ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลงนี้.......ไม่เกี่ยวกับความรัก[Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #1 : บทเพลงที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 52


            ณ ผับเล็กๆแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างไม่โจ่งแจ้งนักย่านทองหล่อ แต่กลับมีรถคันหรูๆจอดอยู่ในที่จอดรถด้านหลังผับเต็มไปหมด ในยามราตรีที่ผ่านมาเกินครึ่งคืน เสียงเพลงที่คุ้นหูนักเที่ยวกลางคืนคลอออกมาลอดประตูผับจนทำให้คนที่เดินผ่านไปมาได้ยินมันเบาๆ โดยที่เจ้าของผับไม่ได้หวง เพลงนั้นบรรเลงโดยวัยรุ่นผมชี้ทั้งหัว ที่นั่งบนเก้าอี้กลมบนเวทีพลางดีกีตาร์พร้อมทั้งร้องใส่ไมค์ไปด้วย ฝีมือกีตาร์และการร้องเพลงที่แม้จะไม่ได้ดีเท่ามืออาชีพแต่สำหรับมือสมัครเล่นก็จัดได้ว่าอยู่ชั้นแนวหน้า เพลงที่เขาขับร้องสร้างความสุนทรีย์ให้กับเหล่าวัยรุ่นมีกะตังค์ที่นั่งดื่มบ้าง กอดคอสาวๆในผับบ้าง หรือแม้แต่หลบไปมุมมืดแล้วบรรเลงเพลงรักกันเองอย่างไม่ใส่ใจพนักงานเสริฟที่เดินไปมา

            นักดนตรีหนุ่มที่โชว์เสียงอยู่บนเวทีก็ดูเหมือนจะมีแฟนๆติดตามอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อเขาจบบทเพลงที่บรรเลงอยู่ลง เสียงปรบมือก็ดังขึ้นโดยสาวๆที่หลงในน้ำเสียงและแววตาที่เหม่อลอยแต่กลับคมกริบของเขา ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้และโค้งให้เหล่าแฟนๆก่อนเดินหายไปหลังเวทีเพื่อให้นักร้องคนต่อไปขึ้นมาบรรเลง

            ที่ๆเขาเดินไปพักผ่อนหลังเวทีคือห้องเล็กๆที่ใช้เก็บตัวนักแสดงของผับ ซึ่งตอนนี้คละคลุ้งไปด้วยควันบุหรี่ผสมกลิ่นแอลกอฮอล์ โต๊ะเตี้ยๆตัวเล็กๆที่วางอยู่ตรงกลางมีทั้งขวดเหล้ายี่ห้อไม่แพงนัก ทั้งแก้วที่มีเหล้าเพียงครึ่งแก้วบ้างหมดแก้วบ้าง ถังน้ำแข็งที่พร่องไปเกือบครึ่ง และที่เขี่ยบุหรี่ที่ล้นจนก้นบุหรี่สองสามยี่ห้อกองสูงเป็นภูเขา โต๊ะตัวนั้นล้อมรอบด้วยโซฟาสีหม่นๆที่มีนักดนตรีคนอื่นนั่งอยู่อีก 3 คน หนึ่งในนั้นยกมือขึ้นทักทายชายหนุ่มที่เพิ่งลงมาจากเวทีด้วยสีหน้าที่ไม่บอกก็รู้ว่าดื่มไปพอสมควร อีกทั้งขวดเหล้าเปล่าๆไม่มีติดก้นขวดสักหยดหลายขวดที่วางระเกะระกะข้างโต๊ะเป็นหลักฐานอย่างดี

    "ไงฝุ่น พักนี้ดังใหญ่เลยนะมึงเนี่ย" เจ้าของเสียงตบบ่าหนุ่มนาม (ฝุ่น) อย่างแรงเมื่อเจ้าของชื่อนั่งลงข้างๆเขา

