ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทแปลเนื้อเรื่อง Xenoblade Chronicles

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 : สมรภูมิ ณ ซอร์ด วอลเลย์

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 54


    ยุคสมัยผ่านพ้นไป บัดนี้แผ่นดินกว้างใหญ่ทั่วทั้งไบโอนิสได้ถูกรุกรานโดยกองทัพเครื่องจักรนามว่า "เมคอน"

    "ถอยทัพ!! ถอยทัพ!!!!"

    เสียงปืน เสียงระเบิด เสียงกรีดร้องและเสียงของเครื่องจักรดังสับสนไปทั่วทั้งสนามรบ ขณะทหารฝ่าย "ฮอมส์" (มนุษย์) กำลังถอยทัพเพราะการโจมตีอย่างหนักหน่วงจากฝ่ายเมคอน จักรกล M72 ที่เดิน 2 ขามีคีบจับ 3 ง่ามไว้ไล่ล่าจัดการกวาดบรรดาทหารที่วิ่งหนีตายอลหม่าน 

    ทันใดนั้นเองมีชายหนุ่มคนหนึ่งผู้ถือดาบสีแดงเปล่งแสงประหลาดสีฟ้าวิ่งสวนเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสะบัดดาบทำลายเหล่าเมคอนอย่างง่ายดาย

    "พวกมันกำลังบุกทัพข้างขวาที่กำลังอ่อนกำลังลง" 
    ชายหนุ่มเอ่ย

    "เจ้าพวกเครื่องจักรไร้วิญญาณคงจะรู้อะไรมาบ้างสินะ....เดี๋ยวก็รู้กัน"

    เขาตั้งดาบสีแดงขึ้นเผชิญหน้ากับคลื่นกองทัพเครื่องจักรที่กำลังเข้ามาใกล้

    .......................................................

    ครู่หนึ่งผ่านไป อีกทางด้านหนึ่ง ชายโพกหัวไว้หนวดผู้หนึ่งวิ่งฝ่ากระสุนเลเซอร์เข้าไปหาชายเจ้าของดาบสีแดงที่บัดนี้นั่งพิงซากเครื่องจักรที่ใช้เป็นบังเกอร์กันกระสุน

    "ดันบัน"
    ผู้อาวุโสกว่าเอ่ยชื่อชายหนุ่ม

    "เราได้รับคำสั่งมาให้ถอยทัพ กลับไปยังโคโลนี 6 เพื่อตั้งแนวป้องกัน"

    "อา ก็ดีนี่"
    ดันบันตอบ

    "ขอเวลาอยู่นี่อีกซักนิดเหอะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว"

    "เฮ้! เราออกไปจากที่นี่เหอะน่า!"
    ต้นเสียงคือชายหน้าตอบ เบ้าตาลึก ใช้กรงเล็บเป็นอาวุธ นามว่ามุมการ์

    "อยู่นี่แล้วสู้ต่อได้รึเปล่าล่ะ?" 
    ดันบันหันไปพูดกับมุมการ์ ราวกับว่าเขาไม่เกรงกลัวการต่อสู้กับเครื่องจักรเลยแม้แต่น้อย

    "อะไรนะ!!"
    ชายหน้าตอบร้องเหวอ ขณะเดียวกัน กระสุนและระเบิดก็พุ่งโจมตีเข้ามาไม่หยุด

    "เราอาจจะตายก็ได้ขืนมัวหลบอยู่นี่ แต่ว่าการที่ยังมีชีวิตอยู่น่ะ ทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้"
    ดันบันเอ่ยด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ก่อนมองไปที่ดาบในมือของเขา

    "เรามี "โมนาโดะ" อยู่ เพราะมีสิ่งนี้ เรานี่แหละคือผู้กำหนดอนาคต!"

