ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chaos Legion : Damian and Derpentious

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 : เวทพิทักษ์

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 48




                  เสี้ยววินาทีก่อนที่ดาบจะฟาดฟันถูกเป้าหมาย  สัญลักษณ์บางอย่างบนหลังพระหัตถ์ของเมเดียสก็ปรากฏขึ้นก่อนจะเปล่งแสงสีทองสว่างจ้าออกมาแล้วแปรสภาพเป็นม่านโปร่งแสง  ดาบใหญ่ที่ปะทะถูกก็สั่นกึกก่อนจะพาให้เจ้าของดาบผงะถอยเหมือนถูกพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นผลักออก  จากนั้นม่านโปร่งแสงนั้นก็สลายหายไปในพริบตาก่อนที่เวนเดอรัสจะได้ทันจับต้นชนปลายได้ถูก



                  เมเดียสรู้สึกถึงความผิดปกติ  ทั้งๆที่พระองค์ควรจะถูกอีกฝ่ายปลงพระชนม์ด้วยดาบคมไปเรียบร้อยแล้ว  แต่กลับยังประทับอยู่บนหลังม้าโดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดและไม่มีส่วนไหนบุบสลาย  พระองค์ลืมตาขึ้นมองแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นบุคคลที่เคยอยู่ในระยะประชิดพระองค์เมื่อครู่กลับกลายเป็นห่างออกไปถึงสองก้าว



                  ทำไมเวนเดอรัสถึงไปอยู่ตรงนั้น  แล้วทำไมเราถึงไม่ถูกฆ่า  เกิดอะไรขึ้นในช่วงที่เราหลับตารอความตายที่กำลังจะเกิด



                  หลากหลายคำถามประดังเข้ามาอยู่ในสมอง  แต่ไม่ทันที่เมเดียสหรือเวนเดอรัสจะได้ขยับตัวหรือตรัสอะไรออกมา  ทหารองครักษ์สามนายของฝ่ายเดเมี่ยนก็ควบม้าเข้ามากั้นหน้าเมเดียสเพื่อคุ้มกันความปลอดภัย



                  \"คุ้มครององค์เหนือหัว\"  หัวหน้าองครักษ์บอกกับอีกสองคนที่ตั้งดาบรอท่าอยู่ก่อนแล้ว  ก่อนจะหันมาทูลกับกษัตริย์ของตนพลางยื่นดาบที่พระองค์ทำตกให้  \"บาทเจ็บตรงไหนรึเปล่า  ฝ่าบาท\"



                  \"ไม่...\"  พระองค์ตอบ  พยายามเรียกสติกลับเข้ามาในสนามรบที่กำลังชุลมุน



                  เมเดียสถือโอกาสที่เวนเดอรัสกำลังวุ่นวายอยู่กับการประมือกับองครักษ์สองคนก็ชักบังเหิยนควบม้าหนีไปอีกทาง  พระองค์มองไปรอบทิศทาง  สำรวจถึงสถาณการณ์และจำนวนของทหารฝ่ายเดเมี่ยนที่กำลังสู้รบกับข้าศึก  เมื่อเห็นว่ากำลังพลของเดเมี่ยนที่เหลือน้อยกว่ากำลังจะเสียเปรียบก็ควบม้าวิ่งไปให้ใกล้กับป้อมหลังกำแพงวังมากที่สุด  พระองค์เป่าปากส่งสัญญานให้ทหารที่อยู่บนป้อม  และเสียงแตรของทหารบนป้อมที่ถูกเป่าก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ  ครู่ต่อมา  กองทัพสำรองอีกนับพันของเดเมี่ยนก็ควบม้าออกมาจากป่าทั้งสองข้างทาง  กระโจนเข้าสู่สนามรบ  และเปิดฉากใหม่อีกครั้งที่ทำให้ฝ่ายเดเมี่ยนกลับกลายมาเป็นฝ่ายได้เปรียบที่มีทหารมากกว่าข้าศึกถึงสองเท่า



