ลำดับตอนที่ #11
ตั้งค่าการอ่าน
ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : CHAPTER 11 | ยังคงรอ
นิกซ์ป่วยในวันถัดมา

แซนส์วางแผ่นเจลลดไข้บนหน้าผากหญิงสาว ในตอนนี้คนที่สามมารถดูแลอีกฝ่ายได้ก็คือเขากับสแวปพาไพรัส เพราะเหล่าน้องๆ เทมมี่ และแอสเรียลต้องไปดูแลนอกซ์
ส่วนฟริกส์ต้องย้ายไปอยู่กับทอเรียลและห้ามเข้าไปยุ่งกับนอกซ์เด็ดขาด
ส่วนพวกเฟล— อยู่ชั้นล่างของบ้านนั่งฟังเรื่องราวทั้งหมดจากสแวปพาไพรัส พร้อมเสียงตะโกนด่าจากพวกเฟลทั้งสองที่ดังขึ้นมาถึงชั้นบน
กึก
แซนส์เหล่มองคนป่วยที่กำลังขยับตัว เปลือกตาบางค่อยๆเปิดออกอย่างเชื่องช้า นิกซ์เลื่อนสายตามองแซนส์แล้วเบือนหน้าหนีราวกับไม่กล้ามองหน้าเขา
"พวกเฟลล่ะ?" เธอเอ่ยถามถึงเพื่อนจากอีกโลกแทบจะทันที "พวกเขามารึยัง?"
แซนส์ถอนหายใจออกมา "ชั้นล่าง ฉันจะลงไปเรียกให้นะเด็กน้อย"
หญิงสาวผมสีดำนิลมองแซนส์ที่เดินออกไปจากห้องนอน ไม่นานก็มีเสียงโครมครามดังขึ้นพร้อมประตูห้องถูกเปิดเสียงดังลั่นโดยฝีมือโครงกระดูกตัวสูงจากโลกอันโหดร้าย
เฟลพาไพรัสและเฟลแซนส์มองคนป่วยอย่างสมเพช พวกเขาตวัดตาคมเป็นอันขู่พวกแซนส์ว่าอย่ายุ่ง แล้วปิดประตูห้องพร้อมลงกลอนประตูเรียบร้อย
"เหอะ อ่อนแอไม่ต่างจากเมื่อก่อน" เฟลพาไพรัสเอ่ยปากออกมาคนแรก
"อ่อนแอ น่าสมเพช แล้วทีนั้นมาบอกว่าดูแลตัวเองได้"
"นั่นปากรึไงเพ๊พ" นิกซ์เอ่ยออกมาย่างอ่อนแรง ใบหน้าคมแดงขึ้นเพราะพิษไข้ เธอพยายามดันตัวเองให้นั่งแต่ก็ถูกเฟลแซนส์ผลักลงไปนอนเหมือนเดิม
"นอนลงไป จะนั่งให้มันได้อะไร"
หญิงสาวกลอกตา เอื้อมมือไปจับมือของทั้งสองมากุมไว้ ตอนแรกสองคนนี้จะสะบัดมือทิ้ง แต่เมื่อได้เห็นสภาพผู้ป่วยบนเตียงแล้วนั้นก็ทำไม่ลง
"คิดว่าพวกเขาจะเกลียดฉันไหม?"
เฟลแซนส์เลิกคิ้วร้องเหอะออกมาเบาๆ
"นี่หล่อนใช้สมองส่วนไหนคิดกัน ขนาดพวกฉันเคยเห็นมามากกว่านี้ยังไม่เกลียดเธอเลย เพราะงั้น—" นิ้วเรียวที่ไร้เนื้อหนังจิ้มเข้าที่หน้าผากของนิกซ์ "พวกแม่งไม่มีทางเกลียดเธอหรอก และถ้ามันเกลียดเธอล่ะก็มาบอกพวกฉันนี่"
"เดี๋ยวพ่อจะอัดพวกมันให้เละ"
นิกซ์ลอบยิ้มให้กับคำพูดของคนที่เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพ่อ และเป็นทั้งพี่ชายของตัวเธอเอง
"ยิ้มอะไร? อย่าเข้าใจผิดคิดว่าพวกฉันเป็นห่วงหล่อนนะเฟ้ย!" เฟลพาไพรัสแว้ดใส่ ความปากร้ายที่มาพร้อมกับความซึนเดเระนี้ทำให้เธอหัวเราะเบาๆ
"จ้าๆ"
สองพี่น้องเฟลต่างมองหน้าหญิงสาวที่อาการจะเริ่มดีขึ้น— ไม่สิ ไม่ได้ดีขึ้นเลย
จริงอยู่ที่อีกฝ่ายนั้นยังยิ้มและแสดงท่าทีมีความสุข แต่พวกเขาที่รู้จักเธอดีนั้นมันก็เป็นแค่หน้ากากที่เธอหยิบขึ้นมาสวมใส่ นิกซ์ไม่ได้ยิ้มเลยสักนิดเดียว
ดูจากดวงตาที่ดำมืดของเธอก็รู้ได้ทันที
"ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมา" เฟลแซนส์กอดอก ตาคมจ้องมองหญิงสาวบนเตียงที่แสดงสีหน้ามึนงงออกมา "งงอะไร? ฉันว่าฉันก็พูดให้มันเข้าใจง่ายนะ?"
