ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Pain In Memory ลางรัก แรงอดีต

    ลำดับตอนที่ #9 : เริ่มต้นใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 47




                    R..R..R..R...





                    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างที่กฤษณะขับรถออกมาจากบ้านณัฐถกาได้ครึ่งทาง  มือข้างหนึ่งละจากพวกมาลัยรถหยิบขึ้นมากดรับ





                    \"นายอยู่ที่ไหน\"  เสียงประพฤติแทรกมาตามสาย  \"ฉัน miss call นายไม่รู้กี่ร้อยเที่ยวแล้ว!!\"





                    \"นายอยู่ไหน  เดี๋ยวฉันจะไปหา\"  เขาไม่ตอบแต่กลับเป็นฝ่ายถามขึ้นมา





                    \"โรงพยาบาล\"





                                                            

                                                              # --------------------------------------------------- #







                    \"นายหายไปไหนมา\"  ประพฤติถามทันทีที่เจอหน้าชายผมแดง





                    \"ช่างเถอะ  นายมีอะไร\"





                    \"เมื่อวานฉันยังพูดเรื่องพ่อนัทของไม่จบนายก็พลุนพลันออกไป  แล้วนี่นายคงไม่คิดว่านัทเขาจะรู้เห็นเป็นใจกับพ่อของหล่อนหรอกนะ!!\"





                    \"ก็หรือไม่ใช่!!\"





                    \"ก็ไม่ใช่น่ะซิ  เจ้าบื้อเอ๊ย!!  เดี๋ยวก่อน..เดี๋ยวก่อน  นายหายไปไหนมา\"  ประพฤติชะงักเมื่อสังเกตเห็นเสื้อผ้าที่ยังคงเป็นชุดเดียวกับเมื่อวาน





                    \"นายเล่าเรื่องพ่อของยัยนั่นมาก่อนแล้วฉันจะบอกทีหลัง\"





                    \"นายรู้เรื่องแผลที่แขนซ้ายของหล่อนมั้ย\"  กฤษณะพยักหน้าตอบ  \"หล่อนเป็นคนทำ  มันเป็นปัญหาการสั่งการทางสมองที่เกิดจากจิตใจที่...\"





                    \"เลิกใช้ศัพท์ทางแพทย์ได้มั้ย  นายช่วยเล่าให้เหมือนคนปกติหน่อย\"





                    \"นัทถูกพ่อทำร้ายร่างกายตั้งแต่ยังเด็ก  ไม่ใช่แค่ตบตีทางร่างกายแต่รวมถึงข่มขืนด้วย\"  





                    กฤษณะกำมือแน่นเมื่อได้ยิน  ในใจเริ่มสับสน  





                    \"จนกระทั่งเกิดเรื่อง  ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอกนะ  รู้แต่ว่าวิษณุ...  นายจำเด็กรุ่นน้องคนนั้นได้ใช่มั้ย  ถูกไฟครอกตายอยู่ในบ้านของนัท  หลังจากนั้นไม่นานก็จับตัวพ่อของนัทได้  ใบหน้าถูกไฟไหม้ไปเกือบครึ่งค่อน  ตำรวจรู้ว่าเขาฆ่าวิษณุแต่ก็หาหลักฐานไม่ได้  มันถูกเผาไปพร้อมกับบ้านแล้ว  ไอ้พ่อชั่วนั่นก็เลยพ้นโทษประหารชีวิต  แต่ก็ต้องติดคุกตลอดชีวิต  ส่วนนัทก็ไม่อยู่ในสภาพที่ให้การอะไรได้  หล่อนเป็นหนักมากถ้าไม่มัดไว้ก็คิดแต่จะทำร้ายตัวเอง  สุขภาพและจิตใจก็ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ  จนแพทย์ทุกคนคิดว่าเอาไว้ไม่อยู่แน่  ตัดสินใจส่งหล่อนไปรักษาที่อเมริกา  ฉันถึงแปลกใจที่หล่อนกลับมาอยู่ญี่ปุ่นแล้วมาทำงานกับนายน่ะ  เฮ้!  กฤษ  นายเป็นอะไรรึเปล่า\"  ประพฤติทักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าซีดขาวจนน่ากลัว