                  เวนเดอรัสสบถ  นึกเจ็บใจที่เสียรู้ให้กับฝ่ายเดเมี่ยน  ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะซ่อนทหารสำรองไว้อีกเท่าตัวในป่าดั่งเช่นที่คนของพระองค์คาดเดา  จากที่เดอเพนเทียสกำลังได้เปรียบ  ตอนนี้กลับตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าถึงสองเท่า  พระองค์ได้แต่มองทหารของพระองค์ล้มตายเป็นผักปลา  จำนวนทหารของเดอเพนเทียสเริ่มร่อยเหลอลงเรื่อยๆ  สุดท้ายพระองค์ก็ตัดใจที่จะดึงดันสู้ต่อเพราะถึงยังไม่ก็ไม่มีทางชนะ  เก็บชีวิตทหารที่เหลือไว้แล้วกลับไปตั้งหลักใหม่เพื่อรอวันกลับมาแก้คืนวันหน้าก็ยังไม่สาย



                  \"ทหารทุกคน  ถอย!\"  



                  ดำรัสสั่งจากเวนเดอรัสทำให้ทหารของเดอเพนเทียสต่างถอยหนีเอาตัวรอด  มุ่งหน้ากลับไปยังค่ายพักชั่วคราวที่ชายแดน



                  \"ไม่ต้องตาม\"  เมเดียสตรัสกับทหารเดเมี่ยนที่ลุกไล่ต้อนข้าศึกไปทางชายแดน  \"ปล่อยพวกมันไป  เราจะรอวันที่พวกมันกลับมาอีกครั้งแล้วเราจะตั้งรับอย่างมีศักดิ์ศรี\"



                  ภาพทหารข้าศึกพากันวิ่งหนีกระจัดกระจายอย่างรักตัวกลัวตายเสียดายชีวิต  ภาพแห่งชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ที่เรียกเสียงเฮให้กับทหารเดเมี่ยน  เหตุการณ์ที่เดเมี่ยนสอนบทเรียนแห่งความอัปยศให้กับเดอเพนเทียสจะถูกจารึกไว้ให้ประเทศราชอื่นๆได้รับรู้ไปทั่วกัน



                  \"ช่วยกันนำศพของทหารเดเมี่ยนกลับเข้าไปในเมือง  เราจะจัดพิธีและไว้อาลัยให้อย่างเกียรติ์\"  เมเดียสตรัสกับกับทหาร  แล้วหันไปหาหัวหน้าองครักษ์  \"กัสย่า  รวบรวมรายชื่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตมาให้ข้าด้วย  ข้าจะทูลบำเน็จรางวัลและมอบเหรียญกล้าหาญเพื่อเชิดชูวงศ์ตระกุลให้กับพวกเขา\"



                  \"รับด้วยเกล้าฝ่าบาท\"



                  \"ยังมีอีกเรื่อง\"  พระองค์ตรัสต่อ  \"หลังจากที่นำศพคนของเราเข้าเมืองแล้ว  ส่งทหารไปบอกให้ทางเดอเพนเทียสมารับศพของพวกเขากลับไปทำพิธีด้วย\"  



                  แม้จะเป็นทหารของฝ่ายศัตรู  แต่พระองค์ก็ทนเห็นร่างของทหารผู้เสียสละเพื่อชาติต้องมากลายเป็นอาหารของนกแร้งไม่ได้  อย่างน้อยเกียรติ์ของพวกเขาเหล่านี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าทหารของพระองค์เลย  ความตายของพวกเขาควรถูกนำมายกย่องเชิดชูมากกว่าที่จะปล่อยให้ถูกทิ้งอย่างไร้คุณค่าแบบนี้





                                                                    ...............................................................





                  ตึง!