นิกซ์ค่อยๆหุบยิ้มลง น้ำตาสีใสเริ่มเอ่อล้นออกมา พวกเขาสองคนเพียงจ้องมองเธอที่ร้องไห้นิ่งๆไม่ได้พูดอะไรออกไป
ในตอนนี้ทางที่ดีที่สุดคือการปล่อยให้เธอร้องออกมาให้หมด อย่างมากสุดที่พวกเขาทำได้คือการกุมมือหญิงสาว
จริงอยู่ที่ภายนอกของเธอดูเข้มแข็งและแข็งแกร่งมากๆ แต่จิตใจของเธอนั้นกลับอ่อนไหวได้ง่าย
พวกเขารู้ข้อนี้เป็นอย่างดีจากการที่พวกเขาเคยอยู่ร่วมกับเธอเป็นเวลาเกือบปีสองปี นิกซ์นั้นแม้จะโตแต่เธอก็ยังเป็นเหมือนเด็กคนหนึ่ง
เป็นเด็กที่พวกเขาต้องคอยปกป้องไม่ให้จิตใจที่แสนบอบบางนั้นพังทลายลง
เวลาล่วงเลยผ่านไปนานหลายชั่วโมงจนเสียงร้องไห้เงียบไป เฟลแซนส์ยกมืเกลี่ยน้ำตาออกไปแล้วลูบหัวเบาๆเป็นการปลอบ
"จากนี้ไปพวกฉันจะจัดการเอง" เฟลพาไพรัสเอ่ยออกมา เขารู้ว่าอีกสองคนนั้นต่างเข้าใจว่าจัดการที่เขาสื่อหมายถึงอะไร
เฟลแซนส์ทำเพียงหยักไหล่เล็กน้อยราวกับไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ต่างจากนิกซ์ที่มีสีหน้าตกใจและส่ายหัวไปมา
"มันอันตรายเกินไป!" เธอโพล่งออกมาเสียงดัง "พวกนั้นมันไม่สนแล้วหรอกนะว่าพวกนายจะเป็นใครน่ะ! ถ้าพวกนายเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง? เรื่องนี้เป็นเรื่องของฉัน ฉันจะต้องเป็นคนจัดการเอง!"
"แล้ว? จะปล่อยให้พวกมันลอบเข้ามาฆ่าเธอตอนที่ไร้ทางสู้อย่างนั้นน่ะเหรอ?"
นิกซ์นิ่งลงไป "แต่ว่า---"
"หุบปาก ถ้าพวกฉันจะจัดการเองเธอคิดว่าเธอจะหยุดได้เหรอ? ในตอนนี้แค่ขอให้เธอสร้างกระดูกอันเล็กเท่าขี้มดก็ยังทำไม่ได้เลย"
"แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าจะจัดการเอง จะปกป้องพวกฉัน แค่ลุกขึ้นไปเผชิญหน้ากับไอ้เวรสองตัวข้างล่างเธอก็ยังทำไม่ไหวเลย"
นิกซ์กระพริบตาฟังเฟลพาไพรัสเทศนาตัวเองรัวๆ หญิงสาวผมดำส่งสายตาไปให้โครงกระดูกตัวเล็กที่ยืนใกล้ๆกันเป็นอันบอกว่าช่วยให้เขาหยุดที
แน่นอนว่าเฟลแซนส์ส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะใส่เป็นอันบอกว่าสมควรโดน
"และอีกอย่างหนึ่ง เรื่องนี้ใช้เรื่องของหล่อนคนเดียวที่ไหนกัน? อยู่ด้วยกันมาตั้งนานคิดว่าฉันจะปล่อยให้หล่อนไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวรึไง?"