                    กฤษณะส่ายหน้าตอบอย่างมึนงงกับความจริงที่ได้รับรู้  เหมือนโดนทุบศีรษะอย่างแรง  





                    \"อ้อ..นี่  ตำรวจเอามาให้  เขาเจออยู่ในที่เกิดเหตุน่ะ  เห็นว่ามีการ์ดแนบชื่อนาย\"  ชายหนุ่มยื่นกล่องของขวัญที่เคยได้รับการห่ออย่างประณีตส่งให้เพื่อน  





                    กฤษณะรับมากำแน่นนานทีเดียวกว่าจะแกะออก  เผยให้เห็นนาฬิกา  ตัวเรือนทำด้วยทองคำขาว  หน้าปัดที่มีรอยร้าวนั้นรายล้อมด้วยเม็ดเล็กๆของไพลินสีฟ้าเข้ม!!  





                    อีกครั้งที่ชายหนุ่มร่างสูงรู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวาบ  เมื่อวาน..ถ้าเขาฟังป่านให้จบ  ถ้าเขาเพียงแต่เอ่ยปากถามนัท  ถ้า..ถ้า..ถ้า..แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว  เขาทำลงไปแล้ว  ทำลายคนทั้งสองคนที่รักเขาและคนที่เขารัก  เขารู้สึกว่าตัวเองเลวไม่ต่างอะไรเลยกับพ่อของนัท  การกระทำที่หญิงสาวร่างบอบบางต้องพบเจอมาตลอดชีวิต  เขาเองแหละที่เป็นคนตอกย้ำและเพิ่มความเจ็บช้ำสร้างทับรอยแผลเดิมให้มันกระจ่างชัดยิ่งขึ้น  มารู้ตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร  ยิ่งคิดยิ่งตอกย้ำให้เห็นความทุเรศของตัวเองมากขึ้นไปอีก  เขาเป็นคนที่เห็นแก่ตัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?  เขาทำร้ายร่างกายและจิตใจนัท..ทำร้ายจิตใจริน...





                    ชายหนุ่มก้มลงมองนาฬิกาที่อยู่ในมือของตน  เวลาหยุดเดินแล้ว..เหมือนสายโยงใยชีวิตของคนที่มอบให้หยุดนิ่งเช่นกัน  ไพลินสีฟ้าเข้มส่องกระทบแสงไฟ  แสงสว่างเกินไปจนเขาไม่อาจสู้ได้  เขาหรี่ตาลงพลางกลืนน้ำตาให้ย้อนกลับเข้าไปภายในใจ





                    \'กฤษชอบสีอะไร..สีแดงใช่มั้ย?\'





                    \'อะ..อืม\'  กฤษณะพึมพำตอบขณะที่ใจเหม่อลอยไปถึงใครอีกคนหนึ่ง  \'แล้วถามทำไมหือ?  จะเอาไปทำนายดวงรึไง  ฮึฮึ\'






                    จะให้หมายความว่าอย่างไรกับแสงประกายวาวของไพลิน?  มันไม่ใช่คำประกาศและยอมรับของคนที่ให้มันมาหรอกเหรอ?  ประกาศว่ารับรู้ความในใจของเขาพร้อมทั้งยอมรับและเข้าใจอย่างไม่มีเงื่อนไข





                    กฤษณะเพิ่งจะรู้และเข้าใจอย่างแท้จริง  เขาได้สูญเสียอริญญาไปตลอดกาล  ไม่ใช่ตอนที่เห็นศพ  ไม่ใช่ตอนที่โลดแล่นไปกับการทุ่มความแค้นลงที่ณัฐถกา  หากแต่เป็นขณะที่อริญญาตัดสินใจจะให้นาฬิกาเรือนนี้กับเขาต่างหาก





