ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    To Fortune World By Mana

    ลำดับตอนที่ #2 : ชิ้นส่วนที่หายไปของดอกไม้สีแดง - บทนำ กลีบดอกไม้ที่หายไป

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 52


     

    ตรงส่วนบทนำนี้ ผมจะลงเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ให้นะครับ

     

    จุดที่น่าสงสัยคือ

    1.อามี่รู้ได้ยังไงว่าพวกลีน่ามาที่ไหน และลีน่าถูกขังไว้ที่ไหน

    2.อามี่รู้โครงสร้างของตึกนี่ดีมากเกินไป

    3.คิดว่าตัวฆาตกรไม่ได้ใช้อุปกรณ์สังหารแค่มีดหรอก

    4.ผมวางไว้ว่า ฆาตกรรู้จักเป็นการส่วนตัวกับอามี่ แต่ไม่ได้ลงไว้ มันเยอะ

    5.ตอนที่ฆาตกรฆ่าหั่นศพพวกคุณๆ ทั้งหลาย โปรดจำไว้ว่าอามี่มีแผลที่ขาข้างขวา แต่ชิ้นส่วนที่ได้กลับไม่มีบาดแผลอยู่เลย

    6.อามี่มีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ!!!

    7.หาเวลาออนหน่อยได้มั้ย? แบบพร้อมๆ กันน่ะ

     

    บทนำ กลีบดอกไม้ที่หายไป

     

    ชื่อของมันคือตึกทูดาร์ก้อน

    ตึกร้างที่ท้ายซอยเฉิงซีเป็นอาณาเขตลึกลับสำหรับคนทั่วไป มันเป็นเขตแดนที่ตอนกลางวันถ้าคุณมองเข้าไปที่นั่น มันอาจเป็นเพียงแค่ตึกเก่าๆ ตึกหนึ่ง ตึกที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นหอพักมาก่อน อาคารที่ดูแล้วไม่มีพิษภัยอะไรหากจะเดินเข้าไปเยี่ยมชม เพียงแต่ตึกแห่งนั้นจะเปลี่ยนไปทันทีที่ยามค่ำคืนเข้ามาถึง อาคารสูงเพียงแค่สี่ชั้นจะกลายเป็นอสูรร้าย เรื่องนั้นคนทั่วไปรู้ดีจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปย่างกราย

     

    เว้นแต่คืนนี้ที่เรื่องทั้งหมดจะกลายเป็นฝันร้าย

     

    7 ตุลาคม 2007

    00.12 นาที

     

    เข้าไปสิ!!!” เสียงของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นตัดความมืด ในมือของเธอถือไฟฉายส่องเข้ามาที่ลำตัว ผมสีแดงยาวนั้นทำให้สาวหน้าหมวยดูราวกับแม่สิงห์ร้าย ยิ่งเมื่อเธอทำหน้าดุแล้วยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่ เธอเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าที่นี่นะมีผี ลีน่า!!”

    อือ เสียงเอออออย่างตื่นกลัวดังมาจากคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ

    ลีน่า หว่อง เป็นเด็กสาวรูปร่างที่ดูแล้วคล้ายเด็กทั้งที่อายุปาเข้าไปสิบเจ็ดเข้าไปแล้ว เธอพยักหน้าเร็วๆ หลายทีจนผมเปียสองข้างสะบัดไปมาตามแรง เมื่อเห็นว่าเพื่อนเธอใกล้จะตวาดหนักขึ้นอีก หน้าของเธอก็ซีดมากขึ้น ลีน่ามองไปที่ทางเข้าของตึกร้าง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้ว แต่เป็นเพราะคำชักชวนที่มีอำนาจบังคับของ จินนี่ หยาง เพื่อนสาวผมแดงของเธอ จึงทำให้เธอต้องมายืนตัวสั่นอย่างนี้ที่หน้าตึกที่ใครๆ ก็พูดกันว่ามีวิญญาณออกมา

    เธอกลัว แต่ถ้าเธอไม่มาในคืนนี้ พรุ่งนี้จินนี่อาจทำอะไรกับเธออีกก็ได้ เด็กสาวมองไปที่ข้อมือซ้ายที่มีผ้าพันแผลพันไว้อย่างแน่นหนา

    เธอกลัวผู้หญิงคนนี้กว่าผีเยอะ

    เข้าไปสิ เธอเป็นคนแนะนำไม่ใช่เหรอ ลีน่า จินนี่พูด เธอโบกไฟฉายไปข้างหน้า เป็นการเร่งให้ลีน่าเดินเข้าไป เสียงหัวเราะคิกคักของพวกผู้ชายที่จินนี่พามาสองคนนั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกใจคอไม่ดี หัวใจเธอเต้นรัวเมื่อมองไปยังทางข้างหน้า

    เธอต้องไม่เป็นไร...

    เอี๊ยด....

    ลีน่าผลักประตูเหล็กออก เสียงของมันครูดคราดเพราะสนิมที่ติดอยู่ที่ขอบประตู ลีน่าฉายไฟไปที่ทาง เธอเดินอย่างระมัดระวังที่สุดเพราะ เศษปูน ตะปู อื่นอีกมากมายนั้นกระจายอยู่ที่พื้นทั้งหมด มีคนเล่าว่าเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ตึกๆ นี้จึงโดนทิ้งเอาไว้ทั้งที่สร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ชิ้นส่วนมากมายจึงอยู่อย่างนี้ กลิ่นของปูนเก่าๆ ลอยมาให้คลุ้งทั่วไปหมด

    ตอนนี้ลีน่ายืนอยู่ข้างหน้า มีคนสามคนเดินตามหลังเธอมา เสียงพูดคุยและหยอกล้อดังมาเป็นระยะๆ โดยที่เธอไม่มีส่วนร่วมในการคุยกันของสามคนนั้นเลย เธอกลายเป็นส่วนเกินอย่างที่เธอต้องเป็น ลีน่าเม้มปาก เธอเกลียดคนพวกนี้มากจริงๆ

    แต่จะทำยังไงได้...

