ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 สาบสูญ
เสียงพูดคุยดังแซ่งแซ่ภายในร้านเหล้าของพวกขี้เมาที่สรรหาเรื่องราวต่างๆมาคุยกันได้ทุกวี่ทุกวัน และหัวข้อสำคัญของวันนี้คงไม่พ้นเรื่องที่กำลังวุ่นวายกันทั่วราชสำนัก ทั้งที่ปิดลับสุดยอดกลับ รั่วได้รวดเร็วที่สุดซะนี่
“โดนลักพาตัว”เสียงชายหนุ่มคนแรกเอ่ยอย่างมั่นใจ หลังจากที่ฟังเรื่องคร่าวๆมาจากแหล่งข่าวลับ
“โดนลอบสังหารมากกว่า”อีกเสียงแย้งเต็มที่
“ยังไงก็เถอะ รัชทายาทยังตัวเท่าลูกหมา ราชินีก็ดันมาหายตัวไป พระราชาก็ไม่มี แล้วจะทำไงกันแหละทีนี้”ผู้รู้จริงกุมขมับอย่างปวดหัว นึกถึงการก่อจราจลกลางเมืองที่เกิดขึ้นตอนไร้ผู้นำ
“ก็คงต้องให้รัชทายาทขึ้นครองราชต่อไปน่ะสิ แกจะคิดมากไปทำไม” คนแรกตอบเสียงเรียบ ยกแก้วเหล้าขึ้นจ่อริมฝีปาก
“จริงอย่างที่มันว่า รัชทายาทก็เป็นแค่ตุ๊กตาแหละว้า เด็กขนาดนั้นจะทำอะไรได้ นอกจากนั่งอยู่นิ่งๆ เป็นไม้ประดับบัลลังค์”คนที่สองว่าบ้าง ก่อนจะชนแก้วกับคนแรก
“รู้แล้วน่าเรื่องนั้น ที่ห่วงก็คืออาณาจักรเรามันจะไปรอดเหรอว่ะ”คนที่สามถามอย่างจริงจัง ขณะรับแก้วเหล้ามาจากคนที่สอง
คนที่แรกเงียบไปนิดก่อนตอบ “ไม่รู้ว่ะ”
“แล้วแต่บุญแต่กรรมโว้ย อนาคตของอาณาจักรเราต้องฝากไว้กับเด็กอายุเท่าไรว่ะเพื่อน สองขวบ..สามขวบ”พูดแล้วก็หัวเราะกันลั่นร้าน
“อันที่จริง ”คนที่สามลดเสียงลงต่ำจนเป็นกระซิบ”รัชทายาทเพิ่งอายุครบ สิบหกปีเท่านั้นเอง”
+++++ ++++++ +++++ ++++++ +++++ +++++ ++++++ ++++ ++++++++ +++++++++++++ ++++++++++
ห้องส่วนพระองค์(ไข่มุก อรุโณทัย) ราชวังชั้นใน ทิศตะวันออก อาณาจักรโลก
“ว่าไง เจอร่องรอยอะไรมั้ย”ชายหนุ่มผิวขาวซีด ผมสีเทา หน้าผากมีรอยย่นประปรายแสดงให้เห็นว่าเป็นคนคิดมากและไม่ค่อยอารมณ์ดีเท่าไรนัก ถามองครักษ์ที่เดินไปมากันให้ขวัก
องครักษ์คนหนึ่งหยุดเดิน หันมารายงาน
“ไม่พบแม้แต่อย่างเดียวเลยครับ เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากครับผม”
คนฟังพยักหน้าช้าๆ เท้าคางใช้ความคิดอย่างหนัก ก่อนจะสั่งการองครักษ์คนเดิม
“ไปประกาศให้เหล่าสมาชิกสภาได้รับทราบด้วย”
“ทราบเรื่องอะไรเหรอครับ”
ถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจพูด ”เรื่องราชินีองค์ใหม่ของอาณาจักรโลกไงล่ะ”
“มะ หมายความว่า..”