เธอกระพริบตาปริบ ดวงตาสีดำนิลเริ่มมีประกายเล็กน้อย มุมปากกระตุกยิ้มขึ้น
"นี่เพ๊พ— บอสเป็นห่วงฉันใช่ไหม?"
"ห๋า!? แน่นอนสิวะว่าต้อง--- ไม่ใช่เว้ยไม่ใช่! คิดว่าฉันจะไปห่วงมนุษย์ที่น่าสมเพชอย่างหล่อนรึไง!!?"
"นายมันก็ปากไม่ตรงกับใจเหมือนเฟลนั่นแหละบอส"
"เงียบไปซะเงียบไป!!!"
ทั้งด้านของสองโครงกระดูกหนุ่มที่ถูกห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพูดคุยของทั้งสามคนนั้น พวกเขาทำได้เพียงแต่นั่งรอคอยเวลาที่สามคนคุยกันเสร็จ
แต่นึกถึงไม่ทันไรร่างของทั้งสามที่เคยอยู่ในห้องก็เทเลพอร์ตโผล่มากลางโซฟาสีเขียวจนแซนส์กับสแวปพาไพรัสกระเด็นออกจากโซฟา
ทั้งสองมองคนป่วยที่ทำท่าเหมือนกับเวียนหัวคล้ายอยากจะอาเจียนออกมา
"หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดทันที ฉันบอกแล้วไงว่าให้บอสอุ้มเธอลงมาก็ไม่ฟัง"
"เรื่องสิวะ ใครอยากจะอุ้มยัยนี่กัน?"
"ถังขยะ ฉันต้องการถังขยะ— อุ๊ปส์!" นิกซ์ยกมือปิดปากแทบจะทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ของเหลวพุ่งออกมา
สแวปพาไพรัสรีบยื่นถังขยะให้หญิงสาว เธอรับมันมาก่อนจะอ้วกออกมา พวกเฟลที่นั่งขนาบข้างนิกซ์ก็ช่วยลูบหลัง
"ไหวไหมวะเนี่ย?"
"หวะ— ไหวสิ"
สุดท้ายก็ต้องรอให้นิกซ์ปล่อยเศษอาหารออกมาให้เสร็จแล้วค่อยทำการเปิดอกพูดคุยกัน
"เอาล่ะ ฉันพร้อมแล้ว"
นิกซ์พูด เธอจ้องมองแซนส์กับสแวปพาไพรัสที่นั่งมองเธออยู่ จากตอนแรกที่เหมือนจะเล่นๆกันตอนนี้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปจนตึงเครียด
"เธอพร้อมจริงๆใช่ไหมเด็กน้อย?" แซนส์ถามอย่างเป็นห่วง หญิงสาวตรงหน้าพยักหน้าให้
"ฉันกับนอกซ์เป็นลูกครึ่งมอนสเตอร์ และพวกเราก็มีความสามารถแบบนาย" เธอกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "ครอบครัวฉันถูกพวกมนุษย์ฆ่าตายเมื่อหลายปีก่อน จริงๆฉันอายุเทียบเท่ากับพวกนาย"
"เราถูกแกสเตอร์ช่วยไว้ เขาพาพวกฉันไปอาศัยกับครอบครัวดรีมเมอร์ชั่วคราว นั่นจึงทำให้ฉันรู้จักกับแอสเรียล"
"อะไรนะ!?" แซนส์ร้องขัดขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อของบุคคลที่เขารู้จัก นั่นจึงทำให้นิกซ์สะดุ้งเล็กน้อย
"อ่ะ ขอโทษๆ" เขารีบเอ่ยขอโทษเมื่อเห็นนิกซ์เริ่มตัวสั่น แถมยังมีสายตาขมขู่ของพวกเฟลที่จ้องมองมาทางนี้อีก
"พวก— พวกฉันได้แกสเตอร์สอนทุกๆอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องการทดลองดวงวิญญาณ เรื่อง Alternate Universe และทักษะการต่อสู้ต่างๆ"
"ไม่นานแกสเตอร์ก็หายตัวไป แต่จู่ๆเขาก็โผล่มาแล้วพาฉันไปอยู่Undermafia พวกเราอยู่ที่นั่นภายใต้การปกครองของแซนส์โลกนั้น"
"ส่วนพวกที่นายเคยเจอพวกมันมาจากองค์กรเชเซน มาตามล่าตัวฉันกับนอกซ์"
แซนส์กับสแวปพาไพรัสมองหน้ากัน "องกรณ์...เชเซน?"
