ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะวันเร้นเงา

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 57


                บ้านทรงญี่ปุ่นหลังใหญ่ที่เคยโดดเด่นกว่าใครในละแวกใกล้เคียง ไม่ว่าตอนกลางวันหรือกลางคืนกลับเงียบสงัด หรีดหริ่งเรไรที่เคยระงมร้องก้องก็กลับเร้นหาย ไฟบางดวงที่ปกติมักจะเปิดสว่างยันเช้าก็กลับมืดสนิท แทบทำให้โครงบ้านสวยสง่ากลืนหายไปกับราตรีที่แผ่ปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ

                    แม้เสียงสายลมอ่อนพัดผ่านให้ยอดทิวไม้พลิ้วไหว ยังไม่มีเลยแม้แต่น้อยนิดเดียว

                เวรยามที่เคยแน่นหนากลับไม่เห็นแม้เงาของใคร ไม่มีแม้การเคลื่อนไหวของสิ่งอื่นใดยกเว้นก็แต่ปลาคาร์ฟราคาแพงซึ่งกำลังแหวกว่ายอยู่ในลำธารเล็กๆ กลางสวนงามบริเวณหน้าบ้านเท่านั้น ขับให้ราตรีนี้ยิ่งแลดูวังเวงจนน่าขนลุก

                    พระจันทร์เสี้ยวดวงใหญ่ลอยเด่นบนแผ่นฟ้าดำมืด รายล้อมไปด้วยหมู่ดาวพร่างพราย ทอดทอแสงสลัวรางให้ตกลงมากระทบหลังคากระเบื้อง ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาทีมันยังว่างเปล่า ทว่ายามนี้กลับมีร่างๆ หนึ่งค่อยๆ ย่างก้าวอย่างมั่นคง แผ่วเบาไปบนนั้น กริบเงียบยิ่งกว่าแมวผอมกะหร่องสักตัวขณะที่แต่ละก้าวย่างสม่ำเสมอไม่หวั่นหวาดว่าจะก่อให้เกิดเสียงใดๆ ขึ้น

                    ร่างสูงเพรียวในชุดดำมิดชิดแยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิงก้าวมาหยุดอยู่ตรงขอบหลังคา ก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งสายตาซึ่งเป็นส่วนเดียวที่ไม่ถูกปกปิดกวาดมองไปรอบบริเวณด้วยความระแวดระวัง เมื่อพานพบแต่ความร้างไร้ผู้คน ร่างนั้นจึงกระโดดผลุงลงมาจากหลังคาทันที อาศัยมือข้างหนึ่งยังยึดเหนี่ยวแผ่นกระเบื้องเอาไว้แน่น ห้อยอยู่อย่างนั้นเพียงครู่แล้วจึงเหวี่ยงตัวเองให้เข้ามายืนย่อตัวต่ำจนแทบจะเป็นนั่งอยู่บนระเบียงทางเดินที่ทำจากไม้ แผ่วเบาไร้ซุ้มเสียงดังแทรกความสงัดเงียบขึ้นมา บ่งบอกถึงความชำนาญได้เป็นอย่างดี

                    เงามืดรอบกายแทบทำให้ร่างนั้นกลืนหายขณะก้าวเดินไปตามระเบียงยาวโดยไม่ยืดตัวขึ้นยืน แต่ละก้าวย่างมั่นคงสม่ำเสมอเลียบเลาะไปตามผนังกระดาษ บ้างหยุดเพื่อเงี่ยหูฟังเสียงแปลกใหม่ที่อาจบ่งบอกว่ามีใครอื่นตื่นอยู่ ทว่าที่ได้ยินก็ยังคงมีเพียงเสียงกระซิบจากราตรีคอยหยอกล้อกับแสงจันทร์เช่นเคย

                    ร่างนั้นหยุดยืนอยู่หน้าห้องซึ่งมีเสียงกรนแผ่วเบาดังเล็ดลอดออกมา ก่อนจะใช้มือเลื่อนเปิดบานประตูออกช้าๆ ค่อยๆ แทรกตัวเข้าไปในช่องเล็กๆ ที่เปิดอ้าออกนั้นอย่างว่องไว แล้วเลื่อนประตูปิดตามหลังรวดเร็วจนน่าทึ่ง เพราะจวบจนวินาทีนี้ ร่างสูงนั้นก็ยังไม่ก่อให้เกิดเสียงอันใดเล็ดลอดออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว

