ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระดาดาวพร่างพราวฟ้า

    ลำดับตอนที่ #8 : ณรงค์เดช6

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 54


    /> /> />

    “รับไปสิ มองหน้าครูอยู่นั่นแหละ” เสียงเร่งเร้าของแม่ชีสาวรุ่นใหญ่ดังขึ้นมาอีกครั้ง หนุ่มน้อยได้สติจากอาการมึน เขาจึงทำตามที่เธอสั่ง

    ไข่เจียวใส่ต้นหอมกับมะเขือเทศ แกงจืดวุ้นเส้นหมูสับ กล้วยบวชชี และข้าวสวยที่พูนพะเนิน เตือนให้ความหิวกลับมาอีกครั้ง ณรงค์เดชกลืนน้ำลายลงคอก่อนที่จะจ้วงเอาจ้วงเอากับอาหารที่อยู่ในถาด อร่อยเหลือเกิน ดูเอาเถอะ แม้ว่าทั้งข้าวทั้งกับจะเย็นชืด แต่หนุ่มน้อยก็ทำราวกับตัวเองตายอดตายอยากมาช้านาน

    “ค่อยๆ ค่อยๆ ไม่ต้องรีบกินไปไหน” แม่ชีส่ายหน้าอย่างออกระอา “อ่ะ น้ำ” เธอส่งแก้คอวบรรจน้ำเย็นให้ เด็กหนุ่มรับไปแล้วยกขึ้นดื่มอึกๆ ไล่อาการฝืดคอ หลังจากที่คิดได้ว่า ตัวเองกินเอากินเอาจนขอกินลงคอไปไม่ทัน “ไม่อิ่มเอาอีกก็ได้นะ” ครูพยาบาลกล่าวขึ้นมาอีกทีด้วยความเอ็นดู

    “พอแล้วครับ” ณรงค์เดชตอบ หลังจากที่เก็บกวาดอาหารคาวจนเกลี้ยงถาด ก่อนที่จะหันมาต่อของหวาน และก็เรียบวุดภายในไม่กี่นาทีต่อมา

    เมื่อกิจกรรมการกินข้าวเที่ยงในยามบ่ายสิ้น เด็กชายต้องละจากเตียงห้องพยาบาลอันน่าสบายในยามที่หนังท้องตึงหนังตาหย่อน หนุ่มน้อยกับถาดอาหารที่ผ่านการใช้งาน เดินลงมาจากห้องพยาบาลบนชั้นสองของหนึ่งในอาคารน้อยที่กระจายตัวอยู่เป็นหลังๆ ของอาณาบริเวณของชั้นประถมหนึ่ง แต่ยังไม่ทันจะได้ออกไปยังภายนอก ณรงค์เดชต้องวิ่งกลับขึ้นไปยังที่ซึ่งจากมาอีกครั้ง

    “มาแมร์ครับ ร้องเท้าของผมอยู่ที่ไหนครับ” เขาถามด้วยอารมณ์ที่ยังปกติอยู่ เด็กหนุ่มยังคงมองโลกในแง่ดี ด้วยนึกขึ้นได้ว่าตอนเป็นลม ครูพยาบาลอาจจะเก็บไว้ให้ ซึ่งก็แน่นอน คงไม่ใช่ที่ชั้นวางร้องเท้าที่เชิงบันได แต่คำตอบที่ได้รับกลับสร้างความผิดหวังให้เด็กชาย เมื่อมาแมร์แว่นหนาตอบกลับไปว่า

    “เอ... ไม่รู้สิ ไม่ได้อยู่ที่ชั้นวางร้องเท้าข้างล่างหรอกเหรอ ปกติต้องวางไว้ที่นั่นนะ ตอนที่เขาพาเธอมา ครูเห็นภารโรงหิ้วไปวางไว้ที่นั่นนะ”

    ณ วินาทีนั้น ณรงค์เดชก็รู้ได้ในทันทีโดยสัญชาตญาณ “โดนแกล้งอีกแล้วเรา”

     

    ในที่สุดเขาก็ต้องถอดถุงเท้าแล้วเดินเท้าเปล่ากลับชั้นเรียน อย่างที่ไม่สามารถจะเลี่ยงได้ วันนี้คงต้องเอาร้องเท้ากีฬามาใส่ หลังจากที่หาร้องเท้านักเรียนอยู่เป็นนาน เย็นนี้คงต้องพยายามหาดูอีกที ถ้าไม่เจอคงต้องซื้อใหม่ น่าเสียดาย เพิ่งใส่ได้วันนี้วันแรก ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย เพราะกรรมจะตกไปอยู่กับน้าจาเต็มๆ ต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ

    ณรงค์เดชหวังว่า คงไม่ใครคิดที่แกล้งเขาอีก วันนี้เกือบทั้งวัน  และไม่มีอะไรจะให้รังแกได้อีก ร้องเท้าหายมันก็ควรจะสิ้นสุดได้แล้ว

    แต่ก็... นะ... เฮ้อ.... อะไรที่คิดว่ามันควรจะจบ แต่มันก็กลับไม่จบ เมื่อเด็กหนุ่มพบว่ากระเป๋าหนังสือและถุงเครื่องกีฬาของตัวเองหายไป บ่ายวันแรกในโรงเรียนใหม่รียน หนังสือหนังหาเป็นอันไม่ต้องเ ณรงค์เดชใช้เวลาที่มีทั้งหมดไปกับการหาของ ซึ่งกว่าจะหาเจอ โรงเรียนก็เลิกพอดี เล่นเอาเขาโทรมไปเลยทีเดียว แต่ก็ยังโชคดีที่หากระเป๋าหนังสือและถุงใส่เครื่องกีฬาเจอ เด็กชายจึงไม่ต้องเดินเท้าเปล่าไปไหนต่อไหน ไม่รอช้า ถุงเท้ากีฬาราคาหลักร้อย และร้องเท้ากีฬายี่ห้อดังราคาครึ่งหมื่น ที่ป๋าซื้อให้ก่อนตายไม่กี่วัน ถูกหยิบเอามาใส่ในทันที

    “นี่เธอ ร้องเท้านั่นมันผิดระเบียบนะ” มาแมร์ร่างท้วมที่เผอิญเดินผ่านมาร้องเตือนเสียงดุ “ถอดร้องเท้านั่นออกเดี๋ยวนี้เลยนะ ร้องเท้านักเรียนของเธออยู่ไหน ไปเอามาใส่” น้ำเสียงที่เอาจริงของเจ้าหล่อนเล่นเอาณรงค์เดชแทบจะหยุดหายใจ ครูที่นี่น่ากลัวชะมัด

    “เออ... คือว่า... ร้องเท้าของผมหายครับ” เด็กหนุ่มตอบอย่างหงอๆ “ผมเลยต้องเอาร้องเท้ากีฬามาใส่”

    “แล้วหายที่ไหน” น้ำเสียงของคนถามยังคงเข้ม

    “ห้องพยาบาลครับ ผมหาตลอดทั้งบ่ายแล้วก็ยังหาไม่เจอ”

    มาแมร์วัยห้าสิบได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้ารับทราบ แต่ก็ยังไม่เลิกวางท่าดุ

    “งั้นก็ตามมานี้”

    ณรงค์เดชเดินตามครูแม่ชีไปแต่โดยดี ไม่อาจจะทราบได้ว่าจุดหมายปลายทางจะเป็นที่แห่งหนตำบลใด และมาแมร์ร่างอ้วนผู้นี้มีวัตถุประสงค์อะไร จึงบอกให้เขาเดินตามมา เด็กหนุ่มไม่คิดถามและไม่กล้าที่จะถาม ด้วยท่าทางอันดุดันเข้มงวดของเธอเป็นเหตุ

    เดินกันอยู่ไกลเหมือนกัน แต่ก็ไม่ถึงกับลิ้นห้อยหมดแรงกว่าจะถึงที่หมาย ห้องขนาดเล็กบนชั้นหนึ่งของอาคารแบบวิคตอเรียสีครีมอันงามสง่า ณรงค์เดชเห็นรังขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่กลางห้อง เมื่อชะโงกหน้าเข้าไปด้วยความอยากรู้ และเมื่อมองกวาดสายตาไปทั่วห้อง ที่พนังทั้งหมด ชั้นวางของตั้งเรียงราย สารพัดข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ้งก็มีตั้งแต่ร่ม ชุดผ้ากันเปื้อน อุปกรณ์เย็บปัก ไปจนถึงโรงเท้านักเรียน

    “เอ้า เข้าไปสิ หาดูสิว่าร้องเท้าของเธออยู่ที่นี่รึเปล่า ทุกเย็นภารโรงเขาจะเอาของที่คนลืมไว้มาเก็บไว้ที่นี่แหละ” มาแมร์สาธยาย

    แต่ก็ไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะเดินเข้าไป เขาก็ได้พบสิ่งที่ตามมาครึ่งวัน เมื่อภารโรงคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับร้องเท้าคู่ใหม่ที่หายไป

    “หาเจ้านี่กันอยู่ใช่ไหมครับ” นักการวัยสี่สิบกว่าตะโกนมาแต่ไกล พลางชูรองเท้าผ้าใบสีดำที่หิ้วมาให้ดู “นึกแล้วว่าต้องเป็นของพ่อหนุ่มคนนี้ รองเท้าใหญ่ๆ ขนาดนี้ ไม่ใช่ของเด็กผู้หญิงแน่ๆ”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×