    ในตึกทูดาร์ก้อนนั้นที่ชั้นหนึ่งเป็นเคาเตอร์เก่าๆ ทั่วทั้งชั้นเป็นที่โล่ง มีห้องอยู่เพียงห้าห้อง และไร้ประตูทุกห้อง ฝุ่นหนาเตอะที่พื้นทำให้โรคภูมิแพ้ของลีน่าอยากกำเริบเข้าไปทุกที เสียงหัวเราะที่ดูเหมือนเสียสติของจินนี่ก็กวนเธอให้ประสาทจะกินเป็นจังหวะเหลือเกิน ทุกครั้งที่เธอสะดุ้งจินนี่จะคอยหัวเราะเยาะว่าเธอขี้ขลาดอย่างโน่นอย่างนี้

    เธอเกลียดจินนี่

    เอ่อ...จะขึ้นชั้นสองแล้วนะ... ลีน่าพูดขึ้นเมื่อเธอเห็นว่าที่ชั้นหนึ่งไม่มีอะไร เธอโล่งใจแต่เสียงที่ตอบรับกลับมาดูเหมือนจะไม่ชอบใจเช่นเธอนัก

    เธอนี่ขี้โกหกจัง ไหนว่ามีผีไงลีน่า

    ฉันไม่เคยบอกว่าฉันเห็นซักหน่อย.... เธอตอบเสียงเบาๆ ที่จริงแล้วเธอไม่ได้คุยเรื่องอะไรแบบนี้กับจินนี่ด้วยซ้ำ เพราะคนที่เธอคุยเป็นน้องสาวของจินนี่ ที่ชื่อว่าอามี่ เด็กสาวคนนั้นนิสัยดีกว่าจินนี่เยอะจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพี่น้องฝาแฝดที่คลานตามกันมาเลย

    อามี่เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเด็กเก็บตัวอย่างลีน่า เป็นเพื่อนคนเดียวที่รู้ใจกัน และคอยปกป้องเธอจากจินนี่เสมอ ถ้าวันนี้อามี่มาด้วยก็คงดี แต่ว่าวันนี้อามี่ไปบ้านของญาติที่ต่างจังหวัด ไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน จินนี่เลยฉวยโอกาสตอนที่น้องตัวเองไม่อยู่ หันมาแกล้งเธอเต็มที่

    เด็กสาวผมแดงใช้ไฟฉายดันหลังของเธอ จินนี่จงใจกระแทกกระบอกไฟฉายแรงๆ ใส่หลังของลีน่า จนเด็กสาวต้องรีบก้าวขายาวๆ เพื่อไปให้พ้นบริเวณการโจมตีของจินนี่ได้ ลีน่ากึ่งเดินกึ่งวิ่งจนห่างพวกสามคนนั้นได้ระยะหนึ่งแล้วจึงหยุดเดิน เธอค่อยๆ หันมาใช้ไฟส่องไปตามมุมต่างๆ ตอนนี้เธออยู่ที่ชั้นสอง เป็นชั้นที่มีห้องพักอยู่เป็นจำนวนมาก เท่าที่เธอนับดูแล้วแบ่งออกเป็นสองฟาก ฟากละห้าห้องหันหน้าเข้าหากัน ที่ตึกนี้ไม่มีลิฟต์จึงทำให้ที่นี่ดูกว้าง

    กว้างแบบสกปรกที่สุดด้วย

    ...สกปรกจัง เธอพูดเบาๆ ชั้นนี้ไม่มีพวกเศษซากการก่อสร้างที่ค้างคา แต่เป็นชั้นที่มีพวกเศษขยะจากพวกที่เคยมาบุกเบิกก่อนพวกเธอมาทิ้งไว้ทั้งนั้น

     

    แกรก แกรก

     

    ลีน่าสะดุ้ง เธอหันไฟฉายไปมองเพื่อนทั้งสามคนข้างหลัง แต่สามคนนั้นก็ไม่มีท่าทีอะไร ยังคงคุยกันเหมือนเดิม เด็กสาวสาดไฟไปรอบตัว เธอมองไปยังเงาทุกเงาที่เธอเห็น แต่มีเพียงลมเท่านั้นที่เคลื่อนที่เข้ามาหาเธอ ลีน่าถอนหายใจเบาๆ เมื่อไม่มีอะไร เธอตัดสินใจเดินต่อไปเรื่อยๆ โดยเว้นให้แน่ใจว่าพวกคนสามคนนั้นยังอยู่ข้างหลังเธอ และเธอก็ไม่ได้อยู่ในระยะแกล้งของจินนี่

     

    แกรก...

     

    เสียงคล้ายๆ มีอะไรเคลื่อนไหวดังขึ้นอีกครั้ง มันเป็นเสียงที่แปลกประหลาด คล้ายคนกำลังลากของแข็งบางอย่างกับพื้น แต่เธอก็มั่นใจว่านอกจากพวกเธอแล้ว ไม่มีใครอยู่ที่นี่แน่ เพราะทางเข้าที่นี่มีเพียงทางเดียวคือประตูที่พวกเธอเข้ามา คนก่อสร้างไม่ได้ออกทุนให้สร้างเสร็จจนมีหลายประตู

     

    แกรก....

     

    งั้นมันเสียงอะไร?  

     

     

    นี่...ฉันคิดเรื่องดีๆ ออกละ เสียงของจินนี่ดังขึ้นอย่างเบาๆ เธอพูดให้คนอีกสองคนนี้ได้ยินเท่านั้น ฉันว่าที่นี่มันไม่น่าสนุกอะไรหรอก เธอพูดแล้วสาดไฟส่องไปทุกทิศ นอกจากกำแพงและผนังสีเทาเก่าๆ ที่ถูกพ่นสีสเปรย์แล้วที่นี่ก็ไม่มีอะไรเลยจริงมั้ย

    เธอจะพูดเรื่องอะไร เสียงของเพื่อนชายของเธอพูดอย่างสงสัย จินนี่ตวัดสายตามองอย่างหงุดหงิด เธอไม่ชอบให้ใครมาขัดคอ

    ฉันจะบอกว่าที่ชั้นสามของที่นี่มีห้องอยู่ย่ะ!!” เธอลดเสียงลงเมื่อเห็นว่าลีน่าชะงักเท้า แล้วจึงพูดราวกับกระซิบ เราขังยัยนั้นไว้ที่นี่มั้ย?

    ที่จริงแล้วเมื่อตอนกลางวันจินนี่แอบเข้ามาที่นี่แล้ว เธอเข้ามาสำรวจทุกชั้น เธอจึงรู้ว่าที่ตึกนี้มีห้องอยู่ห้องหนึ่งที่มีประตูสามารถลงกลอนจากภายนอกได้ที่ชั้นสาม และตรงที่ชั้นสามนี้เองที่เป็นจุดที่ใครๆ ก็บอกว่าเฮี้ยน

    เอาสิ เพื่อนชายที่ขัดคอเธอพูด แต่อีกคนกลับสั่นหน้า

    ถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นละจินนี่ พวกผู้ใหญ่จะไม่ฆ่าเราตายเหรอ?

    ใครมันจะกล้า แม่ฉันเป็นนักข่าวชื่อดังนะ แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าเรามาที่นี่สักหน่อย!!” เธอพูดแล้วยิ้มกริ่ม ขนาดวันนี้ยัยน้องสาวของฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าฉันมาอยู่นี่น่ะ

    แต่...

    ถ้าเธอไม่เอาด้วยก็ตามใจนะ ต้าจิง ฉันกับมาร์คจะไปแกล้งยัยนั้นเองจินนี่ละบัดหน้า เธอจูงมือมาร์คแล้วเดินนำลิ่วไม่รอคนที่ยืนถอนหายใจเลย ไม่นานเด็กสาวก็ได้ยินเสียงของคนวิ่งตามเธอมาอย่างเสียไม่ได้

    เธอรู้อยู่แล้วว่าอีกไม่นานเจ้าหมอนี่ต้องเอาด้วย...