"องกรณ์รับจ้างที่ทำได้ทุกอย่าง แต่งานส่วนใหญ่จะรับจ้างฆ่า มีสาขาอยู่ทุกจักรวาล แต่สาขาหลักอยู่ที่อันเดอร์มาเฟีย เชเซนมีแหล่งเปิดประตูมิติอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ที่สามารถเปิดไปได้ทุกจักรวาลโดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังของตัวเอง" นิกซ์เอ่ยอธิบายเพิ่มเติม "โดยจุดเปิดประตูมิติคือริมหน้าผาที่ฉันเคยพาพวกนายไปดูดาวตกครั้งก่อน"
"ฉันกับพี่ชายเคยอยู่ในองกรณ์นี้มาก่อน จนพวกเราได้ทำการทรยศ— อ่า ต้องบอกว่าหลบหนีหลังถูกจับได้ว่าเป็นสปายลักลอบเข้าไปถึงจะถูก"
แซนส์ยกมือขึ้นเป็นอันบอกว่าขอเวลานอกสักครู่ ส่วนสแวปพาไพรัสกุมขมับตัวเองราวกับพยายามเรียบเรียงเรื่องราว
"สรุปง่ายๆคือเธอกับนอกซ์เป็นสปายลักลอบเข้าไปในองกรณ์นั้น แล้วพอถูกจับได้เธอกับพี่ชายเลยหลบหนีและถูกตามล่าสินะ?" สแวปพาไพรัสสรุปสิ่งที่เขาฟังมา
"ใช่แล้วพาพี้---" นิกซ์ยกมือขึ้นปิดปากอย่างรวดเร็ว เหล่าโครงกระดูกทั้งสี่มองกันอย่างสงสัย พวกเขามองร่างเล็กที่ตัวสั่นขึ้นมานั่นจึงทำให้รู้สาเหตุ
สแวปพาไพรัสกับแซนส์ถอนหายใจออกมา แซนส์ลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของนิกซ์ เฟลแซนส์กับเฟลพาไพรัสมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ
มือที่ไร้เนื้อหนังเอื้อมวางไว้บนหัวของหญิงสาวแล้วลูบเบาๆ
"นี่เด็กน้อย เธอกำลังกลัวว่าพวกฉันจะเกลียดเธอใช่ไหม?"
นิกซ์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย โครงกระดูกตัวเตี้ยสวมใส่ฮู้ดสีน้ำเงินคุกเข่าลงข้างหนึ่งให้เสมอกับตัวนิกซ์
แซนส์ฉีกยิ้มกว้างเหมือนปกติ แต่มันแฝงไปด้วยความอบอุ่น ข้างๆกันมีสแวปพาไพรัสกุมมือหญิงสาวไว้
"ฟังฉันนะ ฉันขอโทษที่เผลอทำร้ายเธอ และฉันขอโทษที่ทำให้เธอคิดอย่างนั้น" นิกซ์นั่งฟังที่อีกฝ่ายพูดเงียบๆ "พวกฉันไม่มีทางเกลียดเธอนิกซ์ ไม่มีทาง"
"ก็เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่รึไง?"
นิกซ์เบิกตากว้าง นัยน์ตาสีดำที่เคยไร้แววตาเริ่มมีประกายเล็กน้อย เพียงเล็กน้อยจริงๆ เพราะจิตใจของเธอที่เคยแตกสลายไปแล้วนั้น กว่าจะประกอบให้เป็นเช่นเคยได้จำเป็นต้องใช้เวลามาก
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังจะรอ รอจนกว่าเธอจะหายกังวลและพร้อมที่จะเปิดใจกับพวกเขาอีกครั้ง
ทางด้านของฝั่งโรงพยาบาลหรูใจกลางเมืองในห้องผู้ป่วยที่นอกซ์นอนรักษาตัวอยู่มีควันบางอย่างลอยคลุ้งทั่วห้อง สแวปแซนส์ พาไพรัส เทมมี่ และแอสเรียลที่อยู่เฝ้านอกซ์นอนนิ่งสลบระเกะระกะพื้นห้อง
ร่างของบุคคลปริศนาในผ้าคลุมสีดำทั้งตัวสามคนเคลื่อนกายไปใกล้ผู้บาดเจ็บที่นอนไม่ได้สติอย่างรวดเร็ว
"รีบจัดการเร็วๆก่อนที่พวกมันจะตื่น" เสียงหวานใสของร่างเล็กสุดเอ่ยกับอีกสองที่เหลือ ทั้งคู่พยักหน้ารับแล้วหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมา
แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรประตูห้องก็เปิดออกมาโดยฝีมือของชายหนุ่มผมสีเทาบุหรี่ในชุดของแพทย์
"แย่จังๆ" เขาว่าเสียงยียวน แล้วเขี้ยวลูกอมที่เหลือแตกละเอียด "เกรงว่าจะให้พวกคุณเข้าใกล้คนไข้ของผมไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะครับ"
"น่ะ— นี่แก!?" หนึ่งในสามคนร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อเจอกับใบหน้าที่คุ้นเคย "เลเวล0 อดีตหัวหน้าทีมแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านพิษ!!!"