                    \"แล้วไหนนายลองบอกมาซิว่านายหายไปไหนมา\"  เสียงประพฤติปลุกชายหนุ่มจากภวังค์





                    เขาพูดไม่ออก  นั่งนิ่งอยู่นานก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย  \"ฉันไปหานัท\"





                    \"นายทำอะไรเขา\"  ประพฤติถามทั้งๆที่พอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายทำอะไรลงไป  ความโมโหพุ่งจี๊ดขึ้นมากับความใจร้อน  ไม่ต้องการฟังคำตอบของอีกฝ่าย  \"นายแก้แค้นให้รินงั้นสิ  งั้นฉันถามหน่อย  ตอนที่เกิดเหตุกับรินนายอยู่ที่ไหน?  อยู่กับนัท?  ฉันสงสัยจริงๆว่านายเคยเห็นความผิดของตัวเองบ้างมั้ย?\"  เขาหยุดพูด  เมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายก็รู้ว่าที่เขาเอ่ยนั้นถูกต้องทุกอย่าง  เขาไม่อยากจะพูดถึงความผิดพลาดของกฤษณะเพื่อตอกย้ำชายหนุ่มให้มากไปกว่านี้อีกแล้ว  เพราะดูท่าอีกฝ่ายจะสำนึกอย่างเต็มที่  เขาทำได้แค่พูดเตือน  \"แล้วนายไม่คิดจะแก้ไขอะไรให้มันดีขึ้นรึ?  แล้วฉันขอเตือนนายซักอย่าง  คนเราถ้าเลือกเพราะหลงน่ะจะได้ก็แค่เงาความสุขเท่านั้นนะ\"





                    ชายหนุ่มร่างสูงนิ่งงันไป  เขาเลือกณัฐถกาก็เพราะหลงหรือรัก  ความหอมหวานของกลิ่นกาย  และความนุ่มนวลของผิวกายที่แม้เขาจะลิ้มลองในขณะที่โกรธเกรี้ยวและอยากจะให้ร่างบอบบางย่อยยับไปกับมือนั้น  จริงหรือที่เขาแค่หลง?  จริงหรือที่แค่มุ่งมั่นอยากแก้แค้น?  จริงหรือที่เขาเคียดแค้นอีกฝ่ายจนรักไม่ลง?  แล้วความรู้สึกที่อยากลิ้มลองอีกครั้งล่ะ  ความรู้สึกที่อยากจะให้ร้องไห้จนขาดใจหรือแค่รอยยิ้มเพียงนิด..ทั้งหมดก็แค่อยากจะให้เกิดเพราะมาจากเขา





                    ใช่..นัท!!  จะทันมั้ยสำหรับการขอโทษ  จะทันมั้ยกับการเปิดโอกาสให้เขาชดเชยความผิด  และจะทันมั้ยหากเขาจะเป็นผู้มอบความสุขเพื่อชดเชยให้อีกฝ่ายที่ความสุขนั้นขาดหายไปเกือบทั้งชีวิต  จะทันมั้ย...





                    เขารีบลุกขึ้นและกระโจนออกนอกห้องพร้อมกับไม่ลืมขอบใจประพฤติ  เขาได้สูญเสียอริญญาไปแล้ว  และจะไม่ยอมสูญเสียณัฐถกาไปอีกเป็นอันขาด!!!





