ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    2nd Soul : Fire & Ice

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 New Warrior

    • อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 56


     

     

    โลกไฮเด้นนั้นมีเผ่าพันธุ์หลายเผ่าอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็น คอสตัล มนุษย์ เอลฟ์ ออร์ค กอบลิน คนแคระ เทพ และปีศาจ พวกเขานั้นล้วนอยู่รวมกันในโลกแห่งนี้ ด้วยความแตกต่างจึงทำให้โลกนี้มีช่วงเวลา 1 เดือนของทุก 50 ปี ที่เผ่าปีศาจ สายเดรัจฉาน จะมีพลังมากกว่าปกติ และกล้าโจมตีเผ่าพันธ์อื่น

    ทุกๆ 50 ทุกเผ่าบนโลกไฮเด้นจะรู้ว่ามีสงครามที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นประเพณี ที่สำคัญที่สุดบนโลกใบนี้ เพราะมันหมายถึงความเป็นอยู่ของเผ่าพันธุ์ ในปี 500 HY. ในรุ่นของราชินีคอสตัล องค์ที่ 4 ทรงได้ทำการผิดพลาดครั้งรุนแรงคือ สงครามล้างเผ่าพันธุ์อื่น ทำให้สงครามทุก 50 ที่มาเยือนในยุคนั้น จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของชาวคอสตัล เพียง 1 เดือนที่เหมือนกับนรกครั้งนั้น ทำให้ชาวเมืองตระหนักถึงความสำคัญของพันธ์มิตร และคุณค่าของชีวิตมากขึ้น เมื่อนักปราชญ์ แอนลี ได้สละชีวิตของเพื่อนตนเพื่อช่วยชาวเมืองรอดพ้นจากปีศาจมาได้

    ผ่านมาเกือบ 1000 ปี เผ่าคอสตัลที่เคยเป็นศัตรูกับทุกเผ่า ก็กลับมาผูกมิตรกันอีกครั้ง แต่...พวกเขากลับมีปัญหาภายในแทน ชาวคอสตัลนั้น จะมีพลังเพียงธาตุใดธาตุหนึ่ง ย่อมมีการไม่ถูกกันเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็น น้ำกับไฟ ดินกับน้ำ ลมกับไฟ ดินกับลม และแสงกับมืด แต่พวกเขาจะยอมลดทิฐิ กันลงในช่วงสงคราม เพื่อความอยู่รอดของเผ่า แต่ครั้งนี้กลับพิเศษกว่าครั้งไหนๆ เมื่อมีคำทำนายจาก เทพอินฟรีนิตี้แห่งเผ่ามนุษย์ ว่า คู่รักที่เป็นตำนานของเผ่ามนุษย์จะกลับมาเกิดใหม่ในเผ่าคอสตัล

    พวกเขาต่างยินดี แต่ว่า โชคชะตากลับเล่นตลกคู่รัก คู่นี้ ทำให้พวกเขาเกิดในเธาตุที่ ตรงข้ามกัน และ เพศยังเป็นเพศเดียวกัน  ผู้นำทั้งสองฝ่ายพยายามเลือกวิธีที่ไม่ให้ทั้งสองมาเจอกัน เว้นแต่ว่าพันธะสัญญาของทั้งสอง จะยังคงผูกติดกันอยู่

    ฉัวะ!!!! ตู้บ!!!
    “พอได้แล้ว ทั้งสอง ทีมสีแดงเป็นฝ่ายชนะ”
    เหล่าชายหญิง
    4-5 คนเริ่มถอดหมวกที่เป็นสีแดงและโยนขึ้นเพื่อแสดงความดีใจ ส่วนฝ่ายสีเหลืองก็ยืนปรบมือให้ ไม่มีการทะเลาะกันแต่อย่างใด ลานประลองที่กินพื้นที่ไปครึ่งเมืองเฟรมมิ่ง เป็นสถานที่บันเทิงและแหล่งร่วมกิจกรรมของชาวเมืองแห่งนี้ เหล่านักรบรุ่นใหม่ชายหญิงจะทำการทดสอบที่นี้เพื่อคัดเลือก 5 ทีมต้นๆเพื่อไป ร่วมสงครามครั้งนี้นับว่าเป็นเกียรติของเด็กรุ่นใหม่ที่จะได้รับใช้ราชินีของพวกเขา