    ดันบันหันกลับไปเตรียมที่ออกจากบังเกอร์ไปลุย หากแต่ชายโพกหัวกลับรั้งตัวเขาเอาไว้

    "เจ้าโง่เอ๊ย!! ร่างกายของแกน่ะทนรับโมนาโดะไม่ไหวแล้วนะ ดูแกสิ!"

    "ทำตัวเป็นคนแก่ไปได้ ดิ๊กสัน"
    ดันบันตอบด้วยความมั่นใจเหมือนเดิม

     "ฉันไม่เป็นไรหรอกนะ ไม่ต้องห่วง ฉันยังคุมได้"

    หลังจากฟังคำตอบจากดันบัน ดิ๊กสันได้แต่ถอนหายใจ

    "ข้าน่าจะรู้ตัวมาตั้งนานแล้วว่าพูดอะไรไปแกก็ไม่ฟัง"

    ถึงกระนั้น ชายแก่กลับยิ้มออกมาพร้อมกับยกปืนขึ้น
    "เอาวะ ข้าจะลุยกับแกด้วย ยังไงซะแกก็ต้องมีใครลากศพแกกลับไปบ้านล่ะนะ"

    "เท่าที่นายยังมีพอมีแรงเหลือเลย ตาแก่"

    ดันบันเอ่ย ทว่าชายอีกคนกลับไม่เห็นด้วยกับทั้งสอง 

    "เฮ้ย พวกนาย! เราถูกสั่งให้กลับไปนะ ข้าจะไปล่ะ!!"

    "นายจะต้องไปกับพวกเราต่างหาก ไม่มีเจ้านี่แล้วเราจะทำยังไงล่ะ"
    ดันบันเอ่ยพร้อมกับมองไปยังกรงเล็บของอีกฝ่าย ทันใดนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็ตะโกนบอกพวกเขา

    "ทัพศัตรูกำลังใกล้เข้ามาแล้ว!!!"
     
    "ว่าไง ดันบัน"
    ดิ๊กสันเอ่ยลองเชิงอีกครั้ง ก่อนลุกขึ้นมองไปยังนอกบังเกอร์ เห็นกองทัพเมคอนกำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

    "โชว์พลังของเราหน่อยเป็นไง อย่างนี้ต้องต้อนรับพวกมันอย่างอบอุ่นกันซักหน่อย!"

    ดันบันลุกขึ้นพร้อมตอบรับ 
    "รับทราบ!!"

    ทั้งสองกระโจนออกไปนอกบังเกอร์พร้อมปะทะกับเมคอน ขณะชายผู้ใช้กรงเล็บยังคงหลบอยู่ด้านหลัง
    "ไอ้เจ้าพวกนั้นมันคิดอะไรอยู่ ข้าไม่มีทางทิ้งชีวิตไว้นี่เด็ดขาด"

    เขาหรี่ตาลงพร้อมกับครุ่นคิดแผนการเจ้าเล่ห์
    "ดีล่ะ ข้าจะใช้เจ้าดันบันเป็นเหยื่อล่อพวกมันนี่แหละ จะได้มีเวลาหนีไปเลย!"

    มุมการ์ออกจากบังเกอร์วิ่งไปสมทบกับดันบันและดิ๊กสัน ทั้งสามเผชิญหน้ากับเมคอนหลากรูปแบบ ทั้งM63 ที่มีแขนเป็นเคียว, M72ที่พร้อมจะกัดกินฮอมส์ที่ขวางหน้า และ M82 เมคอนเพชรฆาตตัวสูงใหญ่  แต่ด้วยพลังแห่งดาบโมนาโดะ พวกเขาจึงปราบพวกมันลงได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ทว่าหลังจากที่กำจัดพวกมันไปได้จำนวนหนึ่งแล้ว....