                                                    

                                                              # --------------------------------------------------- #







                    ณัฐถกาเหลือบไปมองดอกไม้ในแจกันซึ่งเปลี่ยนชนิดไม่ซ้ำในแต่ละวัน  เจ้าของดอกไม้ที่เอามาให้..ณัฐถกายังจำได้ถึงใบหน้าซูบเซียวและสงบเสงี่ยมลงผิดหูผิดตา  ต่างไปจากคนที่เคยกราดเกรี้ยวประชดประชันหล่อนอย่างสิ้นเชิง  ในใจหญิงสาวรู้สึกปั่นป่วน  เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คนใจแข็งอย่างที่แสดงออกอยู่แล้ว  เป็นเพียงคนคนหนึ่งที่ขาดแคลนความรักและต้องการมันอย่างมากด้วย  จนถึงขั้นทำร้ายตัวเองแลกกับความสนใจจากคนอื่น  คิดเพียงว่าคงไม่มีอะไรมาฉุดรั้งเธอให้ขึ้นจากความมืดได้  แต่ก็เป็นกฤษณะไม่ใช่เหรอที่ทำให้เธอเห็นแสงสว่างที่ส่องกระจ่างอยู่ลิบๆ  ณัฐถกาเกิดความลังเล   เธอควรจะไขว่คว้าแสงสว่างนั้นไว้ซึ่งอาจทำลายตัวเธอในวันข้างหน้า  หรือ ดับแสงแห่งความหวังนั่นซะและจมอยู่กับความเศร้าต่อไป...





                    \"หิวน้ำมั้ย..นัท?\"





                    \"ฉันว่าแอร์ห้องนี้มันเย็นไปหน่อยรึเปล่า?\"





                    \"อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย  คุณคงเบื่อกับข้าวของโรงพยาบาลแล้วล่ะ\"





                    \"อยากไปเดินเล่นเหรอ  เดี๋ยวฉันพาไป\"





                    ทุกคำถามก็จางหายไปเมื่อคำตอบที่ได้มีเพียงความเพิกเฉยและส่งสายตาดุๆตอบแทนกลับมา  ทำไมณัฐถกาจะไม่รับรู้ถึงความง้องอนและห่วงหาอยู่ในประโยคคำถามเหล่านั้น  แต่ก็แค่อยากจะเห็นแก่ตัวซักพัก  ปล่อยใจให้เป็นอิสระและค้นหาคำตอบที่แท้จริง  ซึ่งในตอนนี้ตาชั่งค่อนข้างจะเอนเอียงมาทางกฤษณะพอสมควร  เวลานี้นึกคำหยาบคายที่อีกฝ่ายกร่นด่าเธอแทบไม่ออก  ความเจ็บช้ำก็ดูตื้นเขินซะเหลือเกินเพียงแค่ได้ยินกระแสเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนและช่างเอาอกเอาใจ  ความทนุถนอมที่เธอแทบจะไม่เคยได้รับมาเกือบตลอดชีวิตคอยจะทลายกำแพงลงอย่างรวดเร็ว





                   \"ไงนัท  คุณยังไม่ยกโทษให้กฤษมันอีกเหรอ?\"  





                    ณัฐถกาหันไปมองทางต้นเสียง  ยังไม่ทันตอบ  โยธกาอีกคนหนึ่งก็ถามขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง





                    \"อย่าไปแกล้งกฤษมันมากนักเลย  ดูดิ  น่าสงสารนะ  ออกไปนั่งจ๋อยอยู่ข้างนอก  งอนเหมือนเด็กไม่มีผิด\"  โยธกากลั้วหัวเราะ  ในใจนึกขำที่เห็นเพื่อนเป็นแบบนี้  ใครจะไปนึกว่าผู้ชายตัวออกโตจะใจน้อยได้ขนาดนี้





                    \"ฉันไม่ได้แกล้งอะไรเขาซักหน่อย\"  ณัฐถกาตอบเสียงเรียบ  \"ก็แค่อยากเอาคืนเล็กๆน้อยๆกับสิ่งที่เขาทำไว้กับฉัน\"





                    \"เอาเถอะ  จะตัดสินใจยังไงก็เป็นสิทธิ์ของคุณล่ะนะ  แต่ผมอยากจะบอกไว้ซักหน่อยว่า  ถึงแม้ความสุขจะไม่ได้ลอยมาง่ายๆก็จริง  แต่มันก็วนเวียนอยู่แค่หน้าเรานี่เอง  เพียงแต่เราจะฉวยมันไว้หรือปล่อยมันไปก็เท่านั้นแหละ\"