    แต่เธอคงไม่รู้หรอก...

    ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะมีลมหายใจ....

     

    แกรก....

    ลีน่าหยุดชะงักเท้าที่ชั้นสาม เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรจ้องเธออยู่ มันไม่ใช่ที่เธอรู้สึกได้จากคนสามคนข้างหลังนั่น เธอรู้ว่ามีใครบางคนตามเธออยู่ ใช่แล้ว ตามพวกเธอมาตั้งแต่ที่ชั้นหนึ่งแล้ว

    คิดไปเองน่า...

    ฟุ่บ

    เสียงของการเคลื่อนไหวบางอย่างผ่านแสงไฟไปอย่างรวดเร็ว เธอสะดุ้ง ลีน่าหันแสงไฟไปทางที่เธอเห็นเงาผ่านไปทันที  ไม่มีเสียงใดๆ หลุดจากปากของเด็กสาว แม้ตอนนี้จะอยู่ในอาการที่เรียกว่าหวาดผวา

    เงาดำๆ ที่เธอฉายผ่านไป มันคืออะไร?

    ผีเหรอ?

    ความคิดนี้เรียกอาการสั่นแบบคุมไม่อยู่ให้กับลีน่า เธอกลัวเรื่องผีมาก เธอเองก็คิดว่าการเข้ามาที่นี่แล้วอาจเป็นการรุกล้ำพื้นที่สงบของเหล่าสัมภเวสีที่อาศัยอยู่ที่นี่ เธอกลัว แต่ว่าเธอกลัวคนที่อยู่ข้างหลังมากกว่า แผลที่ข้อมือนั่นเจ็บแปลบๆมากขึ้นเรื่อยๆ ตอกย้ำความน่ากลัวของเด็กสาวอายุอ่อนกว่าหนึ่งปีที่ยืนอยู่ไม่ไกล

    แต่ว่าคนกับผี...เด็กสาวเบ้ปากอยากร้องไห้ออกมาแต่ร้องไม่ออก เธอเป็นคนที่ขี้ลังเลเอามากๆ เรื่องแบบนี้ยิ่งทำให้เธอเลือกไม่ได้ ถ้าอามี่อยู่ก็คงดี เธอคงไม่ต้องกลัวพี่สาวของเพื่อนสนิทอย่างนี้ อามี่ช่วยจัดการได้ทุกอย่าง...

    แต่อามี่ไม่อยู่ และเธอก็ต้องตัดสินใจ

    จะ..จินนี่ เด็กสาวร้องเรียกเพื่อนสาวที่ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่

    มีอะไร? รีบเดินเข้าไปสิ

    ฉะ...ฉันได้ยินเสียงแปลกๆละ...เรากลับกันดีมั้ย?เธอหัวเราะแห้งๆ ไฟฉายที่ส่องมาจ่อหน้าเธอมันสว่างเสียจนทำให้เธอไม่เห็นหน้าของคนตรงข้าม แต่มันก็ทำให้โล่งใจเมื่อรู้ว่ามีคนอยู่ด้วยกับเธอ

    หึ เฮอะ!!”  จินนี่หัวเราะ เสียงอะไรไม่ทราบย่ะลีน่า ฉันมาที่นี่เพราะเธอบอกว่าอยากมาดูวิญญาณนะ? แล้วนี่เธอจะมากลับเพราะได้ยินเสียงแปลกๆ ที่คิดไปเองเหรอ?

    ฉันไม่ได้บอกว่าอยากมาดูนะ เป็นครั้งแรกที่เธอตะเบ็งเสียงออกมา แล้วก็ไม่ได้คิดไปเองด้วย!”

    เหรอ......?จินนี่ลากเสียงยาว เธอลดไฟในมือลง แล้วเสียงหัวเราะแหลมสูงของเด็กสาวผมแดงก็ลอยเข้ามาสู่โสตประสาทของเด็กสาวผมเปีย

    ลีน่ารู้สึกตกใจ เมื่ออยู่ๆ มีมือมาคล้องแขนเธอไว้ เธอพบว่าเด็กหนุ่มสองคนที่จินนี่พามาล็อกแขนเธอเอาไว้

    พวกเธอ?...ทำอะไรน่ะ?

    เด็กสาวดิ้น  จินนี่กระชากไฟฉายในมือของลีน่า เธอดับมันแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ สารภาพนะ..จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้อยากทำหรอก แต่เห็นเธอหน้าซีดตัวสั่นเหมือนลูกหมาแบบนี้แล้วมันสะใจน่ะ

    ขาสองข้างเธอโดนรวบขึ้น หนึ่งในสองคนจับขาเธอเอาไว้ หลังจากนั่นลีน่าก็โดนอุ้มตัวในสภาพคล้ายกับสัตว์ที่ไร้ทางสู้ ถูกรวบแขนขา และมีนายพรานอย่างจินนี่คอยถือไฟฉายเดินนำทาง ลีน่ากรีดร้อง เธอขอร้องให้คนสองคนปล่อยเธอ แต่สองคนนั้นเอาแต่หัวเราะอย่างเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก

    ใช้เวลาไม่นาน พวกเธอก็มาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง ๆ หนึ่ง และลีน่าที่กำลังขวัญหายก็โดนโยนเข้าไปในห้องนั้นโดยที่ไมทันได้ตั้งตัวเลย หลังเธอแทบหักเมื่อพวกนั้นเหวี่ยงเธอลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นและแข็งเพราะเป็นคอนกรีต

    เสียงประตูดังกริ๊กจากภายนอก

    พวกเขาขังเธอไว้!!

    จินนี่!! จินนี่!!” เธอรัวเคาะประตูอย่างบ้าคลั่ง แต่เสียงเดินของสามคนนั้นกลับไกลออกไป พร้อมเสียงหัวเราะสะใจของเด็กสาวผมแดง

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า

    โธ่...ฮึก ฮือ... ลีน่าสะอื้น เธอไม่มีแสงไฟ ไม่มีแม้แต่มือถือที่จะโทรหาคนช่วยเหลือ และที่เธออยู่ตอนนี้ก็ไม่มีหน้าต่างสักบาน รอบๆ ตัวเธอนี้จึงมืดสนิท เด็กสาวทำได้แต่หันหลังพิงประตู กอดเข่าร้องไห้ มือของเธอเจ็บและแสบ ลีน่าได้กลิ่นเลือดออกจากมือของเธอที่ได้จากการโยนตัวเธอเมื่อกี้

     

    อามี่...

     

    เด็กสาวคิดถึงเพื่อนของเธอจับใจ แต่แล้วความคิดของเธอก็ต้องหยุดชะงักค้าง เด็กสาวแทบจะกระโจนออกจากที่ตนเองนั่งกอดเข่าอยู่ มาอยู่ที่อีกฟากของห้อง เธอได้ยินเสียงอีกแล้ว...

