ลำดับตอนที่ #61
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #61 : Little Cry of The Abyss [AB ver.]
เปลี่ยนเพลงกะทันหัน
เพราะเพิ่งตระหนักได้ว่า โฮพก็เพลงนี้ไปแล้ว
อย่าให้บีลีฟมาเพลงนี้ด้วยเลย จะกลายเป็นพี่น้อง Ama no Jaku ไปหน่อย #?
เพราะเพิ่งตระหนักได้ว่า โฮพก็เพลงนี้ไปแล้ว
อย่าให้บีลีฟมาเพลงนี้ด้วยเลย จะกลายเป็นพี่น้อง Ama no Jaku ไปหน่อย #?
( :: อยากไปเที่ยวค่ะ พาไปหน่อย #โดนตรบ :: )
... นี่มันก็แค่นิทานเรื่องหนึ่งเท่านั้น ...
... ตัวฉันนั้นคือลูกสาวของราชาแห่งท้องทะเล ...
เป็นเจ้าหญิงนางเงือก
พวกพี่สาวที่เป็นนางเงือกด้วยกันเคยบอกกับฉันเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว
'ถ้าเราอายุ 15 เมื่อไหร่จะขึ้นไปว่ายน้ำบนผิวน้ำได้ล่ะ'
...
แต่เพราะพวกเราเป็นนางเงือกก็ควรอยู่ใต้น้ำ
จึงไม่มีใครอยากจะขึ้นไป คงมีแต่ตัวฉันล่ะมั้ง... ที่เฝ้ารอให้ตัวเองอายุครบ 15 ปีไวๆ
... และเมื่อเวลานั้นมาถึง ...
ฉันก็ขึ้นไปเล่นบนผิวน้ำบ่อยๆ คอยมองดูผู้คนที่กำลังหัวเราะ และพูดคุยกันอย่างมีความสุข
การได้มองดูผู้คนที่พูดคุยกันนั่นทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขไปด้วย
... จนกระทั่งวันนั้นที่มีพายุหนักมาก ...
ฉันกำลังจะขึ้นไปบนผิวน้ำตามปกติ ... ตัวฉันเองไม่กลัวกระแสน้ำที่ไหลรุนแรงอยู่แล้ว
แต่ระหว่างที่กำลังว่ายขึ้นไป ฉันก็ดันเหลือบไปเห็นร่างร่างหนึ่งที่กำลังจมลึกลงไปยังก้นทะเล
... ร่างกายของฉันก็ขยับเข้าไปหาเขาเอง ...
ฉันช่วยเขาขึ้นมาจากความมืดมิดของท้องทะเลที่กำลังจะกลืนกินร่างของเขา
คงเพราะตอนนี้เกิดพายุทำให้ไม่มีใครอยู่บริเวณทะเลเลยแม้แต่น้อย
ฉันจึงตัดสินใจนำเขาขึ้นไปวางแถวชายทะเล
ยังคงสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่อ่อนลงของเขา และไม่ได้ยินเสียงหัวใจที่ควรจะดังเป็นจังหวะ
ร่างกายของเขาเย็นขึ้นเรื่อยๆจนฉันอดกลัวไม่ได้ว่าเขาจะตายลงต่อหน้า
แสงจันทร์ที่ส่องสว่างกระทบลงบนใบหน้าขาวซีดของเขา
ผมสีดำนิลเช่นเดียวกับสีผมของฉันสะท้อนอยู่ภายในนัยน์ตาของตัวฉันเอง
หัวใจของตัวฉันเองเต้นระรัวอื้ออึง แม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น
...
"อย่าตายนะคะ"
ฉันจรดริมฝีปากของตัวเองลงกับฝ่ามือของเขาราวกับจะวิงวอน
ชั่ววินาทีนั้นเขาก็เด้งตัวขึ้นพร้อมสำลักน้ำออกมา
แล้วตวัดตาสีดำนิลเช่นเดียวกับสีผมนั่นหันมาทางฉัน
ฉันปล่อยมือของเขาออกโดยอัตโนมัติแล้วว่ายลงไปในทะเล
... ใบหน้าของเขายังคงติดอยู่ในความทรงจำ ...