                    \"ขอบใจนะ..ป่าน, โย\"





                    \"แล้วนี่จะออกจากโรงพยาบาลวันไหนน่ะ\"





                    \"วันนี้แหละ  ตอนบ่ายๆ\"  หญิงสาวตอบแล้วก็เหลือบหันไปมองชายร่างสูงที่งอนอยู่นานกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง





                    \"ไงกฤษ  ออกไปทำใจได้แล้วเหรอ\"  โยธกาแกล้งหยอก





                    ชายร่างสูงได้แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พร้อมกับเดินมาหยุดอยู่อีกข้างหนึ่งของเตียง  เอ่ยเสียงอ่อนโยน  \"ผมไปบอกหมอแล้วนะว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาล  เดี๋ยวเขามาตรวจอีกรอบผมก็ไปส่งคุณกลับบ้านได้แล้วล่ะ\"





                    \"ขอบใจนะ  แต่ฉันขอให้ป่านกับโยไปส่งให้แล้วล่ะ\"  หญิงสาวตอบ  พยายามเมินคำว่า \'กลับบ้าน\' และน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนที่ทำให้เธออุ่นวาบขึ้นมาในใจ





                    กฤษณะหันไปมองเพื่อนทั้งสองพร้อมกับส่งสายตาพิฆาตเป็นเชิงบังคับว่า \'ให้ปฎิเสธเดี๋ยวนี้  ไม่งั้นมีเรื่อง\'  





                    ประพฤติจึงหันไปพูดกับณัฐถกาอย่างรู้หน้าที่  \"ให้กฤษไปส่งน่ะดีแล้วล่ะนัท  เพราะฉันกับโยพอดีติดธุระน่ะ  ใช่มั้ย..โย?\"





                     \"เอ๊ะ  ไม่นี่ก็เห็นว่า...อ๊ะ  อ๋อ..ใช่ๆ  ติดธุระน่ะ  ติดธุระ\"  โยธกาเปลี่ยนคำตอบจนลิ้นแทบพันกัน          





                    \"ถ้างั้นพวกฉันกลับเลยล่ะกันนะ  ขับรถดีๆล่ะ\"  ประพฤติรีบชิงบอกลาทั้งๆที่ในใจคิด  กับเพื่อนกับฝูงทำมาดุใส่  ทีกับณัฐถกาล่ะไม่กล้าหือซักนิด!!





                                                  

                                                              # --------------------------------------------------- #







                    \"ฉันอยากไปเยี่ยมริน\"  ณัฐถกาพูดขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบมาตลอดทาง  ชายร่างสูงชำเลืองมามองเธอแว่บเดียวก่อนเปลี่ยนเส้นทางตรงไปยังสถานที่ซึ่งอริญญานอนหลับอย่างสุขสงบ





                    ณัฐถกาก้าวตรงไปข้างหน้า  แผ่นป้ายหินตั้งอยู่หน้าเมร  ไม่ใส่ใจที่จะยกมือปาดน้ำตาที่บัดนี้รินไหลจนภาพเบื้องหน้าพล่ามัว...





                    \"ริน...\"  หญิงสาวส่งเสียงเรียกแผ่วเบาราวกับว่าหากเรียกดังกว่านี้จะเป็นการรบกวนอีกฝ่าย  \"ฉันขอโทษ\"  หยาดน้ำตาหยดต้องแผ่นหินที่มีชื่อสลัก  มีดอกไม้แห้งที่ดูจะวางอยู่ไม่ขาด  ณัฐถกาลูบไล้แผ่นหินอย่างอ่อนโยน





                    กฤษณะเดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังของอีกฝ่าย  พลางย่อตัวลง  \"รินเค้าสบายใจแล้วล่ะ  ทุกอย่างจบลงแล้ว  แต่ว่า..จะไม่สบายใจอยู่อย่างเดียวก็ที่นัทเพื่อนของเค้าไม่ยอมยกโทษให้กฤษคนนี้ซักที\"