    “ยอดเลย พวกเราอยู่อันดับหนึ่งด้วย ได้เป็นหน่วยรบแนวหน้าแน่ๆเลย ออนจิน”
    “...ไม่แน่ใจแหะ ทีมเราไม่ค่อยเหมาะกับแนวหน้าเท่าไหร่ ถ้ากองหนุนน่าจะใช่มากกว่า”
    “อะไรกันดูถูกกันชัดเลย ออนจิน นายเป็นหัวหน้าประสาอะไรไม่มั่นใจตัวเองเลย”
    เหล่าเพื่อนๆของชายหนุ่มเริ่มวิ่งเข้ามาโอบตัวเขา แต่ผลก็ออกมาอย่างที่ชายหนุ่มว่า ถึงทีมพวกเขาจะชนะเลิศ แต่ก็ไม่ได้เป็นหน่วยรบแนวหน้าอย่างที่หวังไว้

    “อาจารย์ไหงเป็นงี้ล่ะ พวกผมชนะที่ 1 เลยนะ ทำไมไม่ใช่แนวหน้าล่ะ”
    “เด็น... เจ้าก็รู้นี่ ว่าแนวการต่อสู้ของทีมเจ้าไม่เหมาะกับ แนวหน้า แต่ไม่ต้องห่วงทั้ง
    5 ทีมจะได้ร่วมรบครั้งนี้แน่นอน ออนจิน ท่านผู้เฒ่าอยากพบเจ้าที่ห้องประชุมใหญ่”
    ชายหนุ่มผิวสีแทนผมสีแดงเพลิง นัยน์ตาสีน้ำตาลเดินออกจากห้องทีมของตนและเดินไปตามทาง เมืองเฟรมมิ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ บ้านเมืองทำขึ้นจากหินแมกม่า ชาวเมือง
    80% เป็นธาตุไฟ จะมีอีก 5% เป็นลูกครึ่งระหว่างธาตุไฟ 10% ใช้พลังไม่ได้ 5% เป็นชาวธาตุอื่นที่เข้ามาอาศัย

    พี่ออนจิน!!!
    “ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นน่ะ เด็กๆ
    =A= ชั่วโมงนี้มันเวลานอนกลางวันไม่ใช่เหรอไง”
    “พวกเรา ป.
    1 แล้วนะ ไม่ใช่เด็กอนุบาล”
    “เอาเถอะ ลงมาจากต้นไม้เดี๋ยวนี้เลย”
    ชายหนุ่มยอมเสียเวลาเพื่ออุ้มเด็กๆลงจากต้นไม้ โรงเรียนของพวกเขานั้น อยู่รวมๆกันตั้งแต่อนุบาลยันม.ปลาย เขาดูจะเป็นที่รักของพวกเด็กๆพอตัว

    “เราให้ๆ สำหรับพี่ชายที่ชนะมา”
    “โห...ให้ฉันคนเดียวก็ไม่ได้หรอกนะ...ต้องเอาไปให้พวกนั้นด้วย อยู่ที่ห้องทีมสีแดงน่ะไปสิ”
    เด็กๆร้องดีใจก่อนจะวิ่งไปตามทาง ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะมองดูดอกไม้สีแดงลายส้ม ดอกเฟรมมิ่ง ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง หาได้ทั่วๆไป เขาเก็บดอกไม้ไว้ในกระเป๋าเสื้อและเดินไปยังห้องประชุมใหญ่

    แอ๊ด....
    “มาช้าจริงๆนะ ออนจิน”
    “ก็คนมันดังช่วยไม่ได้นี่ ท่านผู้เฒ่าทั้งหลาย...แต่พวกท่านก็ไม่ได้หน้าแก่ขนาดนั้นนี่นา”
    เหล่าชายหญิงในห้องประชุมหันมามองชายหนุ่ม พวกเขาถูกเรียกว่าผู้เฒ่าเพราะอายุมากกว่า
    300 ปีแล้ว ชาวคอสตัลนั้นคงความหนุ่มสาวได้จนอายุ500 ปีเท่านั้นหลังจากนั้นพวกเขาก็จะแก่ตายไปตามธรรมชาติ

    “เรามีเรื่องจะคุยกับเจ้า เจ้าจำเรื่องคำทำนายของเทพอินฟรีนิตี้แห่งเผ่ามนุษย์ได้หรือไม่”
    “ข้าจำได้ ว่าเรื่องคู่รักต้องสาปกลับชาติมาเกิด นั้นใช่ม่ะ”
    “เจ้าก็รู้ ว่าตัวเจ้านั้นคือ ชายหนุ่มคนนั้นกลับชาติมาเกิด ทั้งสองต่างเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้เผ่ามนุษย์อยู่รอดมาได้จนปัจจุบัน”
    “แล้วยังไง ข้าไม่เข้าใจ ความหมายกำกวม ของท่านหรอกนะ”ชายหนุ่มเริ่มแสดงท่าทางกวนใส่ผู้ที่อายุมากกว่า