...
"แลกเสียงของเธอกับขา"
นั่นคือข้อแลกเปลี่ยนที่แม่มดเสนอฉัน
และตอนนั้นฉันคงโง่มาก หรือไม่ก็หลงเขาคนนั้นจนถอนตัวไม่ขึ้น
ฉันถึงได้ตอบรับข้อเสนอนั่นไป
...
ฉันได้มีขาสมใจอยาก
แต่ทว่าก็ไม่มีเสียงที่จะเอื้อนเอ่ยถามหาเขาคนนั้นได้
ตอนที่ฉันนั่งอยู่ริมทะเลมองขาสองข้างของตัวเองนั้น
เสียงของแม่มดผู้นั้นก็ดังขึ้นมาในหัวของฉัน
'แลกเสียงของเธอกับขา'
'ถ้าผ่านไป 3 วันเธอยังทำให้เขารักเธอไม่ได้ เธอจะกลายเป็นฟองคลื่น'
... ฉันบ้าหรือเปล่า ...
ไม่มีเสียงแล้วจะบอกเขาได้ยังไง...?
"คุณครับ?"
ฉันหันไปมองตามเสียงที่มาก่อนจะอ้าปากค้างอย่างคนพูดอะไรไม่ออก
ภาพที่เห็นคือเขาคนนั้นกำลังมองมาที่ฉันพร้อมยิ้มน้อยๆ
"...?"
และเพราะฉันไม่สามารถพูดอะไรได้จึงทำได้แค่พยักหน้าหงึกงักไปก็เท่านั้น
... และเพราะโชคชะตาหรืออะไรก็ไม่รู้ ...
ฉันก็ได้คุยกับเขาผ่านตัวอักษรที่ขีดเขียนขึ้นจากทราย
"ที่ผมทักบีลีฟตอนแรกน่ะนะ
เพราะผมเห็นบีลีฟเหมือนผู้หญิงคนหนึ่งที่ช่วยชีวิตผมไว้ล่ะ"
ก็ฉันเองนี่แหละที่ช่วยเขาเอาไว้
ตอนแรกฉันกะจะเขียนเล่าเรื่องราวให้เขาฟังแล้ว
ถ้าไม่ติดตรงที่เขาได้กล่าวชื่อและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงอีกคนขึ้นมาก่อน
"แต่หลังจากวันนั้นไปผมก็ได้เจอผู้หญิงคนหนึ่งล่ะนะ..."
ท่าทีตอนที่เขาพูดถึงผู้หญิงคนนั้นเต็มไปด้วยความดีใจจนฉันไม่กล้าขัด
... ดูเหมือนฉันจะต้องกลายเป็นฟองคลื่นซะแล้วล่ะมั้ง ...
...
คืนนั้นฉันไปนอนที่บ้านชาวบ้านแถวชายทะเล
และในตอนเช้าฉันก็มาหาเขาที่เดิม คราวนี้เขาไม่ได้มาคนเดียวแต่พาผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย
เธอคนนั้นมีผมเปียสีน้ำตาลฮันเซล ดวงตาสีเขียวเข้ากับโครงหน้า
... รู้สึกคุ้นหน้าของเธออย่างบอกไม่ถูก ...
"บีลีฟ! นี่ไง... ผู้หญิงที่ผมบอกเมื่อวานน่ะ..."
ฉันได้แต่พยักหน้ายิ้มๆ
"สวัสดีค่ะ... เรรันค่ะ"
ชื่อของเธอคนนั้นถูกจารึกติดตรึงเข้าไปในสมองของฉัน...
... คุ้นเคยแต่กลับนึกไม่ออก ...
แต่ภาพตรงหน้าที่สะท้อนผ่านนัยน์ตาสีแดงของฉันก็คือภาพของทั้งคู่ที่ดูท่าจะรักกันจริงๆ
บางสิ่งบางอย่างที่มนุษย์เรียกมันว่า 'น้ำตา' ค่อยๆไหลลงมาจากตาของฉัน
"บีลีฟเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?"