                    ณัฐถกาเบี่ยงตัวออกและลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  พร้อมกับหันหลังก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว  ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าน้ำตาเหือดแห้งหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่  หญิงสาวเร่งฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่ายตามหลังมา





                    \"อยู่ต่อหน้ารินคุณยังพูดอย่างนี้อีก  น่าสงสารรินที่มีคนรักอย่างคุณ!!\"





                   \"เดี๋ยวก่อนสินัท\"  กฤษณะตามทันและคว้าแขนร่างบางไว้ได้  พร้อมกับหมุนตัวอีกฝ่ายให้หันมาเผชิญหน้ากับตน  





                    ณัฐถกาหยุดและหันกลับมามอง  ไม่ใช่เพราะมือที่กำแน่นนั้นหรอกที่หยุดหล่อน  แต่เป็นน้ำเสียงและสีหน้าที่บ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายจริงจังมากแค่ไหนต่างหาก





                    \"ผมขอโทษที่ทำร้ายคุณ  ทำให้คุณเจ็บปวด  ยกโทษให้ผมได้มั้ย?  แล้วผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมจริงใจกับคุณแค่ไหน  ผมไม่ขอสัญญาหรอกนะว่าจะไม่ทำให้คุณเจ็บปวดเพราะมันก็เป็นเพียงคำพูด  ฉผมจะทำให้คุณเห็น  ขอแค่คุณให้โอกาสผม..ได้มั้ย?\"





                    \"แล้วรินล่ะ\"  กฤษณะยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับอีกฝ่าย  จนป่านนี้หญิงสาวคนนี้ก็ไม่เคยคิดถึงตัวเองก่อนคนอื่นซักที  แม้ว่าคนคนนั้นจะจากโลกไปแล้วก็ตาม





                    \"รินรู้ตั้งนานแล้วว่าผมรักคุณ\"  ณัฐถกาเงยหน้าหันไปมองชายหนุ่ม  เห็นหน้าทะเล้นนั่นแล้วอยากซัดซักตั้ง  จะบอกรักยังต้องตีขลุมอ้างชื่อคนอื่นขึ้นมา  \"แล้วยังฝากมาบอกอีกว่าให้นัทยกโทษและรักกฤษน้อยๆคนนี้ให้มากๆ\"





                    \"กฤษน้อยๆ!?\"  ณัฐถกาเค้นเสียงพูด  อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มรับอย่างหน้าชื่นตาบาน  หญิงสาวร่างบอบบางทนไม่ไหว  อดไม่ไหวจริงๆ  ขอซักทีเถอะ!!!





                    อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง...  \"อึ่ก!!\"





                    กฤษณะลงไปนั่งกุมท้อง  \"โอ๊ย..เล่นขึ้นเข่ากันเลยเหรอ\"  





                    ณัฐถกาไม่ฟัง  ขยับตัวจะเดินหนีแต่ก็ไม่ทันมือกาวอย่างกฤษณะ  ชายร่างสูงรีบลุกขึ้นพร้อมกับรั้งอีกฝ่ายเข้ามาใกล้





                    \"ผมรักคุณ  ยกโทษให้ผมนะ\"





                    คำๆนี้ไม่ใช่เหรอที่เธอปรารถนาจะได้ยิน  อ้อมกอดนี้ใช่มั้ยที่เธอต้องการ  คนคนนี้แน่หรือที่จะช่วยเยียวยาให้รอยแผลเป็นของเธอจางหายไป  ยังไม่ทันที่ณัฐถกาจะได้ตอบคำถามริมฝีปากอุ่นก็ทาบแนบสนิทลงบนริมฝีปากของเธอ  เพียงเท่านั้นณัฐถกาก็มีคำตอบที่แน่นอนเกิดขึ้นในใจ...







                                                

                                                                                         - จบบริบรูณ์ -

    .
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×