ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทเพลงที่ 2
แม่น้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืนที่ไหลเชี่ยวกว่าปกติ สายน้ำท่ามกลางแสงสีในกรุงเทพนั้นส่องประกายระยิบระยับ ทดแทนดวงดาวบนท้องฟ้าที่ตอนนี้โดนเมฆบางๆปกคลุมจนสาดแสงลงมายังพื้นเบื้องล่างไม่ได้ เหลือไว้เพียงพระจันทร์สีหม่นๆเท่านั้น
ชายหนุ่มผู้กลับมาจากการทำงานกำลังขึ้นลิฟต์แก้วที่มองเห็นเบื้องล่างได้ชัดเจน จุดมุ่งหมายของเขาคือห้องในคอนโดชั้น 28 ที่คนธรรมดาไม่มีปัญญาเหยียบย่างเข้าไป เมื่อลิฟต์เปิดออกเฟริตก็เดินไปตามทางยาวๆที่ปูพรมสีแดง ชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นของพี่ชายเขาผู้เป็นประธานบริษัทแห่งหนึ่งในเครือของตระกูล และพี่ชายคนที่ว่าก็นั่งดื่มไวน์ชั้นดีอยู่ในห้องรับแขกบนโซฟาราคาตัวละเหยียบแสน
"อ้าว พี่กฤตยังไม่นอนหรอกเหรอ" เฟริตทักทายชายหนุ่มผู้เป็นพี่ขณะโยนกีตาร์คู่ใจลงบนโซฟา
"อืม นอนไม่หลับน่ะ" เสียงนุ่มๆของหนุ่มวัยอีกหนึ่งปีจะสามสิบพูดขึ้น เขามองน้องชายด้วยแววตาที่เหมือนกันแต่ดูเลื่อนลอยเล็กน้อยด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
"ป่านนี้นอนไม่หลับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตาโหลกันพอดี" ผู้เป็นน้องชายดึงแก้วไวน์ในมือพี่ชายมายกดื่มรวดเดียวหมดโดยไม่เสียดายไวน์สีแดงกำมะหยี่ราคาแพงหูฉี่ในแก้ว
"แกน่ะไปนอนได้แล้ว รู้ตัวรึเปล่าว่าซูบลงไปตั้งเยอะ" พี่ชายคนนั้นไม่ได้ว่าอะไรกับวิธีดื่มไวน์แบบเถื่อนดิบของเฟริต แถมยังรินไวน์เติมให้อีกต่างหาก "ว่าแต่ไม่พาเพื่อนของแกมาค้างแล้วเหรอวันนี้"
"ไปส่งมันที่บ้านกันหมดแล้วล่ะ ....ถามทำไม อยากเจอรึไง" เฟริตส่งสายตาอย่างรู้ทัน และดูเหมือนที่เขาคิดจะถูกซะด้วยเพราะคุณพี่ชายที่ชื่อกฤตคนนี้หลบสายตาเขาแถมทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบไม่เนียนเอาซะเลย
"เปล่า ก็...นิดหน่อย"
"ไม่ต้องมาทำกลบเกลี่อนเลยครับคุณพี่ อย่าให้พี่หน่องรู้ละกันเดี๋ยวชีวิตได้ล่มจมกันหมด" เฟริตพูดแล้วยกไวน์ขึ้นกระดกรวดเดียวอีกหนึ่งแก้ว