                    ภายในห้องยิ่งมืดสนิทกว่า แต่ทว่าร่างนั้นคุ้นชินกับมันจนแทบมองเห็นเค้าโครงทุกอย่างภายในห้องชัดเจน มองตรงไปยังเตียงที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้องมีเสียงกรนดังลอดออกไปถึงข้างนอก บอกให้รู้ว่ามีคนนอนหลับอยู่บนนั้น

    มือขวาเลื่อนมาจับด้ามดาบยาวที่เหน็บอยู่เหนือเอวข้างซ้ายทันที กระชับมั่นดึงมันออกจากฝักเผยใบดาบมันวาวน่าพรั่นพรึง ก่อนย่างสามขุมไปหยุดอยู่ข้างเตียงซึ่งร่างนั้นนอนนิ่งไม่รับรู้ถึงชะตากรรมตัวเอง มือทั้งสองจับด้ามดาบแน่นเงื้อขึ้นสูงเตรียมพร้อมจ้วงแทงลงไปบนจุดสำคัญได้ทุกเมื่อ สายตามองสำรวจใบหน้าของเป้าหมายซึ่งเป็นชายวัยกลางคน ที่กำลังหลับสนิทไม่ได้สำเหนียกเลยว่าชีวิตของตนกำลังจะหลุดลอยไปในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว

    เสียงโทรศัพท์มือถือแผดดังขึ้นจนแม้แต่มือสังหารยังตกใจ และก็ช้าเกินไปที่เขาจะแทงลงไปบนอกของเหยื่อเพื่อปลิดชีพในคราวเดียว

    อีกฝ่ายลืมตาตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงก่อนเบี่ยงตัวหลบดาบได้ทันตอนที่จะมาถึงตัวเพียงเสี้ยววินาที คมดาบปักลึกลงบนที่นอน ชายวัยกลางคนกลิ้งตัวลงจากเตียงอีกฝั่ง แล้วกระเสือกกระสนหนีตายออกไปทางประตูพลางปากก็ร้องตะโกนให้คนช่วยลั่นบ้าน ความกลัววิ่งเข้าจู่จับใจขณะวิ่งหนีไปตามระเบียงทางเดิน มีมือสังหารซอยเท้ารัวเร็วแต่แผ่วเบาอย่างน่าเหลือเชื่อตามมาห่างๆ ทว่าไม่มีใครที่ออกมาช่วยเขาเลยสักคนเดียว บ้านทั้งหลังเงียบงันดุจป่าช้าที่แม้แต่เจ้าของบ้านอย่างเขายังประหลาดใจ ไม่มีแม้เงาของลูกน้องที่เขาสั่งให้ออกมาเดินตรวจตราทั่วบ้านตลอดคืน

    เขานึกก่นด่าพวกมันอยู่ในใจ ขณะที่สองเท้าก็พยายามก้าววิ่งให้เร็วที่สุด ด้วยเพราะรู้ดีถึงจะไม่ได้หันไปมองว่ามือสังหารเริ่มกวดไล่ใกล้เข้ามาทุกที หัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ หูอื้ออึงไปด้วยเสียงร้องของตัวเองดังก้อง หยาดน้ำตาก็เริ่มอาบเอ่อขึ้นมาคลอเบ้า เหงื่อกาฬแตกพลั่กจนชุ่มโชก ความกลัวรายล้อมเข้ามาโอบรอบกายผสมผสานไปด้วยกลิ่นอายแห่งมรณะซึ่งทำให้เลือดในกายเย็นเฉียบ

    ตัดสินใจเลี้ยวไปยังทางซึ่งจะนำไปไหนนั้นเขาลืมเลือนไปชั่วขณะ ทันได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศอย่างรวดเร็วก่อนปักตรึงเสียงดังบนเสาไม้ที่เขาพึ่งจะวิ่งผ่านมาเมื่อครู่ บอกให้รู้ว่าพึ่งจะรอดเงื้อมมือมัจจุราชมาได้อีกครั้งอย่างหวุดหวิด จากอาวุธอะไรก็ตามแต่ที่อีกฝ่ายซัดเข้าใส่