    "ก็เรื่อยๆ ไม่ได้ดังขนาดพวกมึงหรอกเอ๊กซ์" ฝุ่นตอบด้วยดวงตาเบลอๆของเขาก่อนคีบน้ำแข็งเติมในแก้วเหล้าของอีกฝ่าย แล้วรินเหล้าตาม "ได้ข่าวว่าพวกมึงถูกแมวมองตามให้ลองไปเทสต์ไม่ใช่เหรอวะ อย่าไปตอนกำลังเมาล่ะ เดี๋ยวแห้วแล้วจะฮา"

    "ไม่โว๊ย!! ระดับนี้แล้วไม่มีแห้ว ดังเปรี้ยงปร้างได้อย่างเดียวโว๊ย" หนุ่มนาม (เอ็กซ์) พูดแบบเมาๆพร้อมกับหัวเราะยกใหญ่ แล้วหันไปหาความมั่นใจกับเพื่อนร่วมวงอีกสองคนที่นั่งถัดจากเขา "ใช่มะ เฟริส คิม"

    "หึ มันจะแห้วก็เพราะมึงนี่แหละไอ้เชี่ยเอ็กซ์ อย่าเล่นเบสผิดคีย์อีกล่ะมึงอ่ะ" ชายหนุ่มนาม (คิม) พูดด่าเพื่อน เขาเองก็ดื่มไปไม่น้อยแต่ก็ยังคว้าแก้วเหล้าของเอ็กซ์ที่ฝุ่นเพิ่งเติมให้มาซดเนื่องจากของตัวเองหมดแล้ว

    "เฮ้ย!! เอาเหล้ากูไปซัดได้ไงวะเหี้ย หยุดๆเอาคืนมาเลยสัด" เอ๊กซ์กระชากแก้วกลับจากปากคิมแต่ไม่ทัน คิมซดน้ำสีอำพันนั่นหมดรวดในอึกเดียว

    "ก็ของกูหมดแล้วนี่หว่า"

    "เมิงก็รินเองดิวะ โหย...สัด ไอ้ฝุ่นมันเพิ่งชงให้กูเองนะโว๊ย" เอ็กซ์ดูแก้วเหล้าว่างเปล่าของเขาอย่างเสียดาย

    "กูหมั่นไส้เมิงไง ไอ้ฝุ่นมันชงให้มึงคนเดียวนี่หว่า ไมทำงี้วะฝุ่น"

            เจ้าของชื่อที่เพิ่งถูกเรียกส่ายหน้ายิ้มๆอย่างระอา ที่เพื่อนร่วมอาชีพของเขาต่างบ่นแบบนั้นเป็นเพราะทั้งคู่ต่างชอบให้ฝุ่นชงเหล้าให้ เอ๊กซ์เคยบอกกับเขาว่าเหล้าที่เขาชงนั้นมันอร่อยผิดปกติ ฝุ่นเองก็ไม่รู้หรอกว่าทำไม อาจเป็นเพราะฝึมือการทำอาหารของเขาที่ติดตัวมานานจากการเป็นเด็กวัดก็เป็นได้

            พ่อแม่ของฝุ่นเป็นใครเจ้าตัวเองก็ไม่รู้ เขารู้แต่เพียงว่าตัวเขาเติบโตมาในวัดแห่งหนึ่งที่อยู่ในกรุงเทพค่อนไปทางชานเมือง โดยมีหลวงตาเจ้าอาวาสวัดชุบเลี้ยงเขา หลวงตาเล่าให้ฟังว่าเก็บเขามาจากข้างถังขยะในวัดกลางดึกคืนหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะถูกบุพการีทอดทิ้งตั้งแต่ยังแบเบาะ ตลอดเวลาอยู่ที่วัดฝุ่นต้องทำงานจิปาถะต่างๆให้หลวงตาและรับใช้พระรูปอื่นๆเกือบทั้งวัดแทนค่าเลี้ยงดู นับเป็นโชคดีของฝุ่นที่ได้เข้าเรียนโรงเรียนเดียวกับชื่อของวัด แต่เมื่อหลวงตาได้มรณะภาพไปตอนที่เขาใกล้จบม.ต้นพอดี เขาจึงต้องออกมาจากวัดที่เคยเป็นที่ซุกหัวนอนเพราะไม่มีใครส่งเสียเขาแล้ว

