ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 ประชุม
ขอขอบคุณ siren เพื่อนในการแต่งตอนนี้ อุตส่าห์ช่วยแต่งเรื่องให้ sirenพิมพ์ให้ทั้งดุ้น ยังไงก็ต้องรบกวนอีกนาน ถ้าsirenเข้ามาก็ฝากขอบคุณผ่านทางนี้ด้วยเลยน่ะ
_______________________________________________________
บทที่ 2 ประชุม
แท่นปาฐกถากลางห้องนั้นว่างเปล่า หากเสียงเหนื่อยอ่อนของมหาสังฆราชยังคงกล่าวปราศัยกับเหล่าผู้อวุโสที่นั่งโต๊ะหินอ่อนล้อมรอบแท่นปาฐกถา ตั้งใจรับฟังคำปราศัยอย่างเงียบๆ และกระวนกระวายใจไปในคราวเดียวกัน  การประชุมถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยเชิญเฉพาะผู้บริหารระดับสูงเข้าประชุมเท่านั้น และจะมีการประชุมใหญ่เป็นทางการจัดขึ้นภายในไม่กี่วันนี้
บัลลังค์ของประธานถูกปล่อยให้ว่างไว้ เนื่องจากราชินีผู้ซึ่งเป็นประธานได้หายสาบสูญไป คาริคก็มิได้ปราถนาที่จะนั่งเก้าอี้ตัวนั้นแทนราชินีเลย ตัวเขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทดแทนราชินีสูงสุดได้ และถึงทำได้เขาก็ไม่มีวันทำเด็ดขาด
“ ก็อย่างที่ทุกท่านทราบ”เสียงปราศัยเริ่มเบาลง”เราจะปล่อยบัลลังค์ให้ว่างไว้ไม่ได้ ข้าจึงขอเสนอให้รัชทายาทขึ้นครองบัลลังค์ชั่วคราวแทนฝ่าบาท ราชินีที่หายสาบสูญไปก่อน และให้มีการตามหาพระองค์โดยเร็ว”กล่าวจบก็นั่งลงเป็นการสิ้นสุดคำปราศัยอันยาวนาน
เสียงแหบๆ ไม่ชวนฟังขัดขึ้น
“แต่ ท่านก็รู้ว่ารัชทายาทพึ่งอายุครบสิบหกชันษาเท่านั้น”พูดพลางปรายตาไปที่เก้าอี้ของประธาน”ข้าคิดว่าท่านหญิงทรงเยาว์วัยเกินไป”
“แต่ข้าไม่คิดอย่างนั้น”ตอบเสียงเย็นชาที่คล้าคมมีดกรีดที่ขั้วหัวใจ”ท่านหญิงมีเชื้อสายของราชนิกูลอยู่เต็มเปี่ยม ทั้งความสามารถ และหน้าตา”เสริมเสียงเบา ก่อนจะกล่าวต่อไป”บัลลังค์จะว่างไม่ได้ พวกท่านเข้าใจดีนี่” อันนี้ไม่สามารถเถียงได้เลย ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อไม่มีประมุขแล้ววุ่นวายแค่ไหน ถึงราชินีจะเป็นเพียงตุ๊กตาประดับบัลลังค์ก็ตาม
เกิดความเงียบขึ้นเนินนาน จนในที่สุด มหาสังฆราชคาริคก็เอ่ยทำลายความเงียบด้วยเสียงเรียบๆ
“ท่านใดเห็นด้วยกับข้า โปรดยกมือด้วย ”
+++++ +++++++ ++++++++++ +++++++++++ ++++++++
ห้องรัชทายาท(ไพลิน) ราชวังชั้นใน ทิศตะวันตก อาณาจักรโลก
ฝ่ามือของเด็กสาวทาบไปกับกระจกที่เย็นเฉียบกรีดแทงเข้าไปในเนื้อของเธอ ทว่าเธอไม่ได้สนใจกับความเจ็บปวดแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีมืดลึกล้ำยังคงมองไปยังนครที่กว้างใหญ่เบื้องล่าง แสงแดดส่องกระทบเส้นผมสีดำรับกับดวงตา ดูคล้ายกับภาพวาดที่แสนเศร้าสร้อย โดดเดี่ยว และงดงามอย่างประหลาด
เด็กสาวเติบโตมาท่ามกลางความเงียบงัน กับตำแหน่งรัชทายาทอันดับหนึ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เรียนการเป็นประมุขที่ดีเพียงเพื่อผู้เป็นแม่เท่านั้น
พอมารู้ตัวอีกที สายตาของเธอก็จับจ้องอยู่เบื้องหลังของพระมารดาเสียแล้ว
ถึงกระนั้นพระมารดาก็ยังคงไม่สนใจใยดีเราเช่นเคย ท่านหญิงน้อยคิดอย่างขมขื่น ไม่แม้กระทั่งหันกลับมาแลดูเราด้วยซ้ำ
เสียงของนางกำนัลปลุกให้เด็กสาวตื่นจากภวังค์