    เสียงหอบหายใจดังก้องไปทั่วทางเดินหลังจากที่เขาตัดสินใจหยุดร้อง เห็นได้ชัดว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องทำแบบนั้นอยู่อีก ในเมื่อจนป่านนี้แล้วยังไม่มีใครโผล่หัวมาเลยสักคน

    ครู่ต่อมาสองเท้าก็พาเขาออกมาสู่สวนหินที่เขาแสนภาคภูมิใจ ทั้งรักทั้งหวงจนเอ่ยปากห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้แม้แต่ตัวเอง ทว่ายามนี้ ก้อนกรวดสีต่างๆ ใต้เท้าส่งเสียงแกรกกรากเมื่อเขาย่างเหยียบไปบนนั้น ไม่สนใจอีกแล้วว่ามันจะสูญเสียรูปทรงที่งดงามไปสักเพียงใด ความรักตัวกลัวตายสำคัญยิ่งกว่าจะมามัวพะวงกับสิ่งนอกกายเหล่านี้

    แต่ลึกลงไปใจกลับหายวูบ ด้วยเพราะรู้ดี ตนเองออกมาสู่สถานที่โล่งแจ้ง ซึ่งนั่นแปลว่าเขาต้องกลายเป็นเป้าเคลื่อนที่ที่เล็งได้ง่ายดายเพียงใด หากว่าอีกฝ่ายจะซัดอาวุธเข้าใส่เขา สายตามองตรงไปที่ต้นไม้ใหญ่เพียงต้นเดียวกลางสวนหินด้วยความวาดหวัง ที่จะใช้มันเป็นสิ่งกำบังจากสายตาอีกฝ่ายเพื่อตรงไปยังบันไดต่ำเตี้ย ซึ่งจะนำเขาขึ้นไปสู่ตัวบ้านซึ่งมีลักษณะโอบล้อมสวนหินแห่งนี้เอาไว้อีกครั้ง

    จวนจะวิ่งไปถึงซากุระต้นใหญ่ยืนต้นเดียวดายกลางสวนหินอยู่แล้ว ตอนที่หูของเขาแว่วได้ยินเสียงอาวุธพุ่งแหวกอากาศมา ก่อนที่มันจะปักหลังไหล่ขวาของเขาอย่างแรงจวนแทบเสียหลักล้ม ความเจ็บแปลบเสียดแทงไปทั่วไหล่ เรี่ยวแรงราวถูกรีดเร้นออกจากกาย เขาพยายามพาตัวเองไปจนถึงลำต้นแข็งแรงของต้นไม้แสนรัก แล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับมือสังหารสีหน้ากวาดกลัวสุดขีด

    ร่างสูงเพรียวในชุดดำค่อยๆ ย่างเข้ามาหาช้าๆ สองมือถือดาบในท่วงท่าประดุจนักรบซามูไร แต่เขารู้ดี ว่านี่ไม่ใช่ซามูไรอย่างเด็ดขาด มันน่ากลัวยิ่งกว่านั้น อันตรายยิ่งกว่า เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่าปิศาจยิ่งกว่าคำว่ามนุษย์เสียอีก

    เขาถอยกรูดจนหลังชิดกับลำต้นซากูระซึ่งแผ่กิ่งก้านโล่งเปล่า ไม่มีกลีบดอกงดงามที่เคยบานสะพรั่งเมื่อกลางเดือนที่แล้วหรือใบเขียวขจีอย่างที่มันควรจะเป็นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ตัวสั่นจนแทบควบคุมร่างกายไม่อยู่ เหงื่อโซมกายและไหลซึมเข้าปากแผลจนรู้สึกแสบ ความตายหายใจรินรดต้นคอเข้ามาเรื่อยๆ ขณะที่เขายกมือขึ้นทำท่าทียอมแพ้

    “ยะ...อย่า!” เขาพยายามเค้นเสียงออกมาแหบแห้ง “อย่าฆ่าฉัน ใครจ้างแกมา! ใครจ้างแกมา!” ทว่าไม่มีคำตอบจากมัจจุราชตรงหน้าที่ถือดาบรอคร่าชีวิตเขาอยู่