ชายหนุ่มผมเทาเลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจนัก มือทั้งสองข้างกระชับถุงมือสีขาวของตนแล้วหันไปล็อคประตูห้อง
"ผมไม่สนใจเรื่องเก่าๆหรอก เอาล่ะ ชั้นนี้เป็นชั้นพิเศษที่มีแต่พวกเรากับเหล่านางพยาบาลข้างนอก แต่ตอนนี้พวกเธอหลับไปแล้วเพราะงั้นไม่ต้องห่วงเรื่องเสียงร้องหรอก"
ทั้งสามคนในร่างผ้าคลุมสีดำกัดฟันกรอด สองในสามตั้งถ้าหยิบอาวุธก่อนจะถูกห้ามปรามโดยคนตัวเล็กสุดไปซะก่อน
"เราไม่ได้มาเพื่อต่อสู้!" มือผิวสีน้ำผึ้งที่โผล่พ้นผ้าคลุมกางขวางไม่ให้อีกสองคนปะทะ "แค่ทำงานที่ได้รับมาเสร็จก็พอแล้ว"
เขาขมวดคิ้วงุนงงกับคำพูดอีกฝ่าย นัยน์ตาสีเทาควันหดเล็กลงเมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่เข้าไปใกล้กับคนเจ็บบนเตียง
แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันทำอะไร ร่างเล็กที่ดูไร้พิษสงมากที่สุดในสามคนนั้นกลับใช้เข็มฉีดยาอันเล็กที่ซ่อนไว้แทงกลางอกของนอกซ์อย่างรวดเร็ว
ดวงวิญญาณสีแดงปรากฏออกมาเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง
"น่าเสียดายที่เอามาได้แค่นี้จริงๆ" เสียงหวานยียวนกวนประสาทเอ่ยออกมาราวกับต้องการยั่วยุคุณหมอตรงหน้า "แต่เราคงต้องไปก่อน แล้วเจอกันนะคะ"
"คุณไวเปอร์"
จิตสังหารแผ่พุ่งไปทั่วบริเวณห้องแทบทันทีก่อนที่ร่างทั้งสามจะหายไป คุณหมอเจ้าของไข้เดินตรงไปที่เตียงผู้ป่วย
ชีพจรเต้นผิดปกติ และดวงวิญญาณครึ่งดวงและหลอดเลือดที่ค่อยๆลดหายไปที่ล่ะนิดล่ะน้อยทำให้ตัวเขาหวั่นใจ
สาเหตุก็คาดว่ามาจากยาที่ยัยเด็กนั่นฉีดใส่
"ให้ตายสิ มีแต่เรื่องน่ารำคาญทั้งนั้นเลย" มือยกขึ้นยีหัวตัวเองจนผมยุ่ง ถุงมือสีขาวถูกถอดออกเผยให้เห็นรอยสักมงกุฎสีดำตรงข้อมือ
ชายหนุ่มใช้มีดกรีดมือตัวเองแล้วนำเลือดกรอกปากคนที่นอนไม่ได้สติอยู่ ทำให้หลอดเบือดและดวงวิญญาณที่ค่อยๆลดไปนั้นหยุดนิ่งลง
แน่นอนว่ามันช่วยได้ไม่นานเท่าไหร่นัก
มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรหาหญิงสาวที่ช่วยให้เขาหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ที่เขาไม่เคยต้องการ
"เฮ้สาวน้อย ผมคิดว่าเธอควรรีบมา"
"ร้ายแรงแค่ไหน?" น้ำเสียงเรียบนิ่งจากปลายสายและเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายจากคนประมาณสามสี่คนดังลอดเข้ามาในสาย
เขาหยุดนิ่งไปครู่นึง นัยน์ตาคมดั่งเหยี่ยวเหล่มองคนบนเตียงที่ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น
"ร้ายแรงมากๆ"
Talk :
(บทก็มีน้อย แถมยังเจ็บหนักอีก ใช่สิ! ผมมันไม่ใช่ลูกรักคุณนี่!!! // แว่วเสียงจากนอกซ์ลอยเข้ามา)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
กำลังโหลด...
ความคิดเห็น