปรากฏขึ้นในวงแก้วชั้นอื่นๆได้งั้นสินะ?"
ดิ๊กสันพอจะเดาต่อได้
"โมนาโดะอาจจะมีพลังอื่นๆซ่อนอยู่ ใช่ไหม?"
ชูล์กพยักหน้า
"เพียงแค่เราสามารถปลดปล่อยพลังของโมนาโดะได้ล่ะก็..."
เด็กหนุ่มจ้องมองวุตถุสีแดงตรงหน้า ก่อนนึกย้อนไปยังเหตุการณ์เมื่อ 1 ปีก่อน
ตอนที่ดันบันกลับมาจากสมรภูมิ ซอร์ด วอลเลย์
.....................................
.....................................
"พี่คะ! พี่ดันบัน!"
เด็กสาวคนหนึ่งร้องเรียกชื่อของทหารกล้าขณะที่ดันบันนอนนิ่งบนเปล ส่วนชูล์กนั้นอยู่ฝั่งตรงข้ามของเด็กสาวคนนั้น
"ช่วยคนเจ็บหนักก่อน!!"
"เร็วๆเซ่ เร่งมือเข้า!!"
เสียงโหวกเหวกและเสียงไซเรนดังไปทั่วบริเวณนั้น บรรดาทหารผู้รอดชีวิตได้ถูกส่งกลับมายังฐานที่มั่น ชูล์กมองดูดันบันที่นอนบนเปลอย่างใจไม่สู้ดี
"ดันบัน!"
"อย่ามองงั้นสิ ฉันยังไม่ตายซะหน่อย"
ดันบันลืมตาขึ้นก่อนตอบอย่างเหนื่อยล้า
"ชูล์ก"
เจ้าของดาบโมนาโดะหันไปหาเด็กหนุ่ม ด้านชูล์กก้มหน้าลงก่อนดันบันจะกระซิบอะไรบางอย่างกับเขา
"ห๊ะ?"
เด็กหนุ่มเบิกตากว้างและหยุดชะงัก ทหารแบกเปลและเด็กสาวพาร่างดันบันไปรักษาต่อ ชูล์กหันไปมองด้านในยานบินที่พาดันบันกลับมา
ในมุมหนึ่งนั้น ดาบโมนาโดะวางพิงผนังไว้
ชูล์กนึกถึงคำพูดของดันบันที่บอกเขาเมื่อครู่
"โมนาโดะ มัน...ควบคุมฉัน...
...แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ช่วยเรา ช่วยรักษาอนาคตของเราเอาไว้ได้...
....จากนี้ไป...ก็ขึ้นอยู่กับนายแล้ว"
..................................................
..................................................
ความคิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นจบลงเพียงเท่านี้ ชูล์กเอ่ยออกมาเบาๆ
"....ดันบัน"
"เดี๋ยวฉันจะไปส่งของเข้ากองทัพก่อนละกัน จะไปทักทายคนที่ศูนย์บัญชาการด้วย"
ดิ๊กสันเอ่ย
"โอเค แล้วเจอกันครับ"
ชูล์กตอบ
ดิ๊กสันถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนหันไปหาชูล์กอีกครั้ง
"ชูล์ก แกน่ะมัวแต่หมกอยู่ในแล็ปไม่ก็ไปหาเศษเหล็ก มิน่าล่ะทำไมถึงได้ดูซีดๆงี้ แกน่ะออกไปสูดอากาศข้างนอกซะบ้างเถอะ"
ดิ๊กสันหันไปพร้อมโบกมือลา
"เอาล่ะ ฉันไปล่ะ!"
ชายแก่โพกหัวเดินจากไป ทางด้านเด็กหนุ่มได้แต่ยืนเงียบๆ นึกถึงคำพูดของดิ๊กสัน ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอีกคน ทิ้งให้ดาบโมนาโดะยังนอนนิ่งบนแท่นวางดังเดิม
TBC.
Characters' File #1
ต่อไปนี้เป็นมุมแนะนำตัวละครค่ะ จะค่อยๆใส่เข้าไปตามเนื้อเรื่องนะคะ
ชูล์ก Shulk
อายุ 18
ใช้ดาบเป็นอาวุธ ในเว็บ GCON เรียกพระเอกว่า ชลุค สกายวอร์คเกอร์ (ฮา) และตามสูตรพระเอก JRPG แรกๆต้องง่อยๆไม่ประสีประสาก่อนแล้วค่อยๆเทพขึ้นเรื่อยๆ
ตอนเล่นครั้งแรกนึกว่าชูล์กเป็นทหาร แต่จริงๆแล้วดูท่าจะเป็น(ลูกมือ)นักวิจัยอาวุธมากกว่า ชอบค้นคว้าอ่านหนังสือ เป็นคนจิตใจดี พระเอ้กพระเอก เห็นได้จากการที่อีตานั่นรับทำเควสทั่วโลก ไม่ว่าใครขอให้ช่วยอะไรก็ยอมทำหมด 555+
ต้องติดตามต่อไปว่าชีวิตของหนุ่มน้อยคนนี้จะพบเจอกับอะไรบ้าง XD
ต้องติดตามต่อไปว่าชีวิตของหนุ่มน้อยคนนี้จะพบเจอกับอะไรบ้าง XD
ไรน์ Reyn
อายุ 18
เพื่อนซี้ของชูล์ก ล่ำ ถึก เลือดร้อน เป็นตัวแทงค์และตัวฮาประจำกลุ่ม มีอาวุธเป็นหอกปืน+โล่ ไรน์เป็นเพื่อนที่เชื่อใจชูล์กและคอยช่วยเหลือเขาอยู่เสมอๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น