แม้เขาจะเข้ามาดูด้วยท่าทีเป็นห่วงเป็นใยขนาดนั้น
แต่ฉันก็แค่ส่ายหน้าแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่เข้าใจตัวเองก็แค่นั้น...
...
วันที่ 2 ผ่านไปโดยที่ฉันได้แต่มองพวกเขาสองคนเดินด้วยกัน
แต่ฉันก็ตระหนักได้แล้วล่ะ...
...
วันนี้คือวันสุดท้ายที่ฉันจะต้องพยายามแล้ว
เวลาจากนาฬิกาที่ใกล้เที่ยงคืนเข้าไปทุกทีทำให้ฉันหายใจไม่ทั่วท้อง
'อยู่ดูดาวที่นี่ด้วยกันได้ไหมคะ?'
ฉันเขียนข้อความลงบนทรายแล้วหันไปมองเขาที่พยักหน้ายิ้มๆเหมือนเคย
เรรันมองพวกเราแปบหนึ่งก่อนทีี่เธอจะยกยิ้มราวกับพอใจอะไรบางอย่าง...
"ตรงนี้ดาวเต็มเลยล่ะค่ะ"
เรรันร้องขึ้นพลางเดินเข้ามาลากแขนฉันและเขาไปดูดาวทางของเธอ
ฉันยิ้มก่อนจะเขียนคำบนทรายลวกๆว่า 'เดี๋ยวไป' เรรันจึงพยักหน้าแล้วลากเขาไปก่อน
จังหวะนั้นฉันก็นึกถึงคำพูดของแม่มดผู้นั้นอีก
'แต่มีทางแก้คำสาปอยู่ ถ้าเขาตายเธอก็จะไม่ต้องกลายเป็นฟองคลื่น'
... ถ้าเขาตาย ...
ฉันคิดอย่างเลื่อนลอยขณะล้วงมือไปคว้ามีดเล่มเล็กในกระเป๋าเสื้อขึ้นมามอง
... ถ้าเขาตาย ...
... ฉันก็จะไม่ต้องกลายเป็นฟองคลื่น ...
"อุ๊! อยู่ๆก็หิวขึ้นมาซะงั้น... งั้นฉันไปเอาของกินมาเพิ่มนะคะ"
เรรันพูดหัวเราะพลางๆก่อนจะวิ่งรี่ออกไป
ฉันจึงค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ร่างของเขาคนนั้น
เข็มนาฬิกาใกล้ตีบอกเวลาเที่ยงคืนเต็มที
แสงจันทร์ยังคงส่องลงกระทบบนมีดสีเงินของฉันจนมันสะท้อนออกมาสวยงามชวนมอง
ทั้งที่มันเป็นอาวุธไว้คร่าชีวิตแท้ๆ...
"ดาวตรงนี้สวยมากเลยนะครับ... บีลีฟ"
... ฉันทำไม่ได้หรอก ...
เขาที่อ่อนโยนกับฉันขนาดนั้น เสียงของเขาที่เรียกชื่อฉันแบบนั้น...
ฉันโยนมีดในมือทิ้ง และไม่มีความคิดจะหยิบมันขึ้นมาอีกด้วยซ้ำ...
ฉันพยักหน้าให้ตัวเอง
อยากจะแน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองจะทำมันถูกต้องแล้ว
"... อะ... อา...อาคิ"
และก็พยายามจะเปล่งเสียงของตัวเองออกไป
เจ้าของชื่อหันมามองฉัน
"อาคิ..."
ฉันจับคอของตัวเองเอาไว้ราวกับไม่อยากให้เสียงจางหายไป
น้ำตาไหลลงมาจากตามากมาย
ฉันร้องไห้ฟูมฟายอย่างกับคนบ้าในช่วงเวลานั้น...
"... ฉันรักเธอ ฉันรักเธอ"
อาคิระมองมาทางฉันอย่างแปลกใจก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมาหาฉัน
"..."
เราสองคนเงียบไปนาน
ฉันเหลือบตามองเข็มของนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนไว้บนหอคอย
'อีก 30 วินาทีจะเที่ยงคืน'
... เพราะมันใกล้เที่ยงคืนหรือเปล่านะ ...
