ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    A little queen

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 ประชุม

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 47


    ขอขอบคุณ siren เพื่อนในการแต่งตอนนี้ อุตส่าห์ช่วยแต่งเรื่องให้ sirenพิมพ์ให้ทั้งดุ้น ยังไงก็ต้องรบกวนอีกนาน ถ้าsirenเข้ามาก็ฝากขอบคุณผ่านทางนี้ด้วยเลยน่ะ

    _______________________________________________________



    บทที่ 2 ประชุม



    แท่นปาฐกถากลางห้องนั้นว่างเปล่า หากเสียงเหนื่อยอ่อนของมหาสังฆราชยังคงกล่าวปราศัยกับเหล่าผู้อวุโสที่นั่งโต๊ะหินอ่อนล้อมรอบแท่นปาฐกถา ตั้งใจรับฟังคำปราศัยอย่างเงียบๆ … และกระวนกระวายใจไปในคราวเดียวกัน  การประชุมถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยเชิญเฉพาะผู้บริหารระดับสูงเข้าประชุมเท่านั้น และจะมีการประชุมใหญ่เป็นทางการจัดขึ้นภายในไม่กี่วันนี้



    บัลลังค์ของประธานถูกปล่อยให้ว่างไว้ เนื่องจากราชินีผู้ซึ่งเป็นประธานได้หายสาบสูญไป คาริคก็มิได้ปราถนาที่จะนั่งเก้าอี้ตัวนั้นแทนราชินีเลย ตัวเขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทดแทนราชินีสูงสุดได้ และถึงทำได้เขาก็ไม่มีวันทำเด็ดขาด



    “…ก็อย่างที่ทุกท่านทราบ”เสียงปราศัยเริ่มเบาลง”เราจะปล่อยบัลลังค์ให้ว่างไว้ไม่ได้ ข้าจึงขอเสนอให้รัชทายาทขึ้นครองบัลลังค์ชั่วคราวแทนฝ่าบาท…ราชินีที่หายสาบสูญไปก่อน และให้มีการตามหาพระองค์โดยเร็ว”กล่าวจบก็นั่งลงเป็นการสิ้นสุดคำปราศัยอันยาวนาน



    เสียงแหบๆ ไม่ชวนฟังขัดขึ้น



    “แต่…ท่านก็รู้ว่ารัชทายาทพึ่งอายุครบสิบหกชันษาเท่านั้น”พูดพลางปรายตาไปที่เก้าอี้ของประธาน”ข้าคิดว่าท่านหญิงทรงเยาว์วัยเกินไป”



    “แต่ข้าไม่คิดอย่างนั้น”ตอบเสียงเย็นชาที่คล้าคมมีดกรีดที่ขั้วหัวใจ”ท่านหญิงมีเชื้อสายของราชนิกูลอยู่เต็มเปี่ยม ทั้งความสามารถ…และหน้าตา”เสริมเสียงเบา ก่อนจะกล่าวต่อไป”บัลลังค์จะว่างไม่ได้ พวกท่านเข้าใจดีนี่” อันนี้ไม่สามารถเถียงได้เลย ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อไม่มีประมุขแล้ววุ่นวายแค่ไหน ถึงราชินีจะเป็นเพียงตุ๊กตาประดับบัลลังค์ก็ตาม



    เกิดความเงียบขึ้นเนินนาน…จนในที่สุด มหาสังฆราชคาริคก็เอ่ยทำลายความเงียบด้วยเสียงเรียบๆ



    “ท่านใดเห็นด้วยกับข้า โปรดยกมือด้วย…”



    +++++ +++++++ ++++++++++ +++++++++++ ++++++++



    ห้องรัชทายาท(ไพลิน) ราชวังชั้นใน ทิศตะวันตก อาณาจักรโลก



    ฝ่ามือของเด็กสาวทาบไปกับกระจกที่เย็นเฉียบกรีดแทงเข้าไปในเนื้อของเธอ ทว่าเธอไม่ได้สนใจกับความเจ็บปวดแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีมืดลึกล้ำยังคงมองไปยังนครที่กว้างใหญ่เบื้องล่าง แสงแดดส่องกระทบเส้นผมสีดำรับกับดวงตา ดูคล้ายกับภาพวาดที่แสนเศร้าสร้อย…โดดเดี่ยว…และงดงามอย่างประหลาด



    เด็กสาวเติบโตมาท่ามกลางความเงียบงัน …กับตำแหน่งรัชทายาทอันดับหนึ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด…เรียนการเป็นประมุขที่ดีเพียงเพื่อผู้เป็นแม่เท่านั้น

    พอมารู้ตัวอีกที สายตาของเธอก็จับจ้องอยู่เบื้องหลังของพระมารดาเสียแล้ว



    ถึงกระนั้นพระมารดาก็ยังคงไม่สนใจใยดีเราเช่นเคย…ท่านหญิงน้อยคิดอย่างขมขื่น…ไม่แม้กระทั่งหันกลับมาแลดูเราด้วยซ้ำ