            ตอนนี้เด็กวัดคนนี้ก็อายุเกินที่จะเรียนม.ปลายต่อ ประกอบกับเขาต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองให้พอมีชีวิตอยู่ก็แทบเต็มกลืน ตลอดสามปีที่เขาออกจากวัดมาเด็กหนุ่มก็ทำงานไปเรื่อย ทั้งเป็นเด็กล้างจาน พนักงานเก็บกวาด เด็กส่งของ ก่อนหน้าที่จะมาทำงานเป็นนักดนตรีเขาได้ทำงานในภัทตาคารจากฝีมือทำอาหารที่ติดตัวมาจากวัด และโชคดีที่ได้รู้จักกับนักดนตรีอาชีพคนหนึ่งซึ่งถูกชะตาและสอนเขาร้องเพลงและเล่นกีตาร์ ด้วยพรสวรรค์และความขยันฝึกของฝุ่นทำให้เด็กหนุ่มเล่นในระดับพอจะแสดงได้ในเวลาไม่นานนัก ฝุ่นจึงรับงานเป็นผู้ช่วยเชฟในตอนกลางวันและเล่นดนตรีในตอนกลางคืนไปพร้อมๆกันได้

            เขานึกถึงอดีตอันแสนเข็ญของตัวเองขณะชงเหล้าให้เพื่อนร่วมอาชีพอีกสามคนที่สองคนยังกัดกันไม่เลิก แต่อีกคนนั่งนิ่งไปตั้งแต่เขาลงจากเวทีมาแล้ว

    "พวกมึงสองคนหยุดกัดกันก่อน ไอ้เฟริตมันเป็นไรของมันวะ" ฝุ่นเอ่ยขึ้นแทรกและชี้ไปยังศพชายหนุ่มนาม (เฟริต) ที่นั่งก้มหน้าซะจนมองไม่เห็นดวงตาว่าปิดอยู่รึเปล่า

    "ช่างกบาลมันเหอะ สงสัยแดกเหล้าหนักเกิน" หนุ่มคิมพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาสนใจเหล้าที่ฝุ่นเพิ่งชงให้มากกว่า

    "....แต่ปกติไอ้เหี้ยนี่คอแข็งชิบหายเลยไม่ใช่เรอะ เป็นไรของมันวะ" เอ็กซ์เริ่มสงสัยเช่นกัน ตอนที่เขาเคยแข่งดวลคอทองแดงกับเฟริตนั้นเขาถึงกับแพ้หลุดลุ่ยห่างกันเกือบขวดครึ่ง ตอนนั้นเขาอาเจียนซะกระจายแต่เฟริตกลับไม่แม้กระทั่งแฮ้งค์ตอนเช้า

            ฝุ่นลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปใกล้ๆด้วยรู้สึกเป็นห่วง เพื่อนร่วมอาชีพที่ชื่อเฟริตของเขาคอแข็งมากจนไม่ค่อยรู้ลิมิตของตัวเอง ตอนนี้อาจจะสลบเหมือดไปแล้วก็ได้

    "เฟริต... ไอ้เฟริต" ฝุ่นส่งเสียงเรียกเบาๆ แต่ร่างตรงหน้าไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ

    "เฮ้ย มึงยังมีชีวิตอยู่รึเปล่าวะ" คราวนี้ฝุ่นก้มลงไปจับไหล่อีกฝ่ายเขย่า แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    "ไอ้เหี้ยเฟริต... มึงหลับหรือมึงตายแล้วกันแน่วะ กูยังไม่อยากไปเผาผีมึงนะเว้ย!! มึงพูด.... อุ๊บ!?!"