แม่มดผู้นั้นเลยให้เสียงฉันคืนราวกับจะให้ฉันพูดคำที่ค้างคาใจก่อนกลายเป็นฟองคลื่น
"... ฉันกำลังจะหายไป"
ฉันเริ่มพูดขึ้น อธิบายเรื่องของฉันตอนนี้ก็คงไม่ทัน 30 วินาทีแน่นอน
"...?"
อาคิระมองฉันเหมือนฉันพูดอะไรแปลกๆออกไป
"ฉันจะกลายเป็นฟองคลื่น"
ฉันพูดพร้อมยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะเดินเข้าไปประชิดตัวเขา
แล้วดึงใบหน้าเขาลงมาประทับริมฝีปากเบาๆและผละออก
"แต่ถึงยังไงก็อยากให้รู้ไว้... ฉันรักเธอค่ะ... อาคิระ"
ฉันหัวเราะร่า...
อีก 5วินาทีทุกอย่างก็จะจบลง
ฉันรีบผละออกจากอาคิระแล้ววิ่งลงทะเลไป
อยากจะตายในสถานที่บ้านเกิดของตัวเองมากกว่าบนดิน...
และภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นเขาก็คือภาพที่ใบหน้าของเขาที่กำลังร้องอะไรบางอย่าง
... แต่เหมือนสัมผัสทั้งหมดในร่างกายฉันจะไม่รับรู้อีกแล้ว ...
...
... แล้วฉันก็หลับไป ...
...
แสงสีขาวสาดเข้ามาปะทะใบหน้า
ฉันลืมตาขึ้นมองเห็นเรรันกำลังนั่งมองฉันอยู่ทั้งรอยยิ้ม
"ขอบใจสำหรับนิทานอีกเรื่องจ๊ะบีลีฟ"
เธอพูดก่อนปิดสมุดในมือลง แล้วยัดปากกาใส่กระเป๋าตัวเอง
"ทำไมนิทานของเธอถึงไม่สมหวังทุกเรื่องเลยน้า~?"
เรรันพูดพลางถอนหายใจก่อนหันไปยิ้มหวานให้บีลีฟอีกครั้ง
"แล้วเจอกันในโลกแห่งความเป็นจริง"
เธอพูดก่อนที่ฉันจะรู้สึกได้ว่าทุกอย่างดับมืดลงอีกครั้ง...
...
ผลปรากฏว่าทุกอย่างเป็นเพียงแค่ฝันของฉันก็เท่านั้น
... แน่ล่ะสิ ... อาคิระเป็นใครฉันยังไม่รู้จักเขาเลย
เรรันก็อีก... แต่ทำไมไม่รู้ถึงรู้สึกคุ้นเคยเสียเหลือเกิน...
"บีลีฟ~ ไปกวาดโบสถ์หน่อยสิ"
พี่โฮพพูด ฉันพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินไปคว้าไม้กวาด
และจังหวะนั้นตาของฉันก็กวาดไปเห็นผู้ชายผมดำคนหนึ่งที่ทำท่าเหมือนกำลังตามหาอะไรบางอย่าง
"คุณค่ะ... กำลังหาอะไรอยู่เหรอคะ?"
ฉันเอ่ยถาม ผู้ชายคนนั้นหันมามองฉัน และนั่นทำให้ฉันต้องเบิกตากว้าง
เขาเหมือนกับผู้ชายที่ชื่ออาคิระในฝันของฉันทุกอย่าง
"หาน้องสาวของผมน่ะครับ"
เขาตอบก่อนจะหันมายิ้มให้ฉัน
"งั้น... เดี๋ยวฉันช่วยหาก็ได้ค่ะ..."
ฉันพูดยิ้มๆก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวขึ้น
"ฉันชื่อบีลีฟค่ะ"
เขาชะงักไปเมื่อได้ยินชื่อฉัน ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันแล้วพูดขึ้น
"ผมชื่ออาคิระครับ"
...
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ..."
...
โชคชะตากำลังเล่นตลกกับฉันอยู่หรือไงกัน...?
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น