“ท่านอาจารย์ท็อตมาแล้วค่ะ ท่านหญิง”เธอเอ่ย ย่อตัวลงเป็นเชิงเคารพ
ท่านหญิงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้“เราจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ท่านอาจารย์ท็อตนั่งรออยู่ก่อนแล้วในห้องรับรอง อาจารย์ท็อตเป็นชายชราร่างไม่สูงมากนัก ใบหน้าแววตาฉายความอ่อนโยนใจดีเหมือนเด็กๆ และท่านก็เป็นเด็กจริงๆ เสียด้วย ทั้งนิสัยและรูปร่าง
ทันทีที่เห็นท่านหญิงน้อย ชายชราถึงกับตกตะลึงไปเล็กน้อย เจ้าหล่อนช่างเหมือนเหลือเกิน แต่ก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทักทายและทำความเคารพพอเป็นพิธี
“อรุณสวัสดิ์ท่านหญิง ท่านเจริญวัยขึ้นมากจริงๆ”เขาเปรยเบาๆ ดวงตาจับจ้องที่ลูกศิษย์สาว
“ขอบคุณมากท่านอาจารย์ ท่านก็ยังแข็งแรงเช่นเดิม”เด็กสาวตอบกลับ มีรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งจากเธอ
อาจารย์ร่างเล็กหัวเราะ เชิญให้นั่งลงข้างๆ ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง
“กระหม่อมได้รับคำสั่งให้เรียนท่านให้ทราบเรื่องการประชุม”
“คงเป็นท่านมหาสังฆราชกระมัง”ถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง
“การประชุมมีผลเป็นเอกฉันท์ ท่านจะได้เข้าพิธีครองราชย์โดยเร็วที่สุดเท่าที่เราจะเร่งได้ แต่โดยรวมแล้วคงเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนเศษ ซึ่งถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับฝ่าบาท แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่การแต่งตั้งชั่วคราวเท่านั้น ท่านไม่ต้องกังวล ท่านหญิง”ประโยคสุดพูดด้วยน้ำเสียงเห็นใจกับภาระมากมายในการเป็นราชินี
รัชทายาทน้อยยิ้มบางๆ เป็นรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งแม้จะเป็นยิ้มขัดๆ ก็ตาม
“เราได้ยินมาว่า ตอนท่านแม่ขึ้นรับตำแหน่งต่อจากท่านยายใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันจริงหรือไม่ท่านอาจารย์”
“จริงกระหม่อม”เขาตอบกลั้วหัวเราะ”ฝ่าบาททรงไม่โปรดปราณพิธีการเท่าใดนัก มีครั้งหนึ่งที่ทรงสั่งยกเลิกพิธีทั้งหมด โดยเฉพาะงานสังคมภายในราชวัง ท่านตรัสว่าน่ารำคาญและสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ”
“เรา ไม่รู้มาก่อนเลย เรื่องราวของพระมารดา”น้ำเสียงที่พูดดูเหมือนจะสมเพชตัวเองเล็กน้อย
อาจารย์ท็อตมองท่านหญิงน้อยผ่านแว่นทรงกลม นึกถึงเมื่อตอนที่เจอเธอครั้งแรก พอมาเห็นตอนนี้ก็รู้สึกว่าเธอเติบโตขึ้นมากจริงๆ โดยเฉพาะดวงตาสีดำลึกล้ำคู่นั้น ช่างให้ความรู้สึกที่คล้ายกันเหลือเกิน
“มีอะไรรึ ท่านอาจารย์”คนถูกจ้องถามเสียงที่ร่าเริงในแบบของเธอ”กังวลเรื่องพระมารดาองเราหรือไงกัน”
“เปล่ากระหม่อม”อาจารย์ท็อตอดทึ่งในความเฉลียวฉลาดของลูกศิษย์ไม่ได้ รีบเปลี่ยนเรื่องคุย”ครั้งล่าสุดที่กระหม่อมเจอ ท่านยังสูงเพียงไหล่ของกระหม่อมเอง”
คราวนี้เป็นท่านหญิงที่หัวเราะเบาๆ “นั่นมันเมื่อห้าปีมาแล้วท่านอาจารย์”
“ท่านเปลี่ยนไปมากเลยท่านหญิง”ชายชราอมยิ้ม”ตอนนี้ท่านสูงกว่ากระหม่อมเสียแล้ว เวลาสนทนากันกระหม่อมคงต้องเงยหน้าแน่ๆ เลย”
คนได้รับคำชมกลับยิ้มเศร้าๆ ในแววตา
“ไม่หรอกท่านอาจารย์ เรายังเป็นเช่มเดิมอยู่”