            เสียงเรียกของฝุ่นหายขาดไป
    เมื่อโดนมือใหญ่ๆหยาบกร้านจากการเล่นกีตาร์ของเฟริตกดหัวเขาลงมาแล้วประกบจูบหนักๆที่ปาก แล้วยังดึงตัวฝุ่นให้ทับร่างของเขาบนโซฟาแถมล๊อกหัวไว้ไม่ให้ดิ้นได้ ฝุ่นตาเบิกโพลงและพยายามดันตัวเองให้พ้นจากอ้อมแขนหนักๆที่กดทั้งหัวทั้งคอเขาไว้ และพยายามหนีลิ้นของอีกฝ่ายที่ใส่เข้ามาในปากเขาอย่างละลาบละล้วง แต่คนที่อยู่ข้างบนจะไปสู้คนข้างล่างที่มีแรงโน้มถ่วงเป็นพวกได้อย่างไร ฝุ่นจึงต้องหลับตาปี๋และปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำชำเราปากเขาตามใจชอบ สิ่งที่เขาทำได้ก็แค่ยันโซฟาไว้ไม่ให้ตัวเองล้มเท่านั้น ทั้งหมดอยู่ในสายตาของเพื่อนอีกสองคนที่ไม่คิดจะช่วยฝุ่นเลยแม้แต่น้อย กลับหัวเราะชอบใจเสียอีก

    ทันทีที่เฟริตคลายจูบร้อนๆและอ้อมแขนของเขาออก ฝุ่นก็เด้งตัวหนีเหมือนโดนน้ำร้อนลวกใส่

    "ทำเชี่ยอะไรของมึงห๊า!!! ไอ้สาดนรกเอ๊ย!!!" ชายหนุ่มที่โดนพรากจูบไปสบถด้วยความเหลืออดแล้วเช็ดปากชุ่มๆนั่นกับแขนเสื้อ หน้าของเขาเปลี่ยนจากสีชมพูเรื่อตามปกติเป็นแดงจัดเหมือนสีกุหลาบ และสีหน้าอายๆที่พยายามฝืนไว้ด้วยการทำท่าไม่พอใจ

    "ฮะฮะฮะ ก็กูอยากเห็นมึงทำหน้าเขิลลลล แบบนั้นน่ะเซ่!!!" มือกีตาร์ที่เพิ่งขโมยจูบฝุ่นหัวเราะร่าอย่างสะใจสุดๆแล้วเลียปาก "ทำกับมึงทีไรมึงก็ทำหน้างั้นทุกที ...กูชอบ"

    "เหี้ย!! กูบอกกี่ทีแล้วว่าอย่าๆ กูไม่ชอบโว้ย!!!" ฝุ่นสาวเท้าหนีกลับไปนั่งข้างๆเอ๊กซ์ที่หัวเราก๊าก และเมื่อเขามองหน้าคิม คิมก็หัวเราะหึๆในลำคอเช่นกัน "พวกมึงไม่ช่วยกูเลยนี่หว่า ....จำไว้เลย"

    "โอ๋ๆ อย่างอนสิครับสาวน้อย ให้ผมทำไงได้เล่า หัวหน้าวงผมถูกใจคุณนี่นาผมก็ขัดไม่ได้นะสิครับ" เอ๊กซ์ยังพูดติดตลก เขาเขี่ยแก้มฝุ่นเบาๆด้วยความเอ็นดูและโดนตอบกลับด้วยกำปั้นยันหน้า