“รัชทายาทจะขึ้นครองบัลลังค์แทนราชินีที่ โดนลอบสังหาร ประกาศตามนี้”สั่งเสร็จก็ถอนหายใจอีกที ริ้วรอยบนหน้าผากยิ่งเพิ่มขึ้น
ท่าทางขององครักษ์หนุ่มซึมเศร้าลงทันที แต่ก็ยังคงรับคำแข็งขัน
“รับทราบครับผม จะป่าวประกาศให้ทั่วเลยครับท่านมหาสังฆราชคาริค”
มหาสังฆราชเดินไปทางหน้าต่างบานใหญ่ เลิ่กม่านกำมะหยี่สีแดงเข้มขึ้นช้าๆ สายตาทอดไปทางเมืองด้านล่างที่สว่างไสว คล้ายดวงดาวบนผืนฟ้ารัตติกาล
“ท่านอยู่ไหนกัน ฝ่าบาท ”
++++  ++++ ++++ ++++ ++++ ++++ ++++ ++++ ++++ ++++
ห้องรัชทายาท(ไพลิน) ราชวังชั้นใน ทิศตะวันตก อาณาจักรโลก
เด็กสาวผมสีดำขลิบดุจนิลกาฬ ทอดสายตามองเมืองเบื้องล่างอย่างเงียบเหงา ร่างงามสง่าในแบบพระมารดา นัยน์ตากลมโตบนใบหน้าราวกับนิลน้ำเอกที่ไร้ตำหนิ รับกับใบหน้าที่งดงามพอเหมาะพอเจาะ ไม่มากไปไม่น้อยไป แบบเดียวกับพระมารดาและท่านยายที่งดงามจนเป็นตำนาน
เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบของเหล่านางกำนัลข้าหลวงทำให้เด็กสาวรู้สึกรำคาญและหงุดหงิดใจ จะออกปากไล่ก็กระไรอยู่เพราะท่านมหาสังฆราชคาริคสั่งให้มีคนอยู่ด้วยตลอดเวลาตั้งแต่ที่พระมารดาหายตัวไป
พูดถึงพระมารดา .จู่ๆ พระองค์ก็หายตัวไป ไม่ทิ้งจดหมายหรือสิ่งใดเอาไว้เลย ปกติพระองค์ไม่ใช่คนเช่นนั้น แต่ก็อย่างว่า ไม่มีใครคาดเดาความคิดของพระองค์ได้เลย แม้กระทั่งท่านมหาสังฆราชคาริคที่ว่าเฉลียวฉลาดเป็นที่สุด หรือแม้กระทั่งเราซึ่งเป็นลูกสาวของพระองค์เองก็ตามที
“ท่านหญิง ได้เวลาบรรทมแล้วเพคะ”เสียงนางกำนัลคนใดคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ก่อนจะรีบถอนสายบัวเป็นการเคารพตามมารยาท
เด็กสาวแรกรุ่นหันมามองด้วยดวงตาเย็นยะเยือก โบกมือเป็นเชิงปฎิเสธ
“เราจะรอท่านมหาสังฆราชคาริคก่อน”
“แต่ - -”
ท่านหญิงน้อยโบกมือเป็นเชิงปฎิเสธ ก่อนจะหันไปมองท้องฟ้ายามรัตติกาลต่อเช่นเดิม
“แล้วแต่ท่านหญิงเถอะเพคะ”เสียงนางกำนัลคนเดิมพึมพำ ขณะถอยไปรวมกับเหล่านางกำนัลที่มุมหนึ่งของห้อง
เสียงกระซิบกระซาบของข้าหลวงดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ
“นี่กระหม่อมเอง ท่านหญิง”เสียงอันคุ้นเคยดังผ่านประตูมา
“เชิญ ท่านมหาสังฆราช”กล่าวโดยที่ไม่หันหลังกลับมาดู ดวงตายังคงสอดส่องบนผืนรัตติกาลราวกับหาดวงดาวที่หายไป