                  เสียงกำปั้นทุบโต๊ะดังสะเทือนไปถึงนอกกระโจม  ทหารที่รายล้อมพากันสะดุ้ง  ห่อไหล่ความกลัวถูกลงอาญา



                  \"อะ..เอ่อ..ฝ่าบาท...\"



                  \"ออกไป!  ออกไปให้หมด!\"



                  เสนาบดีที่ทำใจดีสู้เสือเอ่ยออกมาไม่ทันขาดคำก็ถูกไล่ตะเพิด  พอได้ยินดำรัสสั่งของเวนเดอรัสที่กำลังอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัวก็รีบพากันเปิดแนบเผ่นออกไปจนหมด  เหลือแต่เพียงองครักษ์คนสนิทสองคนที่หันมามองหน้ากันด้วยความลังเลว่าพวกเขาจะออกไปดีหรืออยู่รับใช้องค์เหนือหัวของพวกเขาดี



                  \"เจ้าสองคนก็ออกไปด้วย\"  ดำรัสสั่งเหมือนเข้าใจความคิด  แล้วคาลกับเคอร์เทียสก็ออกไปจากกระโจมหลังใหญ่  เหลือเพียงพระองค์ที่อยู่ข้างในเพียงลำพัง



                  \"เมื่อกี๊ท่านเสนาฯมีอะไรจะทูลกับท่านเวนเดอรัส  บอกข้ามาแทนก็ได้  แล้วข้าจะนำไปทูลพระองค์เองเมื่อพระองค์อารมณ์เย็นขึ้นกว่านี้\"  คาลถามเสนาบดีคนเมื่อครู่เมื่อออกมาอยู่ข้างนอก



                  \"ทางเดเมี่ยนส่งคนมาบอกให้เราไปรับศพของทหารกลับมาทำพิธีที่นี่\"



                  \"ให้เราไปรับศพ\"  คาลทวน  \"แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าถ้าเราไปแล้วไม่โดนฝ่ายนั้นลอบโจมตี-น่ะ\"



                  \"ข้าไม่รู้  แต่ทหารผู้นั้นมีสาส์นขององค์เมเดียสฝากมาด้วย  ในนี้อาจจะบอกอะไรไว้ก็ได้\"



                  คาลรับม้วนกระดาษจากเสนาบดีมาคลี่อ่าน  



                  ส่งคนของท่านมารับศพทหารกลับไป  พวกเขาสมควรได้รับการจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ์  เราในฐานะกษัตริย์แห่งเดเมี่ยนขอให้คำสัตย์ว่าจะไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับคนของเดอเพนเทียสระหว่างการขนย้าย...  เมเดียส



                  คาลม้วนสาส์นนั้นเก็บดังเดิมแล้วครุ่นคิด  ก่อนตอบกับเสนาบดี  \"ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง\"



                  จากนั้นเขาก็เดินไปสั่งการกับทหารทุกคนให้นำเกวียนที่ใช้ขนเสบียงไปขนศพของทหารกลับมายังค่าย



                  ภายในกระโจมหลังใหญ่  เวนเดอรัสเสด็จมายังโต๊ะเสวยที่มีอาหารวางจนเต็มโต๊ะ  อาหารทั้งหมดถูกปัดลงไปจนตกเกลื่อนกระจายบนพื้น  เก้าอี้ที่อยู่ใกล้ถูกแตะล้มไม่เป็นท่า  ทุกอย่างที่ขวางหน้ากลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของพระองค์ที่ในพระทัยตอนนี้มีแต่ความหงุดหงิดฉุนเฉียว



                  \"เจ็บใจนัก!\"  เวนเดอรัสตะโกนออกมาเพื่อหวังระบายความอัดอั้นต่อความพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิต  



                  เป็นเพราะเราประมาทพวกมันเกินไป  คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีลอบกัดแบบนี้  ซ่อนทหารอีกส่วนหนึ่งเอาไว้  ถือโอกาสที่กำลังชุลมุนก็ส่งพวกชุดหลังออกมาโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว  ทหารที่อ่อนล้าจากการต่อสู้จะไปสู้ทหารที่ยังมีพละกำลังเต็มเปี่ยมแถมมีมากกว่าได้ยังไง



                  แต่พระองค์รู้ดี  ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพราะความประมาท  ทหารของเดเมี่ยนเองก็เก่งกาจและแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าทหารของเดอเพนเทียสเท่าใดนัก  แม้ไม่ค่อยได้ออกสมรภูมิบ่อยนักแต่ก็เชี่ยวชาญเรื่องการรบเป็นอย่างดี  คิดไม่ถึงว่าประเทศที่รักสงบเช่นเดเมี่ยนเวลาออกรบกลับมีพิษสงร้ายกาจถึงเพียงนี้  เพราะเหตุนี้พระองค์ถึงเจ็บใจ  เจ็บใจที่พ่ายแพ้  เสียรู้ให้กับประเทศเล็กๆที่ถูกปกครองโดยกษัตริย์ที่เด็กกว่าพระองค์ถึง 9 ปี



