ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระดาดาวพร่างพราวฟ้า

    ลำดับตอนที่ #5 : ณรงค์เดช3

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 54


    “ทำตัวดีๆ นะโป้ง อยู่กับลุงกับป้า มีอะไรจะช่วยเขาได้ ก็ให้ช่วยนะ เราต้องหนักเอาเบาสู้ โป้งจะทำตัวเป็นคุณหนูเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนะ”

    ในเวลานั้นเด็กชายมองดูน้าสาวที่กำลังอบรมสั่งสอนเขาด้วยความเวทนาเป็นที่สุด เวทนาพอๆ กับความรู้สึกสมเพชที่มีต่อตัวเองเป็นล้นพ้น ภาพของสุภาพสตรีวัยยี่สิบปลายๆ ที่ยังคงงดงามระเหิดระหง แม้ว่าจะอยู่ในเครื่องทรงที่ทำลายความแพรวพราวแห่งเพศแม่อย่างสิ้นเชิง ของอาภรณ์ซึ่งประกาศให้โลกรู้ถึงความต้องห้ามจากชายทั้งมวล ในนามแม่ชีแห่งนิกายโรมันคาทอลิก

    ทั้งมอซอและซอมซอ ด้วยเสื้อผ้าบันดาลให้เป็น และชีวิตความเป็นอยู่อันเป็นไปตามหลักการของศาสนา มีชีวิตอยู่อย่างยากจนนี้ยังไม่นับอาชีพหาเลี้ยงตัวของเจ้าหล่อนด้วยซ้ำไป ครูเงินเดือนน้อยในคอนแวนต์ที่อุปถัมภ์หล่อนมาตั้งแต่เป็นนักเรียนถักผมเปียจนจบมหาวิทยาลัย ไม่ต้องให้ใครมาบอก ก็พอรู้จะว่า แม่ชีฝรั่งนางนี้อัตคัดจนแทบจะแห้งกรอบ ที่สำคัญไปกว่านั้น แม้แต่ที่จะซุกหัวนอน  หล่อนก็อาศัยโรงเรียนฝรั่งที่ชุบตัวหล่อนมาเป็นที่อาศัย น้าจาของเขาต้องกินอยู่ในหอพักที่มีแต่แม่ชีและนักเรียนหญิงนับสิบ ซึ่งก็แน่นอนว่ามันไม่ใช่ที่ว่างสำหรับเด็กหนุ่ม อันเป็นบุคคลต้องห้ามของอาณาจักรอันมีสตรีเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งจะว่าไปแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับแดนสนธยา ณรงค์เดชไม่คิดจะเอานิยายอะไรจากคำพูดซึ่งเป็นเพียงลมปากอันว่าเปล่าจากน้าสาว และเด็กหนุ่มก็เข้าใจเธอดี

    แต่ทว่า เมื่อหนึ่งปีผ่านไป น้าจาก็ทำได้อย่างที่พูด เธอทำให้เขาได้กลับมาเรียนหนังสือจริงๆ แม้ว่ามันจะได้แบบเว้าๆ แหว่งๆ ก็ตามที

    “โป้งเรียนโรงเรียนรัฐบาลก็ได้” เด็กชายนึกไปถึงวันที่เข้าโต้แย้งกับจารินทร์ในก่อนหน้าที่จะมายืนอยู่ตรงนี้

    “จะได้ยังไงล่ะโป้ง โรงเรียนรัฐบาลดังๆ เขาก็ไม่รับใครกลางเทอม โป้งต้องไปสอบเข้า แล้วโป้งก็ต้องไปเริ่มเรียนม.1 ใหม่ โป้งจะเอาเหรอ”

    “งั้นก็เอาโรงเรียนที่ไม่ต้องดังก็ได้ โป้งเรียนได้”

    “แต่น้าอยากให้โป้งเรียนโรงเรียนดีๆ น้าอยากให้โป้งได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมดีๆ แล้วอีกอย่างที่นี่” เธอหยุดพูดเพื่อถอนหายใจ แล้วมองไปรอบๆ อาณาบริเวณที่ถูกตกแต่งไว้ราวกับรีสอร์ตห้าดาว “โป้งจะได้เรียนฟรี อยู่ฟรี กินฟรี แล้วน้าก็จะได้ดูแลโป้งด้วย น้าบอกตามตรง ถ้าโป้งไปเรียนที่อื่น โป้งก็ต้องไปอยู่หอพัก โป้งเป็นเด็ก โป้งจะไปใช้ชีวิตตามลำพังโดยที่ไม่มีผู้ใหญ่ดูแลไม่ได้หรอกนะ แล้วอีกอย่าง” แม่ชีสาวทอดถอนใจอีกครั้ง “น้าไม่มีปัญญาจะส่งเสียโป้งหรอกนะ ถ้า...”