“ขออนุญาตท่านหญิง”ร่างของชายหนุ่มผิวขาวซีดเหมือนไม่โดนแสงมานานปีก้าวเข้ามา ริ้วรอยบนหน้าผากยังคงอยู่ นัยน์ตาสีเทาหมองคล้ำลงไปบ้างเพราะนอนไม่เพียงพอ แต่ฉายแววฉลาดเฉลียวเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวอยู่
“เรียกกระหม่อมมากลางดึกมีธุระอันใด”ถามเสียงเรียบ ขณะเดินเข้ามาใกล้ท่านหญิงน้อย
“ฝ่าบาททรงเป็นเช่นไรบ้าง”บอกจุดประสงค์ที่เรียกมากลางดึก พลางหมุนตัวกลับมาหามหาสังฆราช  น้ำเสียงบ่งบอกความห่วงพระมารดา
มหาสังฆราชคาริคก้มหัวเป็นเชิงเคารพ ก่อนกล่าวเสียงราบเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“กระหม่อมยังไม่พบร่องรอยของฝ่าบาทเลยกระหม่อม”
เกิดความเงียบชวนอึดอัดขึ้นชั่วครู่ เป็นความเงียบที่วังเวงและเศร้าใจเป็นที่สุด จนในที่สุดท่านหญิงน้อยก็เอ่ยทำลายความเงียบ
“งั้นรึ ท่านไปได้แล้วล่ะ”น้ำเสียงสั่นเครือเหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ซึ่งมหาสังฆราชคาริคก็รู้สึกได้
“ท่านหญิง ท่านหวาดกลัวอันใดรึกระหม่อม”
“ไม่ใช่ ”ท่านหญิงหันกลับไปมองท้องฟ้ายามราตรีกาลอย่างเชื่องช้า”เราไม่เชิงกลัวหรอก”
“งั้นคืออะไรกัน”
ลังเลเล็กน้อย ก่อนตอบ
“เรา ไม่มั่นใจ .ว่าเราจะสามารถปกครองอาณาจักรของท่านแม่ได้หรือไม่”
“โดนลักพาตัว”เสียงชายหนุ่มคนแรกเอ่ยอย่างมั่นใจ หลังจากที่ฟังเรื่องคร่าวๆมาจากแหล่งข่าวลับ
“โดนลอบสังหารมากกว่า”อีกเสียงแย้งเต็มที่
“ยังไงก็เถอะ รัชทายาทยังตัวเท่าลูกหมา ราชินีก็ดันมาหายตัวไป พระราชาก็ไม่มี แล้วจะทำไงกันแหละทีนี้”ผู้รู้จริงกุมขมับอย่างปวดหัว นึกถึงการก่อจราจลกลางเมืองที่เกิดขึ้นตอนไร้ผู้นำ
“ก็คงต้องให้รัชทายาทขึ้นครองราชต่อไปน่ะสิ แกจะคิดมากไปทำไม” คนแรกตอบเสียงเรียบ ยกแก้วเหล้าขึ้นจ่อริมฝีปาก
“จริงอย่างที่มันว่า รัชทายาทก็เป็นแค่ตุ๊กตาแหละว้า เด็กขนาดนั้นจะทำอะไรได้ นอกจากนั่งอยู่นิ่งๆ เป็นไม้ประดับบัลลังค์”คนที่สองว่าบ้าง ก่อนจะชนแก้วกับคนแรก
“รู้แล้วน่าเรื่องนั้น ที่ห่วงก็คืออาณาจักรเรามันจะไปรอดเหรอว่ะ”คนที่สามถามอย่างจริงจัง ขณะรับแก้วเหล้ามาจากคนที่สอง
คนที่แรกเงียบไปนิดก่อนตอบ “ไม่รู้ว่ะ”
“แล้วแต่บุญแต่กรรมโว้ย อนาคตของอาณาจักรเราต้องฝากไว้กับเด็กอายุเท่าไรว่ะเพื่อน สองขวบ..สามขวบ”พูดแล้วก็หัวเราะกันลั่นร้าน