                  ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่เวนเดอรัสขึ้นครองราช  พระองค์นำพาความเกรียงไกรรุ่งโรจน์มาสู่เดอเพนเทียสได้มากกว่าบรรพบุรุษหลายชั่วอายุคนที่เคยนั่งบัลลังก์  บุกยึดโจมตีประเทศราช  ประกาศความมีอานุภาพเหนือแผ่นดินใดให้ทั่วแคว้นได้ยำเกรง  แต่ท้ายที่สุด  ความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในยุคของพระองค์ก็นำพาความอัปยศมาสู่เดอเพนเทียส



                  \"วันนี้เราแพ้  แต่วันหน้าเราจะไม่แพ้  คอยดูเถอะเมเดียส  แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!\"





                                                                    ...............................................................





                  ขณะเดียวกัน  หลังกำแพงเมืองของเดเมี่ยนก็เต็มไปด้วยความอึกทึกครึกครื้นกับการฉลองให้กับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่  หลังจากการกระกอบพิธีศพให้กับทหารผู้เสียชีวิตเสร็จสิ้น  งานเลี้ยงฉลองก็ถูดจัดขึ้นเพื่อเป็นการปลอบขวัญและตอบแทนทหารและประชาชนทุกคนที่มีส่วนร่วมในชัยชนะครั้งนี้



                  ภายในพระราชวัง  ในโถงพระราชฐานชั้นนอกก็ครึกครื้นไปด้วยบรรยากาศรื่นเริงเช่นกัน  มีทั้งการละเล่นและรายการโชว์ตระการตาต่างๆของเหล่ายิปซีที่ถูกจ้างมา  ทั้งทหาร  องครักษ์  ตลอดจนข้าหลวงและเหล่าเสนาบดีก็พากันดื่มกินอย่างสุขสำราญ  



                  เบื้องหลังผ้าม่านโปร่งพริ้ว  เมเดียสซึ่งประทับอยู่บนบัลลังก์ก็กำลังเสวยสุราที่นางกำนัลนำมาถวาย  พระองค์มองภาพเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลายที่กำลังสุขสำราญก็ชวนให้โล่งใจ  ศึกครั้งนี้แม้พระองค์จะไม่วางพระทัยนักแต่ก็ยังสามารถผ่านมาได้ด้วยดี  แต่ในความรู้สึกของพระองค์  พระองค์มั่นใจว่าเดอเพนเทียสคงจะไม่ยอมเลิกราแน่ๆ  ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ต้องสร้างความขุ่นเคืองให้กับเวนเดอรัสอย่างมาก  เขาคงจะรวบรวมเหล่าทหารใหม่แล้วกลับมาแก้แค้นในวันใดวันหนึ่ง  ซึ่งเดเมี่ยนจะต้องตั้งรับให้ดียิ่งกว่าคราวก่อนหากวันนั้นมาถึง  เพราะศึกหน้ามันจะต้องหนักหนากว่าศึกนี้หลายเท่านัก



                   เมเดียสทอดพระเนตรดูคู่หนุ่มสาวที่กำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนานผ่านผ้าม่านที่กั้นก็ชวนให้สลดใจ  อยากจะออกไปมีส่วนร่วมกับทุกคนให้เต็มที่แต่ก็ทำไม่ได้  ติดอยู่ที่มนต์คำสาปที่ยังคงเป็นตราปาบติดตัวพระองค์อยู่  ทำได้แต่ประทับอยู่บนบัลลังก์ที่เหมือนกับเป็นโซ่ตรวนพันธนาการพระองค์ตั้งแต่เมื่อทรงขึ้นครองราชแทนพระราชาแอเรียส  การที่ออกไปปรากฏตัวในสถาณที่ที่มีคนพลุกพล่าน  โดยเฉพาะมีบุรุษเพศอยู่ด้วยจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้  นอกเสียจากจะมีผ้าคลุมหรือหน้ากากปกปิดใบหน้า  แต่แค่พระองค์ใส่หน้ากากในตอนออกรบก็อึดอัดเสียจนในเวลาปกติไม่คิดอยากจะใส่อีก