      

    "...ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย?"
    มุมการ์เบิกตากว้างกับภาพกองทัพเมคอนที่เดินหน้าเข้ามาพวกเขา

    "นี่คือทัพหลักของพวกมัน ดูเหมือนว่ามันกะจะเชือดพวกเราให้หมดเลยสินะ"
    ดิ๊กสันเอ่ย

    "คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะ ดิ๊กสัน มุมการ์ ไปกันเถอะ!!"
    ดันบันยกดาบขึ้นเตรียมพร้อมรบอีกครั้ง จากนั้นทั้งสามมุ่งเข้าฟาดฟันกองทัพเครื่องจักร

     

    ขณะที่ชุลมุนอยู่นั้นเอง 

    "อะ อ๊ากกกก!!!!!"

    ดันบันร้องขึ้นขณะยืนอยู่บนซากM72นับสิบตัวที่เขาจัดการได้ ความเจ็บปวดนั้นเกิดจากแขนขวาที่ถือดาบโมนาโดะนั่นเอง ชายหนุ่มทรุดลงไปขณะที่เมคอน M72 ตัวหนึ่งกำลังจะจัดการเขา

    "ดันบัน!!!"

    ดิ๊กสันก็สังเกตเห็นอาการผิดปกติของดันบัน เขาไม่รอช้ารีบพุ่งตัวเข้าไปช่วยดันบันทันที ชายแก่เอาหลังของตนเป็นโล่กันร่างดันบันไว้ ปลายแหลมของมือหนีบเมคอนแทงเข้าข้างหลังดิ๊กสัน สร้างความเจ็บปวดให้กับชายแก่อย่างมาก

    "อั่กกก!!"

    จังหวะนั้นเองดิ๊กสันยกปืนของเขาขึ้นเล็งไปทางด้านหลังก่อนเหนี่ยวไกยิงเมคอนตัวนั้นทันที เมคอนตัวนั้นล้มพังไป ดิ๊กสันฝืนความเจ็บก่อนสบถออกมา

    "ไม่ตายง่ายๆหรอกเว้ย!"

    ชายแก่หันไปหาเพื่อนร่วมรบทันที
    "ดันบัน เป็นอะไรไหม?"

    "ยังไหวอยู่"
    ชายหนุ่มผู้ถือดาบสีแดงตอบอย่างอ่อนแรง

    ห่างจากซากเมคอนที่ทั้งสองอยู่ไปไม่ไกล มุมการ์ยิ้มเยาะออกมาเมื่อเห็นดันบันบาดเจ็บจากการใช้โมนาโดะ
    "ดูเหมือน ไอ้ฮีโร่จะถึงลิมิตของมันแล้วสินะ"

    ทางด้านดิ๊กสันที่พยุงดันบันเดินออกมา ทั้งสองต่างตกใจเมื่อเห็นเพื่อนร่วมรบอีกคนวิ่งไปอีกทางหนึ่ง
    "มุมการ์! แกจะทำอะไรน่ะ! ทางนั้นมัน..."

    ดันบันเอ่ยร้อง ทางด้านชายเจ้าเล่ห์หันกลับมาตอบอย่างสะใจ

    "โทษทีว่ะ เพื่อนเอ๋ย ก็ไม่อยากจะทิ้งพวกนายหรอกนะ แต่ดูเหมือนเจ้าพวกนี้มันจะไล่ตามโมนาโดะอยู่นะ เพราะงั้นก็อยู่จัดการกับพวกมันให้สนุกไปเลยก็แล้วกัน ส่วนข้าก็เผ่นล่ะ!"

    "มุมการ์ แกมัน.."
    ดิ๊กสันกัดฟันกรอด

    "ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะจัดการงานศพให้พวกแกเอง!"
    มุมการ์เอ่ย ด้านดันบันมองเพื่อนทรยศด้วยความเจ็บปวด อีกฝ่ายยกมือขึ้นโบกอำลา

    "ไปล่ะ!!"

    "เดี๋ยว!!"