กฤตเป็นพี่ชายคนโตของตระกูล ด้วยความที่พ่อเคี่ยวเข็ญให้เขารับช่วงต่อบริษัทและเผลอๆจะให้เป็นนักการเมืองด้วย ทำให้ชายหนุ่มแทบจะหาเป้าหมายในชีวิตตัวเองไม่ได้นอกจากทำตามที่พ่อต้องการ แต่ก็สมแล้วกับความหวังของบิดาเพราะเขามีทั้งหน้าตา บุคลิกภาพ ความเฉลียวฉลาด และความสามารถพิเศษที่ทำให้ผู้คนคล้อยตามได้ จึงไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับเขามากไปกว่าการสืบทอดกิจการของตระกูล และในเวลาอันใกล้นี้เขากำลังจะได้แต่งงานกับลูกสาวหุ้นส่วนของบริษัทที่ชื่อ (หน่อง) ซึ่งบิดาของเขาอีกนั่นแหละที่จัดหามาให้ สาวเจ้าไม่ได้สวยเลิศเลอแต่ก็เป็นผู้หญิงเก่งที่เพียบพร้อมคนหนึ่ง กฤตเองก็พอใจอยู่ไม่น้อย ทั้งคู่จึงตกลงแต่งงานกันหลังจากคบกันมาได้เพียงปีเศษๆโดยมีบิดามารดาของทั้งคู่คอยสนับสนุนอย่างออกนอกหน้า
.....มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นอยู่หรอก ถ้ากฤตไม่ค้นพบว่าตัวเอง.... ชอบผู้ชาย
เขาเพิ่งรู้ตัวครั้งแรกเมื่อน้องชายตัวดีที่เขาให้อาศัยอยู่ในคอนโดหลังจากโดนตัดพ่อตัดลูกไปแล้วพาเพื่อนร่วมวงดนตรีทั้งสองมา และเพียงแค่คุยไม่กี่คำกฤตก็ตกหลุมรักหนุ่มมือกลองที่ชื่อ คิม อย่างถอนตัวไม่ขึ้น เขาพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดอะไรเลยเถิดเพราะมันเกี่ยวกับทั้งอนาคตของเขาและเด็กหนุ่มที่ชื่อคิมด้วย มันก็เกือบจะทำได้แล้วถ้าเจ้าน้องชายตัวดีไม่สังเกตเห็นเสียก่อน
"แกก็อย่าไปบอกสิ แล้วแกคงไม่บอกคิมหรอกใช่ไหม"
"ไม่บอกหรอกน่า ชั้นสัญญากับพี่ไว้แล้วนี่" เฟริตกระดกไวน์แก้วสุดท้าย "ชั้นไปอาบน้ำนอนล่ะ ตีสามกว่าแล้วแฮะ พี่ก็ไปนอนเหอะ พรุ่งนี้เข้างานกี่โมงล่ะ"
"ไม่รู้ ถ้าตื่นไม่ไหวอาจจะลางาน"
"เหอะๆ เดี๋ยวบริษัทได้ล่มจมกันหมดหรอก" เฟริตทำหน้าทะเล้นใส่พี่ชาย "ไปล่ะ ราตรีสวัสดิ์"
"อืม ราตรีสวัสดิ์"
กฤตนอนเอกขเนกอยู่บนโซฟาโดยไม่เหลือมาดประธานบริษัทผู้สุขุมลุ่มลึกเหมือนในยามทำงาน เขาหยิบรูปโปสการ์ดใบหนึ่งขึ้นมาจ้องด้วยสีหน้าเหม่อลอย มันเป็นรูปของเด็กหนุ่มมือกลองคนนั้นกำลังยิ้มแบบไร้เดียงสาให้กล้อง กฤตโมเมเอาเองว่าในรูปนั้นกำลังยิ้มให้เขา ชายหนุ่มยิ้มให้กับรูปนั้นแล้วจูบเบาๆที่แก้มคนในรูป ก่อนค่อยๆปิดตาลงและหลับไปบนโซฟาตรงนั้นเอง
..............................................................................
"เมื่อคืนกูฝันแปลกๆว่ะ..."
หนุ่มมือกลองประจำวงพูดไปเกาหัวแกรกๆไป ขณะที่นั่งอยู่ในรถเบนซ์ของหัวหน้าวงที่กำลังเคลื่อนที่พาสมาชิกวงทั้งสามไปทำงาน
"ฝันว่าไรวะ จะได้เอามาตีเป็นหวย" เอ๊กซ์ถาม
"ฝันว่ามีใครก็ไม่รู้มากอดกู หนักชิบหายอย่างกับโดนผีอำเลย"
"เฮ้ยๆ บ้านมึงมีผีอำแหงๆ ไปทำบุญซะนะมึงเดี๋ยวได้เฮี้ยนบ้านแตก"
"เชี่ย!! พูดไรให้มันสร้างสรรค์หน่อย"
"มึงกลัว?"
"แล้วมึงไม่กลัว?"