            ผิวของฝุ่นนั้นค่อนข้างขาว และเป็นที่น่าอิจฉาของสาวๆทั้งหลาย ที่แม้ว่าตอนเด็กๆฝุ่นจะเล่นกลางดินกินกลางทรายสักแค่ไหนมันก็ไม่ยอมดำ อย่างมากก็แค่คล้ำชั่วคราวแต่ก็กลับมาขาวได้อีกเมื่อถึงฤดูที่ไม่ค่อยมีแดด อีกทั้งใบหน้าเกลี้ยงๆกับเลือดฝาดที่แก้มตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องแต่งหน้าทำให้ฝุ่นดูเหมือนกำลังเขินอยู่ตลอดเวลา และมันจะยิ่งแดงก่ำเมื่อเด็กหนุ่มรู้สึกเขินขึ้นมาจริงๆ และยังท่าทางตอนเขินที่แก้ยังไงก็ไม่พ้นทำหน้าไม่พอใจทั้งๆที่แก้มยังแดงอยู่ ทำให้ใบหน้านั่นไม่ต่างจากเด็กสาววัยรุ่นที่เพิ่งมีความรักครั้งแรก เสียอย่างเดียวคือดวงตาคมๆที่เหม่อลอยกับรอยคล้ำข้างใต้เท่านั้น แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดก็ทำให้เด็กหนุ่มที่ชื่อฝุ่นคนนี้จัดอยู่ในกลุ่มหน้าตาดีได้ไม่ยาก

    "กูไม่ใช่ผู้หญิง อย่าทำกับกูแบบนี้" เสียงฝุ่นพูดกับเฟริตมันอ่อยๆพิกลเพราะหน้ายังตึงๆอยู่

    "กูรู้ว่ามึงไม่ใช่ผู้หญิง แต่กูอยากทำแบบนั้นกับมึงว่ะ"

    "มึงเมาแน่ๆไอ้เฟริต เห็นงานหมดแล้วดวดเหล้าซะกระจายเลยนะพวกมึงนี่ ...พอทีกูกลับล่ะ" ฝุ่นลุกขึ้นอย่างหัวเสีย เขาอยู่กับเพื่อนร่วมอาชีพวงนี้ทีไรได้เป็นแบบนี้ทุกที ทั้งสามจะรวมหัวกันแกล้งเขาที่อายุน้อยกว่าโดยมีเฟริตเป็นหัวโจก และเกมส์ที่ทั้งสามดูจะสนุกสนานกันมากคือการทำยังไงก็ได้ให้ฝุ่นทำหน้า "เขิน" ออกมา

    "จะรีบไปไหนเล่า วันนี้วันจ่ายเงินนะไอ้ฝุ่น" คิมร้องท้วงขึ้นเมื่อเห็นฝุ่นพาลจะกลับจริงๆ เขากวักมือเรียกฝุ่น "ขืนมึงกลับก่อนเดี๋ยวเจ๊แกก็ไม่จ่ายหรอก มานี่มา นั่งก่อน ไม่แกล้งแล้วน่า"

    "แน่นะ..." ฝุ่นเดินกลับมานั่งข้างๆเอ็กซ์พลางทำหน้าระแวง

            ชายหนุ่มทั้งสามคนก็ถือได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ทางดนตรีอยู่ไม่น้อย เห็นได้จากการแสดงดนตรีตามผับตามบาร์หลายแห่งและได้เงินค่าแสดงดีกว่าฝุ่นมากอยู่ และเร็วๆนี้ยังถูกแมวมองของค่ายเพลงแห่งหนึ่งทาบทามไปเทสต์เสียง โดยมีเฟริตเป็นนักร้องนำและมือกีตาร์ เอ็กซ์เป็นมือเบส และคิมเป็นมือกลอง หน้าตาทั้งสามคนก็จัดได้ว่าไปวัดไปวาแล้วสาวๆกรี๊ด ไม่แปลกที่จะมีแฟนๆติดตามไปกินเหล้าในที่ๆทั้งสามคนไปแสดงดนตรีอยู่เสมอ

    "ไงจ๊ะหนุ่มๆ" เสียงของเจ๊ผู้จัดการด้านเวทีแว่วมาแต่ไกล ก่อนที่ใบหน้าสาวใหญ่วัยสามสิบปลายๆแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางซะหนาเตอะกับผมยาวสลวยด้วยการยืดจะโผล่มาที่ห้องพักนักดนตรี "มารับค่าแรงเร้ว แหม... วันนี้ก็เล่นได้เยี่ยมเหมือนเคยนะจ๊ะ"