     

    แกรก แกรก

     

    มันดังอยู่ที่หน้าประตู เด็กสาวไม่เห็นเงาเพราะความมืด ความคิดของเธอปั่นป่วนไปหมด ห้องๆ นี้ไม่มีทางออก และประตูนั้นก็ล็อคจากด้านนอก...เธอจะทำไงดี

    ล็อคจากด้านอก? ความคิดของลีน่าหยุดกึก ...เดี๋ยวนะ ทั้งชั้นมีเพียงห้องนี้เพียงห้องเดียวที่มีประตู แล้วทำไมไม่ล็อคจากด้านในละ ล็อคจากด้านนอกทำไม? เขาเป็นคนรึเปล่า ความคิดนั้นถูกปฏิเสธ เพราะในที่ๆ มืดอย่างนี้ ถ้าใครเข้ามาก็ต้องมีไฟฉายเข้ามาบ้าง แต่นี้นอกจากเสียงเธอก็ไม่เห็นอะไรเลยสักอย่างเดียว


    แกรก แกรก

     

    ความเงียบเข้าปกคลุมตัวลีน่าโดยทันที เมื่อเสียงลากอะไรบางอย่างนั้นมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู

     

    แกร็ก

    เสียงขยับกลอนดังขึ้นพร้อมๆ กับที่ลีน่ากระโจนไปที่หน้าประตูแล้วดึงลูกบิดเอาไว้ ความตื่นกลัวต่อสิ่งที่กำลังจะเปิดประตู เป็นส่วนช่วยให้เด็กสาวกำลูกบิดฝั่งของเธอแน่นเสียจนมันจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกับเธอ

     

    แกร็ก แกร็ก

    คนฝั่งนั้นพยายามจะเปิดประตู เขาหรือมัน พยายามผลักเข้ามา  แต่ลีน่าใช้ไหล่ตัวเองดันเอาไว้ เธอไม่รู้ว่าฟากนู้นจะเป็นอะไร แต่ที่แน่ๆ เธอจะไม่ส่งเสียงเด็ดขาด

    เพราะเธอกลัวจนเสียงของเธอหายไปแล้ว

     

    ปึง ปึง

    เสียงรัวเคาะนั้นบ้าคลั่ง จนเธอยิ่งสั่น แล้วทันใดนั้นมันก็หยุดโดยที่ไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งบอก ความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง เธอผ่อนลมหายใจออกมา เธอยอมอยู่ในนี้จนเช้าดีกว่าออกไปเจออะไรแปลกๆ ข้างนอก แต่ในตอนที่เธอผ่อนแรงลง อีกฝ่ายก็ใช้แรงผลักประตูเข้ามาสุดแรง!!

    โครม!!

    เสียงของประตูที่ถูกเปิดออกดังลั่น มันดันตัวเธอให้ล้มลงไปกองกับพื้น เด็กสาวไม่กล้ามองสิ่งเข้ามา ลีน่าหลับตาปี๋ เสียงเธอหายไปแล้ว และเธอก็หวังว่าความมืดจะช่วยกลืนเธอไปเป็นอากาศธาตุไปด้วย

    บางอย่างที่เย็นเฉียบเข้ามาแตะที่แขน ลีน่าดุ้งเฮือก เธอยังไม่ลืมตาขึ้นมามอง บางอย่างที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นมือนั้นลูบหน้าเธอเบาๆ สัมผัสนั้นอ่อนโยนจนเธอไม่คิดว่ามันเป็นอะไรที่เธอกลัว ลีน่าผ่อนลมหายใจเบาๆ  เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาส่องเข้าที่หน้า

    แสงไฟ?

    เด็กสาวลืมตาขึ้นทันที เธอมองไปยังบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเธอแล้วก็ต้องอ้าปากค้าง เสียงที่เธอนึกว่าหายไปแล้วกลับมาทันใด

    อามี่!!”

     

    เธอมาทำอะไรที่นี่

    เสียงเย็นๆ ของอามี่ดังขึ้น เธออยู่ในชุดกระโปรงสีขาวที่เข้ากับรูปร่างบางสมส่วนของเธอ เด็กสาวที่กำลังจูงมือลีน่านั้นสวยจนเธอแทบลืมหายใจ ผมสีดำยาวสยายราวกับแพรไหม ผิวสีขาวที่ขับให้ความมืดนั้นกลายเป็นอาภรณ์หุ้มตัวเธออยู่ ความรู้สึกที่เปล่งออกมาจากอามี่ช่างแตกต่างจากจินนี่ พี่สาวฝาแฝดของเธอเหลือเกิน

    ฉันควรถามเธอมากกว่านะ อามี่ เธอไปบ้านญาติไม่ใช่เหรอ? ลีน่าถาม เธอจับมือของอามี่แน่นราวกับกลัวว่าเพื่อนเธอจะหายไป อามียักไหล่ เธอส่องไฟเข้าหน้าตัวเองแล้วหันกลับมา

    ฉันเบื่อ ที่นั่นไม่สนุก มันก็แค่เอาของไปให้แล้วก็รีบกลับเท่านั้นละ อามี่พูด ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันจ้องตาลีน่าเขม็ง แล้วเธอมาทำบ้าคนเดียวอะไรที่นี่ ไหนว่ามีผีไงละย่ะ

    ฉัน....ไม่ได้มาคนเดียวเธออึกอัก

    จินนี่พามาใช่มั้ย

    ลีน่าพยักหน้า อามี่พ่นลมหายใจพรืด ฉันก็ว่าแล้วว่าทำไมจินนี่ไม่อยู่บ้าน...ดูสภาพเธอสิ อามี่ใช้มือปัดเนื้อตัวของลีน่าอีกครั้ง เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าพันมือสองข้างของลีน่าไปแล้วตั้งแต่อยู่ในห้องนั้น ซึ่งอามี่ออกจะแน่ใจอยู่แล้วว่าลีน่าต้องไม่ได้มาคนเดียว เพราะคงไม่มีคนบ้าที่ไหนขังตัวเองจากด้านนอกหรอกจริงมั้ย

    แล้วจินนี่ละ อยู่ไหน?

    เด็กสาวสั่นหน้า เธอไม่รู้ จะว่าไปแล้วเธอไม่ได้ยินเสียงของจินนี่ตั้งแต่ตอนไหนกัน เด็กสาวเริ่มเอะใจอะไรบางอย่าง ทางเข้ามันมีทางเดียวไม่ใช่เหรอ งั้นถ้าจินนี่ออกไปก็ต้องเจออามี่สิ เพราะเวลาที่จินนี่เดินออกไป และตอนนที่อามี่เข้ามาหาเธอไม่ได้ใช้เวลานานเลยนี่น่า

    แล้ว....เสียงนั้นหยุดไปตอนไหนกัน?