“อย่าถ่อมตัวเลยกระหม่อม”
“เราน่ะ ยังคงต้องเงยหน้า เพื่อไล่ตามพระมารดาของเราอยู่เช่นเคย”
_______________________________________________________
บทที่ 2 ประชุม
แท่นปาฐกถากลางห้องนั้นว่างเปล่า หากเสียงเหนื่อยอ่อนของมหาสังฆราชยังคงกล่าวปราศัยกับเหล่าผู้อวุโสที่นั่งโต๊ะหินอ่อนล้อมรอบแท่นปาฐกถา ตั้งใจรับฟังคำปราศัยอย่างเงียบๆ และกระวนกระวายใจไปในคราวเดียวกัน  การประชุมถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยเชิญเฉพาะผู้บริหารระดับสูงเข้าประชุมเท่านั้น และจะมีการประชุมใหญ่เป็นทางการจัดขึ้นภายในไม่กี่วันนี้
บัลลังค์ของประธานถูกปล่อยให้ว่างไว้ เนื่องจากราชินีผู้ซึ่งเป็นประธานได้หายสาบสูญไป คาริคก็มิได้ปราถนาที่จะนั่งเก้าอี้ตัวนั้นแทนราชินีเลย ตัวเขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทดแทนราชินีสูงสุดได้ และถึงทำได้เขาก็ไม่มีวันทำเด็ดขาด
“ ก็อย่างที่ทุกท่านทราบ”เสียงปราศัยเริ่มเบาลง”เราจะปล่อยบัลลังค์ให้ว่างไว้ไม่ได้ ข้าจึงขอเสนอให้รัชทายาทขึ้นครองบัลลังค์ชั่วคราวแทนฝ่าบาท ราชินีที่หายสาบสูญไปก่อน และให้มีการตามหาพระองค์โดยเร็ว”กล่าวจบก็นั่งลงเป็นการสิ้นสุดคำปราศัยอันยาวนาน
เสียงแหบๆ ไม่ชวนฟังขัดขึ้น
“แต่ ท่านก็รู้ว่ารัชทายาทพึ่งอายุครบสิบหกชันษาเท่านั้น”พูดพลางปรายตาไปที่เก้าอี้ของประธาน”ข้าคิดว่าท่านหญิงทรงเยาว์วัยเกินไป”
“แต่ข้าไม่คิดอย่างนั้น”ตอบเสียงเย็นชาที่คล้าคมมีดกรีดที่ขั้วหัวใจ”ท่านหญิงมีเชื้อสายของราชนิกูลอยู่เต็มเปี่ยม ทั้งความสามารถ และหน้าตา”เสริมเสียงเบา ก่อนจะกล่าวต่อไป”บัลลังค์จะว่างไม่ได้ พวกท่านเข้าใจดีนี่” อันนี้ไม่สามารถเถียงได้เลย ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อไม่มีประมุขแล้ววุ่นวายแค่ไหน ถึงราชินีจะเป็นเพียงตุ๊กตาประดับบัลลังค์ก็ตาม
เกิดความเงียบขึ้นเนินนาน จนในที่สุด มหาสังฆราชคาริคก็เอ่ยทำลายความเงียบด้วยเสียงเรียบๆ
“ท่านใดเห็นด้วยกับข้า โปรดยกมือด้วย ”
+++++ +++++++ ++++++++++ +++++++++++ ++++++++
ห้องรัชทายาท(ไพลิน) ราชวังชั้นใน ทิศตะวันตก อาณาจักรโลก
ฝ่ามือของเด็กสาวทาบไปกับกระจกที่เย็นเฉียบกรีดแทงเข้าไปในเนื้อของเธอ ทว่าเธอไม่ได้สนใจกับความเจ็บปวดแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีมืดลึกล้ำยังคงมองไปยังนครที่กว้างใหญ่เบื้องล่าง แสงแดดส่องกระทบเส้นผมสีดำรับกับดวงตา ดูคล้ายกับภาพวาดที่แสนเศร้าสร้อย โดดเดี่ยว และงดงามอย่างประหลาด
เด็กสาวเติบโตมาท่ามกลางความเงียบงัน กับตำแหน่งรัชทายาทอันดับหนึ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เรียนการเป็นประมุขที่ดีเพียงเพื่อผู้เป็นแม่เท่านั้น
พอมารู้ตัวอีกที สายตาของเธอก็จับจ้องอยู่เบื้องหลังของพระมารดาเสียแล้ว
ถึงกระนั้นพระมารดาก็ยังคงไม่สนใจใยดีเราเช่นเคย ท่านหญิงน้อยคิดอย่างขมขื่น ไม่แม้กระทั่งหันกลับมาแลดูเราด้วยซ้ำ
เสียงของนางกำนัลปลุกให้เด็กสาวตื่นจากภวังค์
“ท่านอาจารย์ท็อตมาแล้วค่ะ ท่านหญิง”เธอเอ่ย ย่อตัวลงเป็นเชิงเคารพ