    "ใครบอกครับเจ๊ ไอ้บ้าเนี่ย" คิมชี้ไปที่เอ๊กซ์ "มันดันกระดกเหล้าก่อนขึ้นเวที เบสเพี้ยนไปตั้งท่อน"

    "แหม เนียนๆไปลูกค้าจับไม่ได้หรอกย่ะ ยังเข้มงวดเหมือนเดิมเลยนะน้องคิม" เจ๊คนสวยด้วยสังเคราะห์แจกซองเงินให้สี่หนุ่มหน้าตาดีที่ตอนนี้ยืนรุมล้อมอยู่ รู้สึกเหมือนเจ๊จะนึกว่าตัวเองเป็นมาดอนน่าที่มีหนุ่มๆมารุมล้อมจนต้องเชิดสวยกว่าปกติ โดยเฉพาะกับคิม "วันหลังก็มาเข้มงวดกับเจ๊มั่งสิ"

    คิมหัวเราะในคอเบาๆก่อนปรายตาส่งกลับไปให้คุณเธอ "ยินดีครับเจ๊....." ชายหนุ่มก้มลงไปหอมแก้มสาวใหญ่เบาๆ ทำให้คุณผู้จัดการหัวเราะคิกคักก่อนดันหน้าหนุ่มมือกลองออก

    "ต๊าย ชั้นพูดเล่นย่ะ รสนิยมเจ๊มันต้องเข้มๆบึกๆ ผอมแห้งอย่างพวกเธอเจ๊ไม่เอาหรอก กลับบ้านกันดีๆล่ะ" คุณผู้จัดการทิ้งท้ายไว้ก่อนสะบัดผมออกไปจากห้อง

    "หึ.. อย่างกับทางนี้จะเอางั้นแหละ เจียมมั่งเหอะยัยแก่..." คิมสบถเบาๆไล่หลังคุณเธอไป เขานั่งลงกับโซฟาแล้วแกะซองออกดู "เท่าเดิม...ก็คิดอยู่แล้วล่ะนะ เลิกทำที่นี่ซะดีมั๊ยเนี่ย"

    "มึงจะเอาไรนักหนาวะ อยากได้เยอะๆต้องที่00000สิโว๊ย" เอ๊กซ์เดินโซเซๆมานั่งข้างๆคิมแล้วโอบคอเพื่อนเป็นเชิงให้กำลังใจ แล้วหันไปถามเฟริต "ว่าไงล่ะคุณหัวหน้าวง"

    "....ไม่ล่ะ ทำที่นี่ต่อดีกว่า" เฟริตตอบ น่าแปลกที่เขายังพูดแบบคนมีสติอยู่ได้ทั้งๆที่น่าจะดวดเหล้าไปมากกว่าคนอื่น "แล้วมึงล่ะฝุ่น มึงได้เงินเท่าเดิมรึเปล่า"

    "ก็เท่าเดิมนั่นแหละ แต่กูไม่มีที่ไปนอกจากที่นี่แล้วว่ะ" ฝุ่นเก็บเงินเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วตอบเฟริตไป มือสมัครเล่นอย่างฝุ่นอย่างมากก็ได้ทำงานในผับเล็กๆนี่นับว่าดีถมถืดแล้ว ไม่เหมือนวงที่มีอนาคตไกลอย่างเพื่อนร่วมงานทั้งสาม "กูกลับบ้านแล้วนะ โชคดีเว้ย"

    "เดี๋ยว มึงจะกลับยังไงมืดขนาดนี้ รถมงรถเมล์ก็ไม่มี" เฟริตพูดขึ้น เขาคว้าแขนฝุ่นไว้

    "แท็กซี่สิวะ" เด็กหนุ่มผมชี้หันมาตอบ

    ".... เดี๋ยวกูไปส่ง"

    "ไม่เป็นไร กูเกรงใจ"

    "ไงๆกูก็ต้องไปส่งไอ้เหี้ยสองตัวนั่นอยู่ดี แค่แวะไปส่งมึงไม่หนักหนาหรอก พวกเอ็งสองตัวน่ะลุกได้แล้ว กลับโว๊ย!!"