    ไม่กี่วินาทีต่อมา กระสุนระเบิดได้พุ่งเข้าใส่บริเวณใกล้ๆทำเอาดันบันและดิ๊กสันกระเด็นไปกองกับพื้น  ควันระเบิดค่อยๆจางลง พร้อมกับปรากฏเป็นร่างเมคอนขนาดใหญ่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาหาคนทั้งสอง

    "ถ้านี่เป็นมุขตลกล่ะก็ ขำไม่ออกจริงๆ"
    ดิ๊กสันเอ่ย

    "ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น"
    ดันบันกล่าว ในใจรู้สึกท้อขึ้นมา

    "อย่างน้อย ดวงเราก็คงไม่แย่ไปกว่านี้ล่ะนะ"
    ดิ๊กสันเอ่ยราวกับจะปลอบใจ ด้านดันบันหลับตาลงก่อนลุกขึ้นยืน

    "ดันบัน!"
    ดิ๊กสันไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะสู้ต่อ

    "ดิ๊กสัน ไปดูแลคนที่รอดชีวิตเถอะ!"

    "ดันบัน แกจะทำอะไร!!!"

    ดันบันยิ้มออกมาราวกับจะเย้ยหยันความดื้อด้านของตัวเขาเอง โมนาโดะในมือของเขาเปล่งแสงสีฟ้าอีกครั้ง

    .......................................................

    ทางด้านมุมการ์ที่วิ่งหนีไปอีกทางหนึ่ง ในหัวของเขาก็ยังมีแผนการเจ้าเล่ห์อีก

    "เจ้าพวกโง่เอ๋ย ไว้รอให้ศึกสงบลงอีกหน่อยเถอะ ข้าจะกลับมาเอาโมนาโดะล่ะ! ดาบนั่นมันต้องเป็นของข้า!! ว๊ากกก!!!"

    มุมการ์ลื่นไถลไปกับพื้น เขามึนงงครู่หนึ่ง ก่อนรู้สึกถึงเลเซอร์สีแดงที่ยิงมาจากมุมมืด เล็งไปยังหน้าผากของเขา วินาทีต่อมาเส้นเลเซอร์จำนวนมากเล็งเป้ามาที่เขา ชายผู้มีกรงเล็บตื่นตะลึง เขาไม่คิดว่าจะมีเมคอนหลบซ่อนอยู่ตรงนี้ด้วย

    "ไม่นะ!! อย่าาาา!!!!!"
    มุมการ์ได้แต่อ้าปากค้างและเบิกตากว้างกับสิ่งตรงหน้า

    .......................................................

    ดันบันประคองโมนาโดะไว้ จ้องมองไปยังทัพเมคอนมหาศาลตรงหน้า

    "เมคอนเอ๋ย หากพวกเจ้าคิดว่าฮอมส์ บรรดาผู้คนที่ไบโอนิสกำลังเฝ้ารอความตายอยู่ล่ะก็....พวกแกคิดผิดแล้ว!!!"
    ดันบันแกว่งไกวโมนาโดะ พร้อมกับพุ่งตัวเข้าเผชิญหน้าเหล่าเครื่องจักรกระหายเลือดอีกครั้ง

    "ย๊ากกกกกกกกกกก!!!!!"

    เสียงของชายหนุ่มดังลั่นไปทั่วสมรภูมิซอร์ด วอลเลย์ อันเป็นฐานทัพหน้าของฝ่ายเมคอนที่ตั้งอยู่ ณ ดาบแห่งยักษ์เมคอนนิส สะพานเชื่อมระหว่างร่างของมหายักษา

    ใช่แล้ว ดินแดนนี้ตั้งอยู่บนร่างของเทพยักษ์ ผืนป่า ทุ่งกว้าง ทะเลสาปและเกาะลอยฟ้า ได้ก่อเกิดบนร่างของเทพไบโอนิส รวมทั้งชีวิตมากมายได้ถือกำเนิดขึ้น

    นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางแสนยาวไกล ณ ดินแดนที่อยู่บนตัวของมหายักษ์ทั้งสอง

    "Xenoblade Chronicles"

    TBC.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×