"พอๆพวกมึง อย่าตีกันให้มากเดี๋ยวกูไล่ลงจากรถ ห่า.." เฟริตพูดขัดเพื่อนทั้งสองก่อนที่รถจะพัง "อย่าคิดมากดิวะคิม อาจจะมีคนคิดถึงมึงก็ได้นะโว๊ย แบบรักรุนแรงไรเงี้ย" แล้วคุณหัวหน้าวงก็นึกถึงเมื่อคืน หลังจากเฟริตอาบน้ำเสร็จเขาก็เดินมาดูพี่ชาย และพบว่าคุณพี่นอนหลับอยู่บนโซฟาโดยมีรูปของสหายมือกลองวางแปะอยู่บนหน้าอก
"เป็นงั้นได้ก็ดี แต่กูว่ากูไปทำบุญหน่อยดีกว่าว่ะ... วัดไหนดีวะ" คิมทำหน้ากังวลจริงๆจนเอ็กซ์รู้สึกว่าเมื่อครู่ตัวเองปากมากไปหน่อย
"เดี๋ยวเจอไอ้ฝุ่นก็ถามมันละกัน มันเคยเป็นเด็กวัดมาก่อนน่าจะแนะนำได้ ดีเลยมึงจะได้เอาน้ำมนต์รดหัวมึงมั่ง" หนุ่มมือเบสเสนอแบบติดตลกด้วยหวังว่าเพื่อนจะอารมณ์ดีขึ้นมา
"เออจริง"
"เฮ้ย!!! กูพูดเล่น" เขาพูดเล่นๆแต่คิมดันทำหน้าจริงจังซะงั้น
"มึงพูดเล่นแต่กูเอาจริง พักนี้มันแปลกๆเหมือนมีอะไรมันกดดันกูไงไม่รู้ว่ะ ....เหี้ยเอ๊ยยิ่งพูดยิ่งเครียด"
"...... อย่าคิดมากสิวะ" เฟริตชักรู้สึกไม่ดี ปกติแล้วคิมไม่ใช่คนพูดมากแต่พอเครียดทีไรก็จะระบายออกมาแบบหมดเปลือกทุกที แล้วยิ่งรู้สึกไม่ดีเมื่อพอจะรู้ว่าตัวการที่อาจจะทำให้คิมรู้สึกกดดันไม่ใช่ใครอื่นไกล ...หรือว่าคุณพี่กฤตของเฟริตจะเก็บงำพลังวิญญาณไว้แล้วปลดปล่อยตอนคิดถึงเจ้ามือกลองนี่ก็ไม่รู้
ชายหนุ่มผู้กลับมาจากการทำงานกำลังขึ้นลิฟต์แก้วที่มองเห็นเบื้องล่างได้ชัดเจน จุดมุ่งหมายของเขาคือห้องในคอนโดชั้น 28 ที่คนธรรมดาไม่มีปัญญาเหยียบย่างเข้าไป เมื่อลิฟต์เปิดออกเฟริตก็เดินไปตามทางยาวๆที่ปูพรมสีแดง ชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นของพี่ชายเขาผู้เป็นประธานบริษัทแห่งหนึ่งในเครือของตระกูล และพี่ชายคนที่ว่าก็นั่งดื่มไวน์ชั้นดีอยู่ในห้องรับแขกบนโซฟาราคาตัวละเหยียบแสน
"อ้าว พี่กฤตยังไม่นอนหรอกเหรอ" เฟริตทักทายชายหนุ่มผู้เป็นพี่ขณะโยนกีตาร์คู่ใจลงบนโซฟา
"อืม นอนไม่หลับน่ะ" เสียงนุ่มๆของหนุ่มวัยอีกหนึ่งปีจะสามสิบพูดขึ้น เขามองน้องชายด้วยแววตาที่เหมือนกันแต่ดูเลื่อนลอยเล็กน้อยด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
"ป่านนี้นอนไม่หลับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตาโหลกันพอดี" ผู้เป็นน้องชายดึงแก้วไวน์ในมือพี่ชายมายกดื่มรวดเดียวหมดโดยไม่เสียดายไวน์สีแดงกำมะหยี่ราคาแพงหูฉี่ในแก้ว
"แกน่ะไปนอนได้แล้ว รู้ตัวรึเปล่าว่าซูบลงไปตั้งเยอะ" พี่ชายคนนั้นไม่ได้ว่าอะไรกับวิธีดื่มไวน์แบบเถื่อนดิบของเฟริต แถมยังรินไวน์เติมให้อีกต่างหาก "ว่าแต่ไม่พาเพื่อนของแกมาค้างแล้วเหรอวันนี้"