            สิ้นเสียงหัวหน้าวง ลูกทีมทั้งสองก็ค่อยๆลุกจากโซฟาช้าๆเหมือนผีดิบที่ถูกปลุกเสก ฝุ่นยิ้มบางๆให้กับรุ่นพี่ร่วมอาชีพตรงหน้าที่อาสาจะไปส่งเขา จริงๆเฟริตเป็นลูกชายคนสุดท้องของบ้านนักการเมืองบ้านหนึ่ง แต่ด้วยความที่พ่อของเขาต้องการให้เขาสืบต่อบริษัทในเครือของตระกูลที่เจ้าตัวไม่ได้สนใจเลย เฟริตทะเลาะกับพ่อครั้งใหญ่ก่อนหนีออกมาทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เขาอยู่ที่คอนโดสุดหรูชั้น28ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นของพี่ชายซึ่งเข้าใจความรู้สึกของน้องตัวเองและยังให้รถมาขับ โดยไม่บอกพ่อที่ตัดพ่อตัดลูกกับน้องชายไปแล้ว

    "ขอบใจนะเฟริต"

    "เออน่า ไปเหอะอย่าพูดมาก แล้วคราวหลังก็อย่าทำหน้าเกรงใจกูมากนัก กูไม่ใช่คนอื่นคนไกล" คุณหัวหน้าวงดันหลังเด็กหนุ่มตรงหน้าให้เดินออกไปจากร้าน ทั้งสี่คนเดินไปที่รถเบนซ์สีดำมันปลาบสุดหรูคันหนึ่งแล้วขึ้นไปนั่งประจำที่ ก่อนพาหนะสีดำคันนั้นจะวิ่งออกไปกลางถนนยามราตรี

    --------------------------------------------------------

            เฟริตจัดการส่งสมาชิกวงคออ่อน(กว่าเขา)กลับบ้านกลับช่องไปหมดแล้ว เหลือเจ้าหนุ่มผมชี้ตาปรือที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ตอนแรกเฟริตคิดว่าเด็กหนุ่มจะหลับไประหว่างทางเพราะนาฬิกาติดรถมันแสดงตัวเลข 1.52 am แล้ว แต่ฝุ่นก็ไม่ได้หลับ เขายังนั่งลืมตาจ้องเขม็งไปที่ถนนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

    "ฝุ่น..." เฟริตที่ทนความเงียบไม่ได้พูดขึ้น

    "หืม ง่วงเหรอ จอดพักก่อนก็ได้นะ" ฝุ่นหันมาทำหน้าเหรอหราใส่อีกฝ่าย

    "เปล่า กูจะถามว่าช่วงนี้เป็นไง เดือดร้อนอะไรรึเปล่า"

    "ไม่นี่ กูยังได้อยู่ แต่เงินมันไม่ค่อยเหลือเก็บแค่นั้นแหละ" ฝุ่นนึกไปถึงค่าเช่าห้อง ค่าเดินทางไปทำงาน ค่าน้ำค่าไฟ ค่ากับข้าว ค่าข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ....ถึงแม้เด็กหนุ่มจะไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ แต่เศรษฐกิจดิ่งเหวแบบนี้มันก็ทำให้ลำบากอยู่เหมือนกัน เงินเดือนของเขาใช่ว่าจะมากมายอะไร

    "ถ้ามึงเดือดร้อนล่ะก็ มึงบอกกูเป็นคนแรกนะ .....ได้รึเปล่า"

    "ไม่ได้ว่ะ...."