    “เอางี้นะ” เขาเริ่มดิ้นรนหาหนทางรอดด้วยการต่อรอง แม้ไม่มั่นใจเลยสักนิดว่ามันจะได้ผล “ใครจ้างแกมาก็ช่าง มันให้แกเท่าไหร่  ฉันให้มากกว่ามันสองเท่าเลย! แต่ปล่อยฉันไปเถอะ”

    ความเงียบงันจากอีกฝ่ายคือคำตอบ แววตาที่ทอดมองมาเยือกเย็นไร้ความเมตตาโดยสิ้นเชิง สองเท้าไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลังเล ใบดาบสะท้อนแสงจันทร์วาววับขับให้ภาพตรงหน้าสำหรับเขา ไม่ใช่แค่ร่างมนุษย์ในชุดดำเพียงเท่านั้น แต่นั่นคือยมทูตตัวสูงใหญ่ แผ่พุ่งไปด้วยไอสังหารฟุ้งกระจายจนเขารู้สึกขนลุกซู่

                    หัวใจเต้นโครมครามจนหายใจแทบไม่ทัน เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างรวดเร็วจนรู้สึกร้อนผ่าว และบ้างไหลทะลักออกจากปากแผลที่อาวุธรูปทรงสี่แฉกปักตรึงอยู่จนเสื้อนอนเปียกชุ่ม

    “รึ...หรือ...หรือแกอยากได้มากกว่านั้น” เขาละล่ำละลักพูดออกมาอย่างร้อนรน ด้วยรู้ดี นาทีชีวิตหดสั้นลงเรื่อยๆ ความหวังที่ยังไม่ทันได้เริ่มก่อตัวพังทลายลงไม่เหลือซาก น้ำตานองทั่วสองข้างแก้ม และมือสังหารก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดินตรงมา

    “สามเท่า.....สี่เท่า......ห้าเท่า” สายตาวิงวอนมองตามดาบที่เริ่มเงื้อขึ้นสูงช้าๆ

    “สิบเท่า! โธ่โว้ย!” เขาพยายามมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นอย่างอ้อนวอนขอความเมตตา ซึ่งดูท่าแล้ว ไม่น่าจะมี “ฉันมีเท่าไหร่ ฉันให้แกหมดเลยก็ได้!

    เพียงเสี้ยววินาทีหลังสิ้นเสียงแหบพร่าของชายวัยกลางคน ดาบตวัดรวดเร็วแค่ช่วงตากระพริบเห็นเป็นเงาสีขาวเพียงวูบสั้นๆ ก่อนที่เลือดสีเข้มจะทะลักออกปากแผลลากยาวจากไหล่ซ้ายไปจนถึงเอวของอีกฝั่งราวท่อแตก ร่างไร้วิญญาณทรุดฮวบเข่ากระแทกพื้นกรวดเบื้องล่างอย่างแรง ปากอ้าค้าง ดวงตาไร้แววชีวิต

    มือสังหารหมุนตัวหันหลังให้ก่อนร่างไร้ลมหายใจนั่นจะล้มลงนอนคว่ำแผ่หลากลางสวนหินเสียอีก ตวัดดาบในมือแรงๆ หนึ่งทีเพื่อให้เลือดซึ่งเกาะพราวบนใบดาวหลุดออกไป แล้วจึงเก็บเข้าฝักดาบตามเคย ร่างสูงสาวเท้าวิ่งแผ่วเบาไปทางตัวบ้านซึ่งสร้างล้อมกรอบสวนหินแห่งนี้เอาไว้ กระโดดคว้าแนวหลังคากระเบื้องก่อนพาตัวเองขึ้นไปยืนอยู่บนนั้นอย่างสง่างามและรวดเร็ว

    เหลือบมองผลงานที่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนกระโจนลงอีกฝั่งของหลังคาเร้นหายไปกับเงามืดของแมกไม้สูงใหญ่ในราตรีอันสงัดเงียบ ทิ้งร่างไร้ชีวิตให้นอนเดียวดายอยู่ท่ามกลางกรวดหิน มีพระจันทร์เสี้ยวและหมู่ดาวนับล้านลอยเด่นบนแผ่นฟ้าดำสนิทเป็นประจักษ์พยานรู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×