"ไปส่งมันที่บ้านกันหมดแล้วล่ะ ....ถามทำไม อยากเจอรึไง" เฟริตส่งสายตาอย่างรู้ทัน และดูเหมือนที่เขาคิดจะถูกซะด้วยเพราะคุณพี่ชายที่ชื่อกฤตคนนี้หลบสายตาเขาแถมทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบไม่เนียนเอาซะเลย
"เปล่า ก็...นิดหน่อย"
"ไม่ต้องมาทำกลบเกลี่อนเลยครับคุณพี่ อย่าให้พี่หน่องรู้ละกันเดี๋ยวชีวิตได้ล่มจมกันหมด" เฟริตพูดแล้วยกไวน์ขึ้นกระดกรวดเดียวอีกหนึ่งแก้ว
กฤตเป็นพี่ชายคนโตของตระกูล ด้วยความที่พ่อเคี่ยวเข็ญให้เขารับช่วงต่อบริษัทและเผลอๆจะให้เป็นนักการเมืองด้วย ทำให้ชายหนุ่มแทบจะหาเป้าหมายในชีวิตตัวเองไม่ได้นอกจากทำตามที่พ่อต้องการ แต่ก็สมแล้วกับความหวังของบิดาเพราะเขามีทั้งหน้าตา บุคลิกภาพ ความเฉลียวฉลาด และความสามารถพิเศษที่ทำให้ผู้คนคล้อยตามได้ จึงไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับเขามากไปกว่าการสืบทอดกิจการของตระกูล และในเวลาอันใกล้นี้เขากำลังจะได้แต่งงานกับลูกสาวหุ้นส่วนของบริษัทที่ชื่อ (หน่อง) ซึ่งบิดาของเขาอีกนั่นแหละที่จัดหามาให้ สาวเจ้าไม่ได้สวยเลิศเลอแต่ก็เป็นผู้หญิงเก่งที่เพียบพร้อมคนหนึ่ง กฤตเองก็พอใจอยู่ไม่น้อย ทั้งคู่จึงตกลงแต่งงานกันหลังจากคบกันมาได้เพียงปีเศษๆโดยมีบิดามารดาของทั้งคู่คอยสนับสนุนอย่างออกนอกหน้า
.....มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นอยู่หรอก ถ้ากฤตไม่ค้นพบว่าตัวเอง.... ชอบผู้ชาย
เขาเพิ่งรู้ตัวครั้งแรกเมื่อน้องชายตัวดีที่เขาให้อาศัยอยู่ในคอนโดหลังจากโดนตัดพ่อตัดลูกไปแล้วพาเพื่อนร่วมวงดนตรีทั้งสองมา และเพียงแค่คุยไม่กี่คำกฤตก็ตกหลุมรักหนุ่มมือกลองที่ชื่อ คิม อย่างถอนตัวไม่ขึ้น เขาพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดอะไรเลยเถิดเพราะมันเกี่ยวกับทั้งอนาคตของเขาและเด็กหนุ่มที่ชื่อคิมด้วย มันก็เกือบจะทำได้แล้วถ้าเจ้าน้องชายตัวดีไม่สังเกตเห็นเสียก่อน
"แกก็อย่าไปบอกสิ แล้วแกคงไม่บอกคิมหรอกใช่ไหม"
"ไม่บอกหรอกน่า ชั้นสัญญากับพี่ไว้แล้วนี่" เฟริตกระดกไวน์แก้วสุดท้าย "ชั้นไปอาบน้ำนอนล่ะ ตีสามกว่าแล้วแฮะ พี่ก็ไปนอนเหอะ พรุ่งนี้เข้างานกี่โมงล่ะ"
"ไม่รู้ ถ้าตื่นไม่ไหวอาจจะลางาน"
"เหอะๆ เดี๋ยวบริษัทได้ล่มจมกันหมดหรอก" เฟริตทำหน้าทะเล้นใส่พี่ชาย "ไปล่ะ ราตรีสวัสดิ์"
"อืม ราตรีสวัสดิ์"
กฤตนอนเอกขเนกอยู่บนโซฟาโดยไม่เหลือมาดประธานบริษัทผู้สุขุมลุ่มลึกเหมือนในยามทำงาน เขาหยิบรูปโปสการ์ดใบหนึ่งขึ้นมาจ้องด้วยสีหน้าเหม่อลอย มันเป็นรูปของเด็กหนุ่มมือกลองคนนั้นกำลังยิ้มแบบไร้เดียงสาให้กล้อง กฤตโมเมเอาเองว่าในรูปนั้นกำลังยิ้มให้เขา ชายหนุ่มยิ้มให้กับรูปนั้นแล้วจูบเบาๆที่แก้มคนในรูป ก่อนค่อยๆปิดตาลงและหลับไปบนโซฟาตรงนั้นเอง
..............................................................................