                   เมื่อรู้สึกหมดสนุกเมเดียสก็เสด็จออกไปนอกห้องโดยใช้ประตูหลัง  โบกมือไล่ไม่ให้มีองครักษ์หรือนางกำนัลตามติดเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว  ระหว่างทางผ่านระเบียงก็เสด็จไปประทับ  ทอดพระเนตรมองดวงดาวบนท้องฟ้าด้วยความเหม่อลอย  เสียงดนตรีและเสียงเอะอะของผู้คนในบรรยากาศแห่งความสนุกสนานรื่นเริงกลับไม่ทำให้เมเดียสรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปด้วยเลย  แต่พระองค์กลับรู้สึกสงบเงียบเยือกเย็นเหมือนท้องฟ้ายามราตรีนี้มากกว่า



                  \"ค่ำคืนนี้แสนจะเริงรื่น  แต่เหตุใดพระองค์ถึงซึมเศร้าเช่นนี้เล่า\"



                  เสียงที่ดังแทรกความสงบจากเบื้องหลังเป็นเสียงที่พระองค์รู้สึกเคยชินไปแล้วกับการปรากฏตัวที่ไร้วี่แววของพ่อมดหนุ่ม



                  \"นั่นเจ้าอีกแล้วรึ\"  เมเดียสถอนใจ  เอ่ยทักแต่ไม่หันกลับไปทอดพระเนตรร่างของเจ้าของเสียง



                  \"หวังว่าการมาของหม่อมฉันจะไม่ได้ขัดจังหวะอารมณ์สุนทรีย์ในการดูดาวของฝ่าบาทหรอกนะ\"  ราอูลพูดทีเล่นทีจริงพลางเดินเข้ามาใกล้



                  \"เปล่าเลยราอูล  แต่ถึงเจ้าขัดจังหวะข้าจริงก็คงจะห้ามเจ้าไม่ได้เพราะเจ้าได้ทำไปแล้ว\"  เมเดียสตรัสตอบประชด



                  \"ขออภัยฝ่าบาท\"  ราอูลพูดกลั้วหัวเราะ



                  \"แล้วที่เจ้ามานี่มีธุระอะไรกับข้า\"



                  \"หม่อมฉันแค่มาดูให้แน่ใจว่าฝ่าบาทยังปลอดภัยดีอยู่\"



                  \"ที่พูดเนี่ยอยากให้ข้าตายในสนามรบรึไง\"



                  \"หาไม่ฝ่าบาท  กระหม่อมไม่ต้องการเช่นนั้นเลย\"  ราอูลตอบพลางยิ้มให้



                  เมเดียสจ้องมองราอูลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจถามเรื่องที่ค้างคาพระทัยตั้งแต่หลังสงครามสิ้นสุดแล้ว  \"ก่อนจะออกไปรบเจ้าทำอะไรกับตัวข้า\"



                  ราอูลชะงัก  แสร้งทำเป็นฉงน  \"ฝ่าบาทพูดถึงเรื่องอะไร\"



                  \"อย่ามาเฉไฉนะ\"  พระองค์ตรัสด้วยสีหน้าจริงจัง  \"ตอบข้ามาตามตรง  เจ้าใช้เวทอะไรกับข้า  เพราะตอนที่อยู่ในสนามรบข้ารู้สึกถึงความผิดปกติตอนที่กำลังจะถูกเวนเดอรัสฆ่า  ตอนนั้นข้าไม่ได้ทำอะไรนอกจากใช้แขนที่ไร้อาวุธปกป้องตัวเอง  แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีเวนเดอรัสก็ถูกผลักกระเด็นไปอยู่อีกทางนึงแล้ว\"