    เสียงของนางกำนัลปลุกให้เด็กสาวตื่นจากภวังค์



    “ท่านอาจารย์ท็อตมาแล้วค่ะ ท่านหญิง”เธอเอ่ย ย่อตัวลงเป็นเชิงเคารพ



    ท่านหญิงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้“เราจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”



    ท่านอาจารย์ท็อตนั่งรออยู่ก่อนแล้วในห้องรับรอง อาจารย์ท็อตเป็นชายชราร่างไม่สูงมากนัก ใบหน้าแววตาฉายความอ่อนโยนใจดีเหมือนเด็กๆ และท่านก็เป็นเด็กจริงๆ เสียด้วย ทั้งนิสัยและรูปร่าง



    ทันทีที่เห็นท่านหญิงน้อย ชายชราถึงกับตกตะลึงไปเล็กน้อย เจ้าหล่อนช่างเหมือนเหลือเกิน แต่ก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทักทายและทำความเคารพพอเป็นพิธี



    “อรุณสวัสดิ์ท่านหญิง ท่านเจริญวัยขึ้นมากจริงๆ”เขาเปรยเบาๆ ดวงตาจับจ้องที่ลูกศิษย์สาว



    “ขอบคุณมากท่านอาจารย์ ท่านก็ยังแข็งแรงเช่นเดิม”เด็กสาวตอบกลับ มีรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งจากเธอ



    อาจารย์ร่างเล็กหัวเราะ เชิญให้นั่งลงข้างๆ ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง



    “กระหม่อมได้รับคำสั่งให้เรียนท่านให้ทราบเรื่องการประชุม”



    “คงเป็นท่านมหาสังฆราชกระมัง”ถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง



    “การประชุมมีผลเป็นเอกฉันท์ ท่านจะได้เข้าพิธีครองราชย์โดยเร็วที่สุดเท่าที่เราจะเร่งได้ แต่โดยรวมแล้วคงเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนเศษ ซึ่งถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับฝ่าบาท แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่การแต่งตั้งชั่วคราวเท่านั้น ท่านไม่ต้องกังวล ท่านหญิง”ประโยคสุดพูดด้วยน้ำเสียงเห็นใจกับภาระมากมายในการเป็นราชินี



    รัชทายาทน้อยยิ้มบางๆ เป็นรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งแม้จะเป็นยิ้มขัดๆ ก็ตาม



    “เราได้ยินมาว่า ตอนท่านแม่ขึ้นรับตำแหน่งต่อจากท่านยายใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันจริงหรือไม่ท่านอาจารย์”



    “จริงกระหม่อม”เขาตอบกลั้วหัวเราะ”ฝ่าบาททรงไม่โปรดปราณพิธีการเท่าใดนัก มีครั้งหนึ่งที่ทรงสั่งยกเลิกพิธีทั้งหมด โดยเฉพาะงานสังคมภายในราชวัง ท่านตรัสว่าน่ารำคาญและสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ”



    “เรา…ไม่รู้มาก่อนเลย …เรื่องราวของพระมารดา”น้ำเสียงที่พูดดูเหมือนจะสมเพชตัวเองเล็กน้อย



    อาจารย์ท็อตมองท่านหญิงน้อยผ่านแว่นทรงกลม นึกถึงเมื่อตอนที่เจอเธอครั้งแรก พอมาเห็นตอนนี้ก็รู้สึกว่าเธอเติบโตขึ้นมากจริงๆ โดยเฉพาะดวงตาสีดำลึกล้ำคู่นั้น ช่างให้ความรู้สึกที่คล้ายกันเหลือเกิน



    “มีอะไรรึ ท่านอาจารย์”คนถูกจ้องถามเสียงที่ร่าเริงในแบบของเธอ”กังวลเรื่องพระมารดาองเราหรือไงกัน”



    “เปล่ากระหม่อม”อาจารย์ท็อตอดทึ่งในความเฉลียวฉลาดของลูกศิษย์ไม่ได้ รีบเปลี่ยนเรื่องคุย”ครั้งล่าสุดที่กระหม่อมเจอ ท่านยังสูงเพียงไหล่ของกระหม่อมเอง”



    คราวนี้เป็นท่านหญิงที่หัวเราะเบาๆ “นั่นมันเมื่อห้าปีมาแล้วท่านอาจารย์”



    “ท่านเปลี่ยนไปมากเลยท่านหญิง”ชายชราอมยิ้ม”ตอนนี้ท่านสูงกว่ากระหม่อมเสียแล้ว เวลาสนทนากันกระหม่อมคงต้องเงยหน้าแน่ๆ เลย”



    คนได้รับคำชมกลับยิ้มเศร้าๆ ในแววตา



    “ไม่หรอกท่านอาจารย์…เรายังเป็นเช่มเดิมอยู่”



    “อย่าถ่อมตัวเลยกระหม่อม”



    “เราน่ะ…ยังคงต้องเงยหน้า…เพื่อไล่ตามพระมารดาของเราอยู่เช่นเคย”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×