“อันที่จริง ”คนที่สามลดเสียงลงต่ำจนเป็นกระซิบ”รัชทายาทเพิ่งอายุครบ สิบหกปีเท่านั้นเอง”
+++++ ++++++ +++++ ++++++ +++++ +++++ ++++++ ++++ ++++++++ +++++++++++++ ++++++++++
ห้องส่วนพระองค์(ไข่มุก อรุโณทัย) ราชวังชั้นใน ทิศตะวันออก อาณาจักรโลก
“ว่าไง เจอร่องรอยอะไรมั้ย”ชายหนุ่มผิวขาวซีด ผมสีเทา หน้าผากมีรอยย่นประปรายแสดงให้เห็นว่าเป็นคนคิดมากและไม่ค่อยอารมณ์ดีเท่าไรนัก ถามองครักษ์ที่เดินไปมากันให้ขวัก
องครักษ์คนหนึ่งหยุดเดิน หันมารายงาน
“ไม่พบแม้แต่อย่างเดียวเลยครับ เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากครับผม”
คนฟังพยักหน้าช้าๆ เท้าคางใช้ความคิดอย่างหนัก ก่อนจะสั่งการองครักษ์คนเดิม
“ไปประกาศให้เหล่าสมาชิกสภาได้รับทราบด้วย”
“ทราบเรื่องอะไรเหรอครับ”
ถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจพูด ”เรื่องราชินีองค์ใหม่ของอาณาจักรโลกไงล่ะ”
“มะ หมายความว่า..”
“รัชทายาทจะขึ้นครองบัลลังค์แทนราชินีที่ โดนลอบสังหาร ประกาศตามนี้”สั่งเสร็จก็ถอนหายใจอีกที ริ้วรอยบนหน้าผากยิ่งเพิ่มขึ้น
ท่าทางขององครักษ์หนุ่มซึมเศร้าลงทันที แต่ก็ยังคงรับคำแข็งขัน
“รับทราบครับผม จะป่าวประกาศให้ทั่วเลยครับท่านมหาสังฆราชคาริค”
มหาสังฆราชเดินไปทางหน้าต่างบานใหญ่ เลิ่กม่านกำมะหยี่สีแดงเข้มขึ้นช้าๆ สายตาทอดไปทางเมืองด้านล่างที่สว่างไสว คล้ายดวงดาวบนผืนฟ้ารัตติกาล
“ท่านอยู่ไหนกัน ฝ่าบาท ”
++++  ++++ ++++ ++++ ++++ ++++ ++++ ++++ ++++ ++++
ห้องรัชทายาท(ไพลิน) ราชวังชั้นใน ทิศตะวันตก อาณาจักรโลก
เด็กสาวผมสีดำขลิบดุจนิลกาฬ ทอดสายตามองเมืองเบื้องล่างอย่างเงียบเหงา ร่างงามสง่าในแบบพระมารดา นัยน์ตากลมโตบนใบหน้าราวกับนิลน้ำเอกที่ไร้ตำหนิ รับกับใบหน้าที่งดงามพอเหมาะพอเจาะ ไม่มากไปไม่น้อยไป แบบเดียวกับพระมารดาและท่านยายที่งดงามจนเป็นตำนาน
เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบของเหล่านางกำนัลข้าหลวงทำให้เด็กสาวรู้สึกรำคาญและหงุดหงิดใจ จะออกปากไล่ก็กระไรอยู่เพราะท่านมหาสังฆราชคาริคสั่งให้มีคนอยู่ด้วยตลอดเวลาตั้งแต่ที่พระมารดาหายตัวไป
พูดถึงพระมารดา .จู่ๆ พระองค์ก็หายตัวไป ไม่ทิ้งจดหมายหรือสิ่งใดเอาไว้เลย ปกติพระองค์ไม่ใช่คนเช่นนั้น แต่ก็อย่างว่า ไม่มีใครคาดเดาความคิดของพระองค์ได้เลย แม้กระทั่งท่านมหาสังฆราชคาริคที่ว่าเฉลียวฉลาดเป็นที่สุด หรือแม้กระทั่งเราซึ่งเป็นลูกสาวของพระองค์เองก็ตามที