"เมื่อคืนกูฝันแปลกๆว่ะ..."
หนุ่มมือกลองประจำวงพูดไปเกาหัวแกรกๆไป ขณะที่นั่งอยู่ในรถเบนซ์ของหัวหน้าวงที่กำลังเคลื่อนที่พาสมาชิกวงทั้งสามไปทำงาน
"ฝันว่าไรวะ จะได้เอามาตีเป็นหวย" เอ๊กซ์ถาม
"ฝันว่ามีใครก็ไม่รู้มากอดกู หนักชิบหายอย่างกับโดนผีอำเลย"
"เฮ้ยๆ บ้านมึงมีผีอำแหงๆ ไปทำบุญซะนะมึงเดี๋ยวได้เฮี้ยนบ้านแตก"
"เชี่ย!! พูดไรให้มันสร้างสรรค์หน่อย"
"มึงกลัว?"
"แล้วมึงไม่กลัว?"
"พอๆพวกมึง อย่าตีกันให้มากเดี๋ยวกูไล่ลงจากรถ ห่า.." เฟริตพูดขัดเพื่อนทั้งสองก่อนที่รถจะพัง "อย่าคิดมากดิวะคิม อาจจะมีคนคิดถึงมึงก็ได้นะโว๊ย แบบรักรุนแรงไรเงี้ย" แล้วคุณหัวหน้าวงก็นึกถึงเมื่อคืน หลังจากเฟริตอาบน้ำเสร็จเขาก็เดินมาดูพี่ชาย และพบว่าคุณพี่นอนหลับอยู่บนโซฟาโดยมีรูปของสหายมือกลองวางแปะอยู่บนหน้าอก
"เป็นงั้นได้ก็ดี แต่กูว่ากูไปทำบุญหน่อยดีกว่าว่ะ... วัดไหนดีวะ" คิมทำหน้ากังวลจริงๆจนเอ็กซ์รู้สึกว่าเมื่อครู่ตัวเองปากมากไปหน่อย
"เดี๋ยวเจอไอ้ฝุ่นก็ถามมันละกัน มันเคยเป็นเด็กวัดมาก่อนน่าจะแนะนำได้ ดีเลยมึงจะได้เอาน้ำมนต์รดหัวมึงมั่ง" หนุ่มมือเบสเสนอแบบติดตลกด้วยหวังว่าเพื่อนจะอารมณ์ดีขึ้นมา
"เออจริง"
"เฮ้ย!!! กูพูดเล่น" เขาพูดเล่นๆแต่คิมดันทำหน้าจริงจังซะงั้น
"มึงพูดเล่นแต่กูเอาจริง พักนี้มันแปลกๆเหมือนมีอะไรมันกดดันกูไงไม่รู้ว่ะ ....เหี้ยเอ๊ยยิ่งพูดยิ่งเครียด"
"...... อย่าคิดมากสิวะ" เฟริตชักรู้สึกไม่ดี ปกติแล้วคิมไม่ใช่คนพูดมากแต่พอเครียดทีไรก็จะระบายออกมาแบบหมดเปลือกทุกที แล้วยิ่งรู้สึกไม่ดีเมื่อพอจะรู้ว่าตัวการที่อาจจะทำให้คิมรู้สึกกดดันไม่ใช่ใครอื่นไกล ...หรือว่าคุณพี่กฤตของเฟริตจะเก็บงำพลังวิญญาณไว้แล้วปลดปล่อยตอนคิดถึงเจ้ามือกลองนี่ก็ไม่รู้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น