    “เมื่อเจ้าเกิดใหม่ แน่นอนว่าคู่รักของเจ้าก็ต้องเกิดมา...”
    “จริงอ่ะ แล้วเป็นไงบ้าง?”
    “พวกเราต้องการให้เจ้า ลืมเรื่องที่เจ้ามีคู่รักในชาติที่แล้ว มันไม่ใช่ผลดีที่พวกเจ้าจะเจอกัน”
    “อะไรนะ
    !?”ชายหนุ่มแสดงท่าทีตกใจเล็กน้อย
    “เขาเกิดมาในร่างบุรุษ และธาตุน้ำ เมื่อเหล่าเทพจะไม่ปรารถนาให้พวกเจ้าอยู่คู่กัน”
    ผู้อาวุโสหญิงที่นั่งอยู่ใกล้ๆเขาพูดอธิบายขึ้นมา

    “เอาเถอะไม่ว่าจะยังไงอะไรก็ช่าง ข้าจะเลือกคนที่ข้ารักเอง ถ้าพวกท่านยังจำกฎของชาวคอสตัลเราได้ ว่าการบังคับฝืนใจ มันเป็นเรื่องเลวร้ายมากๆ”
    ชาวหนุ่มพูดออกความคิดเห็น เพราะอายุของเขาก็ปามา
    20แล้ว เขาจะไม่ยอมให้พวกผู้อาวุโสกำหนดชีวิตเขาทุกฝีก้าวแน่นอน เมื่อเขาพูดจบเหล่าผู้อาวุโสไม่พูดอะไร เขาจึงโค้งเคารพก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไป

    “ห้ามโน้น ห้ามนี่ เขาเห็นเราเป็นอะไรกัน”
    ชายหนุ่มเดินไปพร้อมกับบ่นพึมพำไป ระหว่างทางเขาก็เห็นเพื่อนร่วมทีมมายืนรอเขาระหว่างทางแล้ว

    “โดนสั่งอะไรมาอีกแล้วสิท่า”
    “แน่ล่ะ คาซัน ข้าเบื่อจะตาย ขอให้ได้อยู่โดยไม่โดนพวกเขาอ้างว่า ข้าเป็นร่างเกิดใหม่ของคนอื่นได้ไหม”
    “เอาน่าๆ อย่างน้อยเจ้าก็ดีที่กล้าแสดงออก”
    ออนจินหันไปมองเพื่อนหนุ่มของตน เหมือนว่าสหายผู้นี้มีความลับอะไรกับเขาอยู่...

    “เดี๋ยวนะ หมายความว่า เจ้าไม่ได้บอกอะไรกับข้าใช่ไหม”
    “...แล้ว”
    “บอกข้ามาเจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่บอกเพื่อนร่วมทีมเจ้า”
    “...ข้าแอบฟังพวกผู้อาวุโสคุยกับเจ้า”
    “นั้นไม่ใช่ปัญหา ทักษะการแอบฟังของเจ้ามันเหนือชั้นไปแล้ว ข้าไม่สนเจ้าปิดอะไรอยู่”
    ออนจินถึงขั้นเอาแขนทั้งสองยันกำแพงข้างๆเพื่อกันไม่ให้เพื่อนชายของเขาหนีไปได้ เขาไม่ได้แสดงความโกรธอะไรออกมาแต่ เพื่อนเขาก็แสดงพิรุธอยู่แล้วว่ามีความลับกับเขาอยู่ ทั้งเบี่ยงหน้าหลบและก้มมองพื้น

    “ข้าได้ยินเรื่องที่คู่รักชาติที่แล้วของเจ้าเป็นชาย”
    “แล้วไง..”
    “ข้า...แต่งงานกับเพื่อนชายที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ประถม เมื่อ
    4 ปีที่แล้ว”
    “ว่าไงนะ
    !?
    ชายหนุ่ม จับไหล่ของสหายตัวเองที่ปิดเรื่องไว้ และเขาก็แสดงท่าทีโกรธมากผมของเขาเริ่มมีเปลวไฟขึ้นมานิดๆ นั้นทำให้ คาซันกลัวมาก ชายหนุ่มผมน้ำตาลยกมือขึ้นประสานกันเพื่อขอโทษอีกฝ่าย