    อามี่...ตอนเธอเข้ามาเธอไม่เห็นจินนี่เหรอ? ลีน่ารู้สึกเย็นวาบเมื่ออามี่สั่นหน้า เธอกำมืออามี่แน่นเสียจนเพื่อนสาวเจ็บ

    โอย ลีน่า ฉันเจ็บนะ

    แย่แล้วอามี่!!”

    เธอร้องเสียงสั่น จนอามี่หน้าเสีย มีอะไรเหรอ?

    เรารีบตามหาจินนี่ดีกว่า เร็วๆ เลยด้วย

    มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า อามี่หน้าซีด เธอรีบล้วงกระเป๋ากระโปรงหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์พี่สาวตัวเองทันที

    ติ๊ด ติ๊ด เสียงมือถือดังขึ้น ตามด้วยเสียงเพลงเรียกเข้าของจินนี่

    ไม่มีคนรับสาย....

    และมันดังมาจากชั้นสี่...

    อามี่กับลีน่ามองหน้ากันทันที

     

    ที่ชั้นสี่มีช่องว่างที่น่าจะเป็นที่ว่างสำหรับหน้าต่าง ช่องเล็กๆ มากมาย เว้นระยะเป็นช่วงๆ ทำให้มีแสงสว่างมากกว่าทุกชั้น เพราะ แสงจันทร์ที่ส่องลอดช่องออกมาคอยเป็นโคมไฟชั้นดีเลยทีเดียว

    เกิดอะไรขึ้นกันลีน่า อามี่กระซิบเสียงแผ่ว เธอยังถือมือถือค้างไว้แนบหู ไฟฉายในมือก็ถูกสาดส่องไปที่ตัวขั้นบันไดแต่ละขั้น เด็กสาวสองคนค่อยๆ เดินไปตามเสียงโทรศัพท์มือถือ พวกเธอเดินขึ้นไป จนไปหยุดอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้ายของชั้นสี่  

     อามี่ชั้นได้ยินเสียงแปลกๆ ตามพวกเรามาตั้งแต่ชั้นหนึ่ง แต่ไม่ใครฟังที่ฉันพูด เมื่อกี้ฉันก็นึกว่าเธอเป็นอะไรไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่รู้ว่าเสียงนั้นคืออะไรนะ แต่คิดว่าคนที่ทำให้เกิดเสียงนั้นมันตามเรามา...

    “‘ตามเรามาในที่นี่แสดงว่านอกจากจินนี่มีคนอื่นอยู่อีก มีใครบ้างลีน่า

    ต้าจิง กับมาร์ค

    พวกลูกกระจ๊อกคนใหม่ของพี่เธองั้นเหรอเนี่ย อามี่คิด เธอถอนหายใจยาว พวกผู้ชายไว้ใจไม่ได้ เจ้าพวกนั้นอาจทำอะไรพี่สาวเธอก็ได้ คิดแล้วก็เครียดกว่าเดิม อามี่นวดขมับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันมองลีน่าเมื่อชายเสื้อของเธอถูกกระตุก

    ดูนั่นสิ

    อามี่หันไปตามนิ้วที่ชี้ เธอไม่จำเป็นต้องส่องไฟ ก็เห็นว่ามือถือของพี่สาวกำลังสั่น และส่งเสียงเตือนอยู่ เด็กสาวทั้งสองคนรีบตรงไปที่มือถือนั้นตกอยู่ อามี่รีบหยิบมือถือขึ้นมาดู แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อมือถือของจินนี่ กลับเปียก และเหนียวเหนอะหนะ

    อาการชาวาบแล่นสู่ปลายนิ้ว ก่อนแพร่ไปทั่วร่างกาย

    สีแดง....โอ้ พระเจ้า อามี่คราง จนลีน่าเดินเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วจึงเกิดอาการเดียวกัน

    มือถือของจินนี่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด กลิ่นของคาวเลือดสดใหม่ พุ่งเข้ามาปะทะทั้งสองคนทันที  อามี่ใช้ไฟฉายส่องไปที่พื้น มือเธอสั่นจนไฟฉายนั้นขยับไหวอยู่ตลอด แสงไฟทำให้เห็นรอยเลือดเป็นทางยาวคล้ายกับลากร่างของใครบางคนไป รอยเลือดสีแดงสดนั้นเลี้ยวไปที่ห้องๆ หนึ่ง  

    อามี่ส่งมือถือของพี่สาวให้กับลีน่าเป็นคนถือ

    เธอจะรอฉันอยู่ตรงนี้ หรือไปกับฉัน

    เสียงของอามี่นั้นไม่มีการสับสนให้เห็น เธอนิ่งและสงบจนไม่น่าเชื่อ  ลีน่าไม่จำเป็นต้องตัดสินใจอะไรให้มากความ เธอตอบ ไป ทันที

    เด็กสาวทั้งสองเดินตามรอยเลือด อามี่ไม่เก็บมือถือของตัวเองใส่กระเป๋ากระโปรง แต่เธอกดเบอร์ 999 (เบอร์โทรฉุกเฉินของฮ่องกง) เตรียมโทรออกทันที เธอเดินนำหน้า และมีลีน่าเดินตามมาติดๆ  เด็กสาวผมเปียจับชายเสื้อของอามี่ไว้ตลอด เธอค่อนข้างผวากับเส้นทางที่อามี่เดินเข้าไป

    รอยเลือดจำนวนมากเป็นทางยาว ลากไปที่ห้องริมสุด มันยังดูสดๆ อยู่เลย และมากเกินกว่าที่จะเป็นของใครเพียงคนเดียว  เธออยากให้อามี่หยุด และกดเรียกตำรวจมาเลยดีกว่า แต่ลีน่ารู้ดีว่าอามี่เป็นคนที่ต้องเห็นด้วยตาก่อนจึงจะยอมเชื่อ และยิ่งมั่นใจเข้าไปอีกว่า ถึงเธอจะโทรหาตำรวจ อามี่ก็ต้องหาทางเข้าไปช่วยพี่สาวของเธอแน่ๆ

     

    แกรก

     

    เสียงนั้นมาจากข้างหลัง

     

    แกรก

     

    เสียงนั้นทำให้ขาของทั้งคู่หยุด ลีน่ากระตุกชายเสื้ออามี่ แล้วถาม เธอได้ยินอะไรมั้ย? หวังว่าเธอจะคิดไปเองคนเดียว แต่อามี่พยักหน้า เด็กสาวก็ได้ยินเหมือนกัน ความกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามา

    มือของอามี่กดเรียกตำรวจทันที

    อามี่.. ลีน่าเรียกเพื่อนเธอ ไฟฉายถูกส่องไปที่จุดที่เกิดเสียง ลมหายใจของทั้งคู่ดังเข้าออกแผ่วเบาแต่เหมือนกับเสียงที่ดังกว่าเสียงใด ที่อยู่รอบตัว