                  พ่อมดราอูลสบพระเนตรที่คาดคั้นของเมเดียสแล้วจึงยอมแพ้  บอกไปตามความจริง  



                  \"ฝ่าบาทจำตอนที่หม่อมฉันไปเข้าเฝ้าพระองค์ในคืนก่อนออกรบได้หรือไม่\"  เมื่อเห็นเมเดียสพยักพระพักตร์เขาก็พูดต่อ  \"ตอนที่หม่อมฉันจุมพิตบนหลังพระหัตถ์ของพระองค์  หม่อมฉันได้ลงอาคมไว้ด้วย\"  



                  \"อาคม\"  เสียงของเมเดียสเคร่งขึ้น  เพราะยังจำความรู้สึกตอนที่ถูกสาปได้ดี



                  \"มันเป็นแค่เวทพิทักษ์ระดับล่างเท่านั้นฝ่าบาท  ไม่ร้ายแรงอะไร\"  เขารีบเอ่ยแก้  \"เวทพิทักษ์ที่จะปรากฏม่านพลังบางๆเมื่อบุคคลนั้นตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต  แต่มันจะได้ผลแค่ครั้งเดียว  หากตอนนั้นฝ่าบาทตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นซ้ำอีกฝ่าบาทก็คงไม่รอดกลับมา\"



                  \"เจ้าถือวิสาสะทำโดยที่ข้าไม่รู้ตัวงั้นรึ\"  



                  \"อภัยให้หม่อมฉันด้วยฝ่าบาท\"  ราอูลค้อมศีรษะ  \"หม่อมฉันเพียงแค่ต้องการปกป้องพระองค์ไม่ให้ตกอยู่ในอันตราย  แล้วถ้าหากหม่อมฉันบอกฝ่าบาทก่อน  ฝ่าบาทคงไม่ยอมให้หม่อมฉันทำแน่\"



                  \"ช่างเถอะ  ความจริงข้าควรจะขอบใจเจ้ามากกว่าที่ช่วยชีวิตข้าไว้  หากไม่ได้เจ้าข้าคงจะตายไปแล้ว\"  เมเดียสบอกให้อีกฝ่ายเงยหน้า  \"เอาล่ะ  เพื่อเป็นการตอบแทนข้าจะให้สิ่งที่เจ้าปรารถนา\"



                  \"หามิได้ฝ่าบาท  หม่อมฉันเพียงแค่ทำในสิ่งที่สมควร  ไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทน\"



                  \"ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็ต้องเป็นหนี้ชีวิตเจ้าน่ะสิ  ไม่ล่ะ  ข้าไม่อยากติดค้างใคร  บอกมาดีกว่าว่าเจ้าต้องการอะไร\"  เมเดียสตรัส  ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้  \"แล้วอย่าคิดขอสิ่งเดียวกับเมื่อสามปีก่อนเชียวล่ะ  ไม่งั้นเจ้าจะไม่มีหัวติดกลับไปแน่\"



                  ราอูลหัวเราะเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์วุ่นวายในวันนั้น  \"ไม่แล้วฝ่าบาท  หม่อมฉันมิบังอาจ  แต่ถ้าฝ่าบาทโปรดจะให้สิ่งตอบแทนกับหม่อมฉันจริง  ก็มีสิ่งหนึ่งที่หม่อมฉันต้องการมากที่สุดในเวลานี้\"



                  \"อะไรล่ะ\"



                  \"ฝ่าบาทได้ยินเสียงทำนองเพลงซึ้งที่ดังมาจากในโถงพระราชฐานหรือไม่\"  ราอูลถาม  ก่อนพูดต่อ  \"จะนับเป็นเกียรติ์กับหม่อมฉันมากถ้าได้เต้นรำกับฝ่าบาทตามลำพังภายใต้แสงจันทร์ของค่ำคืนนี้\"



                  พระขนงของเมเดียสเลิกขึ้นอย่างคาดไม่ถึง  \"เจ้าขอข้าเต้นรำหรือ\"



                  \"ใช่แล้วฝ่าบาท\"



                  \"ที่นี่  บนระเบียงเนี่ยนะ\"  เมเดียสทวน  ก่อนจะยิ้มออกมา  \"ได้สิ\"