ท่านหญิงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้“เราจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ท่านอาจารย์ท็อตนั่งรออยู่ก่อนแล้วในห้องรับรอง อาจารย์ท็อตเป็นชายชราร่างไม่สูงมากนัก ใบหน้าแววตาฉายความอ่อนโยนใจดีเหมือนเด็กๆ และท่านก็เป็นเด็กจริงๆ เสียด้วย ทั้งนิสัยและรูปร่าง
ทันทีที่เห็นท่านหญิงน้อย ชายชราถึงกับตกตะลึงไปเล็กน้อย เจ้าหล่อนช่างเหมือนเหลือเกิน แต่ก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทักทายและทำความเคารพพอเป็นพิธี
“อรุณสวัสดิ์ท่านหญิง ท่านเจริญวัยขึ้นมากจริงๆ”เขาเปรยเบาๆ ดวงตาจับจ้องที่ลูกศิษย์สาว
“ขอบคุณมากท่านอาจารย์ ท่านก็ยังแข็งแรงเช่นเดิม”เด็กสาวตอบกลับ มีรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งจากเธอ
อาจารย์ร่างเล็กหัวเราะ เชิญให้นั่งลงข้างๆ ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง
“กระหม่อมได้รับคำสั่งให้เรียนท่านให้ทราบเรื่องการประชุม”
“คงเป็นท่านมหาสังฆราชกระมัง”ถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง
“การประชุมมีผลเป็นเอกฉันท์ ท่านจะได้เข้าพิธีครองราชย์โดยเร็วที่สุดเท่าที่เราจะเร่งได้ แต่โดยรวมแล้วคงเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนเศษ ซึ่งถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับฝ่าบาท แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่การแต่งตั้งชั่วคราวเท่านั้น ท่านไม่ต้องกังวล ท่านหญิง”ประโยคสุดพูดด้วยน้ำเสียงเห็นใจกับภาระมากมายในการเป็นราชินี
รัชทายาทน้อยยิ้มบางๆ เป็นรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งแม้จะเป็นยิ้มขัดๆ ก็ตาม
“เราได้ยินมาว่า ตอนท่านแม่ขึ้นรับตำแหน่งต่อจากท่านยายใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันจริงหรือไม่ท่านอาจารย์”
“จริงกระหม่อม”เขาตอบกลั้วหัวเราะ”ฝ่าบาททรงไม่โปรดปราณพิธีการเท่าใดนัก มีครั้งหนึ่งที่ทรงสั่งยกเลิกพิธีทั้งหมด โดยเฉพาะงานสังคมภายในราชวัง ท่านตรัสว่าน่ารำคาญและสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ”
“เรา ไม่รู้มาก่อนเลย เรื่องราวของพระมารดา”น้ำเสียงที่พูดดูเหมือนจะสมเพชตัวเองเล็กน้อย
อาจารย์ท็อตมองท่านหญิงน้อยผ่านแว่นทรงกลม นึกถึงเมื่อตอนที่เจอเธอครั้งแรก พอมาเห็นตอนนี้ก็รู้สึกว่าเธอเติบโตขึ้นมากจริงๆ โดยเฉพาะดวงตาสีดำลึกล้ำคู่นั้น ช่างให้ความรู้สึกที่คล้ายกันเหลือเกิน
“มีอะไรรึ ท่านอาจารย์”คนถูกจ้องถามเสียงที่ร่าเริงในแบบของเธอ”กังวลเรื่องพระมารดาองเราหรือไงกัน”
“เปล่ากระหม่อม”อาจารย์ท็อตอดทึ่งในความเฉลียวฉลาดของลูกศิษย์ไม่ได้ รีบเปลี่ยนเรื่องคุย”ครั้งล่าสุดที่กระหม่อมเจอ ท่านยังสูงเพียงไหล่ของกระหม่อมเอง”
คราวนี้เป็นท่านหญิงที่หัวเราะเบาๆ “นั่นมันเมื่อห้าปีมาแล้วท่านอาจารย์”
“ท่านเปลี่ยนไปมากเลยท่านหญิง”ชายชราอมยิ้ม”ตอนนี้ท่านสูงกว่ากระหม่อมเสียแล้ว เวลาสนทนากันกระหม่อมคงต้องเงยหน้าแน่ๆ เลย”
คนได้รับคำชมกลับยิ้มเศร้าๆ ในแววตา
“ไม่หรอกท่านอาจารย์ เรายังเป็นเช่มเดิมอยู่”
“อย่าถ่อมตัวเลยกระหม่อม”
“เราน่ะ ยังคงต้องเงยหน้า เพื่อไล่ตามพระมารดาของเราอยู่เช่นเคย”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น