    ขาสองข้างของใครบางคนอยู่ตรงจุดที่ไฟฉายส่อง ขาทั้งสองข้างที่สวมกางเกงแสลคสีดำเหมือนชุดของนักเรียนทั่วไป อามี่เลื่อนขึ้นมาข้างบนตัวของบุคคลลึกลับ ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่านั่นคือต้าจิง

    ต้าจิง!!” ลีน่าร้องออกมา เมื่อกี้ถึงคนๆ นี้จะแกล้งเธอ แต่การเห็นหน้าเขาในตอนนี้กลับเป็นเรื่องที่เธอดีใจ เด็กสาวกำลังจะเดินเข้าไปหา แต่มือของอามี่กลับฉุดเธอเอาไว้

    ดะ...เดี๋ยวก่อน ลีน่า

    ลีน่าหันมามองเพื่อน เธองงเมื่อเห็นว่าอามี่หน้าซีดมากๆ แถมน้ำตาคลอออกมา

    หนีเร็ว!!”

    ยังไม่ทันจะถาม เพื่อนสาวของเธอก็กระชากเธอวิ่งไปทางที่มีรอยเลือด แบบเร็วสุดๆ แบบที่ไม่หันกลับมามองเพื่อนชายที่ยืนอยู่เลย เธอได้ยินเสียงเพื่อนของเธอร้องกรี๊ดออกมาเบาๆ ชั่วขณะนั้นเองที่เธอได้มีโอกาสหันกลับไปมองด้านหลัง     

    แล้วเธอก็ต้องกรี๊ดออกมาดังลั่น

    ต้าจิงมีรูกว้างที่หน้าอก มันกลายเป็นช่องว่างที่ทำให้เธอเห็นใครอีกคนที่เธอไม่รู้จักยืนอยู่ข้างหลังนั้น ร่างของต้าจิงล้มลงไป เธอเห็นชายรูปร่างผอมบางยืนแสยะยิ้มใต้แสงจันทร์ที่ส่องมาพอดิบพอดี

    ในมือของชายคนนั้นถือมีดเล่มยักษ์เปื้อนเลือดสีแดงฉาน

     

    ไม่ๆๆๆๆ ติดสิ ติด!!”

     อามี่พูดเสียงสั่น เบอร์โทรฉุกเฉินที่เธอกดไป แม้ว่ามันจะเพิ่งได้สัญญาณไปเล็กน้อย แต่ก็ดูนานเสียเหลือเกิน

    ตื๊ด...สวัสดีครับ นี้คือเบอร์โทรฉุกเฉิน ไม่ทราบว่ากะ...

    ช่วยด้วยยยยย อามี่กรีดเสียงร้องยาวทันที เธอไม่แม้แต่จะรอให้เขาพูดเสร็จหรืออธิบายใดๆ เราอยู่ที่ตึกทูดราก้อน ซอยเฉิงซี มีคนกำลังตามฆ่าเรา!!”

    ดะ...เดี๋ยวก่อนครับ คุณว่าอะไรนะ

    โครม

    ยังไม่ทันได้พูดต่อ เด็กสาวสาวก็สะดุดล้ม และในเมื่อมือข้างหนึ่งของอามี่นั้นจับลีน่าไว้ เด็กสาวอีกคนจึงเสียหลักล้มลงไปด้วย  แรงสะดุดล้มทำให้ไฟฉายในมือกลิ้งออกไปไกลพอดู อามี่ไม่คิดจะเสียเวลาไปเก็บมันเลย มือถือกระเด็นไปไม่ไกล เธอต้องรีบหยิบมันก่อน

    เธอรีบลุกขึ้น โดยที่ดึงมือเพื่อนตัวเองไปด้วย แต่แล้วเธอก็พบว่ามือนั้นเย็นชืดจนแทบเรียกได้ว่าเป็นท่อนไม้ มันไม่ใช่มือของเพื่อนเธอ อามี่รู้สึกได้ เด็กสาวร้องเรียกเพื่อนด้วยอาการตกใจอย่างมาก

    ลีน่า...เธออยู่ไหน

    ร่างหนึ่งขยับไปมา ลีน่าลุกขึ้นยืนแล้วตอบกลับมา ฉันอยู่นี้

    อามี่กระชากมือที่เธอจับอยู่ทันที เธอก้มลงมองเจ้าของมือ แล้วเสียงกรีดร้องก็ดังออกมา

    จินนี่!!”

    ร่างของพี่สาวเธอชุ่มไปด้วยเลือด นัยน์ตาทั้งสองข้างเบิกโพลง ร่องรอยการโดนฟันเต็มแรงปรากฏอยู่ที่กลางหลัง อามี่ตัวแข็งทื่อ ไม่ไกลจากร่างของพี่สาวเธอ มี่ร่างอีกร่างนอนอยู่ในห้องที่มีรอยเลือดลากเข้าไป เธอทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่ลีน่าเริ่มร้องไห้โฮอย่างกลั้นไม่อยู่

    แกรก แกรก

    เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างที่กำลังเดินตรงเข้ามาใกล้

    ...ร้องไห้ทำไมกันเหรอ?

    อามี่มองไปยังร่างๆ นั้น ตาแทบถลนออกมา เธอไม่ได้ร้องไห้ หรือแสดงอาการตกใจใดๆ ออกมา เสียงแกรกๆ ที่เธอกับลีน่าได้ยินคงจะเป็นเพราะไอ้บ้านี้ลากมีดสินะ

    อามี่ไม่ได้สนใจเสียงนั้น เธอรีบปล่อยมือของจินนี่แล้วดึงเพื่อนเธอวิ่งทันที

    ลีน่ายังคงร้องไห้ตลอดที่เธอวิ่ง เธอเองก็อยากร้อง แต่...

    เราต้องหามือถือ เธอพูดเสียงแห้งๆ แต่เธอก็เปลี่ยนความคิดทันที เมื่อเสียงแกรก ลากมีดนั้นหยุด เธอรับรู้แล้วว่ามันกำลังวิ่งตรงดิ่งเพื่อล่าพวกเธอแล้ว!!

    วิ่ง!!!” อามี่ร้องลั่น

    เด็กสาวสองคนรีบวิ่งลงบันไดของอีกฟากอย่างรวดเร็ว เสียงมีดนั้นดังครูดพื้นยาว ไล่พวกเธอสองคนมาติดๆ ลีน่านั้นทำอะไรไม่ถูก เด็กสาวสะดุดล้มอีกครั้ง มือของเธอเลื่อนหลุดจากมือของอามี่ ซึ่งกำลังหันกลับมาหาเธอ  แต่แล้วเด็กสาวชุดขาวก็ต้องพบความน่ากลัวแบบระยะปะชิด เจ้าฆาตกรนั้นเงื้อมีดขึ้นสูง เสียงหัวเราะนั้นแหลมกรีดหู และแสงสีเงินก็ฟันฉับเข้าหาอามี่

    ฉับ!!