“ท่านหญิง ได้เวลาบรรทมแล้วเพคะ”เสียงนางกำนัลคนใดคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ก่อนจะรีบถอนสายบัวเป็นการเคารพตามมารยาท
เด็กสาวแรกรุ่นหันมามองด้วยดวงตาเย็นยะเยือก โบกมือเป็นเชิงปฎิเสธ
“เราจะรอท่านมหาสังฆราชคาริคก่อน”
“แต่ - -”
ท่านหญิงน้อยโบกมือเป็นเชิงปฎิเสธ ก่อนจะหันไปมองท้องฟ้ายามรัตติกาลต่อเช่นเดิม
“แล้วแต่ท่านหญิงเถอะเพคะ”เสียงนางกำนัลคนเดิมพึมพำ ขณะถอยไปรวมกับเหล่านางกำนัลที่มุมหนึ่งของห้อง
เสียงกระซิบกระซาบของข้าหลวงดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ
“นี่กระหม่อมเอง ท่านหญิง”เสียงอันคุ้นเคยดังผ่านประตูมา
“เชิญ ท่านมหาสังฆราช”กล่าวโดยที่ไม่หันหลังกลับมาดู ดวงตายังคงสอดส่องบนผืนรัตติกาลราวกับหาดวงดาวที่หายไป
“ขออนุญาตท่านหญิง”ร่างของชายหนุ่มผิวขาวซีดเหมือนไม่โดนแสงมานานปีก้าวเข้ามา ริ้วรอยบนหน้าผากยังคงอยู่ นัยน์ตาสีเทาหมองคล้ำลงไปบ้างเพราะนอนไม่เพียงพอ แต่ฉายแววฉลาดเฉลียวเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวอยู่
“เรียกกระหม่อมมากลางดึกมีธุระอันใด”ถามเสียงเรียบ ขณะเดินเข้ามาใกล้ท่านหญิงน้อย
“ฝ่าบาททรงเป็นเช่นไรบ้าง”บอกจุดประสงค์ที่เรียกมากลางดึก พลางหมุนตัวกลับมาหามหาสังฆราช  น้ำเสียงบ่งบอกความห่วงพระมารดา
มหาสังฆราชคาริคก้มหัวเป็นเชิงเคารพ ก่อนกล่าวเสียงราบเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“กระหม่อมยังไม่พบร่องรอยของฝ่าบาทเลยกระหม่อม”
เกิดความเงียบชวนอึดอัดขึ้นชั่วครู่ เป็นความเงียบที่วังเวงและเศร้าใจเป็นที่สุด จนในที่สุดท่านหญิงน้อยก็เอ่ยทำลายความเงียบ
“งั้นรึ ท่านไปได้แล้วล่ะ”น้ำเสียงสั่นเครือเหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ซึ่งมหาสังฆราชคาริคก็รู้สึกได้
“ท่านหญิง ท่านหวาดกลัวอันใดรึกระหม่อม”
“ไม่ใช่ ”ท่านหญิงหันกลับไปมองท้องฟ้ายามราตรีกาลอย่างเชื่องช้า”เราไม่เชิงกลัวหรอก”
“งั้นคืออะไรกัน”
ลังเลเล็กน้อย ก่อนตอบ
“เรา ไม่มั่นใจ .ว่าเราจะสามารถปกครองอาณาจักรของท่านแม่ได้หรือไม่”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น