    "....ทำไมวะ?" เฟริตละสายตาจากกระจกหลังมามองหน้าฝุ่นแวบหนึ่ง

    "ไม่รู้สิ แต่กูมีนโยบายไม่ยืมเงินใครว่ะ" ทั้งค่าเช่าบ้านและรายจ่ายอื่นๆฝุ่นไม่เคยยืมเงินใครมาก่อน เงินติดตัวตอนเขาออกจากวัดมาก็พอกับค่าเช่าห้องแค่เดือนกว่าๆเท่านั้น ตอนนั้นเขากินข้าวแค่วันละมื้อ เมื่อเทียบกับตอนนี้ที่ได้กินข้าวสามมื้อแล้วถือว่ากระจอกมาก

    "กูไม่ได้หมายถึงเงิน แต่ถ้ามึงเดือดร้อนมึงต้องบอกกู ตกลงไม๊วะ?"

    "พูดแบบนี้มันยิ่งเกรงใจน่ะสิ เอ้าก็ได้ ไว้ถึงวันนั้นแล้วจะบอกก็แล้วกัน ....อ้าวถึงแล้วนี่"

            รถสีดำมันปลาบจอดตรงหน้าแฟลตเก่าๆที่หนึ่งในละแวกที่ใกล้จะเรียกได้ว่าสลัม ฝุ่นลงจากรถโดยมีกีตาร์มือสองของเขาสะพายอยู่ เฟริตก็ลงมาจากรถเช่นกัน

    "มึงไม่ต้องไปส่งกูถึงห้องก็ได้ แค่มาส่งกูก็ซาบซึ้งสุดๆแล้วล่ะ" ฝุ่นร้องห้ามเมื่อเห็นเฟริตทำท่าจะตามเขาเข้าไป ด้วยกลัวว่ารถเบนซ์คันหรูอาจจะกลายเป็นอาหารพวกมิจฉาชีพที่มีกันให้ควั่กแถวๆนี้ และไม่อยากให้คนอย่างเฟริตต้องมาแตะต้องสภาพจนๆที่เขาอยู่

            หนุ่มนักดนตรีที่มาส่งฝุ่นมองไปรอบๆ เขาไม่ได้ทำหน้ารังเกียจสภาพเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย มีแต่สีหน้าเป็นห่วงให้อีกฝ่ายเท่านั้น "รู้แล้ว รีบๆนอนล่ะ พรุ่งนี้มึงต้องไปทำงานอีกไม่ใช่รึไง"

    "ถึงบอกให้รีบนอนกูก็นอนได้แค่สามชั่วโมงละวะ" ฝุ่นยิ้มเย็นให้เพื่อน บางทีอาจจะยิ้มให้กับชีวิตของตัวเอง "ไปล่ะ ราตรีสวัสดิ์นะไอ้เฟริต"

    "นี่ฝุ่น..." คนที่ถูกบอกลาเรียกอีกฝ่ายเสียงอ่อยๆ

    "?" 

    ".... เปล่า ราตรีสวัสดิ์" เฟริตหันหลังให้ฝุ่นที่ทำหน้าเอ๋อเหรอใส่เขาแล้วขำเบาๆกับตัวเอง ไม่ได้ขำฝุ่นหรอก แต่เขาขำที่ตัวเองจะพูดอะไรออกไปก็ยังไม่รู้เลย แต่ปากมันเผลอเรียกชื่ออีกฝ่ายไปโดยสมองไม่ได้คิด ชายหนุ่มกลับเข้ามานั่งในรถตัวเองแล้วมองตามฝุ่นที่เดินหายเข้าไปในแฟลตเก่าๆนั่นด้วยสายตาที่เป็นห่วงยิ่งกว่าเพื่อนมีให้กัน ก่อนจะขับรถเบนซ์คู่ใจกลับไปยังคอนโดสุดหรูที่แตกต่างจากสภาพรอบด้านในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×