    ไม่!!”

    ลีน่าร้องลั่น เธอเห็นอามี่ล้มลง ในความคิดที่แล่นเข้ามา เธอคิดว่าอามี่อาจบาดเจ็บหนัก แต่แล้วเธอก็พบว่าคนที่ล้มลงไม่ใช่เพื่อนของเธอ แต่เป็นเจ้าฆาตกร

    ปรากฏว่าในตอนที่เจ้าฆาตกรจะฟันอามี่ เด็กสาวได้ย่อตัวลงแล้วอาศัยจังหวะที่มันเปิดช่องว่างด้างล่าง ถีบเจ้าฆาตกรเข้าที่ท้องเต็มแรง

    สมเป็นอามี่จริงๆ!!

    รีบไปเถอะ อามี่ที่หอบหายใจอย่างหนักหน่วงดึงมือของลีน่าขึ้น

     

    ลีน่าวิ่งตามเพื่อนด้วยความรู้สึกที่อยากอาเจียนเต็มแก่และกลัวตายเต็มที่ มารู้สึกตัวอีกที เด็กสาวก็พบว่าเพื่อนของเธอ พาตัวเธอมาถึงชั้นที่หนึ่งแล้ว

    แสงไฟจากบานประตูที่เธอเข้ามาคือทางรอดทางเดียวของพวกเธอ

    มันเป็นความหวังเดียว...

    แต่ว่า...

    พระเจ้าช่วย... อามี่ครางออกมา

    บานประตูเก่าๆ กลับถูกอะไรบางอย่างขนาดยักษ์ปิดทางออก ป้ายโฆษณาโคคาโคล่าที่เป็นเหล็กกล้าที่ไม่รู้ที่มา กลายมาเป็นกำแพงที่กั้นพวกเธอกับโลกภายนอก เจ้าแผ่นเหล็กที่ขังพวกเธอนั้นหนักเสียจนพวกเธอไม่สามารถดัน หรือยกมันออกไปได้

    ตอนที่ฉันเข้ามามันยังไม่มีอะไรแบบนี้นี่ อามี่พูด ในใจของเธอยิ่งวิตกมากขึ้น ...ในเวลาแค่แป็บเดียวนี่ มนุษย์ที่ไหนจะยกมันมาปิดทางได้กัน

     

    พวกเธอหมดทางหนีแล้วเหรอ...?

     

    ความคิดของเด็กสาวทั้งสองสิ้นหวังอย่างแปลกประหลาด แต่ในชั่วอึดใจนั้นเองที่เด็กสาวชุดขาวได้รวบรวมกำลังใจตนเองดึงมือเพื่อนสาวผมเปียของเธอ แล้วเดินลากขึ้นบันได

    เดี๋ยวมันอยู่ข้างบนนะอามี่!!”

    ใช่...แต่ชั้นสองมีทางหนีไฟ เรากระโดดออกจากตรงนั้นได้

    แกรก

    เสียงที่น่าสะพรึงดังขึ้นอีกครั้งบ่งบอกงว่ามันกำลังอยู่ไม่ไกลจากพวกเธอ แต่อามี่กลับไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัว ลีน่ามองเพื่อนอย่างงุนงง ความกลัวกัดกินใจเธอหมดแล้ว แต่มือที่จับมือเธอเอาไว้กลับมอบความกล้ามาให้เธอ ใต้ความมืดมิด เธอเหมือนเห็นรอยยิ้มเศร้าๆ ของเด็กสาวที่เธอหลงรักจนหมดหัวใจ

    ลีน่า...เธอวิ่งได้นะ ลีน่าพยักหน้า ดีแล้วละ!!” เธอแปลกใจที่เสียงของอามี่นั่นสั่นเครือ ซึ่งอันที่จริงเธอก็ไม่ได้แปลกใจหรอก เพราะเธอทั้งสองคนอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากๆ เลยนี่

    แต่อามี่ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น...

     

    ลีน่า ใช้มือถือจินนี่เรียกตำรวจ!!” ลีน่ากดแป้นเบอร์ที่เหม็นคาวเลือด เธอกดด้วยอาการมือสั่นเทา ใช้เวลามากอยู่ทีเดียวกว่าเธอจะกดหมายเลข 999 ได้ อามี่พยักหน้า ทางชั้นสองเมื่อเราขึ้นบันไดไป ให้รีบวิ่งตรงไปที่อีกฟากหนึ่งทันที ประตูหนีไฟที่อยู่ติดกับอีกฟากบันไดนั้นยังโล่ง ถึงข้างล่างอาจจะเละเทะก็เถอะ

    ลีน่าพยักหน้าแรง ในมือถือโทรศัพท์ไว้แนบหู แล้วสายตาของเธอก็มองลงไปยังข้างล่างอย่างไม่ตั้งใจ เด็กสาวผมเปียเบิกตากว้าง มันค้างอยู่หลายวิ เธอปล่อยมือจากโทรศัพท์มือถือ ปิดมันแล้วเก็บใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว ทรุดตัวลงนั่งแล้วเอื้อมมือไปจับข้อเท้าของเพื่อนของตนเอง

    เลือดสีแดงฉานไหลมาจากขาของอามี่!!

    นี่...เธอ ลีน่าดูแผลที่เป็นทางยาว ตรงข้อเท้าของอามี่นั้นมีแผลเหวอะหวะอยู่ เลือดไหลทะลักไม่หยุด ในสมองของลีน่ามีแต่คำว่าแย่แน่

    พระเจ้า...นี่เธอวิ่งมาได้ยังไงกัน.... แต่ก่อนที่จะพูดอะไรมากกว่านั้น มือของอามี่ก็เลื่อนมาจับไหล่ของเด็กสาว เธอดึงตัวเพื่อนของเธอขึ้นมา ชี้ไปที่บันได แล้วเดินขึ้นไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ตามทางที่อามี่เดินนั้น เลือดที่ขาของเด็กสาวก็จะไหลออกมาเรื่อยๆ

    พร้อมนะ อามี่ถาม พวกเธอสองคนมายืนอยู่ที่ชั้นสอง ทางข้างหน้านั้นเปิดโล่ง ไม่มีใครเข้ามาขวาง ช่องทางออกสี่เหลี่ยมนั้นคือทางหนีของพวกเธอ

    ฉันน่ะพร้อม...แต่เธอ...

    ฉันไหว....เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก...

    อามี่ยิ้มให้กับลีน่า เด็กสาวผมเปียกัดริมปีปาดตัวเองเบาๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองบาดเจ็บอยู่แท้ๆ แต่ว่าอามี่ก็ยังพาเธอวิ่งลงมาได้ ตัวเธอนั่นช่างไร้ประโยชน์เสียจริงๆ

    อืม

    เธอส่งเสียงในลำคอ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เธอรู้สึกว่าคอของเธอแห้งผากเหลือเกิน

    แกรกกกกก

    เสียงนั้นลากยาว เงาของใครบางคนก้าวลงจากบันไดของอีกฝั่ง สายตาสองคู่มองไปยังผู้ที่กำลังลากมีดอันโตยืนอยู่ตรงกลางทางเดิน เงานั้นไม่ได้เดินมาอีกเขาแค่ยืนรออยู่เฉยๆ...