                  เมเดียสเดินเข้าไปใกล้  ก่อนจะยกพระหัตถ์ข้างหนึ่งขึ้นแตะไหล่ของราอูล  อีกข้างก็วางบนมือของชายหนุ่มที่ส่งมือข้างที่เหลือมาประคองตรงบั้นเอวของพระองค์เรียบร้อยแล้ว



                  ทั้งสองเต้นรำไปตามจังหวะเพลงหวานที่บรรเลงโดยวงมหรศพของพวกยิปซี  ท่ามกลางแสงดาวและพระจันทร์นวลที่สาดส่อง  ราอูลจ้องมองพระพักตร์ของเมเดียสที่งดงามหมดจดด้วยความหลงใหล  พระองค์มีพระพักตร์รูปไข่  พระเนตรกลมโตสีฟ้าหยาดหวาน  ริมฝีปากเรียวสีกุหลาบธรรมชาติที่ไม่ต้องแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมใดๆ  ทั้งยังมีความอ่อนหวานและแข็งกระด้างในตัว  ความอ่อนหวานที่ติดตัวสตรีมาตั้งแต่กำเนิด  กับความแข็งกระด้างจากการทำตัวเยี่ยงบุรุษมาหลายปีนับตั้งแต่ทรงขึ้นครองราช  แม้จะเป็นเช่นนั้นความปลาบปลื้มในตัวเมเดียสก็ไม่เคยลดน้อยลงเลย



                   \"หม่อมฉันรู้สึกราวกับฝันเมื่อได้เต้นรำกับฝ่าบาทเช่นนี้\"  ราอูลเอ่ยขึ้น



                   \"ขนาดนั้นเชียว\"  พระขนงของเมเดียสเลิกขึ้นด้วยความขบขัน  \"ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงอยู่ในฝันต่อไปเถิด  หากแต่พรุ่งนี้เมื่อลืมตาตื่นขึ้นทุกอย่างก็จะหายไป\"



                   \"อย่างนั้นหม่อมฉันไม่ตื่นเลยจะดีกว่า  แม้จะเป็นแค่ฝันแต่ก็จะขออยู่กับพระองค์เช่นนี้ตลอดไป\"



                   \"แต่ข้าคงอยู่กับเจ้าไม่ได้หรอกนะ\"  เมเดียสตรัสกลั้วหัวเราะ  \"เพราะข้ามีสิ่งที่ต้องทำอีกมากมายในโลกของความเป็นจริง\"  



                   \"หม่อมฉันทราบดี  เพียงแค่คืนนี้คืนเดียวหม่อมฉันก็รู้สึกเป็นสุขแล้ว\"



                   เมเดียสมองความจริงใจในแววตาของอีกฝ่ายและความรู้สึกที่สื่อออกมาจากแววตาคู่นั้นแล้วยิ้มตอบ  ทำไมพระองค์จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับพระองค์  เพียงแต่พระองค์ไม่ได้คิดเช่นเดียวกันกับเขา  ซึ่งเจ้าตัวก็คงจะรู้  นอกจากจะไม่ได้รักชอบ  กลับเกลียดชังตั้งแต่แรกที่ได้เจอ  และชิงชังมากขึ้นเมื่อโดนคำสาปจากเขา  แต่เมื่อเวลาผ่านไป  การได้พบเจอราอูลบ่อยขึ้นเพราะการปรากฎตัวมาหาอยู่เสมอทำให้ราอูลเหมือนเป็นสหายคนหนึ่งของพระองค์ไปแล้ว  



                   เมเดียสเคยใช้ความรู้สึกของราอูลที่มีต่อพระองค์ให้เป็นประโยชน์โดยการเอ่ยปากขอให้เขาถอนคำสาปให้  แต่ก็ไม่ได้ผล  ราอูลเป็นคนเถรตรงและยึดมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง  สิ่งที่ทำลงไปแล้วถ้ามันออกมาจากการไตร่ตรองอย่างรอบคอบของเขาแล้วก็จะไม่มีวันแก้คืน  เพราะเหตุนี้พระองค์ถึงยังต้องอยู่ในร่างที่ถูกสาปนี้ต่อไปเพื่อรอคอยเวลาของการสิ้นฤทธิ์คำสาปที่ราอูลบอกว่าซักวันจะมาถึง







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×