    “ข้าขอโทษจริงๆที่ข้าเป็นพวกโฮโม แล้วไม่บอกเจ้า”
    “ข้าโกรธ...”ไฟเริ่มท่วมหัว
    “ข้าขอโทษ ออนจิน แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าเกลียดข้านี่”
    “เกลียดเหรอเปล่าเลย....”ไฟเริ่มอ่อนลง
    “แล้ว...เจ้าโกรธเรื่องอะไร?”
    “เจ้าแต่งงาน...โดย...ไม่...ชวน...ข้า...ไป เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเลยเหรอ
    !!!ไฟแรงเปลวเริ่มพุ่งขึ้นเพดาน
    “แต่ข้าเป็นเจ้าสาวนะ
    =////=
    ห๋า
    !!!”ไฟดับทันที
    ออนจินเริ่ม ปล่อยมือออกจาเพื่อนของตัวเอง ก่อนจะยืนมองเพื่อนหนุ่มของตน คาซันเริ่มอธิบาย

    “ขอโทษที่ไม่ได้ ชวนแต่มันเมื่อ 4 ปีก่อนแล้ว”
    “เจ้าแต่งงานตอน อายุ
    16 เนี่ยนะ...ไวชะมัด”
    “ข้ามีลูกชายแล้ว อยู่กับเด็กอนุบาล คนรักของข้าอยู่ทีมสีส้ม”
    “ทีมอันดับสามนี่เอง ข้าอุตส่าห์คิดว่าเจ้าตายด้านซะอีก เห็นชวนเจ้าไปบาร์ทีไร เจ้าไม่มองหญิงสาวเลย เอาแต่ดื่มเบียร์อย่างเดียว”
    สหายหนุ่มยิ้มแห้งๆให้ก่อนที่ออนจินจะโอบคอเขา แล้วเดินกลับไปที่ห้องทีมด้วยกัน

    อย่างหนึ่งที่ชาวคอสตัลรู้ๆกันว่า หัวใจของพวกเขาไม่อาจจะบังคับให้รักใครได้ เมื่อใดที่เกิดความรักแบบโฮโมขึ้นมา พวกเขาต่างยอมรับมันมาได้ ตั้งองค์ราชินีรุ่นที่ 3 หรือเมื่อ 1000 ปีก่อนแล้วพวกเขารู้หนทางการกำเนิดทายาทโดยการผสมเลือด เด็กจะเกิดมาในเพศเดียวกับคู่บิดาหรือคู่มารดาเท่านั้น และพวกเขากำเนิดทายาทได้แค่ครั้งเดียว

    “พวกเจ้าเห็นข้าเป็นอะไรเนี่ย ทำไมพวกเจ้ารู้แล้วข้าไม่รู้ล่ะ”
    “โธ่คุณชายออนจินอย่างอนไปเลย เด็น ก็รู้พร้อมกับเจ้านั้นแหละ”
    ว่าแล้วออนจินก็หันไปมองสหายข้างๆนามว่าเด็น ซึ่งปกติเขาต้องพูดโวยวายแล้ว แต่เขากลับนิ่งเงียบเหมือนสติหลุดเพราะช็อก อย่างจัง คนที่รู้ดีคือเพื่อนสาวทั้งสองที่อยู่ในทีม เบรม สาวผมสีฟ้าผู้ใช้ไฟสีฟ้า(เมื่อเธอใช้พลังผมของเธอจะลุกเป็นไฟสีน้ำเงินเข้ม)ลูกครึ่งธาตุมืดและไฟ อาบุร่า สาวผมสีส้ม ธาตุไฟบริสุทธิ์ พวกเธอหันหน้ามองกันและหัวเราะลั่นห้อง เพราะไม่ได้เห็นเพื่อนชาย แสดงท่าทางตลกแบบนี้มานานแล้ว

    “เอาล่า นักรบรุ่นใหม่ จากนี้ต่อไป พวกเราต้องจากเมืองนี้ไปแล้ว”เบรมพูดขึ้น
    เตรียมตัวเดินทางไปสมทบกับ กองทัพคอสตัลที่เมืองหลวงกัน
    !!!”อาบุร่าพูดต่อ
    เย้
    !!!
    สองสาวชูมือขึ้นพร้อมร้องเฮออกมา ชายหนุ่มทั้ง
    3 ดูเรียบร้อยผิดหูผิดตาขึ้นมาทันที

    “เด็น...ยังมีชีวิตอยู่ไหมเนี่ย?”ออนจินสะกิคไหล่เพื่อนหนุ่ม
    “ออนจิน เอาน้ำมาราดฉันที ฉันอยากตาย ถ้าต้องขึ้นเรือเหาะ...”
    “เรือเหาะ?”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×