    “เอาล่ะๆ” เสียงอันดังก้องของมาแมร์ร่างอ้วนทำให้เด็กชายตื่นขึ้นมาจากภวังค์แห่งอดีต “ณรงค์เดชได้เรียนที่นี่ตามสิทธิ เพื่อนใหม่ของเธอเป็นหลานของมาแมร์จารินทร์”

    “เขาก็เลยได้เรียนฟรี!” เด็กสาวปากกล้าผิวคล้ำยังไม่หายข้องใจ

    “ไม่ใช่แค่นั้น” แม่ชีเสียงดังกล่าวอย่างอารี “ไม่ใช่แค่ที่เขาเป็นหลานของมาแมร์จารินทร์ เขาถึงได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนของเรา ก็อย่างที่พวกเธอเห็น ณรงค์เดชเป็นผู้ชาย และคอนแวนต์ของเราก็เป็นโรงเรียนหญิงล้วน”

    “แล้ว...” เด็กหญิงคนเดิมสงสัยต่อ

    “นอกจากจะเป็นหลานของมาแมร์จารินทร์แล้ว ณรงค์เดชยังมีผลจากเรียนดีเยี่ยม เป็นอันดับหนึ่งของอสัมชันศรีราชา และเป็นที่หนึ่งของจังหวัดชลบุรี”

    “โห....!” เหล่าบรรดาสาวน้อยร้องขึ้นมาด้วยความทึ้ง

    “แล้วก็....” คุณแม่ชีสาธยายต่ออย่างภาคภูมิราวกับเด็กหนุ่มเป็นลูกเป็นหลานของตัวเองก็ไม่ปาน “ณรงค์เดชยังเป็นแชมป์แบตมินตันสามสมัยกีฬาเยาวชนแห่งชาติ

    “ว้าว.....!” เด็กสาวพากันร้องครางด้วยความตื่นเต้น ก็แน่ล่ะ ทำไมจะไม่ล่ะ ลำพังจะได้รู้จักกับชายหนุ่มธรรมดาๆ ก็ว่าเป็นเรื่องยากแล้ว แต่นี่ พ่อคนนี้ นอกจากรูปร่างหน้าตาที่หล่อบาดใจ เขายังเดินเข้ามาให้พวกเธอทำความรู้จักอย่างไม่ต้องเที่ยวไปเสาะแสวงหา พร้อมกับพกคุณสมบัติตามมาตรฐานที่พวกเธอกำหนดสเป็กไว้สูงลิบลิ่วตามวัยของเด็กสาวอย่างครบถ้วน แต่... แม่หนูน้อย โลกนี้ไม่ใคร หรือสิ่งใดจะเพอร์เพ็กอย่างใจเรา รู้หรือไม่ เด็กหนุ่มผู้คนนี้ก็มีด้านที่มืดบอด อย่างน้อยข้อหนึ่งคือความจน

    “เขาหล่อด้วยค่ะ มาแมร์ขา....”

    “ใครบอกว่าหล่อย่ะ ล้อหล่อต่างหาก” เด็กสาวสวมแว่นตาแย่งเพื่อนของเธออย่างก๋ากั่นเกินหน้าตา

    ซึ่งมันก็ทำให้เกิดเสียงหัวเราะดังลั่น ตามมาด้วยการโห่หาปาก ส่งเสียกรีดกราดตบมือกระทึบเท้าสะใจกันให้ขรม ผิดคาดหนุ่มน้อยผู้ยืนอยู่หน้าชั้น อะไรกัน นึกว่าจะเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้ ใครจะคิดว่าเด็กคอนแวนต์จะแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่าได้ใจถึงขนาดนี้ณรงค์เดชกล่าวกับตัวเองในใจ พลางหน้าแดงยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อกระบวกการร้องแซวเพศตรงข้าม อันเป็นเรื่องต้องห้ามของกุลสตรีผู้เพรียกพร้อมยังคงดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนาน และดูเหมือนจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เด็กหนุ่มได้แต่ยืนนิ่ง รอคอยให้ช่วงเวลาอันแสนจะอึดอัดขัดข้องผ่านพ้นไป แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีวันสิ้นสุด

    “ใครบอกว้าล้อหล่อยะ อย่างงี้เขาเรียกว่าโคตรหล่อย่ะนังบิ๋ม ฮะๆๆๆๆๆๆ‘’

    เสียงโห่เสียงกรี๊ดดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง

    “โคตรหล่อน่ะยังไม่พอหรอกนังจอย หน้าหยกแบบนี้เขาเรียกโคตรๆๆๆๆ หล่อ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×