    คล้ายๆ กับจะรอให้เหยื่อวิ่งเข้ามาหามันเอง

    อามี่ยิ้มทันที เจ้าฆาตกรคงปิดทางนั้นเพื่อให้เธอเลือกเส้นทางหนีไฟเป็นทางออก ซึ่งหมายความว่าจะออกไปได้ก็ต้องผ่านมันไปก่อน ตรงตามที่เธอคิดไว้เล็กน้อย เธอสะกิดเพื่อนสาวตัวเองเบาๆ แล้วหันมากระซิบ เราจะเดินขึ้นข้างบนนะ

    ลีน่าขมวดคิ้ว แต่ก็พยักหน้ารับรู้ เด็กสาวผมเปียเดินตามเพื่อนของตนขึ้นข้างบน อามี่ยกมือให้เธอหยุดที่ขั้นบันไดเกือบถึงชั้นสาม เด็กสาวชุดขาวนั้นเงี่ยหูฟังเสียงลากอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจูงมือกันขึ้นไป

    มันขึ้นมาแล้ว และกำลังรอเราอยู่... อามี่พูด 

    ลีน่ายังไม่เข้าใจว่าเพื่อนตัวเองกำลังคิดจะทำอะไร ในตอนนี้เธอปล่อยให้อามี่เป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่างไปก่อน ใช่แล้ว จัดการให้เธอรอดจากสถานการณ์ที่เธอช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย มาในตอนนี้อามี่เริ่มเดินลากขา เธอยังไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวด หรืออันที่จริงเป็นเพราะความมืดรึเปล่าก็ไม่ทราบที่ทำให้ไม่รู้ ลีน่าถอนหายใจเบาๆ เธอก้มมองข้อเท้าของอามี่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วกัดริมฝีปากแรงๆ กลั้นเสียงร้องของตนเองที่จะออกมา

    เจ้าฆาตกรยืนรออยู่ที่อีกฟากแล้ว เหมือนเมื่อครู่

    เอาไงดี อามี่ ลีน่าถามเพื่อน

    เดินตรงไปเลย....ให้จำสิ่งที่ตัวเองต้องทำด้วยแล้วกัน เดินไปแล้วถ้าฉันบอกให้วิ่งเธอก็วิ่งนะ แล้วก็ไม่ต้องหันหลังกลับมามองเลย ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็ตาม ลีน่าพยักหน้า เธอพยุงตัวของอามี่ไว้ จนกระทั่งอามี่ดันตัวออกห่าง เด็กสาวก็ยิ้มให้ลีน่า

    พร้อมนะ..

     ลีน่าพยักหน้า อามี่บีบบ่าเธอเบาๆ แล้วพูดสิ่งที่เธอต้องพูด

    วิ่ง

     

    เด็กสาวทั้งสองคนวิ่งพุ่งตรงไปยังทางออก ลีน่าหลับหูหลับตามุ่งตรงไปข้างหน้า เด็กสาวได้ยินเสียงดังอะไรบางอย่างดังพลั่กอย่างน่ากลัว แต่ตามที่อามี่พูดไว้กับเธอ

    ไม่ว่าได้ยินอะไรอย่าหันกลับ...

    แต่ว่า...

    ฝีเท้าของลีน่าหยุดลงกะทันหัน เธอไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของอามี่ที่วิ่งตามกันมาเลย ตอนนี้เธอได้ยินเพียงแต่เสียงลมจากทางวออกที่พัดเข้าหน้าเธอเท่านั้น เด็กสาวทำใจกล้าหันหลังกลับไปมอง

    แล้วภาพที่เธอเห็นก็จะติดตาเธอไปอีกนาน

    ร่างสองร่างนั้นนอนกองไปกลับพื้น เจ้าฆาตกรนั้นกำลังดิ้นรนพยายามจะผลักร่างอีกร่างหนึ่งที่นอนทับตัวเองออกไป ร่างที่มันได้สังหารไปแล้ว อามี่เพื่อนรักของเธอนอนอยู่ตรงนั้น มีมีดดาบเล่มยักษ์ทะลุตัวออกมา มือทั้งสองของเธอกอดเจ้าฆาตกรไว้แน่น

    ที่จริงแล้วเพื่อนของเธอไม่ได้คิดจะหนี...

    แต่เธอคิดเปิดทางให้ตัวเธอหนีต่างหาก..

    อามี่!!!”

    ลีน่ากรีดร้อง ในเวลาเดียวกันนั้นเจ้าฆาตกรก็ผลักร่างของอามี่ออกเป็นผลสำเร็จ มันย่างสามขุมเดินตรงมาที่เหยื่อรายสุดท้าย เด็กสาวก้าวถอยหลังไปทีละก้าวอย่างหวาดกลัว เมื่อขาของเธอมาจนถึงขอบประตูที่ไร้ที่กั้นเธอก็ไม่ขยับอีก

    บางทีถ้าฉันตายไปพร้อมๆ กับเธอไปเลยก็ดี....ลีน่ามองภาพของเจ้าฆาตกร และตัดสินให้ภาพนั้นบันทึกลงหัวสมองเป็นภาพสุดท้าย เจ้าฆาตกรเงื้อมีดเตรียมฟัน ชั่ววินาที่ใกล้ตายนั้นเธอหลับตาลง

    ฉันไม่ได้อยากอยู่บนโลกที่ไม่มีเธอซะหน่อย

    อามี่...

    ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องหันกลับมา!!”

     

    พลั่ก!!

    กว่าลีน่าจะได้ทันตั้งตัว ร่างของเด็กสาวก็เอนตัวล้มลงไปสู้พื้นเบื้องล่าง เสียงอันดังคุ้นหูนั้นก็ดังขึ้นจนเธอลืมตาขึ้นมอง  ภาพที่เธอเห็นเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ กลับเป็นมือของคนที่เธอรักผลักเธอตกลงสู่พื้นข้างล่าง ที่มีต้นไม้รองรับอยู่

    แล้วสติของเธอก็ดับวูบ

     

     

     

     

     

    เอทานอลลลลลลลลล

    โอยย ยังเหลืออีกตอนหนึ่ง...อ้วกๆๆๆ เอ่อ นี้เป็นตอนของเรื่องนั้นทั้งตอนเป็นแบบเหตุการณ์ถ้าเกิดขึ้นจริง ภาพมันสั่นติ๊ดเดียว

    ปล.อ่านไปพบคำผิดที่ตรงไหนบอกด้วยแล้วกัน

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×